บทที่ 1 (4)
“ว่าไงคะ” หล่อนย้ำขอคำตอบอีกครั้ง
“ไม่ว่ายังไงนี่”
เขาตอบหน้าตาเฉย แล้วก็อยากรู้นักว่าหล่อนจะทำอะไรได้ จะลงไม้ลงมือกับลูกๆ ของเขา ทั้งที่เขายืนอยู่นี่ หรือจะทำเหมือนที่คนอื่นทำ แบบที่...’ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรแล้วฝากไว้ก่อน’
“งั้นฉันจะทำโทษพวกแกนะคะ”
หล่อนบอกเหมือนขออนุญาตและหยั่งเชิงเพื่อดูปฏิกิริยาของเขาเช่นกัน อยากรู้นักว่าเขาจะเป็นคนอย่างไรกันแน่ แต่ทว่าคำพูดต่อไปของเขากลับทำให้หล่อนทั้งแปลกใจและโล่งใจในขณะเดียวกัน
“นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเด็กๆ เป็นฝ่ายผิด แต่ก่อนหน้านั้น ฉันว่าเธอควรจัดการตัวเองก่อนดีกว่าไหม เพราะฉันไม่คิดหรอกว่าตัวเองควรเลี้ยงเป็ดในบ้าน...”
วิลาสินีชะงักค้างหน้าคว่ำทันที ปากที่เตรียมว่ากล่าวก็หุบฉับในทันใด ด้วยไม่สามารถเถียงอะไรได้ เพราะรู้ดีว่าสภาพของหล่อน ถ้าปล่อยให้เดินไปเดินมาในบ้านคงไม่ดีแน่ เพราะจะกลายเป็นการทำให้คนอื่นต้องมาลำบากทำความสะอาดบ้านเพราะหล่อน!
หญิงสาวได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในระหว่างที่ฟรานเชสโกหันไปสั่งโดมินิโกให้พาเด็กๆ ขึ้นไปบนห้อง แล้วให้ดูความเรียบร้อยของห้องที่เตรียมไว้ให้ก่อนจะหันมาหาหล่อน
“เธอตามฉันมา“
ฟรานเชสโกบอกพลางหมุนกายเดินผ่านประตูด้านหน้าตัวบ้านออกไป ทำให้วิลาสินีต้องเดินตามไปเพราะคิดว่าการจะล้างเอาขนเป็ดออกโดยไม่ทำให้ท่อน้ำในบ้านอุดตัน มันคงมีวิธีเดียวคือจัดการตัวเองนอกบ้าน!
หญิงสาวเดินออกมาจากตัวบ้านเลี้ยวไปทางด้านขวามือที่เป็นที่อยู่ของบ้านหลังเล็กๆ ที่หล่อนเห็น จนกระทั่งมาหยุดที่จุดต่อก๊อกน้ำสายยางที่ดูเหมือนว่าเดิมมันคงไว้ใช้สำหรับล้างรถหรือไม่ก็ไว้รดน้ำต้นไม้เสียมากกว่า
“มานี่สิ”
วิลาสินีเดินไปตามเสียงเรียกของเขาอย่างว่าง่าย หล่อนมองสายยางในมือเขาด้วยแววตาไม่ค่อยชอบใจนักเมื่อคาดเดาได้ว่าตนเองต้องเปียกทั้งตัวแน่ แต่มันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่สามารถจัดการเอาขนเป็ดออกจากตัวหล่อน ซึ่งถ้าให้ใช้แปลงรูดขนสัตว์ที่เป็นเทปกาวแบบที่ไว้ใช้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์แล้วล่ะก็ เห็นทีว่าใช้มันหมดสามม้วนก็ยังเอาไม่อยู่
“เปียกหน่อยนะ แล้วเดี๋ยวเธอค่อยขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ค่ะ”
หล่อนรับคำแล้วปล่อยให้ฟรานเชสโกช่วยจัดการฉีดน้ำไล่ขนเป็ดที่เปียกน้ำและติดตัวหล่อนให้หลุดร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับน้ำที่ชะล้างมันออกไป
“หลับตาซิ”
ชายหนุ่มสั่งขณะช่วยปัดเศษขนเป็ดที่ติดแก้มติดใบหน้าของหล่อนออกอย่างเบามือ แล้วก็ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาหล่อน แม้ว่าจะสั่งให้หล่อนหลับตาแล้วก็ตาม นิ้วใหญ่หยาบกร้านด้วยฤทธิ์ของการทำงานไล้ไปตามผิวแก้มนวลเนียนที่ชวนให้หลงใหล
ฟรานเชสโกไม่รู้ว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมายามเมื่อเพ่งพิศใบหน้าสวยจิ้มลิ้มที่กำลังหลับตา เขาพิจารณาหล่อนอย่างเต็มตาอีกครั้ง คราวนี้ถือโอกาสมองจนถ้วนทั่ว เพราะหล่อนคงไม่ลืมตาขึ้นมาอีกพักใหญ่แน่
ผู้หญิงคนนี้ถือได้ว่าสูงแต่ก็ยังดูเตี้ยนักเมื่อยืนอยู่ใกล้เขา หล่อนมีใบหน้างดงามแต่แฝงไว้ด้วยความดื้อรั้น ริมฝีปากสีชมพูเผยอน้อยๆ ดึงดูดและชวนให้เขานึกอยากชะโงกหน้าเข้าไปจูบเหลือเกิน
พอคิดได้ดังนั้นเขาก็ชะงักไปในทันที เพราะมันนานเหลือเกินแล้วที่เขาคิดอยากจะจูบใครสักคน
“บ้าชะมัด!”
ชายหนุ่มสบถออกมาทำให้คนที่หลับตาอยู่รีบลืมตาขึ้นทันที นัยน์ตากลมโตมีแววสงสัยยามเมื่อมองหน้าคนที่พยายามช่วยชะล้างขนเป็ดออกให้หล่อน แล้วก็เห็นว่าเขามีสีหน้าเครียดขึงขึ้นมา เหมือนกับว่าเขากำลังโมโหอะไรบางอย่างอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าคะ? ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลา ฉันทำเองได้นะ”
“เปล่า”
ฟรานเชสโกตอบห้วนๆ แล้วจึงช่วยหล่อนจัดการขนเป็ดออก จนกระทั้งเนื้อตัวของหล่อนแทบไม่เหลือขนเป็ดติดอยู่เลย ตอนนั้นเองเขาเพิ่งได้สำนึกว่าการช่วยล้างขนเป็ดออกในครั้งนี้ เป็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะเนื้อตัวของหล่อนที่เปียกไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่เปียกลู่แนบเนื้อทำให้เน้นสัดส่วนเว้าโค้งได้เป็นอย่างดี จนเขาได้เห็นคำตอบหย่อมๆ แล้วว่า สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เป็นคนซ่อนรูปเพียงใด
“ให้ตายเถอะ!”
เขาสบถอย่างหัวเสียแล้วหันไปปิดก๊อกน้ำ ทำเหมือนไม่อยากสนใจผู้หญิงที่กำลังทำให้ความรู้สึกของเขาปั่นป่วน แต่วิลาสินีที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกลับนึกอยากแกล้งผู้ชายคนนี้ขึ้นมา
หญิงสาวนึกถึงคำพูดของภาคินที่บอกว่า...
‘พี่ชายของฉัน เขาไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนหรอก แล้วก็ถือตัวเป็นโสดมานานหลังจากคนรักของเขาจากไป ถ้าจะพูดให้ถูกพี่ชายของฉันอาจจะเป็นตาแก่ทึนทึกก็ได้ เมื่อก่อนเขาเป็นแบบนี้และตอนนี้ฉันก็ไม่คิดว่าเขาเปลี่ยนไปนักหรอก แต่ถ้าเธออยากรู้ว่าฉันพูดจริงหรือเล่น หรือตอนนี้เขาเปลี่ยนไปหรือไม่เปลี่ยนไปแล้วละก็ เธอก็ทดสอบดูเองก็แล้วกันแม่นางฟ้าจำแลง’
ถ้าฟรานเชสโกจะเป็นหนุ่มทึนทึกแล้วล่ะก็ สำหรับหล่อนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม เพราะหล่อนจะได้มีอะไรที่เหนือกว่าเขา ไว้ทำให้เขาต่อกรกับหล่อนได้ลำบากมากขึ้น แล้วหล่อนก็ชอบเสียด้วยเวลาได้แกล้งให้ใครๆ ได้พ่ายแพ้แบบนี้
วิลาสินีคิดได้ดังนั้นก็หัวเราะคิกแล้วจึงเดินอ้อมไปหยุดยืนด้านหน้าฟรานเชสโก หญิงสาวเงยหน้ามองเขาตาแป๋วเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะแน่ใจว่าเสื้อผ้าของตนมิดชิดพอ ถึงมันจะแนบเนื้อชวนให้จินตนาการอยู่ก็ตาม
“ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย แต่เรายังไม่ได้จับมือทักทายกันเลยนะคะ” หล่อนบอกแล้วยื่นมือไปหาเขาพลางส่งยิ้มหวานหยดย้อยอย่างชนิดที่หนุ่มๆ ที่ประเทศไทยต้องหลอมละลายมาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วหล่อนก็หักอกพวกนั้นมาแล้วนับไม่ถ้วนด้วยเช่นกัน