บทที่ 1. เพียงเพราะรัก...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 1. เพียงเพราะรัก...
เธอจะทนได้อีกนานแค่ไหนนะ ขวัญพิมลยิ้มเศร้าๆ กับตัวเอง ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างเศร้าสร้อย เมื่อนึกถึงเรื่องราวของตนกับชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว จนบัดนี้ก็ยังไม่หยุดรักหรือเลิกรักเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยใยดีเธอเลยก็ตาม แต่ใจของเธอก็ยังเฝ้ารักอยู่ไม่เสื่อมคลาย จนขวัญพิมลนึกท้อแท้ใจทั้งเอือมระอาตัวเองที่หยุดรักเขาไม่ได้ ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่เธอกับภูริแต่งงานกันด้วยความจำใจของเขา ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะไม่ต้องเสียน้ำตา... ภูริอายุมากกว่าเธอห้าปี ครอบครัวของภูริใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่อังกฤษเพราะพ่อของภูริเป็นคนลูกครึ่งไทยอังกฤษและมีธุรกิจอยู่ที่นั่น แต่แม่ของภูริซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของแม่เธอนั้นอยากลับมาอยู่เมืองไทยพวกเขาจึงย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังงามซึ่งเป็นบ้านของ คุณริสา แม่ของภูรินั่นเอง แม่ของเธอได้รับความไว้วางใจให้ดูแลบ้านให้ครอบครัวของภูริมาหลายปี เมื่อครอบครัวของภูริกลับมาอยู่เมืองไทย แม่ของภูริก็ไหว้วานให้แม่ของเธอมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านใหญ่คอยดูแลความเรียบร้อยให้และได้รับเงินเดือนที่สูงมากทีเดียว ต่อมาแม่เสียชีวิตลงในขณะที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 1 ก็เท่ากับว่าชีวิตของเธอนั้นไม่มีใคร แต่ก็โชคดีที่คุณริสารักและเอ็นดูส่งเสียให้เธอเรียนจนจบ คุณริสา กับ คุณภาณุ พ่อแม่ของภูรินั้นรักและเอ็นดูเธอมากพวกเขาช่วยเหลือส่งเสียค่าเล่าเรียนเธอมาตั้งแต่ก่อนกลับมาประเทศไทยด้วยซ้ำ ซึ่งแม่ก็พูดให้ฟังเสมอว่าพวกเขามีพระคุณต่อครอบครัวของเธอ ครั้งแรกที่ได้พบสบตากับภูริเหมือนโลกทั้งใบของเธอสั่นสะเทือนใจสาวเต้นระรัวศรรักปักอกเข้าอย่างจัง เธอตกหลุมรักภูรินับตั้งแต่แรกเห็นและเฝ้าฝันถึงเขาอยู่เสมอ จนเหมือนคนบ้าคลั่ง แค่ได้เฝ้ามองแอบมองก็ยังดี แต่ภูริกลับตั้งแง่รังเกียจเธอและคอยพูดจาถากถางอยู่เสมอ แต่กระนั้นเธอก็ยังหน้าด้านหน้าทนตามตื้อตามรักเขาอยู่นั่น และทำทุกอย่างเพื่อให้ภูริหันมามอง และเห็นเธอในสายตาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน เธอเรียนรู้ทุกอย่างจากคุณริสา ไม่ว่าภูริชอบหรือไม่ชอบอะไรเธอรู้ใจเขาทุกอย่างอะไรที่เกี่ยวกับภูริเธอจะตั้งใจทำมันเพื่อเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเฉยชาและสายตาที่หมางเมิน “เสแสร้ง..” นั่นคือคำพูดที่ภูริมักจะพูดตอกหน้าเสมอ แต่เธอก็ยังยิ้มสู้และพยายามทำให้เขาเห็นค่าในตัวเธอ สนใจเธอ และรักเธอบ้าง... แต่ทุกอย่างมันเก็เหมือนเดิม ภูริไม่สนใจมองเธอด้วยซ้ำ เขามองเธออย่างเฉยชาและหมางเมินซ้ำยังควงหญิงอื่นมากหน้าหลายตาให้เธอเจ็บช้ำใจเล่น จนคุณริสาจึงวางแผนที่จะทำให้ภูริหยุดทำตัวเสเพล ลอยไปลอยมาควงสาวๆ ให้ท่านช้ำใจเล่นด้วยการวางแผนมอมเหล้าภูริและจัดฉากทำให้เหมือนว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้วก็บังคับให้ภูริรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน คุณภาณุนั้นอาจจะไม่เห็นด้วยแต่ก็สงสารภรรยาและสงสารเธอที่แอบรักลูกชายของตนจึงไม่อยากขัดใจภรรยาแต่ท่านก็เตือนเสมอว่าคนที่เสียใจอาจจะเป็นตัวเธอ ตอนนั้นขวัญพิมลก็คิดแบบเดียวกับท่าน แต่เพราะบุญคุณที่ครอบครัวของภูริมีต่อเธอนั้นทำให้เธอไม่อาจจะปฏิเสธแผนการของคุณริสาได้ อีกทั้งใจของเธอมันก็เป็นของเขา รักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น จึงทำตามแผนของคุณริสาและเฝ้าหลอกตัวเองว่า สักวันภูริจะต้องรักเธอตอบบ้าง อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง... นั่นคือคำพูดที่คุณริสาใช้ปลอบใจเธอ และขวัญพิมลก็ใช้มันหลอกตัวเองเช่นกัน ภูริยอมตกลงแต่งงานกับเธอเพราะขัดผู้เป็นแม่ไม่ได้ แต่เขามีข้อแม้คือ เขาจะรับผิดชอบเพียงจดทะเบียนสมรสกับเธอเท่านั้น ไม่มีการจัดงานแต่งงานไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีชุดเจ้าสาว คุณริสายอมตกลงตามที่ภูริต้องการในขณะที่ขวัญพิมลนั้นขมขื่นใจ ภูริไม่เคยแสดงความรักใคร่หรือยอมรับเธอในฐานะภรรยา เธอจึงเป็นเพียงภรรยาในนามของเขาเท่านั้น และเธอต้องไม่แสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขา ต้องไม่บอกใครรับรู้กันแค่คนครอบครัวเท่านั้น ความฝันของหญิงสาวหลายๆ คนคือการได้แต่งงานกับคนที่รัก ได้ใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวย มีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นอบอวลด้วยความรักความน่ายินดีไม่ใช่หรือ แต่ก็นั่นล่ะ เธอไม่มีทางเลือก... การแต่งงานที่มีเพียงคนในบ้านเท่านั้นที่รับรู้มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดใจไม่น้อย แม้เป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เธอไม่มีสิทธิ์แสดงตัว แม้นอนห้องเดียวกันแต่ก็นอนกันคนละมุม ภูริจะนอนบนเตียงส่วนเธอต้องนอนบนโซฟา แต่ทุกวันจะต้องเก็บที่หลับที่นอนให้เรียบร้อยเหมือนว่านอนร่วมเตียงกัน เธอต้องแสดงว่าตัวเองมีความสุขและสามีดูแลเอาใจใส่ดีต่อหน้าพ่อแม่สามี ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น... เธอจะต้องทนอยู่ในสถานะแบบนี้อีกนานแค่ไหนกันนะ.. ขวัญพิมลถามตัวเองอย่างเจ็บปวด ยิ่งตอนนี้ภูริกำลังติดพันนักธุรกิจสาวพ่วงตำแหน่งนางแบบชื่อดังด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด เมื่อมองตัวเองแล้วขวัญรู้ได้ทันทีว่าตนไม่มีอะไรสู้ เพียงฟ้า ได้เลยแม้แต่น้อย... แต่ไม่เป็นไร เธอจะพยายามทำให้เขาใจอ่อนยอมรับรักเธอให้ได้.. ลองพยายามอีกครั้งนะขวัญ เธอต้องเอาชนะใจพี่ภูให้ได้... ขวัญพิมลสูดหายใจลึกๆ แล้วยิ้มให้เลขาหน้าห้องของเขา “พี่ภูยังไม่ออกไปกินข้าวใช่ไหมคะคุณลักษณ์” “ค่ะคุณขวัญ..” ท่าทางของ นงลักษณ์ เลขาของภูริดูอึดอัด ขวัญพิมลขมวดคิ้ว “มีอะไรรึเปล่าคะ” “เปล่าหรอกค่ะ.. เชิญค่ะ บอสอยู่ในห้องค่ะ..” ความจริงแล้วนงลักษณ์ยังไม่อยากให้ขวัญพิมลเข้าไปในห้องของเจ้านายนัก แต่เพราะรู้ดีว่าขวัญพิมลเป็นแขกพิเศษและมีสถานะเหมือนเจ้านายของเธออีกคนนงลักษณ์จึงเดินไปเคาะประตูแล้วเปิดประตูให้อย่างสุภาพ เมื่อประตูห้องทำงานอันโอ่อ่าของภูริปิดลงขวัญพิมลก็เหมือนตัวเย็นเฉียบเมื่อเจอสายตาหมางเมินมึนตึงจากภูริ.. เธอควรชินได้แล้วไหมขวัญพิมล.. เธอบอกตัวเองแล้วฝืนยิ้มให้คนทั้งสองที่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนม “หวัดดีค่ะพี่ภู คุณฟ้า..” “หวัดดีจ้ะน้องขวัญ.. วันนี้เอาอะไรมาส่งพี่ชายจ๊ะ” รอยยิ้มสดใสของเพียงฟ้าและทำทักทายอย่างเป็นกันเองไม่ได้แฝงไว้ด้วยการประชดประชัน ใบหน้างามนั้นส่งยิ้มให้เธออย่างจริงใจเอ็นดูนั้นทำให้ขวัญพิมลรู้สึกละอายใจที่แอบคิดอิจฉาเพียงฟ้า เพียงฟ้าสวยสมบูรณ์แบบเป็นผู้หญิงที่สวยมีเสน่ห์ชนิดที่ว่าหากเธอไปยืนข้างๆ เพียงฟ้าแล้ว เธอคงเหมือนสาวใช้ผู้ต่ำต้อย ส่วนเพียงฟ้าคือเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์... “คือขวัญ..” ขวัญพิมลอยากบอกว่าภูริไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ได้บอกออกไป “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องมาที่นี่ เอามาก็ไม่มีใครกิน..” ภูริพูดเมื่อเห็นว่าเธอถือตะกร้ากล่องอาหารมาด้วย ขวัญพิมลเม้มปากอย่างน้อยใจ หลายครั้งที่ภูริโยนกล่องอาหารของเธอทิ้งต่อหน้าต่อตาและต่อว่าเธอ หาว่ายุ่งวุ่นวาย หรือง่ายๆ ก็คือ สาระแนนั่นล่ะ เขาไม่อยากกิน เขาไม่ชอบก็ยังเสนอหน้าทำมาอยู่ได้ แต่เพราะความรักความห่วงใยเห็นเขาทำงานหนักและกินอาหารไม่ค่อยตรงเวลาเธอจึงพยายามเอาใจใส่เขา แต่แล้วไงล่ะ ภูริก็ไม่ได้ชื่นชมยินดีกับความหวังดีของเธอแม้แต่น้อย... “แต่ฟ้าอยากกินนะคะ คุณนงลักษณ์บอกว่าน้องขวัญทำข้าวกล่องอร่อย.. ใช่ไหมน้องขวัญ” ขวัญพิมลปรายตามองภูริเล็กน้อยแล้วยิ้มให้เพียงฟ้า “ไม่ถึงขนาดหรอกค่ะ ขวัญแค่อยากให้พี่ภูกินอะไรที่มีประโยชน์ อีกอย่างเห็นว่างานพี่ภูยุ่งๆ ขวัญเลยทำอาหารมาให้ คุณฟ้ากินด้วยกันก็ได้นะคะขวัญทำมาเยอะ..” ขวัญพิมลพลางวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะเพียงฟ้าอุทานอย่างตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้า “โอ้โห... น่ากินจังเลย.. ภูดูสิ ของโปรดภูทั้งนั้นเลย ของโปรดฟ้าด้วย” เพียงฟ้ามองอาหารในกล่องสวยงามอย่างตื่นเต้น “ขอให้อร่อยนะคะ ขวัญขอตัวกลับก่อน” “อ้าว.. ทำไมไม่กินข้าวด้วยกันเลยล่ะ น้องขวัญมานั่งนี่มา..” เพียงฟ้าทักท้วงแล้วดึงให้เธอมานั่งข้างๆ พลางจัดแจงอาหารให้อย่างเอาใจใส่ ขวัญพิมลเหลือบมองภูริเล็กน้อยก็พบว่าเขากำลังมองเธออยู่ด้วยสีหน้าและแววตาไม่ค่อยพอใจนัก “ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านไป บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่จำเป็นไม่ต้องมาที่นี่” คนที่กำลังจะนั่งลงชะงักรีบยืนตัวตรงรู้สึกหน้าชาร้อนผ่าวด้วยความอับอาย “ภู.. ทำไมพูดแบบนี้คะ.. ไม่น่ารักเลยน้องขวัญอุตส่าห์ทำอาหารมาให้เรานะคะ น่ากินทั้งนั้นด้วย” เพียงฟ้าหันไปพูดกับชายหนุ่มหญิงสาวทำหน้ายุ่ง “ขวัญขอตัวกลับนะคะคุณฟ้า” ไม่ต้องรอให้เขาไล่อีกครั้งขวัญพิมลก็จ้ำอ้าวออกไปทันที “ทำไมภูใจร้ายกับน้องขวัญจังเลยคะ น่าสงสารเธอออกค่ะ” เพียงฟ้าพูดจากใจจริง เธอเห็นภูริทำหน้ายักษ์ใส่ขวัญพิมลทุกครั้งและก็ไม่เคยพูดดีๆ ด้วยสักที “ก็คุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องดุสิ” “แต่น้องขวัญเขาก็เป็นห่วงภูและหวังดีไหมล่ะคะ เอาเถอะค่ะ กินข้าวกันดีกว่า อื้มมม.. น้องขวัญทำอาหารอร่อยจังเลยค่ะ” เพียงฟ้าถอนใจแล้วตักอาหารเข้าปากและเอ่ยชมขวัญพิมลจากใจจริง “ภูกินสิคะ.. ถ้าไม่กินเดี๋ยวน้องขวัญเสียใจแย่” “ครับ..” ภูริกินอาหารตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้ แต่ลึกๆ แล้วนั้นชอบรสชาติอาหารที่ขวัญพิมลทำมาก แต่เขาจะไม่มีทางแสดงออกให้ขวัญพิมลรู้เด็ดขาด เด็กเกเรร้ายกาจอย่างขวัญพิมลจะต้องได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดเท่านั้น
已经是最新一章了
加载中