บทที่13.มาทำงานไม่ได้มาเที่ยว   1/    
已经是第一章了
บทที่13.มาทำงานไม่ได้มาเที่ยว
มันเป็นคืนที่วันคือที่ยาวนานในความรู้สึก ลักษณ์ณาราบอกกับตัวเอง ระลึกและรับรู้ถึงคนตัวใหญ่ที่นอนเบียดอยู่บนเตียงเดียวกัน เธอใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา เมื่ออยู่ใกล้จึงได้มองเห็นแม้กระทั้งเคราบางที่เริ่มเขียวครึม เธอจำได้ถึงประโยคสุดท้ายที่พูดกับเขาร่วมกระทั่งรสจูบจากริมฝีปากของเขาที่ทำให้เธอต้องเผลอเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อคิดถึง การ์เร็ต แบล็ค เจ้าของฉายาคาสโนว่าตัวพ่อยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่รบกวนการหลับของเธอ เธอไม่เสียเวลาคร่ำครวญถึงท่อนแขนที่พาดทับบนตัวเธอ มือเรียวยกแขนของเขาออกแล้วค่อยลุกขึ้นเหลียวมองเขาอีกนิดก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำและดูเหมือนว่าเมื่อเธอออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันกายเปลือยเปล่านั้น ก็พบว่ามีดวงตาสีเขียวลึกล้ำคู่นั้นจ้องมองอยู่ “ดูคุณสุขสบายดีนะ” เขาประชดพลางขยับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงมองเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งเดินไปค้นเสื้อผ้าในตู้ของเขา “ไม่มีชุดผู้หญิงหรอก ผมไม่พาใครมาค้างที่นี่” “ถ้าอย่างนั้นคงต้องยืมชุดคุณใส่ก่อน เสื้อผ้าของฉันผึ่งลมไว้ สายๆ คงจะใส่ได้แล้วล่ะ” “เดี๋ยวคุณค่อยไปเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่เถอะ” “ถ้าคุณจะบอกฉันให้เตรียมตัวก่อนมาที่นี่ คงไม่ต้องลำบากหาเสื้อผ้าใส่หรอก” เธอบ่นพลางค้นตู้เสื้อผ้าของเขาได้เสื้อยืดกับกางเกงผ้าฝ้ายมีเชือกผูกเอวซึ่งดูว่ามันคงจะดีที่สุดที่พอจะหาได้ในเวลานี้ “ผมไม่มีปัญหาหรอกนะถ้าคุณจะไม่ใส่อะไรเลย” การ์เร็ตคอยากจะพุ่งเข้าไปหาแล้วรวบร่างนั้นมากอดให้หายทุกข์ทรมาน กว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็นานหลายชั่วโมงจนไม่รู้หลับไปตอนไหนแต่จะว่าไปก็เป็นค่ำคืนอันแสนแปลกประหลาด เขาไม่ได้วางแผนมาเพื่อที่จะ...ไม่รู้ซิ ความจริงก็ไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ แน่นอนว่าทุกอย่างมันเริ่มแค่ที่เขาอยากดึงเธออกมาจากผู้ชายคนนั้น แต่เมื่อได้ใช้เวลาสั้นๆ อยู่ร่วมกันเขายอมรับว่าประทับใจในตัวเธอมาก มันควรจะเริ่มที่จูบนั้นและจบด้วยจูบ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในชีวิตเมื่อมีเซ็กส์กันก็จบ เขาควรจะชินแล้วกับการหลับเพียงลำพังและนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการและบอกกับผู้หญิงคนอื่นๆในชีวิต ความไม่ชอบความผูกพันที่มันยืดเยื้อ เธออาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาจูบโดยไม่มีเซ็กส์และหลับด้วยทั้งคืนโดยไม่ผลักไส นั่นคือสิ่งที่เขาต้องหาคำตอบต่อไป “ฉันหิวกาแฟ คุณอยากได้ไหม?” เธอถามเมื่อสวมเสื้อผ้าของเขาเรียบร้อยแล้ว มันหลวมและใส่สบายอาจเพราะเป็นผ้าเนื้อดีแม้จะเป็นเพียงเสื้อผ้าง่ายๆ ก็ตาม “ถ้าเผื่อผมได้ก็จะขอบคุณมาก แล้วผมก็คิดว่าคุณจะแฮงค์มากเสียอีก” “ของแค่นั้นฉันรับมือได้” ลักษณ์ณาราหัวเราะแล้วผลักบานประตูเดินออกมา เธอเดินเข้ามาในครัว จัดการเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนโชคดีที่ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้อย่างปกติ หญิงสาวเดินมาผลักบานหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก ดูเหมือนว่าต้องใช้กำลังคนและเวลาในการจัดการเก็บกวาดเศษขยะและกิ่งไม่ที่ระเกะระกะอยู่ด้านนอก แผ่นดินที่ถูกโอบกอดด้วยทะเลคงไม่อาจหลีกเลี่ยงเรื่องพายุได้ คนนี้ที่คงชินกับการรับมือเรื่องนี้ “ดูท่าทางจะมีผมคนเดียวที่แฮงค์” การ์เร็ตเดินเข้ามาซ้อนอยู่ด้านหลังร่างบาง สองมือยกขึ้นทาบกรอบหน้าต่างเอนร่างชิดร่างของหญิงสาวเบาๆ เหมือนจงใจจะหยอกล้อ “กาแฟดำน่าจะช่วยได้” เธอพูดปนหัวเราะเมื่อหมุนตัวกลับจึงรู้ตัวว่าอยู่ในวงแขนของเขา กลิ่นครีมอาบน้ำแบบผู้ชายชวนให้รู้สึก...อยากสูดดม “ท่าทางคุณจะไม่ได้แฮงค์เพราะไวน์เมื่อคืนนะ” รอยยิ้มเยาะปรากฏที่มุมปากอย่างเปิดเผย เธอคงพูดได้ไม่เต็มปากนักหรอกว่ารู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร “ทำเป็นปากดี” เขาเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ยอมเบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอหลุดจากวงแขน ลักษณ์ณาราเดินไปในครัวแล้วชงกาแฟสำหรับคนสองคน “ชาวบ้านแถวนี้จะเป็นยังไงบ้าง” “พายุแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก” การ์เร็ตยื่นมือไปรับถ้วยกาแฟจากเพื่อนร่วมเตียงนอน เขายังหน้าตึงปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเหมือนเธอไม่ได้ แต่นั้นทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมา นิ้วเรียวยื่นมาบริเวณหน้าผาก การ์เร็ตเหลือบตามองการกระทำของเธอ และในนาทีต่อมาเธอก็ดีดนิ้วใส่หน้าผากพร้อมเสียงหัวเราะงอหงาย “คุณทำบ้าอะไรเนี้ย” “ช่วยเรียกสติไง” “ของแบบนี้มันช่วยได้เรอะ” เขาหงุดหงิดแต่ก็ยอมรับว่ามันทำให้เมฆหมอกในใจเบาบาง “คุณทำอะไรเป็นสิ่งแรกกับผู้หญิงที่คุณมีอะไรด้วย” เธอถามอย่างตรงไปตรงมาไม่มีแววเขินอายเหมือนผู้หญิงคนอื่น การ์เร็ตยกกาแฟดำขึ้นจิบทำท่าครุ่นคิด “ก็ไม่มีอะไรนี่ ถ้าอยู่โรงแรมก็สั่งพนักงานให้ดูแลจัดการตามแต่คุณผู้หญิงต้องการ” “แล้วตัวคุณล่ะ?” “ผมต้องทำอะไรด้วยรึ” “ไม่ๆ ฉันถามว่าคุณทำอะไรต่อ” “ผมไม่ชอบหลับกับคนแปลกหน้า ส่งเธอกลับแล้วผมก็แยกกลับมานอนที่ห้องตัวเองหรือไม่ก็ทำงานหรือทำอะไรไป” เขายักไหล่ แต่เขาก็เพิ่งหลับกับเธอไปนี่นะ “โอเค เข้าใจล่ะ คราวนี้คุณฟังฉันนะ” ลักษณ์ณาราชี้นิ้วที่ปากตัวเองเหมือนอยากให้เขาตั้งใจฟัง “ฉันทำแบบคุณไม่ได้ ถ้าเราเป็นคนอื่นที่ไม่ต้องเจอกัน ไม่ต้องทำงานร่วมกัน หรือไม่ต้องพบกันตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ฉันคงปล่อยอารมณ์ไปกับคุณ แต่ฉันรู้ว่าเช้านี้ยังต้องเจอคุณ ยังต้องทำงานร่วมกันและยังต้องพบกันอยู่ซึ่งมันอาจจะไม่ตลอดชีวิตก็ได้ ฉันไม่รู้จะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง คุณเข้าใจไหม? นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องปฏิเสธคุณ” การ์เร็ตพยักหน้ารับแต่ก็หวังว่าเธอจะยกเว้นเขาจากกฎที่เธอตั้งไว้ “แต่ก็ขอบคุณนะคะ เมื่อคืนฉันก็ต้องหักห้ามตัวเองไม่ให้ใช้กำลังปลุกปล้ำคุณ” คราวนี้การ์เร็ตหลุดเสียงหัวเราะจนแทบสำลักกาแฟ เขาชะโงกข้ามโต๊ะอาหารที่เวลานี้เป็นโต๊ะสำหรับการจิบกาแฟมาใกล้ๆ คนปากเก่ง “ถ้าคุณชอบแบบนั้นผมก็ยินดีนะ ผมจะยอมเล่นตามบทที่คุณต้องการเลย จะเอามัดจะขึงตรึงผมไว้กับเตียงก็ยินดีนะ ผมรับได้ทุกรูปแบบ” ลักษณ์ณาราหัวเราะออกมา ดีที่กาแฟของเธอหมดแก้วแล้วไม่อย่างนั้นคงได้พ่นของเหลวใส่หน้าเขา “เอาเถอะค่ะ ฉันจะรับไว้พิจารณา ว่าแต่งานของวันนี้จะเริ่มกันกี่โมงคะ” “เริ่มตอนที่ผมพร้อม และผมคิดว่าก่อนอื่นคงต้องหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้คุณก่อน” ชายหนุ่มยิ้มและผ่อนคลายลงมาก บางทีเขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่มีกับผู้หญิงบ้าง และคนแรกก็คือผู้หญิงตรงหน้าเขานี่เอง สายของวันบุรินทร์ขับรถมาหาเจ้านายซึ่งยืนหน้านิ่งรอเขาอยู่หน้าบ้านพัก ข้างกายมีหญิงสาวผมยาวประบ่าส่งแม้จะสวมเสื้อผ้าชุดเดิมของเมื่อวานแต่ก็ยังยิ้มหวานทักทาย ดูท่าทางไม่ใช่คืนหรรษาของเจ้านายเสียแล้ว “สวัสดีครับนาย สวัสดีครับคุณลักษณ์ณารา” “สวัสดีค่ะคุณบุรินทร์ที่บ้านเป็นยังไงบ้างคะ เจอพายุเล่นงานหนักหรือเปล่า” ลักษณ์ณาราถามด้วยความกังวล “พายุแค่นี้ไม่หนักหนาครับ เคยเจอหนักกว่านี้มาแล้ว” บุรินทร์ตอบแล้วมองหน้าเจ้านาย “ทานข้าวเช้ากันก่อนค่อยไปคุยกับชาวบ้านนะครับ” “ดีค่ะ” ลักษณ์ณาราหันไปมองการ์เร็ตที่ยังทำหน้านิ่งแต่ก็พยักหน้ารับแล้วปล่อยให้บุรินทร์เดินนำกลับมาที่รถ ทั้งหมดขึ้นรถกระบะสี่ประตูแล้วมุ่งหน้าไปร้านอาหารไม่ไกลนัก หญิงสาวสำรวจสองข้างทาง คงจะเป็นอย่างที่บุรินทร์สำหรับคนที่นี้พายุขนาดนี้ไม่เรียกว่าหนักหนา หากแต่เธอเพิ่งเคยติดเกาะครั้งแรกจึงตื่นตระหนก เมื่อถึงร้านอาหารบุรินทร์จอดรถแล้วเดินนำทั้งสองเข้ามาด้านในร้าน โต๊ะอาหารในมุมที่ดีที่สุดถูกจัดเตรียมไว้แล้ว อาหารทะเลหลากเมนูถูกนำมาเสิร์ฟทันที “ผมเป็นคนทานอาหารเช้า แค่กาแฟไม่อยู่ท้องหรอก” “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” ลักษณ์ณารายิ้มทะเล้น มีหรือที่เธอจะพลาดอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ แบบนี้ “กินไปคุยไปไม่ถือนะ” เขาพูดพลางสั่งให้พนักงานตักข้าว “ถือทำไมละคะ” เธอแสร้งทำขมวดคิ้ว การ์เร็ตได้แต่จ้องเขม็งแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก ‘ฝากไว้ก่อน’ เขาพูดแบบไม่ออกเสียงแต่ลักษณ์ณาราก็เข้าใจ บุรินทร์มองเจ้าสลับกับหญิงสาวไปมาแล้วกลั้นหัวเราะ เขาเองก็สนใจใคร่รู้ว่าหญิงสาวสวยและเต็มไปด้วยความมั่นใจคนนี้เป็นใคร แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามเพราะรู้ดีว่าถ้าเสนอหน้าไปผิดจังหวะ เจ้านายไล่เขาออกจากงานได้ไม่ยากเลย “เรื่องที่ดินติดขัดอะไรไหม?” การ์เร็ตเปิดปากถามบุรินทร์ทั้งที่ยังคงทานอาหารเช้าที่เริ่มเกือบสิบโมงอยู่ “ก็ยังมีบางคนที่ไม่เข้าใจครับ” “เรื่องสร้างโรงแรมรึคะ” ลักษณ์ณาราถามเพื่อความแน่ใจ การ์เร็ตพยักหน้าแทนคำตอบแล้วหันไปบอกให้บุรินทร์หยิบแฟ้มเอกสารส่งให้ลักษณ์ณาราดู เธอเอียงตัวอ่านเอกสารโดยที่มือหนึ่งยังจับช้อนส้อมค้างอยู่ แล้วคิ้วเรียวก็ขมวดเป็นปมจนการ์เร็ตสังเกตเห็น “อยากถามอะไรหรือเปล่า” ลักษณ์ณาราเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าแล้วเคาะนิ้วที่กระดาษแผ่นนั้น “มันใช่จริงๆหรือคะ” “ทำไมล่ะ?” “แนวคุณมันต้องหรูหราอลังการสำหรับไฮโซหรือเซเลบฯ ไม่ใช่หรือคะ” “แล้ว?” เขาจ้องตาคู่สวยและรอคอยคำพูดของเธอ “บ้านพักสไตล์รีสอร์ทสิบสองหลังแถมออกแนวครอบครัวมาพักผ่อน?” คาสโนว่าอย่างการ์เร็ต แบล็คนะหรือ? คนที่ไปจีบผู้หญิงที่มีสามีแล้วนี่นะจะคิดอะไรที่มันเกี่ยวกับครอบครัวได้ “คุณเข้าใจถูกแล้ว” เขายิ้มแบบคนที่เหนือกว่าปนสะใจที่ทำให้เธอประหลาดใจได้ “คนระดับคุณทำโรงแรมหรูสามสี่ร้อยห้องก็ยังไหว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นรีสอร์ทสไตล์ครอบครัวแบบนี้” เธอยอมรับว่าประหลาดใจกับแนวคิดของเขา แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั้นแหละว่ามันเป็นแนวคิดที่เธอพอใจ เพราะวิถีชีวิตของคนแถบนี้แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรไปเลย “เรื่องสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กนี่ผมโอเคนะ ที่นี่ควรมีมากกว่าคลินิก อย่างน้อยต้องดูแลรักษาเบื้องต้นได้ ทั้งลูกค้าของรีสอร์ทที่อาจต้องใช้บริการของโรงพยาบาลและคนในท้องที่ก็ต้องได้รับการดูแลเท่าเทียมกัน” “โรงพยาบาลทั้งหลังไม่ใช่มีแค่ตึกกับเตียงนะคะ ไหนจะเครื่องไม้เครื่องมือ ไหนจะบุคลากรอีก” ลักษณ์ณาราท้วงเขาเพราะกลัวว่าหากเขาให้คำสัญญากับชาวบ้านแล้วทำไม่ได้ มันจะยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจพวกเขาและนำพามาซึ่งการฟ้องร้องในที่สุด แล้วชาวบ้านตาดำๆ จะไปชนะนายทุนได้หรือ? “ก็เพราะแบบนี้ผมถึงต้องการเชิญคุณดารัณมาเป็นปรึกษาเรื่องสร้างโรงพยาบาลไงครับ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “เข้าใจแล้วคะ” ลักษณ์ณาราถอนหายใจเบาๆ “ฉันจะประสานงานกับดารัณให้เองคะ” “ได้ยินแบบนี้แล้วก็สบายใจ” เขาพยักหน้า “ทานเสร็จแล้วคุณอยากเดินเล่นรอบๆ นี้ก็ได้นะ ผมขอคุยงานกับลูกน้องหน่อย” “รับทราบค่ะ” การ์เร็ตรวบช้อนแล้วขอตัวลุกขึ้นเดินไปคุยงานทางอื่น ลักษณ์ณาราทานอาหารต่อจนอิ่มแล้วจึงลุกเดินบ้าง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา เมื่อคืนช่วงไฟฟ้าดับเผลอทำโทรศัพท์หล่นพื้น ลงทุนคลานเข่าควานหาแต่กลับเข่ากลับทับโทรศัพท์ของตัวเอง มันดับสนิทจนไม่รู้จะทำให้ยังตื่นได้ มือถือติดต่อไม่ได้แบบนี้กลัวใครๆ จะเป็นห่วง ลักษณ์ณาราจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ของร้านอาหาร ขอใช้โทรศัพท์ของที่ร้านโทรไปยังกรุงเทพฯ “ที่ร้านเป็นยังไงบ้าง” “ก็เรียบร้อยดีค่ะพี่หนิง” หนูนารายงาน “มีเพื่อนมาช่วยใช่ไหม” “ค่ะพี่หนิง” “ก็ดีแล้ว พี่ว่าจะหาคนมาช่วยหนูนาทำงานอยู่ อยู่ร้านคนเดียวกลัวจะเหงา” “แหม! เพิ่งรู้หรือคะว่าหนูนาอยู่เฝ้าร้านคนเดียวประจำเลย” ปลายสายหัวเราะระรื่น “เที่ยว เอ๊ย! ทำงานให้สบายใจเถอะค่ะ ทางนี้ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง” “อ้อ! มือถือพี่เสียนะ ถ้าติดต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจ ยังไงพี่จะโทรหาบ่อยๆ” “แหมๆ ปกติก็หายหน้าไปเป็นอาทิตย์นี่ค่ะ ทำเหมือนไม่เคยทิ้งหนูนาเฝ้าร้านคนเดียว” “จะย้ำอะไรนักหนายะ” ลักษณ์ณารารู้สึกว่าตัวเองถูกย้ำที่ทำผิดต่อหนูนา ถึงหนูนาจะเป็นลูกจ้างแต่เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมากกว่านายจ้างกับลูกจ้าง “ไปทำงานเถอะค่ะพี่หนิง เดี๋ยวหนูนาบอกคุณป้ารดาเอง แต่คุณป้ารดาไปทัวร์เก้าวัดเก้าวาอยู่นี่คะ คงไม่มีใครเป็นห่วงพี่หนิงหรอกค่ะ” “จ๊ะ ขอบใจนะ” เสียงหัวเราะของหนูนาทำให้ลักษณ์ณาราแอบทำหน้ามุ่ย แหม! ไม่ต้องพูดตรงมาตรงไปนักก็ได้ เธอรู้ดีว่าชอบเดินทางและถ้าได้ออกจากบ้านทีก็หลายวันกว่าจะกลับ “ขอบคุณค่ะ” ลักษณ์ณาราเอ่ยกับเจ้าของร้านที่ให้ยืมใช้โทรศัพท์ “แถวนี้มีร้านขายเสื้อผ้าของใช้บ้างไหมคะ” “เยอะแยะค่ะ เดินเลาะเลียบหาดไปมีสวยๆเยอะเลยค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มขอบคุณ “อ้อ! ถ้าคุณการ์เร็ตถามก็บอกว่าฉันไปเดินเล่นเดี๋ยวจะกลับมานะคะ” หญิงสาวหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่แล้วเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนเลียบชายหาด ฟ้าใสแดดสวยแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อคืนเพิ่งมีพายุกระหนำเข้ามา ใจจริงหญิงสาวอยากได้เสื้อผ้าประเภทผ้าบาติกสวยๆ สักชุดสองชุด เผื่อว่าจะออเดอไปขายที่ร้าน ไม่ได้คิดว่าจะซื้อใส่เพื่ออยู่ที่นี่ต่อหรอกนะ หลังจากเดินดูอยู่หลายร้านก็เจอแบบที่ถูกตาต้องใจแต่ลักษณ์ณาราพกเงินสดติดตัวมานิดหน่อยไม่พอจะซื้อเสื้อผ้า อย่าว่าแต่เสื้อผ้าเลย ตอนนี้แค่ซื้อมือถือสำรองแบบไม่ต่ออินเตอร์เนทก็ยังพอด้วยซ้ำ เธอถอยหลังและคิดจะมองหาตู้ ATM เพื่อกดเงินสดออกมาซื้อของ “ชอบแล้วทำไมไม่ซื้อล่ะครับ” “คุณการ์เร็ต” ลักษณ์ณาราประหลาดใจที่เห็นเขาอยู่ด้านหลังเธอ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก” เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองดูเสื้อผ้าชุดที่เธอจ้องมองอยู่นาน ราคามันเฉียดพันบาทแต่ก็สมราคาเพราะเป็นผ้าไหมบาติกสีสดใส “คุณรู้ได้ไงว่าฉันชอบชุดไหน” “ก็เห็นคุณมองตั้งนาน ก็โอเคนะเหมาะกับคุณดี” แน่นอนรูปร่างสวยๆอย่างเธอใส่ชุดอะไรก็ดูดีทั้งนั้นล่ะ หรือถ้าไม่ใส่ก็จะยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่ “เงินฉันไม่พอ ว่าจะไปกด ATM ค่ะ” “ตู้ ATM อยู่ไกล เอาซิ ถ้าอยากได้ผมซื้อให้” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันซื้อเองได้ เอาอย่างนี้ฉันยืมเงินคุณก่อนแล้วกัน” “บอกว่าซื้อให้ก็ซื้อให้ซิ” เขาเริ่มหงุดหงิดเพราะเธอขัดใจ ดึงข้อมือเธอไว้แล้วกึ่งลากกึ่งจูงเข้ามาในร้าน เรียกแม่ค้าเพื่อหยิบเสื้อผ้าชุดนั้นให้หญิงสาว “เก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทค่ะ” แม่ค้าบอกราคาด้วยรอยยิ้ม การ์เร็ตเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วก็ต้องทำหน้ายุ่ง มีเงินในกระเป๋าเหลือเพียงธนบัตรสีแดงใบเดียว เขาเองก็ไม่ค่อยได้พกเงินสดนัก เขาหยิบบัตรเครดิตการ์ดออกมา “เอ่อ...ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ ไม่รับบัตรเครดิตค่ะ” พนักงานกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ ลักษณ์ณาราเอนตัวมาใกล้ ใกล้เสียจนแก้มเธอชิดต้นแขนของเขาและทำให้เธอมองเห็นสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์หนังใบงามของเขา หญิงสาวหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน “คุณนี่ไร้มารยาทเสียจริง” การ์เร็ตตำหนิ แต่เปล่าหรอก เขาอายที่เศรษฐีอย่างเขาไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าให้หญิงสาวทั้งที่ราคามันไม่ได้แพงอะไรเลย “ฉันไม่เคยรู้เลยว่ากระเป๋าเงินเศรษฐีพันล้ายอย่างคุณจะมีเงินแค่ร้อยเดียว” ลักษณ์ณาราหัวเราะจนตัวงอแล้วตบไหล่เขาประหนึ่งเพื่อนให้กำลังใจกัน “ผมจองชุดนี้ เดี๋ยวผมโทรบอกให้บุรินทร์เอาเงินมาจ่ายก็แล้วกัน” เขาแก้ปัญหาได้อยู่หรอกแต่เขาไม่เคยถูกใครหัวเราะเพราะไม่มีเงินแบบนี้มานานแล้ว ใช่...บางทีเขาก็หลงลืมช่วงเวลาที่ยากจนไร้เงินสักเหรียญเดียวในกระเป๋า การ์เร็ตหยิบโทรศัพท์แล้วบอกบุรินทร์ให้รีบมาทันที “ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร” ลักษณ์ณารายิ้มให้ “ไหนก็มาแล้ว ซื้อชุดว่ายน้ำด้วยซิ มาทะเลทั้งทียังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลยนะ” “มาทำงานไม่ได้มาเที่ยวนะคะ” หญิงสาวขมวดคิ้ว “ก็ใช่ไง เรามาเรื่องงานกัน แต่คุณมาถึงทะเลทั้งทีจะไม่เล่นน้ำทะเลหน่อยหรือ หรือคุณกลัวอะไร” “มีอะไรให้ฉันกลัวนักหรือคะ” เธอเชิดหน้าถามอย่างท้าทาย “ก็ผมไง” เขายักคิ้ว “คุณกลัวที่จะอยู่ใกล้ผม” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปวดสะกดอารมณ์ให้ให้เหวี่ยงและวีนใส่เขา เธอเดินกระแทกส้นเท้าไปเลือกชุดว่ายน้ำแล้วส่งให้แม่ค้า “เอาชุดว่ายน้ำด้วยค่ะ!”.
已经是最新一章了
加载中