บทที่13. ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
1/
บทที่13. ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
มนตร์ทรายเสน่หา
(
)
已经是第一章了
บทที่13. ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
สการ์เล็ตต์เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้สนุกสนานและผ่อนคลายนานแล้ว และที่สำคัญเธอเพิ่งรู้สึกว่าตุ๊กตาของตัวเองมีคุณค่าก็ต่อเมื่อเห็นเด็กๆ กอดตุ๊กตาแนบแน่นและหวงแหน งานตุ๊กตาจากเศษผ้าเป็นงานถนัดที่เธอทำยามที่เครียดหรือหดหู่ เธอไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทนักทำให้เธอชอบทำงานประดิษฐ์พวกนี้ โดยไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งของเหล่านี้จะกลายเป็นรายได้ที่คอยจุนเจือชีวิตเธอ และที่สำคัญทำให้เธอได้พบใครบางคนอีกด้วย เมื่อตอนกลางวันเธอได้ทานอาหารเที่ยงพร้อมเด็กๆ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเหมือนทบทวนตำราเรียนไปในตัวยังไงไม่รู้จะมีใครสักกี่คนนะที่รู้ว่าเธอเรียนจบอะไรมาก เธออยากทำงานเป็นครูเด็กเล็ก ทว่าตั้งแต่แม่ของเธอป่วยด้วยโรคหัวใจทำให้เธอเลือกที่จะสานฝันของแม่โดยการดูแลร้าน ‘Once’ โดยไม่สนใจว่าความฝันของตนเองอยู่ที่ไหน “ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาหรอก” หญิงสาวบอกกับตนเองเหมือนเตือนสติ ขณะเดินตามหลังชายคนหนึ่งซึ่งเข้ามารายงานว่า หมอยามาทให้รถมารับเธอกลับ ราวกับเป็นเจ้าหญิงในนิยาย สการ์เล็ตต์บอกกับตัวเองเมื่อคนขับรถเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง ชีวิตที่เธอคิดว่ามันมีแต่ในเทพนิยายซึ่งบัดนี้มันเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอ แม้รู้ดีว่าสิงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง เธออยากเก็บทุกความสุขนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะลืมตาแล้วรู้ว่า...เทพนิยายเรื่องนี้...จบแล้ว รถเก๋งคันหรูถูกควบคุมอย่างดี แม้สภาพถนนจะขรุขระเล็กน้อยก็สามารถขับผ่านอย่างนุ่มนวลได้ ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเล่นสนุกกับเด็กๆ กว่าสามสิบคนนั้น ทำให้สการ์เล็ตต์เผลอหลับใหลอย่างไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่ารถได้ออกนอกเส้นทางไปไกลแค่ไหน ยามาทลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเอกเขนกอยู่นานแล้ว ดวงตาสีเทาจ้องมองที่ร่างสูงของคนขับรถที่เขาส่งไปรับตัวหญิงสาว เขาเดินตรงเข้ามารายงาน “คุณผู้หญิงหลับอยู่ในรถ กระผมไม่กล้าเรียกขอรับ” “หลับ?” ยามาทเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็เดินตรงไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นร่างบอบบางหลับใหลอย่างเป็นสุข ใบหน้ายามหลับ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากปลุกให้ตื่นนัก เขายิ้มที่มุมปากก่อนช้อนร่างเนียนนุ่มขึ้นอย่างทะนุถนอมแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านพักของตนเอง วันนี้เขาถูกคุณป้าฟาห์ราโทรมาย้ำนักย้ำหนาให้หาเวลาพาสการ์เล็ตต์เที่ยวบ้าง เรื่องในวังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากองค์ราเฟย์ที่ทรง ‘หวง’ พระชายาสุดที่รักมากเกินไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรหนักหนาเป็นพิเศษวันหยุดพักร้อนของเขายังใช้ไม่เต็มที่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะถอนเอาวันหยุดนั้นกลับมา ความจริงเขาเคยชินกับการเอาเวลาทั้งหมดทุมไปกับงานมากกว่าพักผ่อนหรือเที่ยวสนุก หากเวลานี้ไม่มีร่างเนียนนุ่มที่แสนเปราะบางในวงแขนอย่างนี้ เขาอาจจะบินไปลอนดอนเพื่อหาหญิงสาวอีกคนก็เป็นได้ ทว่าเพียงแค่รู้สึกว่ามีหญิงสาวคนนี้อยู่ ไม่ว่าเธอจะอยู่มุมไหนเขาก็ขออยู่ใกล้เธอที่ตรงนั้น บ้านพักของเขาอยู่ชานเมืองไกลห่างความวุ่นวาย ไม่ถึงกับเป็นโอเอซิสสุดหรูหราของเชื้อพระวงศ์แต่เขาก็เชื่อว่ามันงดงามไม่แพ้ใคร มันไม่ใช่บ้านของเขาแต่เป็นบ้านของลุงคาร์ดัลที่สร้างขึ้นเมื่อราวๆ ยี่สิบปีที่แล้ว แต่ลุงคาร์ดัลก็โอนให้เขาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่ เขาไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีความเป็นมายังไง ทว่าเขารู้สึกว่ามี ‘บางสิ่ง’ ซ่อนอยู่ที่นี่ภายใต้อาคารที่ปลูกแบบยุโรปอย่างนี้ “ไม่เป็นไรเราจะจัดการเอง” ยามาทเอ่ยบอกคนรับใช้ที่เดินตามเข้ามา เมื่อในห้องไม่มีใครแล้วเขาจึงวางร่างบางลงบนโซฟาตัวยาวใหญ่ที่สามารถเหยียดขานอนได้สบายๆ สการ์เล็ตต์ผ่อนลมหายใจยาวขยับตัวไปมาเหมือนแมวขี้เกียจแต่กลับน่าเอ็นดูในสายตาเขา “คงเหนื่อยมากละซิ” เขาพึมพำขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาเคลียแก้ม นิ้วของเขาเผลอไล้พวงแก้มสีชมพูและค่อยๆ เลื่อนมาที่ริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่เผยอขึ้นเหมือนเชิญชวน ความหอมละมุนจากกายหญิงสาวทำให้เขาโน้มหน้าลงใกล้และจรดริมฝีปากของตนกับเนียนแก้ม สูดดมความหอมหวานที่น่าหลงใหล ก่อนเคลื่อนมาจุมพิตแผ่วเบา ริมฝีปากแสนหวานล้ำของหญิงสาว ช่างหวานนัก! เพียงแค่แตะปลายลิ้นลิ้มลองก็รู้สึกหวานจนใจหวั่นไหว เหมือนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วร่างจนอยากจะครอบครองอย่างลึกล้ำ ทว่าต้องถอนจุมพิตอย่างเสียดาย เมื่อรู้สึกว่าเปลือกตาของเธอไหวระริก สงสัยว่า ตอนที่เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงนิทราจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ! “คุณยามาท...” สการ์เล็ตต์พึมพำพลางขยี้ตาตัวเองเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนกึ่งฝันกึ่งตื่นแต่เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งมองเธออยู่ด้วยแววตาที่เคร่งเครียดก็ทำให้เธอรู้สึกได้ทันทีว่านี่ไม่ได้ฝันไป “ฉันเผลอหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย” “หลายชั่วโมงอยู่” เขาข่มความร้อนระอุที่เกิดอยู่ภายใน “หลายชั่วโมง...” เธอพึมพำแต่ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมองไปรอบๆ ตัวแล้วเพิ่งรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้านตระกูลอัลบา “ที่นี่ที่ไหนคะ” “บ้านของผมเอง” เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา “บ้านของท่านลุงคาร์ดัลมอบให้ผม” “แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ” “กักตัวไว้เป็นทาสรับใช้” น้ำเสียงราบเรียบจริงจังของเขา ทำให้สการ์เล็ตต์อ้าปากค้างอย่างตกใจ ขยับถอยห่างจากเขาทันที ท่าทางของหญิงสาวทำให้เขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “คุณแกล้งฉันเหรอ” เธอหยิบหมอนอิงใบเล็กที่อยู่ใกล้มือตีที่ต้นขาเข้าไปหนึ่งทีแก้หมั่นไส้ เขาไม่หลบแต่หัวเราะหนักขึ้น “สนุกหรือไงที่แกล้งฉันได้” “ผมเพิ่งรู้ว่ามันสนุก” เขาสารภาพ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างนี้ “ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” น้ำเสียงแง่งอนของเธอทำให้เขายิ้มอย่างพอใจ “บอกมาได้แล้วว่าคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” “ผมไม่อยากให้คุณอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน” เขาเอ่ยขึ้นพลางลุกขึ้นเดินไปรินน้ำเย็นส่งให้หญิงสาว “ฉันเพิ่งมาได้แค่วันสองวันยังไม่ทันรู้สึกอย่างที่คุณพูดหรอกค่ะ” เธอยื่นมือไปรับแก้วน้ำดื่มจากเขา มันเป็นแค่มารยาทหรือว่าเขารู้ว่าเธอกำลังกระหายน้ำมาก ไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่ร้อนหรือว่าเพราะไอร้อนจากกายของเขา “ผมต้องมาดูงานแถบนี้สองสามวัน...ผมไม่อยากให้คุณอยู่ห่างผม” “คุณกลัวฉันขโมยข้าวของคุณเหรอคะ” เธอขมวดคิ้วทำหน้าตึง “ถึงฉันจะจนแต่ก็ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกคุณจะยึดวีซ่ากับพาสปอร์ตไว้ก็ได้” “ไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ” เขาหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิม นี่เขาไม่มีเสน่ห์พอจะดึงดูดเธอไว้ได้เลยหรือนี่? ไอ้หนุ่มที่ชื่อแบรด ดอว์สัน นั่นมันหล่อมากกว่าเขาหรือไงนะ เธอถึงไม่เข้าใจคำว่า ‘ไม่อยากให้คุณอยู่ห่างผม’ เป็นเรื่องขโมยของไปได้ “ก็...” เธออ่ำอึ้งไม่เข้าใจความหมายของสายตาสีเทาอ่อนโยนคู่นั้นของเขา หากเธอไม่ใช่คนเดียวที่เขายิ้มให้แบบนี้ ก็โปรดอย่าทำกับเธออย่างนี้เลย “มันเกี่ยวกับจดหมายของคุณแม่คุณ” เขาหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาจากแฟ้มเอกสารงานของเขา “แม้ว่าจะมีรอยหยดน้ำที่ชื่อผู้ส่ง แต่ที่อยู่ยังพออ่านได้ซึ่งมันเป็นพื้นที่ผมจะไปดูงานพอดี” “จริงเหรอคะ” เธอดีใจจนลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสนิท “เราพอมีทางที่จะสืบหาร่องรอยของพ่อฉันได้หรือคะ” “ผมไม่อยากให้ความหวังคุณเต็มร้อย” เขาพูดจากใจ “แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่เรามีเบาะแสที่จะเริ่มต้น” “ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยอย่างที่รู้สึกจริงๆ “เอ่อ...แล้วเรื่องร้าน...” “ก็อย่างที่เคยบอกคุณแล้ว...ถ้าพบแบรด ดอว์สันเมื่อไหร่ปัญหาจะคลี่คลายลงเอง” เขาไม่ชอบการโกหก แต่การพูดความจริงไม่ทั้งหมดก็น่าจะรอดพ้นข้อกล่าวหานั้น “ขอบคุณค่ะ” “พูดอย่างอื่นบ้างก็ได้” มุมปากแต้มรอยยิ้ม “อย่างเช่นเรื่องที่โรงพยาบาลวันนี้” “สนุกมากค่ะ ต้องขอบคุณมากที่ทำให้ฉันสนุกมากๆ แบบนี้” เธอยิ้มกว้างทั้งปากและดวงตา “คุณเรียนมาด้านนี้นี่ คงจะชอบที่ได้อยู่กับเด็กๆ” “คุณสืบประวัติฉันหรือคะ” เธอเลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่ก็ยักไหล่ “ฉันเข้าใจ...ตั้งแต่มีเรื่องร้าน...คุณคงต้องสืบทั้งประวัติและการเงินของฉันเรียบร้อยแล้ว” “ผมเตรียมมื้อเย็นไว้...คิดว่าจะให้คุณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เขาลุกขึ้นยืน “ห้องพักของคุณอยู่ด้านซ้ายมือ อาบน้ำให้สบายเนื้อตัวแล้วค่อยมาดินเนอร์ด้วยกัน” รอยยิ้มดวงตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้เธออ้าปากค้าง เมื่อร่างสูงโปร่งเดินออกจากห้องไปแล้วเธอก็เดินไปตามทิศทางที่เขาบอก บ้านหลังมีบางสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจรูปทรงของบ้านคล้ายต่อเติมให้ขยายปีกซ้ายและขวาจนกว้างขวาง “เหมือนตึกเก่ายังไงไม่รู้แหะ” เธอเอียงคอมองรอบๆ ข้างอย่างสงสัย แต่ก็เดินตรงไปยังห้องพักของเธอ “คงห้องนี่ละมั้ง” สการ์เล็ตต์คาดเดาจากประตูห้องที่เปิดแง้มไว้และมีเสื้อผ้าของสตรีวางอยู่บนเตียงนอนหน้าต่างที่เปิดออกลมเย็นๆ พัดเข้ามาจนหน้าต่างห้องขยับไหว แม้ว่าจากหน้าต่างนี่มองไม่เห็นวิวทะเลทรายเหมือนในภาพยนตร์ที่เธอเคยดู แต่เขาก็ไม่ได้พาเธอมาอยู่ในฮาเร็มหรือให้ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น น้ำในอ่างเตรียมไว้ราวกับรู้ว่าเธอจะใช้มัน หญิงสาวลองแกว่งมือในน้ำที่อุ่นกำลังดี กลิ่นหอมจากกลีบกุหลาบที่ลอยอยู่ชวนให้เปลืองผ้าเสียจริง สการ์เล็ตต์ยิ้มกริ่มแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าชุดยาวของตนเองออกแล้วหย่อยกายลงแช่ในน้ำหอมละมุน เธอชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ มากกว่ากลิ่นรุนแรง แม้ว่าคนอื่นจะบอกว่ามันเป็นกลิ่นที่แสนรัญจวนแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันฉุนจมูก เธอลูบไล้ร่างกายของตนเองใต้ผิวน้ำ อ่างอาบน้ำที่ไม่ใหญ่จนเกินไปทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว หากมันใหญ่โตอลังการเธอคงไม่กล้าแช่น้ำในบ้านคนอื่นแบบนี้แน่ๆ เขาช่างเพียบพร้อมทุกอย่างจนน่าอิจฉา ร่ำรวยขนาดที่สามารถซื้อร้านของเธอได้อย่างง่ายดาย เป็นคุณหมอที่มีแต่คนรักใคร่มีหญิงสาวสวยแนบข้าง แต่ทำไมเขากลับครองตัวเป็นโสดมานานขนาดนี้นะ ‘ผมมีคนรัก แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว และเธอก็แต่งงานกับมีลูกชายน่ารักๆ กับครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว’ สการ์เล็ตต์ถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึงถ้อยคำของเขา อย่างน้อยเขาก็โชคดีกว่าเธอที่ได้รู้จักความรัก เจ็บปวดกับสิ่งนั้น สำหรับเธอแล้วแบรดอาจเป็นเหมือนที่อายะพูดเธอไม่เคยไปไหนไกลร้านของตัวเอง แม้จะมีลูกค้ามาจากทั่วทุกสารทิศแต่พวกเขาล้วนมาและจากไป เธอไม่ค่อยรู้สึกสนิทสนมกับใครมากไปกว่าแบรด ลุงคูเป้และอายะ ชีวิตเธอมีแค่คนไม่กี่คนและแบรดคือหนึ่งในนั้น ไม่น่าแปลกใจถ้าเธอจะให้ความเชื่อใจให้แบรด เวลานี้เธอไม่ได้รู้สึกโกรธเขา เพราะความผิดพลาดทั้งหมดมันเกิดขึ้นที่เธอต่างหากเธอแต่อยากรู้ความจริงจากปากของเขาอยู่ดี แต่การคิดมากทำให้เธอปวดหัว สการ์เล็ตต์ยิ้มเมื่อนึกถึงเพลงที่เด็กๆ สอนเธอร้อง เธอฮัมมันเบาๆ ขณะลูบไล้เรือนร่างของตนเองเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ยามาทต้องชะงักเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ จากห้องน้ำ เขารู้สึกบกพร่องที่ไม่ได้เดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องนอนของเธอ ทว่าหญิงสาวกลับเดินได้ถูกและที่ทำร้ายความรู้สึกเขาคือ ห้องนอนที่ไม่ได้ปิดประตูและเจ้าของห้องกำลังเพลิดเพลินอยู่ในอ่างน้ำอุ่น ไม่มีอะไรจะทรมานจิตใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างขาวปานหิมะเอนกายไปด้านหน้าจนสามารถเกยคางกับขอบอ่างอีกด้านหนึ่ง แผ่นหลังเนียนไร้รอยตำหนิพ้นผิวน้ำเผยให้เห็นราวกับล่วงรู้ว่ามีใครเฝ้ามองอยู่ ผมยาวหยักศกของเธอแผ่กระจายอยู่บนผิวน้ำ ไม่ต่างจากนางไม้ในเทพนิยายนัก ยามาทถอยหลังออกมาช้าๆ จนก้าวออกมาพ้นห้องของเธอแล้วปิดประตูอย่างเบามือที่สุดมือใหญ่ยกขึ้นเสยผมอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาเร่งพาร่างของตนเดินกลับมาที่ห้องพักของตน หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในห้อง เขาถามตนเองควรจะเข้าไปอาบน้ำอีกครั้งไหม? เพื่อให้ความร้อนมันลดลง นี่เขาคิดถูกหรือผิดที่พาสการ์เล็ตต์มาพักที่นี่ เขาควรเดินทางมาสืบเรื่องราวของพ่อของเธอตามลำพังดีกว่าไหม? ความทรมานแบบไหนจะสาหัสกว่ากัน ระหว่างอยู่ไกลๆ ปวดใจเพราะความคิดถึง หรืออยู่ใกล้ๆ แต่ไม่อาจเอื้อมมือสัมผัสได้ แต่เมื่อเธออยู่ตรงนี้แล้วคงทำได้เพียง ‘ข่มใจ’ เพราะการหลงรักผู้หญิงที่มีคนรักแล้วมันแสนทรมาน สการ์เล็ตต์เดินมาตามทางเส้นเล็กๆ ที่เดาได้ไม่ยากว่าห้องสำหรับทานมือค่ำที่กำลังจะเริ่มตอนสองทุ่มอยู่ตรงไหน เธอเพลินกับการอาบน้ำจนหลงลืมเวลา เธอเริ่มคุ้นกับการสวมชุดสตรีอาหรับโดยไม่ต้องมีคนค่อยช่วยเหลือแล้ว แต่กระนั้นการสวมใส่เสื้อผ้ามากชิ้นก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แถมเธอยังลืมเก็บผมให้เรียบร้อยก่อนลงอ่างอาบน้ำ ต้องเสียเวลาเช็ดผมอยู่นานกว่าผมยาวยุ่งๆ ไร้ระเบียบของเธอจะเข้าทรง กลิ่นอาหารหอมๆ นำทางเธอเดินมาที่ห้องๆ หนึ่ง คนรับใช้ที่ยืนรอรับคำสั่งเปิดประตูให้หญิงสาวก้าวเข้าไปด้านใน สการ์เล็ตต์ตื่นตะลึงกับโต๊ะอาหารในรูปแบบที่แปลกตา อาหารกลิ่นหอมเครื่องเทศวางอยู่เต็มโต๊ะ เธอแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพยายามเตือนกระเพาะของตนไม่ให้ส่งเสียงโครกครากดังเกินไป “เชิญทางนี้มิสสการ์เล็ตต์ รูธ” ยามาทเผยมือเชิญหญิงสาวให้มานั่งข้างๆ เขา “เรานั่งกันใกล้เกินไปหรือเปล่า” เธอไม่กล้านั่งใกล้เขาขนาดเข่าชิดกันหรอก “แต่ผมคิดดีแล้วว่าที่นั่งตรงนี้เหมาะกับคุณ” เขายิ้มละไมและดึงให้หญิงสาวนั่งลงข้างๆ “วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันคงจะหิวแล้วกระมัง” “ค่ะ...อาจจะกินอูฐได้เป็นตัวๆ” เธอสารภาพแล้วรับน้ำดื่มจากมือของเขามาจิบ “แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะกินอาหารบนโต๊ะนี่หมด” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “นี่เป็นอาหารพื้นเมืองธรรมดาที่ผมอยากให้คุณลองชิมดู มันอาจไม่เลิศหรูเท่าในเมืองหรืออาจเทียบกับในลอนดอนได้เลย” “พูดอย่างนั้นไม่ถูกหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบขนมปังขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “คุณอาจไม่รู้ว่าอาหารก็แฝงนัยแห่งรากเหง้านะคะ อาหารแต่ละที่มีที่มามันจึงเป็นมากกว่าอาหารแต่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์” “โอเค.นี่ผมคุยกับช่างทำตุ๊กตาหรือนักโภชนาการหรือนักโบราณคดี” เขาหัวเราะแล้วเลื่อนอาหารให้เธอ “ขนมปังนี่เราเรียกพิต้า แล้วนี่ฟาลาเฟล (Falafel) คือชิคพี หอม และเครื่องเทศ บดรวมกัน ปั้นเป็นก้อนกลม นำไปทอด ทานอย่างนั้นหรือว่าทำเป็นแซนด์วิช แล้วก็นี่แกะชาวาร์มา (Shawarma) เนื้อจะหมักกับเครื่องเทศของชาวอาหรับ ก็มีพวกกระวาน ยี่หร่า และโยเกิร์ต ทานกับซอสที่ทำจากโยเกิร์ต มินต์ หรือเทฮินาและขนมปังพิต้า” “ประชดฉันอยู่หรือเปล่าคะ” แม้จะต่อว่าแต่เธอก็ไม่ปฏิเสธอาหารที่เขาหยิบยื่นให้ “รสชาติแปลกแต่อร่อยดีค่ะ” “อาหารอาหรับนั้นนับเป็นวัฒนธรรมการดื่มกินที่มีต้นกำเนิดมาจากการปรุงอาหารในเต็นท์หรือแคมป์ไฟของชนเผ่าซึ่งท่องเที่ยวไปตามทะเลทรายในประวัติศาสตร์ นั่นจึงทำให้อาหารอาหรับคืออาหารซึ่งปรุงขึ้นจากสิ่งที่พวกเขาขนส่งเคลื่อนย้ายพกพาไปได้สะดวก และวิธีการปรุงนั้นก็มักจะทำอย่างง่ายๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาเพิ่มเติมในภายหลัง” เขาอธิบายเพิ่มเติม “เห็นมั๊ย!ฉันบอกแล้วว่าอาหารบอกประวัติศาสตร์” เธอยิ้มร่าเหมือนเด็กตอบข้อสอบถูก “เมื่อวานคุณป้าฟาห์ราคงกลัวว่าคุณจะทานอาหารของเราไม่ได้เลยสั่งแม่ครัวทำแต่อาหารแบบอเมริกัน” “คุณป้าฟาห์ราใจดีและเมตตาฉันมากค่ะ” เธอพูดเมื่อกลืนเนื้อแกะแสนนุ่มลงคอ “แล้วคุณก็เป็นคนทานอาหารได้น่าอร่อยมาก” เขายิ้มที่เห็นเธอกินอาหารโดยไม่เกรงเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารนัก หากเป็นหญิงสาวคนอื่นคงกินแค่คำหรือสองคำแต่นี่เธอกินอย่างอร่อยจนทำให้เขารู้สึกอยากอาหารไปด้วย “ทำไมคะ” เธอถามแต่มือก็ยังรับอาหารที่เขาส่งให้ “ฉันดูเหมือนเด็กอดยากหิวโหยหรือคะ” “ไม่ครับ” เขาส่ายหน้า “คุณทานแบบไม่กลัวอ้วน ผมเจอผู้หญิงหลายคนที่ทานอาหารเหมือนกลัวอ้วนแทบจะเรียกว่าดมก็ว่าได้” “ดม” สการ์เล็ตต์หัวเราะเบาๆ “อาหารอร่อยแบบนี้ไม่ได้มีมาให้ทานได้ง่ายๆ นี่ค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้กลัวอ้วนจนขึ้นสมอง” “โลกของเรานี่ประหลาดดี มุมหนึ่งของโลกมีผู้คนที่อดยากแต่อีกมุมหนึ่งมีผู้คนที่อดเพื่อให้ตัวเองผอม” “คุณกำลังพูดถึงคนที่เป็นโรคแอโนเร็กเซีย เนอร์โวชส (anorexia nervosa) ใช่ไหมคะ” สการ์เล็ตต์ถามเพื่อความมั่นใจ “ภาวการณ์เบื่ออาหารหรือปฏิเสธอาหาร พบในวัยรุ่น และผู้หญิงที่กลัวอ้วน คิดว่าตัวเองอ้วน หรือ มองเห็นตัวเองอ้วนทั้งที่มีรูปร่างปกติ” ยามาทเสริม ไม่บ่อยนักที่จะได้คุยเล่นกับใครแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้มีความรู้รอบตัวจริงๆ “โรคพวกนี้มันเกิดจากค่านิยมผิดๆ นักแสดง นางแบบ และวัยรุ่นที่มีค่านิยมว่ารูปร่างผอมจึงจะสวย แต่ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนค่านิยมในเรื่องรูปร่างในอนาคตอาจมีคนป่วยด้วยโรคนี้อีกไม่รู้เท่าไหร่” สการ์เล็ตต์ยกมือห้ามไม่ให้เขาส่งอาหารให้เธออีก “ฉันพอแล้วค่ะกระเพาะของฉันรับอะไรมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว” “ยังมีของอร่อยอีกเยอะนะครับ” “คุณพูดเหมือนฉันเป็น บูลิเมีย เนอร์โวชส (bulimia nervosa)” ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเข้มขึ้น “โรคนี้ ที่ไม่สามารถควบคุมการบริโภคอาหารของตนเองได้ในชั่ววูบหนึ่ง ดังนั้นบูลิเมีย จึงหมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีความรู้สึกผิดปกติ คือ เห็นอาหารแล้วเกิดความอยากบริโภค และบริโภคได้ในปริมาณมากกว่าปกติ โดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาลในการบริโภคอาหารแต่ละครั้งจะบริโภคในปริมาณมาก ในเวลารวดเร็ว เมื่อบริโภคเสร็จแล้วจะรู้สึกผิด ไม่สบายใจ และพยายามเอาอาหารที่บริโภคเข้าไปออก ด้วยวิธีการต่างๆ เช่นล้วงคอให้อาเจียน กินยาระบาย หรือออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง เพื่อใช้พลังงานจากอาหารที่บริโภคให้หมด หรือบางคนอาจใช้วิธีการอดอาหาร 2 - 3 วันเพื่อชดเชยปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารที่บริโภค…ถูกไหมคะคุณหมอยามาท” “ครับ” ยามาทหัวเราะ เขาหัวเราะอีกแล้ว น่าแปลกที่เขาสามารถพูดคุยเรื่องพวกนี้กับเธอได้ แม้กระทั่งเรอิโกะเอง เขาก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ เขายิ้มกว้างเขาเติมไวน์ให้ตนเองอีก แม้มีคนรับใช้คอยอยู่ด้านนอก แต่เขาอยากให้เวลานี้มีเพียงเขาและเธออยู่ตามลำพัง เขายินดี ถ้าต้องเป็นฝ่ายบริการหญิงสาวเองโดยไม่ต้องเรียกใครเข้ามาวุ่นวาย ขอเพียงให้เวลาแห่งความสุขนี้เนิ่นนานออกไป.
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่13. ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A