ตอนที่ 93 เธออยู่ในอ้อมกอด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 93 เธออยู่ในอ้อมกอด
ตอนที่ 93 เธออยู่ในอ้อมกอด ช่วงเวลาที่ตาทั้ง 4 ข้างมองโต้ตอบกัน เธอไม่ได้หลบตาเขา ในสายตาที่ตื่นตระหนกเริ่มดีขึ้นสักนิด เริ่มมองชายผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พิงไม่ไกลนัก ชนุดมขมวดขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าเลือดไหลไม่หยุด มุมปากของเขายังมีการยิ้มแบบมีเลสนัย “ไม่ใช่” นัชชาโล่งใจก็ยังดี บางประเทศการพกปืนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย หลังจากถามเรื่องนี้เสร็จเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรอีกเลย ยิ่งรู้และเข้าใจเรื่องราวเยอะ ยิ่งเป็นอันตรายแก่ตัวเธอเอง เธอเพียงคิดว่าแค่มีชิวิตรอดออกไปจากที่นี่ก็พอแล้ว เวลาผ่านไปแต่ละวินาที นัชชานั่งยองๆนานมาก นานจนขาทั้งสองข้างชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว ช่วงเวลาที่เธอกำลังโอนเอนจะล้มลง ด้านนอกก็มีเสียงเท้าอันแผ่วเบาเล็ดลอดเข้ามาพอดี เธอเงยหน้าขึ้นไปดู เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือใคร กลับมีคนโยนระเบิดควันรูปวงรีเข้ามาทางหน้าต่าง 1 อัน “ฟิ้ว ฟิ้ว” เสียงดังขึ้นในบ้านไม้ วินาทีนั้นเองควันสีขาวก็พวยพุ่งฟุ้งไปเต็มบ้าน มองอะไรไม่เห็นเลยสักอย่าง นัชชารีบอุดปากและรีบออกจากมุมบ้าน และรีบกวาดหาผนังของตัวบ้านเพื่อที่จะหาที่เดินออกไปยังประตู ในที่สุดเธอก็หาประตูเจอ เธอผลักประตูแล้ววิ่งออกไปทันที แต่วินาทีนั้นก็หยุดเท้าหมุนตัวกลับ ผู้ชายคนนั้น .... เธอยืนคิดอยู่ตรงนั้นนานมาก ปัญหาคือเธอไม่สามารถที่จะไม่ช่วยคนที่กำลังจะตายได้ หันหลังกลับไปวิ่งเข้าไปในบ้าน ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ในบ้านไม่ได้อยู่ในบ้านเสียแล้ว มีเพียงแค่แหวนสีเงินประกายหนึ่งวงวางอยู่เท่านั้น บนแหวนมีสัญลักษณ์เปลวไฟ แหวนก็เหมือนกับผู้ชายคนนั้นที่ลึกลับและเป็นประกาย นัชชาไม่ทันได้คิดอะไรมากแล้ว รับเอามันออกมา ทันใดนั้นเองมีคนคว้าคอของเธอไว้ “อ๊า…” “อย่าส่งเสียง” ชนุดมที่มือถือปืนไว้แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เปิดตัวระบบ safety “ในเมื่อคุณเข้าไปหาผม ผมก็เลยต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณไว้หนึ่งอย่าง คราวนี้คุณช่วยผมไว้ คราวหน้าผม ชนุดมต้องตอบแทนบุญคุณ มีแหวนวงนี้คุณสามารถหาผมเจอได้ตลอดเวลา” ฟังเสียงเขาแล้ว นัชชาต้องการหันหัวกลับมาแต่ถูกปากกระบอกปืนจี้เอาไว้ “อย่าหันกลับมา!” เธอรีบยืนนิ่งๆไม่ขยับตัว ปืนที่จี้เธอได้ย้ายออกไป ผ่านไปสักครึ่งนาทีน่าจะได้ นัชชาลองตะโกนเสียง “ฉันไปได้ยัง?” ข้างหลังเงียบสนิทไม่มีคนตอบ เธอเริ่มถามอีกครั้ง ความเงียบกลายเป็นเสียงตอบรับแทน นัชชาค่อยๆหันกลับมา ที่แท้ด้านหลังไม่มีคนอยู่สักคน เมื่อกี้ยังโดนผู้ชายขู่ตัวเองอยู่ ตอนนี้แค่เงายังไม่เห็นเลย นัชชาดูแหวนเย็นๆวงนั้นที่อยู่ในมือแหวนก็เหมือนกับผู้ชายคนนั้น มันไม่ได้มีความอุ่นใดๆเลย เธอนำแหวนใส่ด้านในนิ้วชี้เพื่อที่จะได้ไม่หลุด แต่กลับพบว่าวงแหวนนั้นไม่ได้เรียบกลับมีนูนๆต่ำยาวเป็นแถว เธอลองเพ่งมอง ในทีสุดก็เจอตัวเลขอาหรับอยู่หนึ่งแถว เอามาต่อกันถึงได้รู้ว่าที่แท้มันคือเบอร์โทรศัพท์ นัชชาตกใจนิดหนึ่ง ที่แท้ที่เขาทิ้งแหวนไว้ให้เธอก็เพราะจุดประสงค์นี้นี่เอง แค่เพราะเธอวิ่งออกมาจากบ้านแล้วยังย้อนกลับเข้าไปเพื่อหาเขาหรอ? นัชชารู้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่อันตรายมาก เธอคิดจะถอดทิ้งแหวนวงนี้ไปแต่คิดว่าได้ใส่เก็บไว้ดีกว่า หากมีใครมาเก็บไปอาจจะได้รับอันตรายมากกว่าเดิมก็ได้ .... หลังออกมาจากบ้านไม้แล้ว นัชชารีบถอดเสื้อนอกออกแล้วใส่มันไว้ในกระเป๋า พร้อมกับหาที่พักเล็กๆพักสักแปบในละแวกนั้น ที่พักราคาถูกแต่เครื่องใช้สอยต่างๆไม่ดีเลย ในห้องยังมีกลิ่นอับๆของเชื้อราและความเย็นชื้นๆ หลังจากถอดเสื้อผ้าซักจนสะอาดหมดจดพร้อมตากเรียบร้อยแล้ว นัชชาสู้กับการอาบน้ำ ขัดแล้วขัดอีก หลังจากที่เธอถูกผู้ชายคนนั้นรบกวนทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย เธอเปิดโทรศัพท์เพื่อหาเกมเล่นผ่อนคลายบ้าง ยังไม่ทันได้เปิดโหมดเครื่องบินเลย ตรัณก็โทรเข้ามา เธอลังเลอยู่หลายวินาทีก็รับ “ฮัลโหล?” “คุณนัชชา?” ตรัณเรียกแบบไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ “ฉันเอง” “คุณจริงๆหรอเนี่ยในที่สุดคุณก็รับโทรศัพท์ผม ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ไหนหรือครับ ท่านประธานเตชิตตามหาคุณจนจะเป็นบ้านแล้วครับ” เสียงของตรัณดูตื่นเต้นและรีบร้อน นัชชากำลังอึ้งอยู่ “ประธานเตชิตหรอ?” “ใช่ครับ ท่านประธานเตชิตเพิ่งลงเครื่องกลับมาครับ พอลงเครื่องเสร็จก็รีบกลับมาหาคุณ แต่ว่าคุณไม่อยู่บ้าน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ถ้าคืนนี้คุณไม่รับโทรศัพท์ ผมว่า ประธานเตชิตก็คงต้องพลิกเมือง J ตามหาคุณจนว่าจะเช้าแน่ๆ” ตรัณอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหล ถ้าตามหาคุณนัชชาไม่เจอ ท่านประธานเตชิตคงให้เขาโทรหาคุณนัชชาตลอด 24 ชั่วโมงแน่ๆ นี่ก็โทรมาหลายรอบแล้ว โทรจนนิ้วนี่ปวดไปหมด นัชชาคิดไม่ถึงเลยว่าเตชิตจะกลับมา และก็คาดไม่ถึงว่าเขาตามหาเธออยู่ สมองของเธอตามไม่ทัน “เขาไม่ได้ไปดูงานที่อเมริกาหรอกหรือ” “กลับก่อนกำหนดครับ” ตรัณรีบจนไม่รู้จะรีบยังไงแล้ว “คุณนัชชาตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ” นัชชาคิดแล้วคิดอีก หยิบนามบัตรที่พักที่อยู่บนโต๊ะ บนบัตรมีที่อยู่ของที่นี่ เธออ่านที่อยู่ตามนั้นโดยไม่มีผิดแม้แต่ตัวเดียว “คือที่อยู่ที่นี่แหละ” “ครับ คุณอย่าเพิ่งวางสายนะครับ ผมขอคุยกับท่านประธานเตชิตสักครู่ครับ” ผ่านไปหลายนาที เตชิตก็โทรเข้ามา เธอรับสายเขา ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยและนิ่งเงียบของเขา “คุณเอาคำพูดของผมเป็นหูทวนลมหรือไง?” คำพูดที่เริ่มจากการตำหนิทำให้เสียงของนัชชาที่เดิมเครียดอยู่แล้วกลายเป็นหลุดค้างไป เธอไม่สามารถที่จะพูดออกเสียงได้ กลัวว่าหากพูดออกมาแล้วจะร้องไห้ออกมาแทน คนที่ไปอเมริกาแล้วหายไปก็คือเขา คนที่เริ่มหยุดความสัมพันธ์ก็คือเขา ตอนนี้กลับมาจากต่างประเทศก็ไม่บอกกัน หาเธอไม่เจอก็มาโทษเธออีก นัชชาทั้งโมโหทั้งลำบากใจ ตอนแรกเธอไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกด้วย อีกฝ่าย ไม่ได้ยินเสียงคนที่คิดถึงตลอดทั้งวันทั้งคืนเตชิตเริ่มขมวดคิ้วนิดๆ “นัชชา?” เธอพยายามสูดลมหายใจไม่อยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่แปลกไปไม่เหมือนเดิม แต่ว่าคำแรกที่เอ่ยออกมาก็หลุดน้ำเสียงไปเสียแล้ว “ฉัน...” เพิ่งจะพูดได้คำเดียวก็พูดไม่ออกเสียแล้ว นัชชากำโทรศัพท์แน่น ข้อมือกลายเป็นสีขาวซีด ใช้เวลาสักพักจึงจะมีเสียงของตัวเองออกมา “ฉันเกือบจะไม่ได้เจอคุณแล้วนะ” หัวใจของเตชิตตกใจเต้นแรง “เกิดอะไรขึ้น” นัชชาลังเลอยู่แปบหนึ่งแต่ก็ไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้กับเขา เธอไม่รู้ด้วยว่าถ้าเขารู้แล้วจะทำอะไรตอบโต้ และก็ว่าตัวเธอจะทำให้เขาวุ่นวายไปกับเรื่องนี้ด้วย ได้แต่ส่ายหัวไปส่ายหัวมาแต่ก็ไม่รู้หรอกเพราะเขามองไม่เห็น “ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าคุณไม่สนใจฉันแล้ว...” เสียงต่ำที่สั่นเบาๆที่ดังออกมาจากปลายสาย เตชิตที่กำลังฟังถึงกับรู้สึกเหมือนมีใครเอาใบมีดมากรีดอยู่ที่หัวใจ ในตอนนี้เขาโมโหที่ตัวเขาเองไม่สามารถยืนอยู่ข้างๆเธอได้ “คุณ...ร้องไห้หรอ” เธอไม่ได้พูดอะไร ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด ตั้งแต่เตชิตเกิดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีตอนไหนเลยสักครั้งที่จะรู้สึกเสียใจภายหลังแบบนี้มาก่อนเลย หัวใจของเขาบีบแน่นขึ้นกว่าเดิม “อย่าร้อง ผมจะรีบไปหาคุณเดี๋ยวนี้” เวลาที่เธอร้องไห้หัวใจเหมือนโดนสายฟ้าฟาด มีอาการหายใจไม่ออก ระยะทางต้องใช้เวลาการเดินทางเต็มๆหนึ่งชั่วโมง เตชิตออกคำสั่งให้คนขับรถเหยียบให้มิดโดยไม่สนใจถึงอันตรายอะไรเลย ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่พักที่ตรัณส่งตำแหน่งที่อยู่ของที่พักมาให้ ด้านนอกของที่พักเป็นร้านเล็กๆในชนบท ป้ายที่พักเป็นป้ายที่ไฟกระพริบสีแดงเขียวกระพริบอยู่ บอดี้การ์ดติดตามถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว เพราะตัวเตชิตเป็นผู้ชายรักที่สะอาดมาก แต่ทว่าเขากับไม่รู้สึกถึงอะไรที่นี่เลย เขารีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เถ้าแก่ที่กำลังสัปหงกอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นและรีบยืนทันที เมื่อเห็นกลุ่มคนที่มีอำนาจยืนอยู่ “สวัสดีครับ ท่านคือ...” “มาหาคน” คำแค่ไม่กี่คำ ทำให้บรรยากาศยิ่งดูกดดันหนักขึ้นไปอีก เถ้าแก่ไม่กล้าที่จะกันไว้ รีบพาเขาเข้าไปอย่างลนลาน แทบจะไม่ได้พูดอะไรสักประโยคก็ยื่นกุญแจให้เขาไป เมื่อเขาหาห้องนั้นที่นัชชาอยู่เจอ เหล่าบอดี้การ์ดก็อยู่หน้าด้านนอกประตู และเขาเอาตัวดันประตูเข้าไป ประตูห้องถูกเปิดออก นัชชาได้แต่มองร่างที่สูงยาวที่ก้าวเข้ามาในห้อง ตัวเขาทำให้เพดานห้องดูเตี้ยไปเลย เขาก็เหมือนลูกเศรษฐีมายืนอยู่ในสลัม มันไม่ได้เขากับเขาสักนิดเลย เขาเดินตรงมาหาตัวเธอเอง เขาใส่สูทสีเข้ม กางเกงสแล็คสีดำยาวดูภูมิฐาน รองเท้าหนังที่สั่งทำด้วยมือที่เหมือนราคาถูกตามแผงลอย มันทำให้เธอดูราคาถูกไปเลย เตชิตมองผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าไหล่กำลังสั่น ตาแดงแจ๋ ดวงตามีน้ำตาเต็มไปหมด เขารีบยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “อย่าร้องไห้นะ”
已经是最新一章了
加载中