ตอนที่ 48 หมั้นหมาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 48 หมั้นหมาย
ตอนที่ 48 หมั้นหมาย “คุณผู้หญิง คุณหนูส้งคะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของพวกคุณเป็นอย่างมาก ต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้กับพวกคุณ แต่ดิฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ท่านประธานเย่ใกล้จะมาถึงแล้ว อาหารเย็นก็ใกล้จะเริ่มแล้ว ได้โปรดอย่าให้ดิฉันคนเดียวไปทำลายงานเลี้ยงวันเกิดของคุณเย่เลยค่ะ” ส้งหลิงหลิงทนต่อไปไม่ไหว เธอได้แสดงความห่วงใยต่อคนรับใช้ของตระกูลเย่ออกมา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก “ก็ดี แต่ถ้าคิดว่าไม่ไหว ก็บอกท่านพ่อบ้านได้ตลอดเวลา ให้เขาพาไปหาหมอแล้วกัน” ฝู้เฟิ่งหยีพูดจบก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับส้งหลิงหลิง “ยืนมาตั้งนาน เหนื่อยแล้วใช่มั้ยลูก? รีบนั่งลงก่อน รออีกสักพัก พ่อของโม่เอ๋อก็จะมาแล้ว” ไม่มีใครกังวลต่อเซี่ยชีหรั่นอีก เธอยืนข้างส้งหลิงหลิงอย่างเงียบๆ พยายามทนต่ออาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ รอคอยการมาของท่านประทานอย่างเงียบๆ ไม่นาน รถของท่านประทานเย่ก็เข้ามาจอดหน้าประตูใหญ่ การ์ดหน้าประตูรายงานต่อท่านพ่อบ้าน “รถมาถึงแล้ว”!” ท่านพ่อบ้านรายงานต่อฝู้เฟิ่งหยีและเย่เชินหลินอย่างนอบน้อม “รถของท่านประทานเย่มาถึงแล้วครับ!” “โม่เอ๋อ?” ความหมายที่ฝู้เฟิ่งหยีต้องการจะสื่อคืออยากให้เขาออกไปต้อนรับ ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกของเขา สีหน้าขอเย่เชินหลินนิ่งขึ้นมา “เขาไม่อยากเข้ามา ก็ไม่ต้องเข้ามา!” น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาเช่นเดียวกัน ส้งหลิงหลิงไม่รู้ถึงความขุ่นเคืองของพวกเขาสองพ่อลูก เธอลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงหวานกับเย่เชินหลิน “เชินหลินคะ พวกเราไปรับคุณลุงด้วยกันดีมั้ยคะ?” “นั่งลง! ไม่จำเป็น!” เขาไม่เคยพูดแบบนี้กับส้งหลิงหลิง หน้าของเธอแดงขึ้นมาในทันใด และยังเป็นฝู้เฟิ่งหยีที่เอ่ยปากกู้สถานการณ์ขึ้นมา “หลิงหลิงหนูนั่งลงเถอะ เขาไม่ได้สั่งหนูหรอกนะลูก เป็นเขากับพ่อของเขามีเรื่องเคืองใจกันน่ะ” หล่อนตบลงบนมือของส้งหลิงหลิงเบาๆ แล้วหันไปพูดกับท่านพ่อบ้าน “ช่างมันเถอะ ท่านพ่อบ้านนำพวกสาวใช้ไปต้อนรับหน่อยแล้วกัน” การมาของท่านประธานเย่ราวกับมีเข็มฉีดเพิ่มแรงใจให้เซี่ยชีหรั่นขึ้นมา ราวกับร่างกายของเธอที่ทั้งร้อนทั้งปวดเมื่อยหายขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกที่แสงแห่งความหวังใกล้เข้ามาแล้ว รวมถึงเรื่องที่ไม่สบายใจ และรวมไปถึงน้ำตาที่คอยปลอบประโลมจิตใจ ความอดทนที่อัดอั้นเอาไว้ เธอเตรียมเดินตามท่านพ่อบ้านออกไปต้อนรับท่านประทาน ได้ยินเย่เชินหลินเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาอีกครั้ง “ใครก็ไม่อนุญาตให้ไปต้อนรับทั้งนั้น!” “โม่เอ๋อ!” ฝู้เฟิ่งหยีไม่พอใจขึ้นมา ทุกคนมองไปที่ใบหน้าของเย่เชินหลิน มองเขาที่ไม่พอใจกว่าเดิม “คุณแม่ อย่าลืมนะครับ ว่าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดผมคนเดียว” เขาพูดจบ คิ้วของฝู้เฟิ่งหยีกระตุกขึ้นมา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น “เสิร์ฟอาหาร!” เย่เชินหลินออกคำสั่งออกมา “ครับ คุณเย่!” ท่านพ่อบ้านรับคำสั่งของเย่เชินหลินพร้อมกระจายมันออกไป เหล่าสาวใช้เริ่มยกอาหารออกมาจากห้องครัว “แม่ครับ แม่นั่งลง!” เย่เชินหลินยืนขึ้นประคองร่างของมารดา ให้แม่ของเขานั่งลงตรงตำแหน่งที่สำคัญที่สุด จัดตำแหน่งอย่างชัดเจนเพื่อให้ท่านประธานเย่อึดอัดใจ ที่ต้องนั่งในตำแหน่งที่นั่งรองลงมา ส้งหลิงหลิงอยากจะพูดบางอย่างออกมา เห็นสีหน้าของเย่เชินหลินที่แสดงออกมา ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ทั้งสามคนต่างคนต่างนั่งลง อาหารยังคงเสิร์ฟลงมาอย่างต่อเนื่อง ภายในใจของเซี่ยชีหรั่นก็คิดว่าทำไมท่านประธานเย่ยังไม่มาอีกนะ ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงการ์ดที่อยู่หน้าประตูรายงานออกมา “คุณเย่ครับ เลขาของท่านประทานเย่มาแล้วครับ” เลขา? รถมาถึงแล้ว นี่คงไม่ใช่ว่าตัวเขาจะยังมาไม่ถึงหรอกนะ? ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจมาก ร่วมกันมองไปยังประตูทางเข้า ที่แท้ก็เห็นเพียงชายที่มีอายุประมาณสามสิบกว่าปีที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคนหนึ่งรออยู่ด้านนอก มีท่านประธานที่ไหนกัน? หรือว่าท่านประธานจะไม่มา? เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดหวังขึ้นทันควัน ถึงขั้นรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนยืนต่อไม่ไหวอีกแล้ว “ให้เขาเข้ามา!” เย่เชินหลินออกคำสั่งออกมา การ์ดที่หน้าประตูนำเลขาของท่านประธานเย่เข้ามาในห้องโถง จนมาถึงหน้าโต๊ะทานข้าว ในมือของเขาถือกล่องสีเงินกล่องนึง ยืนด้านหน้าของฝู้เฟิ่งหยีและเย่เชินหลิน เอ่ยปากพูดออกมา “สวัสดีครับคุณผู้หญิง! สวัสดีครับคุณเย่ ท่านประทานเย่ได้ออกเดินทางมาแล้ว แต่ขณะที่เดินทางมาก็ได้รับคำสั่งด่วนเข้ามา จะต้องรีบไปเข้าประชุมด่วนที่ปักกิ่ง เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่ไม่สามารถมาหาคุณเย่ได้ เลยบอกผมว่าจะต้องเอาของขวัญวันเกิดของคุณเย่ที่เขาตั้งใจเตรียมเป็นพิเศษมาให้กับคุณเย่ด้วยตัวเองครับ แล้วยังฝากสุขสันต์วันเกิดคุณเย่ด้วยครับ!” เขาพูดจบ ก้มหัวลงแล้วเอาของขวัญมอบให้กับเย่เชินหลิน เย่เชินหลินไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่ส่งสายตาไปยังท่านพ่อบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล แล้วถามเขา “ท่านพ่อบ้าน ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อนได้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนใช่มั้ย?” ทุกคนไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ไม่มีใครแทรกขึ้นมา ท่านพ่อบ้านตอบกลับมาทันที “ครับ คุณเย่ ลูกชายผมสองขวบแล้วครับ” “ผมยังไม่ได้ให้ของรับขวัญเค้าเลย นี่ครับ ผมฝากให้เขาด้วย ท่านพ่อบ้านเก็บเอาไว้นะครับ!” สีหน้าของเลขาของท่านประธานเย่แดงขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่เชินหลินแล้วพูดออกมา”คุณเย่ครับ แต่นี่เป็นกุญแจรถสปอร์ตนะครับ” สีหน้าของเย่เชินหลินครึ้มขึ้นมา ถามเขา “ทำไมล่ะ? นี่ไม่ใช่ของขวัญที่ให้ฉันหรอกหรอ? ฉันไม่มีสิทธิ์จัดการกับมันหรอ? หรือคุณคิดว่าท่านประธานของพวกคุณจะเสียดายขึ้นมา งั้นคุณเอากลับไปไม่ดีกว่าหรอครับ” “ไม่ไม่ไม่! ท่านประธานได้บอกแล้วว่า ไม่ว่าจะยังก็จะต้องให้คุณเก็บสิ่งนี้เอาไว้ครับ” เลขาส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังฝู้เฟิ่งหยี ในใจของฝู้เฟิ่งหยีกลับยังคิดว่า ไม่รู้ว่าตาแก่เย่เป็นอะไรขึ้นมา สัญญาว่าจะมาแต่ก็ไม่มา หล่อนรู้จักลูกตัวเองดี มองภายนอกเขาดูเหมือนไม่สนใจพ่อของเขาแล้วยังมีท่าทีคอยต่อต้านอยู่ตลอด แท้ที่จริงแล้วภายในใจของเขาก็หวังว่าพ่อของเขาจะมา ครั้งนี้เขาไม่มา ลูกของเธอจะต้องหดหู่ใจมากแน่ๆ จึงต้องจงใจทำแบบนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ เขาโกรธจนขึ้นหัวแล้ว ถ้าเธอปลอบเขา เขาจะต้องระบายความโกรธเคืองและความไม่พอใจทั้งหมดออกมา ส้งหลิงหลิงและเหล่าสาวใช้ก็อยู่ด้วย การกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขาคงไม่ส่งผลดีสักเท่าไหร่ หล่อนมองท่านพ่อบ้านนิ่ง ส่งซิกให้เขาปฏิเสธมัน ท่านพ่อบ้านรีบเดินเข้าไปด้านหน้า เอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม “คุณเย่ครับ ขอบคุณคุณเย่จริงๆ เพียงแต่ลูกชายของผมยังเล็ก คงรับของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหวแน่” “จะรับของขวัญ หรือจะลาออก เลือกมา!” เสียงพูดของเย่เชินหลินอาจไม่หนักแน่น แต่ความหมายที่ต้องการสื่อกลับหนักแน่น ใบหน้าของท่านพ่อบ้านแสดงออกมาถึงความลำบากใจ แล้วมองไปยังฝู้เฟิ่งหยีอย่างขอความช่วยเหลือ ฝู้เฟิ่งหยีเอ่ยออกมาอย่างมีเลศนัย “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ท่านพ่อบ้านก็เก็บเอาไว้ก่อนเถอะ” ท่านพ่อบ้านรู้ดีว่าความหมายของคำว่าเก็บไว้ก่อนของคุณผู้หญิงคืออะไร นั่นก็คือหาที่วางของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นนี้อย่างเหมาะสม รอให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพ่อลูกดีก่อน เขาค่อยเอาของกลับคืนไปด้วยสภาพเดิม “ครับ คุณผู้หญิง!” เขารับกล่องกุญแจจากมือเลขามา “เลขาหลี่ ลำบากคุณแล้ว ไม่สู้อยู่ทานอาหารว่างที่นี่ก่อนล่ะ” ฝู้เฟิ่งหยีเอ่ยอย่างเกรงใจ เย่เชินหลินเสริมออกมาอย่างไม่แยแส “คงไม่ต้องหรอกครับ ตอนนี้ท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่ของเขาคงรอฟังคำรายงานจากเขาอยู่ รบกวนช่วยฝากบอกเขาให้หน่อยนะครับว่าต่อไปถ้ามีเงินจนไม่รู้ว่าจะเอาไว้ที่ไหน จะให้ของขวัญกับผมมาก็ตามสบายเลยครับ คนรับใช้ที่นี่มีเยอะ ไม่ต้องกังวลว่าคนจะไม่พอให้แจกจ่าย เดินทางกลับปลอดภัยนะครับ ผมขอไม่ส่ง!” เลขาหลี่ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของท่านประธาน จะไปไหนถึงจะไม่มีการต้อนรับขับสู้ แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยมีคนชักสีหน้าใส่เขา ในวันนี้ต้องรองรับอารมณ์จากเย่เชินหลินผู้นี้ไม่เบาเลยจริงๆ แต่เขาก็เป็นลูกชายของท่านประทาน เขาจะโดนอะไรก็ต้องทน แล้วยังต้องคงหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ “คุณเย่ครับ สุขสันต์วันเกิดครับ! งั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากที่เลขาหลี่เดินออกไปแล้วนั้น ฝู้เฟิ่งหยีก็บอกให้ท่านพ่อบ้านเสิร์ฟอาหารต่อ แล้วเริ่มรับประทานอาหารกัน พอเขาออกไป สีหน้าของเย่เชินหลินก็กลับมาเป็นปกติ “โม่เอ๋อวันนี้วันเกิดของลูก แม่ขอให้ลูกมีความสุขในทุกๆวัน! ส่วนแก้วนี้ก็เพื่อส้งหลิงหลิงด้วยเช่นกัน ยินดีต้อนรับกับการมาของหนูนะลูก” ฝู้เฟิ่งหยียกแก้วไวน์ขึ้น แล้วชนกับเย่เชินหลันและส้งหลิงหลิง สองคนหนุ่มสาวยืนชนแก้วกันเสร็จแล้วเมื่อดื่นเสร็จก็นั่งลง ผู้ช่วยที่มากับส้งหลิงหลิงเดินตามหลังเธอไปติดๆ ประตูหลักถูกเซี่ยชีหรั่นและซุนเหมิงเหมิงที่ถูกมอบหมายให้ดูแลหล่อนปิดกลับไป จากนั้นก็ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว เซี่ยชีหรั่นที่สติยังไม่คืนกลับมาตั้งแต่รู้ว่าท่านประธานไม่ได้มาเข้าร่วมงาน เธอก้มหน้ามองพื้นตลอด ฝู้เฟิ่งหยีลอบสังเกต แล้วคิดว่าความรู้สึกของเย่เชินหลินยังโอเคอยู่ วันนี้เย่เฮ่าหรันไม่มา เกรงว่าอีกสักพักนึงพวกเขาสองคนพ่อลูกก็ยังยากที่จะคืนดีกัน ดูเหมือนว่าเรื่องการแต่งงานจะมีเพียงความคิดของเธอเพียงคนเดียว “หลิงหลิง ป้ากับลุงเย่ก็รู้จักหนูมานาน เมื่อคืนป้าก็ได้ถามโม่เอ๋อแล้ว เขาก็ดูเหมือนว่าจะชอบหนูเหมือนกัน ความหมายของป้าก็คือ ป้าอยากเห็นลูกทั้งสองคนแต่งงานกันเร็วๆ หนูคิดว่ายังไงบ้าง?” ใบหน้าของส้งหลิงหลิงก็แดงก่ำออกมาทันที จากนั้นคำพูดที่เหลือก็เอ่ยออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ เธอได้ยินมันชัดเจน คำพูดที่เธอให้ความสนใจเป็นประโยคที่ว่า “โม่เอ๋อก็ดูเหมือนจะชอบหนูเหมือนกัน” เธอมองใบหน้าหล่อที่ไร้ที่ติและเห็นเค้าโครงชัดเจนของเย่เชินหลินอย่างเขินอาย อยากจะถามเขาจริงๆว่าเขาชอบเธอจริงหรือเปล่า สีหน้าแบบนี้พอมองไปแล้วหล่อนก็หลงใหลเขามาก โดยรวมมีเรื่องที่ทำให้ฝู้เฟิ่งหยียินดี “เชินหลิน วันนี้คุณป้าก็อยู่ด้วย แล้วก็เป็นวันเกิดของคุณด้วย ฉันอยากจะบอกคุณว่า ฉันชอบคุณค่ะ! ฉันยินดีแต่งงานกับคุณค่ะ!” ส้งหลิงหลิงสารภาพอย่างใจกล้าจนทำให้ฝู้เฟิ่งหยียิ้มออกมาอย่างชื่นชม เย่เชินหลินแสยะยิ้มมุมปากอย่างเรียบเฉย เขาไม่รู้ว่าทำไมตอนที่ส้งหลิงหลิงกำลังสารภาพรัก สายตาของเขาถึงมองไปยังใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นแวบนึง ผู้หญิงน่าตายที่ก้มหน้ามองพื้นอย่างเหม่อลอย ดูเหมือนว่าคำพูดยาวเหยียดของส้งหลิงหลิงก็ไม่ส่งผลให้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ถ้ามีคนสารภาพรักต่อไห่ลี่หมิน แล้วถ้าไห่ลี่หมินจะต้องแต่งงาน เธอจะยังนิ่งอยู่แบบนี้หรือเปล่า? ส้งหลิงหลิงเห็นรอยยิ้มที่หายากจากเย่เชินหลิน ออดอ้อนเขาอย่างใจกล้า “แต่คุณไม่เคยบอกชอบฉันมาก่อน แกล้งกันเกินไปแล้ว!” ทุกคนให้ความสนใจไปที่ร่างของเย่เชินหลิน คิดว่ามีผู้หญิงที่ทั้งสวย น่ารักแล้วยังแต่งตัวดูดีมาบอกแบบนี้มันก็ยากที่จะปฏิเสธออกไป เขาควรจะพูดอะไรในแง่ดีออกไป ใครจะรู้ว่าเขากลับถามกลับมาอย่างเฉยชา”เธอชอบผู้ชายที่มักมีคำพูดชวนอ้วกอยู่ตลอดแบนั้นหรอ?” ส้งหลิงหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยออกมาอย่างคนเง้างอน “ไม่พูดก็ไม่พูด เค้าก็ไม่ได้อยากฟังซะหน่อย ยังไงก็แค่อยู่ในใจของคุณก็พอแล้ว” “เด็กน่าตายคนนี้ปากแข็งเสียจริง เป็นธรรมชาติของผู้ชาย หลิงหลิงต่อไปก็ยอมเขาสักหน่อยนะ คงเป็นเพราะฉันทำให้เขานิสัยเสียด้วยแหละ” ฝู้เฟิ่งหยีตอบยิ้มๆอย่างรักใคร่เอ็นดู ครั้งนี้ก็ถึงคราวของส้งหลิงหลิงที่พูดแทนเย่เชินหลินออกไป “คุณป้าคะ เชินหลินเค้าเป็นคนไม่เหมือนกับคนอื่นยังไงล่ะคะ นี่เป็นเพราะยีนจากคุณป้าดี การศึกษาก็ดี เขาจะพูดคำเหล่านั้นหรือเปล่า มันไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลเลยค่ะ หนูไม่สนใจอยู่แล้ว”
已经是最新一章了
加载中