ตอนที่ 3   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3
อิฐเป็นคนหนุ่มคิดไกล เป็นที่รักของคนงานทุกคน อิฐวางแผนสร้างรีสอร์ตในสวนกุหลาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชมดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ แต่โชคชะตาอาจปรานีไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ดิ้นรนอยู่บนโลกใบนี้อยู่นาน อิฐจึงด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากทำเรื่องเอาที่ดินผืนนี้เข้าธนาคาร เพื่อนำเงินก้อนมาปรับปรุงสวนให้ดีขึ้น เมื่อขาดอิฐไปเสียคน โครงการก่อสร้างก็หยุดชะงัก ทำให้สินีนาถที่ขณะนั้นหย่าขาดจากอิฐได้กว่า ๕ ปี ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการเพราะสะบันงาเพิ่งอยู่มหาวิทยาลัยปี ๒ ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังไม่รู้เรื่องงานของสวนเลย สินีนาถผู้รักความสบายไม่สามารถต่อสู้กับกลไกทางการตลาดหรือต่อสู้กับอะไรได้เลย เมื่อไม่มีผลผลิตก็ไม่มีเงินจะไปส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคาร สินีนาถจึงเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ยุติกิจการที่อิฐสร้างมากับมือ เพราะที่ดินที่ปากช่องในเวลานั้นไม่ได้มีราคาเหมือนในเวลานี้ เธอจึงไม่เสียดายที่จะทิ้งไป แต่ในวันนี้ล่ะ เมื่อสะบันงายืนยันที่จะฟื้น ‘สวนอุ่นรัก’ ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาคิดว่าที่ดินผืนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว ทว่าความดีใจที่สะบันงาบอกว่าเธอยังคงเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ดังเดิมต้องมีอันชะงัก เมื่อสินีนาถอยากให้ลูกสาวขายที่ดินผืนนี้ไปเสีย เพราะราคาที่ดินปากช่องในวันนี้แพงไม่น้อยไปกว่าทองคำ ที่ดินดี ทำเลสวย อากาศเหมาะแก่การสร้างรีสอร์ต ใครล่ะไม่อยากได้ ซึ่งหากสะบันงาตัดสินใจขายตามที่แม่แนะนำ เธอจะกลายเป็นแม่ม่ายเนื้อหอมที่สวยและรวยมากๆ และนั่นจะกลายเป็นเส้นทางที่สินีนาถเลือกไว้ให้สะบันงาอย่างสมบูรณ์ที่สุด ความพร้อมด้วยเงินทองมั่งคั่งคือสิ่งที่สินีนาถปรารถนา ไม่อย่างนั้นคงไม่ทิ้งสามีกับลูกไปแต่งงานใหม่ เพราะไม่อาจใช้ชีวิตอยู่แต่เพียงในสวนในไร่ที่ปากช่องได้ และคงไม่เลือกเส้นทางปลดหนี้ที่ทำให้สะบันงาต้องกลายเป็นแม่ม่ายตั้งแต่ยังสาวแบบนี้ “คุณหนูบีไม่เหมือนคุณนาถหรอกจันทร์ เพราะถ้าเหมือนคุณหนูคงไม่เลือกที่จะฟื้นสวนที่ตายแล้วขึ้นมาใหม่” “ตอนนี้ไม่ แล้วต่อไปล่ะพี่ ฉันไม่ได้ว่าคุณหนูเหมือนคุณนาถนะ แต่ฉันกลัวว่าปัญหาและความลำบากจะทำให้คุณหนูท้อใจ สุดท้ายสวนก็จะตายเหมือนเดิม” “ไม่ตายหรอก เชื่อพี่เถอะจันทร์ ยังไงพี่ก็จะหาทางช่วยคุณหนูจนสุดแรง ถ้าพวกเราไม่ท้อ คุณหนูก็จะไม่ท้อ” “ฉันเชื่อพี่ ฉันก็จะช่วยจนสุดแรงเหมือนกัน แดดแรงเหลือเกิน ฉันไปหาคุณหนูก่อนนะ” พงษ์มองจันทร์ที่คว้าหมวกปีกกว้างอีกใบติดมือไปด้วย หมวกปีกกว้างที่ตัดเย็บจากผ้าขาวม้าพร้อมมีชายผ้าปรกลงมาเป็นหน้ากากปิดบังใบหน้าเฉกเช่นที่ชาวสวนทั่วไปใช้กัน ถูกนำไปส่งให้กับคุณหนูเจ้าของที่ดิน ซึ่งคุณหนูก็รับและสวมหมวกนั้นที่ศีรษะอย่างไม่รังเกียจใดๆ เลย หากไม่นับเสื้อผ้ากับเรือนร่างสูงโปร่งนั้น คุณหนูสะบันงาที่ยืนคู่อยู่กับจันทร์ก็ดูไม่ต่างไปจากสาวชาวสวนทั่วไปเลยสักนิด “ผมเชื่อว่าคุณหนูทำได้ คุณอิฐครับเป็นกำลังใจให้คุณหนูด้วยนะครับ” ดวงตาผ่านพ้นวันเวลาทั้งสุขและทุกข์มองตรงไปยังบ้านหลังขนาดกะทัดรัดที่ก่อสร้างจากก้อนอิฐ ‘บ้านอุ่นรัก’ ที่อิฐมักพูดเสมอว่าที่เลือกใช้ ‘อิฐ’ ในการก่อสร้างก็เพื่อความคงทน และเพื่อให้ลูกจดจำได้เสมอว่า ‘สวนอุ่นรัก’ นี้พ่อสร้างมาเพื่อลูก ดอกกุหลาบมากมายนับหมื่นดอกที่คนงานทั้งหญิงและชายกว่า ๓๐ คนกำลังช่วยกันคัดแยก ตัดแต่งกิ่งและใบ รวมทั้งห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้เป็นกำๆ ก่อนจะจัดเรียงขึ้นสู่รถปิ๊กอัพที่จอดเรียงรายกัน เตรียมขนส่งดอกกุหลาบทั้งแบบตัดก้านและตัดดอกไปสู่ตลาดที่เจ้านายขยันหาจนทำให้ผลผลิตในแต่ละวันแทบจะไม่พอต่อความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปากคลองตลาดที่เป็นเจ้าประจำ นครราชสีมา สระบุรี นครสวรรค์ ขอนแก่น หรือแม้แต่เชียงใหม่ ดอกกุหลาบจาก ‘สวนปริ๊นเซส’ ก็ได้ไปอวดโฉมความงามและคุณภาพให้ทุกพื้นที่ได้รับความพึงพอใจ โดยเฉพาะหากเป็นช่วงฤดูทองที่รู้กันว่าคือ ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ จากที่เคยขายได้ดอกละ ๐.๗๕ – ๑.๕๐ บาท/ดอก ราคาก็จะขยับขึ้นเป็น ๕ - ๑๕ บาทกันเลยทีเดียว แต่นั่นอาจจะเป็นสวนอื่นที่ต้องรอคอยเทศกาลจึงจะทำยอดขายได้สูง แต่ไม่ใช่สวนของ ‘ชยพล ชยาทิตย์’ ชยพลนับเป็นเจ้าของสวนกุหลาบที่หล่อที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะเรตติ้งนี้นับได้จากบรรดาลูกค้าสาวสวยที่ขยันแวะเวียนกันมาขอเยี่ยมชมแปลงกุหลาบไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นไฮโซสาวสวยในท้องถิ่น เจ้าของรีสอร์ตแอนด์สปาร์ นักธุรกิจหญิง หรือแม้แต่ดารานางแบบก็ยังมีมา เพราะชยพลนั้นไม่ใช่หล่อเพียงอย่างเดียว แต่คนหนุ่มที่หน้าที่การงานดี มีฐานะ และสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าเดือนละ ๕ ล้านบาท อย่างยั่งยืน สาวคนไหนล่ะจะไม่มอง ไม่ว่าชยพลจะจับธุรกิจใดก็ดูจะประสบความสำเร็จไปซะทุกอย่าง “เป็นไงบ้างสิทธิ์ วันนี้ฟ้ากับเขียวพอส่งไหม” เสียงทุ้มกังวานเต็มไปด้วยความมั่นใจเอ่ยถาม ‘สิทธิ์’ หนุ่มใหญ่หัวหน้าคนงาน “ไม่พอครับนาย ได้อย่างละสามพันเองครับ ผมว่านายต้องเพิ่มดอกขาวแล้วล่ะครับ”
已经是最新一章了
加载中