บทที่14. มีคนขวางทาง   1/    
已经是第一章了
บทที่14. มีคนขวางทาง
“คุณควรจะรอผมที่นี่” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียงยังคงยืนกรานเช่นเดิม “แต่ฉันอยากไปด้วยนี่” หญิงสาวก็ยังคงยืนยันคำตอบของเธอเช่นเคย ยามาทถอนหายใจหนักๆ เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาสีน้ำตาลที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและเชื่อมั่น หากเขายังต้องเถียงเธอต่ออีกหนึ่งนาทีทุกอย่างในวันนี้จะล่าช้าจนเสียงานการไปหมด เขาตัดสินใจเดินหลังไปหยิบผ้าคลุมศีรษะของหญิงสาวมาคลุมผมยาวสลวยที่ถูกถักเปียง่ายๆ “คุณต้องอยู่ใกล้ให้มากที่สุด” เขาเตือนเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่กลับสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหวานซึ้ง ทำให้เขาต้องรีบหันกลับและเร่งเท้าเดินนำออกมา การควบคุมอารมณ์ของตนเองเริ่มต่ำลงทุกขณะที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ การให้เธออยู่ใกล้ๆ เพื่อป้องกันอันตรายนั้นเสี่ยงกับตัวเขาเองด้วย เขาอยากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างบางเข้าให้นะสิ! “จะใกล้ชิดทุกฝีก้าวเลยทีเดียว” สการ์เล็ตต์ยิ้มร่าแล้วเดินเข้าไปนั่งในรถจิ๊ปที่จอดรออยู่แล้วโดยมีร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปนั่งตาม เมื่อทั้งคู่พร้อมรถก็เคลื่อนมุ่งหน้าไปหมู่บ้านเล็กๆ ชายแดนของบาฮาเนีย ในเบาะหลังของรถค่อนข้างกว้างและสัมภาระของทั้งสองก็อยู่ที่รถอีกคันหนึ่งซึ่งแล่นนำหน้าไปก่อนแล้ว แต่บรรยากาศในร้านสร้างความอึดอัดให้ชายหนุ่มไม่น้อย เพราะเจ้าของร่างเนียนนุ่มที่เอาแต่มองนอกหน้าต่างรถดูท่าจะไม่รู้ว่าขาของเธอเบียดขาของเขาอยู่ ความร้อนผ่านเนื้อผ้าแทรกซึมปลุกเร้าเลือดในกายให้เดือดพล่าน ค่ำคืนที่ผ่านมามันก็แสนทรมานมากพออยู่แล้ว ทว่าเวลานี้ความทรมานนั่นก็ยังคงสนุกที่จะรังแกเขาต่อไป มื้อค่ำเรียบง่ายที่แสนวิเศษผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาเจริญอาหารอย่างที่ไม่เคยเป็นและรินไวน์ให้ตนเองอย่างเพลิดเพลินเพราะมีเสียงใสๆ ช่างเจรจาอยู่ใกล้ๆ เธอช่างเป็นคู่สนทนาที่ดีนักทั้งเรื่องปัญหาทางการเมืองและเรื่องทั่วไป ทว่าเธอกลับสามารถทำให้เรื่องเคร่งเครียดกลายเป็นเรื่องตลกร้ายได้อย่างน่า อัศจรรย์ เวลาที่เธอยิ้มด้วยตาสีน้ำตาลจะเป็นประกายวิบวับล้อแสงไฟ มันเป็นเรื่องยากแสนยากที่เขาต้องจูงมือเรียวเล็กเดินกลับไปส่งที่ห้องนอนของเธอซึ่งไม่ไกลจากเขานัก เธอไม่ขัดและสะบัดมือออกจากอุ้งมือของเขา แต่เมื่อเขามอบจุมพิตที่หน้าผากและกล่าวคำราตรีสวัสดิ์ เธอกลับหันหลังให้เขาและปิดประตู สกัดความรู้สึกที่มันอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านั้น หญิงสาวทำถูกแล้ว และไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องโกรธเธอเลยสักนิด ถ้าหากทั้งคู่ยืนนานกว่านั้นแค่ครึ่งนาทีเขาอาจดันร่างเนียนนุ่มแสนหอมกรุ่นเข้าไปด้านใน แล้วกักขังเธอไว้ในอ้อมกอดตลอดคืน “ประเทศของคุณออกจะร่ำรวยไม่น่ามีปัญหาเรื่องสาธารณสุขของประชาชนนะคะ” สการ์เล็ตต์ชวนคุยเมื่อรถแล่นออกมาได้สักระยะแล้ว เธอไม่ชอบความเงียบที่รายล้อมอยู่อย่างนี้นัก เธอหวาดกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงเพระรอความหวังจากเขาก็ได้ เธอคาดหวังอะไรจากเขานะ! อย่าทำเป็นไม่รู้ไปหน่อยสการ์เล็ตต์! สารภาพมาเถอะว่าเธอคาดหวังตั้งแต่ตอนที่มือใหญ่อบอุ่นจูงเธอเดินกลับมาที่ห้องพักของเธอแล้ว เธอยังคิดเลยด้วยว่าเขาจะพาเธอไปไหน! แต่เมื่อเขาพาเธอมาหยุดยืนที่หน้าของเธอ เธอก็รู้ดีว่ามันควรหยุดแค่นี้ เธอไม่อยากให้เขาหยุดแค่จุมพิตที่หน้าผาก ความร้อนจากสัมผัสมันแผ่กระจายจนทำร่างกายที่เคยเยียบเย็นร้อนฉ่าขึ้นมาได้ในไม่กี่วินาที เธอถึงกับไร้เรี่ยวแรงทรงตัว เมื่อเขาปล่อยมือจากต้นแขนทั้งสองข้างเธอก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว ประสาทของเธอสั่งการทันทีเหมือนมีสัญญาณไฟฉุกเฉินสีแดงหมุนวนอยู่ในหัวจนเอต้องรีบปิดประตูห้องทันที เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปทำให้ค่ำคืนที่ต้องนอนอย่างเดียวดายอย่างทรมาน เธอต้องกอดตัวอย่างปวดร้าว เธออยากจะเกลียดเขานักที่ทำให้เธอหวั่นไหวแบบนี้ เขามีใครบางคนที่อยู่ข้างกายอยู่แล้ว คนที่เขาสมารถซื้อร้านของเธอราวกับมันเป็นของเล่นราคาถูก เธอควรจะเกลียดเขาใช่ไหม? เธอควรเกลียดเขาดีไหม? แต่ทำไมหัวใจมันร่ำร้องอยู่ชิดใกล้เขาเหลือเกิน “เมื่อกี้คุณถามว่าอะไรนะครับ” ยามาทถามอีกครั้ง เขาเห็นแค่ริมฝีปากขยับไปมาแต่ไม่ได้ยินเสียงของเธอ เพราะสมองมัวแต่คิดถึงรสหวานจากริมฝีปากอิ่มของเธอ “เอ่อ...” เธออึกอักแล้วฝืนทำปกติ” ฉันพูดว่าประเทศของคุณออกจะร่ำรวยไม่น่ามีปัญหาเรื่องสาธารณสุขของประชาชนนะคะ” “ความรวยไม่ได้ช่วยได้ทุกเรื่อง” เขายอมรับ โดยเฉพาะกับความรักการมีเงินมากมายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้มากนัก “แม้ว่าคุณจะเห็นความเจริญในเมืองหลวง เห็นผู้คนใช้โทรศัพท์มือถือหรือนั่งดื่มกาแฟในร้านที่มีอินเตอร์เนทแต่ไม่ใช่ว่าความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติจะหมดไป” “จริงหรือคะ” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างแปลกใจ “เรามีแพทย์หญิงน้อยกว่าความต้องการ” เขารู้สึกเหมือนกำลังคุยเรื่องเครียด “การรักษาสมัยใหม่บางก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับเสมอไป แต่เราก็ต้องยอมรับด้วยว่าสิ่งที่มีมาก่อนสร้างรากเหง้าแห่งวัฒนธรรมด้วย” “คือ...ต้องอยู่แบบเคารพซึ่งกันและกัน” เธอเสริม “ใช่และต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล” ซึ่งเขาไม่ค่อยจะมีสิ่งนั้นกับเธอนัก “คุณเลยต้องออกมาดูงานไกลขนาดนี้” เธอคลายปมบนหัวคิ้วออก “ก็ผมบอกแล้วว่าคุณควรออยู่ที่บ้าน...เย็นๆ ผมก็กลับมาแล้ว” “ฉันบอกหรือคะว่าไม่อยากมากับคุณ” เธอทำจมูกเชิดแสนงอน “ฉันก็อยากเห็นบ้านเมืองที่พ่อเคยอยู่นี่คะ” “เราไม่ได้มาทัศนะศึกษา” เขาถอนหายใจแล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เธอสามารถสร้างเรื่องธรรมดาให้เป็นเรื่องยุ่งยากและเรื่องยุ่งยากให้เป็นเรื่องธรรมดาได้ “ก็คิดแบบนั้นได้นี่” เธอยิ้มทะเล้น “คุณเคยเห็นชีวิตของฉันที่ลอนดอนแล้วขอฉันเห็นชีวิตของคุณที่นี่บ้างเถอะ” ‘เราไม่ได้เรียนรู้กันเพื่อเรื่องอื่นหรอกนะ’ สการ์เล็ตต์ต่อประโยคนี้ในใจ “ฉันอาจจะช่วยอะไรคุณไม่ได้แต่รับรองว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณแน่นอน” ‘คุณใช่ตัวถ่วงในชีวิตผมหรอกแต่เป็นหัวใจของผม’ ยามาทเก็บงำความรู้สึกนั้นในใจได้แต่พยักหน้ารับคำพูดของเธอแทนการเอ่ยปาก เขาเกรงว่าความรู้สึกจริงจากใจจะหลุดรอดออกมาให้อับอาย และยิ่งกว่าความอับอายอาจจะสูญเสียสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าเส้นทางของเขาและเธอจะเดินไปทิศทางใด มันจะเป็นเส้นขนาดที่แสนทรมานใจอย่างนี้ไปนานแค่ไหน ทว่าแม้เวลาสั้นๆ ที่เกิดขึ้นนี้เขาก็ขอเก็บมันเป็นความสุขในใจดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยแล้วไม่สามารถคว้าอะไรได้แม้กระทั้งความทรงจำ “คุณหิวน้ำไหม” เขาถามพลางหยิบกระติกน้ำขึ้นมาและไม่รอคำตอบเขาริน้ำใส่แก้วส่งให้เธอ “เรามาได้ครึ่งทางแล้วละ ก่อนเที่ยงน่าจะถึงที่หมาย” “ขอบคุณค่ะ” เธอรับแก้วน้ำจากเขา คิดอยู่ว่าโชคดีที่เขาไม่ส่งมาเป็นกระติกให้เธอต้องยกดื่ม เพราะถนนขรุขระอย่างนี้คงได้ดื่มน้ำทางจมูกแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องสำลักน้ำเพราะรถกระโดดกระดอนเด้งจนคนนั่งเสียหลัก “ขออภัยขอรับถนนแย่มาก” คนขับรีบรายงานอย่างกลัวความผิด “ไม่เป็นไร ถนนเส้นนี้เพิ่งซ่อมไปไม่ใช่หรือ” เขาก็มาเมื่อต้นเดือนที่แล้วนี่เอง “มีการลอบวางระเบิดเมื่อสัปดาห์ก่อนขอรับ” คนขับรายงาน “แต่ทางการเคลียร์สถานการณ์แล้ว” ยามาทบีบมือเรียวเล็กเบาๆ ราวกับจะปลอบโยน สถานการณ์บ้านเมืองสงบสุขดีแต่ปัญญาชนเผ่าต่างๆ ยังคงมีอยู่บ้าง แม้จะไม่รุนแรงเท่าที่เคยเป็นมาแต่องค์กษัตริย์ทรงห่วงใยราษฎร์และให้ท่านลุงคาร์ดัลลงพื้นที่เอง เท่าที่ตามข่าวก็รู้เพียงว่าทุกอย่างเริ่มคลี่คลายแล้วเขาจึงกลับลงพื้นที่อีกครั้ง “ฉันนึกว่าคุณจะทำงานอยู่แต่ในวังเสียอีก” เธอส่งแก้วน้ำคืนให้เขาแล้วมองมือทีเปียกน้ำของตนว่าจะจัดการ ‘ป้าย’ ที่ไหนดี “ถ้าอยู่แต่ในวังอย่างเดียว...ผมคงลาออกไปนานแล้ว” เขายิ้มที่มุมปากแล้วดึงมือเรียวของหญิงสาวมาเช็ดกับผ้าเช็ดหน้าของเขา แม้ว่ามือของเธอจะไม่ได้เลอะเทอะอะไรนักแต่เขาก็บรรจงเช็ดที่ละนิ้วอย่างอ้อยอิ่งจนหญิงสาวสะท้านไม่กล้าสบตากับดวงตาสีเทา “ทำไมล่ะคะ” “มันสบายเกินไปมั้ง ผมก็เลยไม่ชอบ” เขาหัวเราะออกมา “แต่การอยู่ในวังทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงแผนการดำเนินงานที่ผมสนใจได้” ‘ทำไม? ทำไมทำกับเธอแบบนี้ต่างหาก’ สการ์เล็ตต์ได้แต่พยักหน้ารับแล้วดึงมือกลับเมื่อเขาเช็ดนิ้วของเธอทั้งสิบนิ้วเรียบร้อยแล้ว แต่ความอบอุ่นยังติดปลายนิ้วของเธออยู่จนเออยากซุกมันไว้ที่อกให้ความอบอุ่นนั้นแผ่กระจายไปทั้งหัวใจ รถจี๊ปจอดนิ่งสนิทแล้วคนขับจึงลงมาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายก้าวลง ยามาทยื่นมือไปเพื่อช่วยพยุงหญิงสาวลงจากรถที่ค่อนข้างสูง มีเจ้าหน้าที่สารธารสุขออกมารอต้อนรับอยู่สามสี่คน “คุณพักที่ห้องรับรองก่อนเดี๋ยวผมขอไปจัดการงานหน่อยนะ” “ตามสบายเถอะค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอก” เธอยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจ แม้ว่าจะอยากเข้าไปดูเขาทำงานแต่ก็รู้ดีว่าไม่เหมาะ และจะยิ่งเป็นภาระมากขึ้นถ้าเธอเอาแต่ใจเดินเที่ยวชมบริเวณอนามัยเล็กๆ นี่ตามลำพัง ผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีมืดนั้นหลบสายตาเธอ มีเพียงแต่เด็กเล็กๆ ที่นั่งบนตักกล้าสบตาและยิ้มให้ รอยยิ้มของเด็กน้อยมันช่างเป็นสากลนัก บริสุทธิ์ไร้เดียงสาและทำให้โลกสดใส เธอก็อยากเข้าไปถามว่าเด็กๆ หรือผู้เป็นแม่ป่วยไข้ไม่สบายอะไร แต่เธอไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาของพวกเขาได้จึงได้แต่มองดูอย่างสงบเท่านั้น ยามาทรับฟังรายงานการประชุมอยู่ราวสองชั่วโมงเศษ การมารับฟังปัญหาเองทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อใจรัฐมากขึ้น การทำงานก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมารายงานเรื่องอาหารกลางวันที่จะเตรียมพร้อมแล้ว ทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่ามันเป็นมื้อเที่ยงที่เลยเที่ยงจนค่อนบ่ายสองแล้ว และเขาก็บ้างานจนลืมไปว่า...เขาปล่อยเธอทิ้งไว้ตามลำพังโดยไม่รู้ว่ามีใครนำขนมของว่างให้เธอทานบ้างหรือยัง ก็เพราะแบบนี้แหละนะ! ที่ทำให้เขาไม่กล้าแต่งงาน “คุณผู้หญิงที่มากับผมละ” ยามาทเอ่ยถามกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง “เล่นอยู่กับเด็กๆ ที่ห้องผู้ป่วยเด็กครับ” ‘เล่น?’ ชายหนุ่มเลิกคิ้วอยากแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็เดินตามหลังเจ้าหน้าที่ท่านนั้นไปที่ห้องตรวจรักษาโรคเฉพาะทางของเด็ก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขายิ้มออกมา มันไม่ต่างจากที่เขาเคยเห็นในโรงพยาบาลนัก ดูเธอมีความสุขกับการเป็นนางฟ้าที่มีเด็กๆ รายล้อมอย่างนี้ หากสมบัติที่เขามีทุกชิ้นบนโลก เงินทองในธนาคารที่เป็นชื่อของเขาแลกกับรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสาของเธอได้ เขายินดีแลกแม้จะเป็นลมหายใจของเขาเองก็ตาม “มีแต่อาหารธรรมดาๆ แบบชาวบ้านๆ เท่านั้นครับคุณหมอยามาท” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงานอย่างเกรงใจไม่กล้าสบตาทั้งหมอยามาทและแขกสาวของหมอ “ไม่เป็นไรพวกคุณทานยังไงเราก็ทานเหมือนกัน” เขายิ้มบางๆ แล้วมองหญิงสาวที่เขาเชื่อว่าอาหารตรงหน้านี้ถูกปากเธอแน่ๆ “เขาพูดว่าอะไรคะ” สการ์เล็ตต์เอียงคอถามเบาๆ สีหน้าสำนึกเหมือนทำความผิดของเจ้าหน้าที่ทำให้เธอหวาดหวั่นว่าตนเองทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรหรือเปล่า แต่เธอแค่เล่นสนุกกับเด็กนี่นะ เพลงที่เด็กน้อยอาลีเคยสอนเธอร้อง “พวกเขาเกรงว่าคุณจะทานอาหารบนโต๊ะนี่ไม่ได้” เขากระซิบตอบแต่แอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ปนกับกลิ่นเหงื่อจางๆ แสนรัญจวนใจ “นี่น่าทานมากๆ เลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง “ฉันต่างหากที่เกรงว่าพวกเขาจะตกใจถ้าฉันทานอาหารหมดโต๊ะนี่” “พวกเขาจะยิ่งดีใจ” เขาพูดแล้วพยักหน้าให้ทุกคนร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน เขาหยิบขนมปังพิต้าส่งให้เธอ “ทานกับบาบากานูจ (Baba Ghanough) ซิอร่อยมาก” “บาบากานูจ” เธอเลี่ยนน้ำเสียงของเขา “ทำมาจากอะไรคะ” “ก็คือมะเขือม่วงย่างแล้วปอกเปลือกก่อนนำไปบดผสมกับกระเทียมซอย,เทฮินา (Tehina) ซึ่งก็คือ งาบดจนข้น น้ำมะนาว น้ำมันมะกอก โยเกิร์ต เกลือและพริกไทย บาบากานูจรับประทานกับขนมปังพิต้าอร่อยมาก” เธอทำตามแบบเขาแล้วอ้าปากคำโตเคี้ยวขนมปังพิต้ากับบาบากานูจอย่างเอร็ดอร่อย หญิงสาวยิ้มออกมาเมื่อกลืนอาหารรสชาติแปลกลงคอ รอยยิ้มจริงใจของเธอทำให้หลายคนในโต๊ะอาหารโล่งอกแล้วรับประทานอาหารอย่างมีความสุขขึ้น เขาชอบนักที่เธอทำตัวเรียบง่ายและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างดีเช่นนี้ เขาเคยฝันว่าจะมีใครสักคนที่ร่วมเดินไปไหนต่อไหนกับเขาได้โดยไม่หวาดกลัวความยากลำบาก ถึงอย่างนั้นเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ บางทีสการ์เล็ตต์อาจจะแค่ตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ จะมีใครอยู่ได้ทั้งชีวิตหรือเปล่านั้น มันอาจเป็นเพียงความฝันเท่านั้น “ท่าทางพวกเขาจะเกรงๆ คุณนะคะคุณหมอยามาท” เธอลากเสียงยาวเหมือนจะล้อเลียนมากกว่าจริงจังกับคำพูดของตน “หมอก็เหมือนนักปราชญ์ได้รับการยอมรับนับถือเช่นกัน” เขาอธิบายแต่เพลินตากับการจ้องมองเธอรับประทานอาหารมากกว่า “เข้าใจค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้วหยิบพิต้าส่งให้เขา “คุณก็ควรทานอะไรบ้างนะคะ คุณทานน้อยมากเดี๋ยวจะไม่สบายเสียเอง” ภาพสองหนุ่มสาวที่หยิบยื่นอาหารให้กันด้วยรอยยิ้มทั้งปากและดวงตาทำให้ผู้ร่วมรับประทานอาหารอดยิ้มบ้างไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังต้องก้มหน้าเพื่อไม่ให้เสียมารยาท หลายคนที่เคยทำงานร่วมกับยามาทยังต้องยอมรับเลยว่า คุณหมอหน้าขรึมขวัญใจสาวๆ คนนี้ดูมีความสุขสดชื่นเมื่อมีหญิงต่างชาติคนนั้นชิดใกล้ บ่อยครั้งที่หมอยามาททำงานจนลืมเวลารับประทานอาหาร และบ่อยครั้งที่ทุมเทกับงานจนลืมดูแลตนเอง แม้ว่าหมอยามาทจะเป็นคนแข็งแรงและสุภาพดีก็เถอะทว่าการใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงเพราะเรื่องงานเป็นสิ่งหนึ่งที่บั่นทอนสุขภาพ แต่หากมีใครสักคนคอยดูแลเอาใจใส่อย่างนี้ คุณหมอยามาทของทุกคนคงไม่มีวันเจ็บป่วยแน่ๆ ยามาทประชุมต่อในช่วงบ่ายที่เริ่มเอาเกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว แต่ที่สำคัญที่ทำให้การทำงานยังดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขัดเพราะหญิงสาวที่ตามมาด้วยนั้นยังสนุกสนานอยู่กับเด็กๆและคอยช่วยพยาบาลคนอื่นๆ ดูแลเด็กที่เจ็บป่วยอีกด้วย แม้สนทนากันไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็สื่อความรู้สึกถึงกันได้ทุกคนชื่นชอบความเป็นกันเองและไม่ถือตัวของสการ์เล็ตต์ เมื่อยามาทเสร็จประชุมก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว “เราต้องเดินทางกลับแล้ว” ยามาทบอกกับทุกคนที่พยายามเชิญชวนให้เขาอยู่ต่อเพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน “พรุ่งนี้เรามีงานที่อื่นต้องขออภัยทุกท่านจริงๆ” “วันนี้ฉันสนุกมากเลย ขอบคุณทุกคนนะคะ” สการ์เล็ตต์กล่าวลากับทุกคน ก่อนจะก้าวขึ้นรถจิ๊ปที่จอดรออยู่ หญิงสาวโบกมือลาเด็กๆ จนรถแล่นออกมาหาห่างสุดสายตาแล้ว แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกหนักที่ไหล่ด้านหนึ่งจนทำให้เธอจึงหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ศีรษะสวยและเรือนผมสีดำหนานุ่มของเขาพิงซบไหล่ของเธออย่างอ่อนล้า ดวงตาสีเทาซุกซ่อนใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท เธอไม่คิดว่าเขาจะหลับเร็วขนาดนี้ทั้งที่รถเคลื่อนออกมาได้ไม่ไกลนัก แต่หน้าที่การงานที่หนักหน่วงของเขา ไม่น่าแปลกใจนักหรอกถ้าเขาจะหลับอย่างหมดเรี่ยวแรงอย่างนี้ “คุณหมอคงจะเหนื่อยมากนะขอรับ” คนขับรถเอ่ยข้ามเบาะรถ “คุณหมอเป็นแบบนี้บ่อยหรือคะ” เธอถามเบาๆ แล้วขยับตัวให้เขาได้หนุนไหล่เธอสบายๆ “พอขึ้นรถก็หลับเลยขอรับ” คนขับรถเอ่ยอย่างสุภาพ “ท่านเหนื่อยมาก แต่ยังสละความสุขความสบายส่วนตัวมาทำงานนอกวังในเขตทุระกันดารอย่างนี้” หากเธอไม่เห็นกับตาตัวเองว่าหมอยามาททุ่มเทแรงกายแรงใจในหน้าที่การงานขนาดไหนเธอคงคิดว่าคำสรรเสริญนั่นเกิดความจริง ลมหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มทำให้จิตใจเธอพลอยสงบไปด้วย เธอนับจังหวะลมหายใจตัวเองผสานกับลมหายใจของเขา แม้รถจะเคลื่อนไปตามถนนที่ขรุขระและความมืดที่โรยตัวลงมาปกคลุม ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนโลกกำลังหยุดนิ่งเพื่อให้หัวใจสองดวงเต้นผสานจังหวะเดียวกัน แล้วจู่ๆ สการ์เล็ตต์ก็เหมือนถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนลืมตาโพลงอย่างตกใจ แต่มือของเธอยังเร็วพอที่จะประคองศีรษะของชายหนุ่มไม่ให้กระแทกกับเบาะรถ “เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวถามอย่างตกใจ “มีคนขวางทางเราขอรับ” คนขับรายงานเสียงสั่น “และดูท่าทางพวกเขาจะมีอาวุธด้วย” “พวกเขา! อาวุธ!” น้ำเสียงเฉียบขาดของชายหนุ่มทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกอุ่นใจ ในยามสถานการณ์คับขันใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอกลับเคร่งครึมเด็ดขาดพร้อมจะปกป้องเธอได้.
已经是最新一章了
加载中