บทที่ 4 จบตอน
“ได้ทันทีเลยค่ะคุณขวัญ” บัวผันรับคำแล้วรีบเดินเร็วๆ แทบจะเป็นวิ่งไปเอาของที่เจ้านายต้องการมาทันทีเหมือนกลัวว่าหากช้าอีกนิดภูริจะโมโหหิวแล้วพวกตนจะพลอยอดกินของอร่อย เพราะวันนี้ทุกคนจะได้กินปิ้งย่างบาบีคิวกับหมูกระทะด้วยกัน
ไม่นานเกินรอสับปะรดกับแตงโมที่ถูกแกะเม็ดออกเรียบร้อยชิ้นพอดีคำก็ถูกนำมาวางตรงหน้าภูริพร้อมด้วยน้ำฝรั่งคั้นอันเป็นของโปรดของเขา
“พี่ภูกินผลไม้กับน้ำฝรั่งไปก่อนนะคะ เดี๋ยวขวัญย่างหมึกกับกุ้งให้พี่ภูก่อนก็ได้ค่ะ” ในที่สุดขวัญพิมลก็หันมาสนใจเขาเหมือนเคย ภูริกอดอกมองปุริมที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ อย่างเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างและเขาเชื่อว่าปุริมเข้าใจ
“พี่ปุ๊นั่งรอก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวขวัญกับพี่ๆ ทำของอร่อยๆ ให้กินเอง พี่ปุ๊เป็นแขกนั่งรอจะดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับให้พี่ช่วยดีกว่า”
“ผมว่าคุณมานั่งคุยกับผมดีกว่านะ” ภูริเอ่ยขึ้นเหมือนเชื้อเชิญ แต่เป็นคำเชิญที่แขกไม่อยากจะรับ
“ไปนั่งรอดีกว่าค่ะ มาค่ะขวัญพาไป”
ขวัญพิมลยิ้มหวานแล้วจูงมือปุริมมานั่งลงตรงข้ามกับภูริ ภูริมองมือเรียวสะอาดของขวัญพิมลที่จับจูงปุริมมาตาแทบถลน แต่เหมือนว่าขวัญพิมลจะไม่ได้ใส่ใจเพราะเดินกลับไปที่เตาย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ภูริมองปุริมด้วยแววตาไม่พอใจเปิดเผย ปุริมขยับตัวอย่างอึดอัดแต่ก็เหมือนโชคช่วยเพราะคุณริสากับคุณภาณุเดินมาพอดี
“สวัสดีครับคุณป้า..”
“หวัดดีจ้ะพ่อปุ๊ แหม.. ไม่เจอกันนานเลยนะ ดีเลยป้ากำลังอยากเจอพอดี”
“ครับคุณป้า ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งๆ ครับ แต่ตอนนี้เคลียร์งานลงตัวแล้วล่ะครับ”
“อ้าว.. พ่อภู.. นั่งอยู่ตรงนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยแม่ลืมสังเกต”
“ผมนั่งหัวโด่ตรงนี้ตั้งนานแล้วครับ” น้ำเสียงของภูริติดจะพาลนิดๆ คุณริสาเหลือบมองสามีแล้วยิ้มๆ
“อ้อ.. เหรอจ๊ะ วันนี้ทำไมเข้าบ้านไวล่ะ”
“ถามเหมือนคุณพ่อเป๊ะเลย..”
“ก็น่าแปลกนี่นา ปกติตะวันตกดินค่ำๆ มืดๆ ถึงเข้าบ้าน กลับบ้านเร็วนี่นับครั้งได้เลย”
คุณริสาทำท่านับนิ้ว ภูริทำสาตามองค้อนผู้เป็นแม่แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะอาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ และเขาเองก็เริ่มหิวเมื่อกลิ่นอาหารตรงหน้ามันเย้ายวนชวนน้ำลายสอ
“กินของอร่อยๆ กันดีกว่า คุณพี่คะนี่กุ้งค่ะ แต่อย่ากินเยอะนะคะ กินแค่พอประมาณ” คุณริสาแกะกุ้งตัวโตให้สามีอย่างเอาใจ ในขณะที่ปุริมก็แกะกุ้งกับปูให้ขวัญพิมลและหญิงสาวก็ยิ้มรับไมตรีด้วยดี
“แกะกุ้งให้หน่อย..” ภูริเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นจานกุ้งให้ขวัญพิมล
“ก็แกะเองสิตาภูจะให้น้องแกะให้ทำไมกัน”
“ก็มันเป็นหน้าที่ของ..”
“เดี๋ยวขวัญแกะให้ก็ได้ค่ะ” ขวัญพิมลรับจานกุ้งมาแล้วแกะให้เขาสองตัวพร้อมกับตักน้ำจิ้มใส่ถ้วยเล็กๆ ให้เขา
“ต้องให้หนูขวัญป้อนด้วยไหมล่ะ” ผู้เป็นพ่อประชด
“ก็ดีครับ.. แต่ผมกินเองดีกว่า” ภูริพูดยิ้มๆ ก่อนจะจิ้มกุ้งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย คุณริสามองลูกชายอย่างหมั่นไส้... แล้วทุกคนก็ได้รับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างครึกครื้น ทั้งเจ้านายและบ่าว
“ขับรถดีๆ นะคะพี่ปุ๊” ขวัญพิมลเดินมาส่งปุริมที่รถหลังจากที่ชายหนุ่มอยู่พูดคุยกับพวกเธออยู่สักพัก
“ครับ..”
“พี่ปุ๊ ขวัญขอโทษนะคะ” หญิงสาวบอกเขาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เข้าใจ พี่กลับก่อนนะ แล้วพี่จะมาหาใหม่”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ..”
ขวัญพิมลบอกด้วยรอยยิ้มจริงใจ เพราะเธอไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับปุริมมากไปว่าคำว่าพี่ชาย และด้วยความที่ปุริมคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่องตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัยปุริมคือที่ปรึกษาที่ดีเสมอ และดีใจที่ปุริมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ขวัญพิมลยืนมองจนรถของปุริมแล่นออกจากบ้านไปจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักหน้าแทบคะมำเมื่อหันมาเจอกับร่างสูงใหญ่ของภูริกอดอกมองอยู่
“นึกว่าจะตามมันไป”
“พี่ภูไม่ควรพูดถึงพี่ปุ๊แบบนั้นนะคะ กับใครก็ไม่ควรเรียกเขาว่า มัน..”
“เดี๋ยวนี้เก่งนะ”
“ขวัญไม่ได้เก่งค่ะ แค่ไม่อยากให้ใครมองพี่ภูไม่ดี”
เธอบอกแล้วเดินผ่านเขาไป ไม่สนใจจะตอแยเขาเหมือนเมื่อก่อน หากเป็นเมื่อก่อนขวัญพิมลคอยตามติดเขาตลอดและพูดจ๋อยๆ ชวนเขาคุยเอาอกเอาใจสารพัด แต่ตอนนี้ขวัญพิมลทำท่าเหมือนรำคาญเขาเสียอย่างนั้นทั้งยังต่อว่าเขาด้วย.. ภูริรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลดความสำคัญลง
หรือว่าเธอจะหมดรักเราแล้วจริงๆ ภูริใจแป้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“อย่าลืมนะว่าตัวเองน่ะไม่ใช่สาวโสด”
ขวัญพิมลชะงักแล้วหันมามองเขาด้วยแววตาที่เฉยเมย ซึ่งมันทำให้ภูริรู้สึกเหมือนว่ามีเข็มนับร้อยพุ่งแทงหัวใจจนเจ็บจี๊ดๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ
“พี่ภูพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้วค่ะ.. ขวัญก็อยากจะพูดเรื่องนี้กับพี่ภูจริงๆ จังๆ อีกครั้ง”
เธอเดินกลับมาหยุดตรงหน้าเขาแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาจริงจัง ภูริแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากรู้สึกหวาดเกรงแววตากลมโตสดใสคู่นี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พี่ภูพร้อมจะหย่ากับขวัญรึยังคะ.. ขวัญอยากหย่าและพร้อมจะหย่ามาก..” แววตาของขวัญพิมลดูเย็นชาสีหน้าเรียบเฉย
“สักวันหนึ่งเถอะคุณขวัญจะขอหย่า หย่าแบบไม่สน ไม่เอา ไม่แคร์... แล้วคนที่เสียใจเสียเพชรในมือไปก็คือคุณภู..” เสียงพูดคุยของสาวใช้เหล่านั้นดังก้องในหูเหมือนว่าพวกเจ้าหล่อนกำลังตะโกนใส่หูเขาอย่างไรอย่างนั้น...
“ขวัญจริงจังนะคะถ้าพี่ภูพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกขวัญนะคะ ขอตัวอาบน้ำนอนก่อนนะคะวันนี้ขวัญเหนื่อยๆ”
ขวัญพิมลหมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ ปล่อยให้เขายืนบื้อยืนทำหน้าเซ่อเหลอหลาอยู่อย่างนั้น แล้วหางตาเขาก็เห็นบัวผันทำท่าลับๆ ล่อๆ
“เดี๋ยวก่อนบัวผัน อย่าเพิ่งไป..”
“ค่าคุณภู..” บัวผันยิ้มเจื่อนๆ ทำท่าจ๋อยๆ รู้ตัวว่าตนถูกจับได้ว่าแอบฟังเจ้านายคุยกัน
“เมื่อกี้ห้ามพูดห้ามบอกใคร..” บัวผันเม้มปากแน่นพยักหน้าหงึกๆ เป็นการให้คำมั่น
“ดีมาก.. อ้อ.. แล้วฉันมีเรื่องจะให้ผัวบันทำ” ภูริเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วเอ่ยเสียงเข้ม
“เวลาที่นายปุ๊ นายปุริมอะไรนั่นมาที่บ้านให้รายงานฉัน และคอยดูว่า มัน เอ่อ.. เขา นายปุริมน่ะ มาทำไม มาทำอะไรและพูดอะไรบ้าง อ้อ.. รวมกึงไอ้หนุ่มบิ๊กไบท์ที่ชื่อกันต์ด้วย..” ภูริเก๊กหน้าเข้มขรึมเพื่อรักษามาดของตนไว้แล้วทำตาดุๆ เมื่อเห็นแววขับขันในดวงตาของสาวใช้ที่พยักหน้าหงึกๆ รับคำ
“อย่ามาทำทะเล้น ฉันจริงจัง หมดธุระแล้วจะไปไหนก็ไปไป๊”
ภูริส่ายหน้ากับท่าทางทะเล้นของบัวผันแล้วเดินกลับเข้าห้องของตนพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง อย่างจริงจัง...