บทที่ 1 (2)
ภาคินเปรยคล้ายกับปลงเต็มทน ไม่อยากให้หล่อนหาเรื่องใส่ตัวไปทำอะไรแผลงๆ เลย พอคิดได้ดังนั้นมันก็ทำให้เขาคิดไปถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
ถ้าหากวิลาสินีอยากจะหาเรื่องเพี้ยนๆ ใส่ตัวแล้วละก็ เขาต้องแน่ใจด้วยว่าหล่อนจะปลอดภัยและรักษาสวัสดิภาพตัวเองไว้ได้ ความปลอดภัยของหล่อนจะต้องมาพร้อมกับคำว่าไม่มีปัญหา แต่อาจจะไปทำให้ใครมีปัญหานั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่งที่เขาคงช่วยไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้หล่อนไปทำอะไรแผลงๆ โดยที่เขาไม่รู้ แบบนั้นคงไม่ดีแน่
“อยากลองไปทำงานในไร่องุ่นบ้างไหม?”
“ไร่องุ่นเหรอคะ?”
“ใช่ ไร่องุ่น แต่ว่าไม่ได้เป็นคนงานในไร่หรอกนะ แค่พี่เลี้ยงเด็ก แม่บ้านอะไรทำนองนั้น”
ชายหนุ่มบอกแล้วก็เสมองไปทางหนึ่งเหมือนให้เวลาหล่อนในการตัดสินใจ แต่ความจริงแล้วเพราะเขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดจึงไม่อยากมองคู่สนทนา ไม่อยากให้หล่อนจับได้ว่า เขากำลังวางแผนตลบหลังแม่จอมวางแผนอย่างหล่อน
วิลาสินีก็มัวแต่คิดถึงข้อเสนอของเขา จนไม่ทันสังเกตสีหน้าของพี่เขยของตัวเอง หญิงสาวมัวแต่คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเกี่ยวกับทางเลือกที่ภาคินเสนอให้
หล่อนเองยังไม่เคยเป็นพี่เลี้ยงเด็กมาก่อนและยิ่งไม่เคยเป็นแม่บ้านเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าการทำงานเป็นแอร์โฮสเตสจะเป็นงานบริการ ต้องดูแลทั้งคนแก่ เด็ก ไปจนถึงคนท้องก็ยังมี
แต่ว่าก็ใช่ว่าจะลงไปคลุกคลีโดยตรงเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นเรื่องการเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก มันก็ดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน ไหนๆ หล่อนก็ว่างอยู่แล้ว อยากหาอะไรที่ท้าทายตัวเองทำบ้าง การไปอยู่ในไร่องุ่นก็ไม่เลวเหมือนกัน
“น่าสนใจดี ว่าแต่ที่ไหนเหรอคะ แล้วก็กับใครด้วย แต่ถ้าให้ฉันเดา ฉันว่าต้องเป็นคนที่คุณรู้จักดีแน่ๆ เลย ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ไว้ใจถึงขนาดกล้าเสนอให้ฉันแบบนี้หรอก”
“รู้ดี” เขาว่าแล้วจึงเฉลย “ที่ปันซาโน ฟิเลนเซ่...ฟลอเรนซ์น่ะ พี่ชายต่างแม่ของฉันอยู่ที่นั้น เธอเองก็เคยเจอเขามาแล้วครั้งหนึ่งตอนงานแต่งงานฉันกับต้นน้ำไงละ จำได้ไหม”
วิลาสินีทำหน้ายุ่งพยายามทบทวนถึงบุคคลที่เขาบอก แต่หล่อนก็นึกใบหน้าคนๆ นั้นไม่ออก เพราะช่วงเวลาที่เขาพูดถึงมันผ่านมาเป็นปีแล้ว รวมทั้งวันนั้นหล่อนก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลพี่สาวจนไม่ได้สนใจใครเลยด้วยซ้ำ
“ฉันนึกหน้าไม่ออกเลยค่ะ ว่าแต่เขาชื่ออะไรเหรอคะ”
“ฟรานเชสโกน่ะ ฟรานเชสโก...ลิเวอร์โน”
รถยนต์สีบรอนซ์แล่นเข้าสู่ปันซาโน ซึ่งอยู่ในแคว้นทอสคานา ศูนย์กลางการผลิตไวน์ที่มีการแบ่งพื้นที่เพื่อควบคุมการผลิตให้เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนดไว้
รถคันสวยแล่นเข้าไปจนถึงทางแยกแล้วจึงเลี้ยวไปทางขวาก่อนจะเข้าสู่ถนนส่วนบุคคลที่สามารถเดินรถได้สองคันแบบเบียดๆ กัน สองข้างทางของถนน มีต้นสนสูงสองเมตรปลูกประดับไว้ ด้านข้างทั้งสองของทางเข้าเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นที่ตอนนี้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้องุ่นต่างออกผลสีสวยชวนให้เข้าไปเด็ดชิม
ต้นองุ่นที่ขึ้นเป็นเถากำลังออกผลสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ แต่เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นเป็นสีน้ำเงินอมฟ้า จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะเป็นหนึ่งในองุ่นพันธุ์ที่อยู่จำพวกองุ่นแดง
วิลาสินีมองภาพไร่องุ่นอย่างสนใจ จนกระทั่งรถวิ่งผ่านถนนเข้าไปจนถึงสุดทางแล้วจึงหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินดิน ด้านหน้ามีน้ำพุหินสีขาวตั้งอยู่ตรงกลางลาน ล้อมรอบไปด้วยพื้นหญ้าสีเขียวตัดกับสีของตัวบ้าน
ส่วนตัวบ้านนั้นก็เป็นแบบธรรมดาที่เห็นได้ในทั่วไป สร้างจากอิฐสีส้มชวนให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เข้ากับบรรยากาศของชนบท ซุ้มโค้งของประตูด้านหน้ามีเถาไม้เลื้อยขึ้นปรกคลุมช่วยเพิ่มความร่มรื่นมากขึ้นไปอีก
ถัดจากตัวบ้านหลังใหญ่ไป มีบ้านอีกสองหลังที่หน้าตาคล้ายๆ กัน แต่เล็กกว่าบ้านหลังใหญ่นี้อยู่มาก ดูเหมือนมันมีไว้สำหรับเป็นเรือนพัก ซึ่งถ้ามองจริงๆ แล้วที่นี่ก็มีบรรยากาศเหมือนกับจะเป็นบ้านพักแบบฟาร์มเฮ้าส์ที่ทำให้บ้านของตัวเองเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวได้ด้วย
“สวย เรียบง่าย สมกับที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ”
วิลาสินีพึมพำขณะก้าวลงจากรถ หญิงสาวหันมายิ้มให้กับผู้ชายที่เปิดประตูให้ หล่อนรู้จักเขาเมื่อหลายนาทีก่อนและรู้ว่าเขาคือ โดมินิโก ผู้ซึ่งเป็นเสมือนมือขวาของฟรานเชสโก ลิเวอร์โน
โดมินิโกเป็นผู้ชายท่าทางใจดี เขาอายุไม่มากแถมยังบอกด้วยว่าตนเองเข้ามาทำงานกับฟรานเชสโกได้สี่ปีแล้ว เขาก็เข้ามาแทนคนเก่าแก่ของฟรานเชสโกที่จากไปด้วยโรคประจำตัว ซึ่งในบ้านหลังนี้เขาจะเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดจนเกือบจะเรียกได้ว่าเขาเป็นทั้งพ่อบ้าน ทั้งหัวหน้าคนงานของที่นี่ และเขาก็เป็นคนที่จะสามารถช่วยเหลือหล่อนได้ในทุกๆ เรื่องที่หล่อนสงสัยหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษ
“เชิญข้างในดีกว่าครับ...”
โดมินิโกบอกหลังจากเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของหล่อนออกมาจากท้ายรถ เขาเดินนำหล่อนผ่านประตูด้านหน้าตัวบ้านเข้าไป แล้วก็เอะใจแปลกๆ ว่าบ้านที่เคยครึกครื้นด้วยความแสบสันของเด็กๆ สามคนแห่งบ้านลิเวอร์โน เหตุไฉนวันนี้กลับดูเงียบผิดปกติ
“แบบนี้ไม่ดีแน่...”
โดมินิโกพึมพำก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่เดินตามหลังมาและตอนนั้นเองที่เขาเห็นเส้นเอ็นสามเส้นถูกผูกโยงไว้กับกรอบประตู มันโยงขึ้นไปถึงข้างบนที่มีถังน้ำถูกผูกติดไว้ และตอนนี้เจ้าถังน้ำนั้นมันก็ค่อยๆ เอียงลงมาอย่างช้าๆ ยามเมื่อวิลาสินีเดินผ่านกรอบประตูเข้ามา
ซ่า!
ถังน้ำคว่ำลงและปล่อยน้ำลงมาสาดใส่แขกผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ แต่มันไม่ได้หมดเท่านั้น เมื่อเส้นเอ็นอีกเส้นถูกกระตุกปล่อยตะกร้าใส่ขนเป็ดให้ลอยฟ่องลงมาใส่เจ้าหล่อนที่เพิ่มรับน้ำเข้าไปหยกๆ ทำให้ตอนนี้วิลาสินีกลายร่างเป็นแม่เป็ดไปโดยปริยาย พร้อมกันนั้นเสียงหัวเราะของความสมใจดังมาจากข้างกรอบประตูที่เป็นทางไปสู่ห้องรับแขกที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ