ตอนที่ 157 ความเงียบสงบก่อนพายุมา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 157 ความเงียบสงบก่อนพายุมา
ตอนที่ 157 ความเงียบสงบก่อนพายุมา "ฉันต้องทำอะไรบ้าง?" ถึงแม้ว่าจะมีโทรศัพท์คั้นกลาง แต่ปณิตาก็สามารถได้ยินความเกลียดชังจากน้ำเสียงของทีนาร์ได้ ตอนแรกเธอคิดว่าเธอเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก แต่ไม่คิดว่าเปรียบกับทีนาร์แล้วจะห่างกันเหมือนแม่มดเล็กเจอกับแม่มดใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากฟังเธอพูดถึงแผนการ ปณิตาเกือบปรบมือโดยความสุดยอดของแผนการที่เธอวางไว้ เมื่อคิดถึงความโชค ร้ายที่นัชชาต้องพบหลังจากนี้ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด "เธอวางใจได้เลย งานที่เธอมอบให้ฉันๆจะทำให้สำเร็จโดยราบรื่นเลยทีเดียว เพียงแค่เธอทำตามสัญญาที่ให้กับฉันไว้ก็พอ " ทีนาร์พอใจและยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น "เธอลองตรวจบัญชีของเธอดูได้เลย ฉันโอนเงินมัดจำเข้าไปในบัญชีเธอแล้ว แค่เธอทำตามสิ่งที่เธอควรทำ ฉันรับรองว่าฉันจะส่งเธอออกนอกประเทศอย่างปลอดภัย" "ตกลงแล้วห้ามคืนคำซะหล่ะ" เมื่อปณิตาพูดจบก่อนที่เธอกำลังจะวางสายโทรศัพท์ เธอก็รีบพูดว่า "แต่ฉันอยากรู้เหลือเกินว่า เธอจะทำยังไงต่อ ก็เธอไม่สะดวกที่จะออกหน้าไม่ใช่หรือ? " "มันไม่เกี่ยวกับเธอ" หลังจากพูดจบเธอก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที ปณิตาเปิดระบบตรวจสอบทันที ตั้งแต่เธอโดนตำรวจตามจับ บัตรธนาคารและบัญชีของเธอทุกอย่างถูกระงับการใช้งาน เงินจึงต้องโอนเข้าไปที่บัญชีปลอมบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เมื่อเห็นจำนวนเงินที่แสดงบนหน้าจอ ปณิตารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทีนาร์ไม่ได้โกหกเธอ ให้เงินตามที่ได้พูดตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ หากทำตามแผนเสร็จ บางทีเธอจะได้หลุดพ้นจากความขมขื่นนี้สักที เมื่อคิดถึงตรงนี้ปณิตาก็มองขึ้นไปดูรอบๆตัว ที่เต็มไปด้วย ความข้นแค้นเต็มทน เธอกำมือแน่น เตชิตอะไรนั่น ไฮโซอะไรนั่น ฉันไม่สนใจทั้งสิน ในเวลานี้ฉันแค่ต้องการเงินและสามารถออกไปนอกประเทศได้อย่างปลอดภัยเป็นพอ พอกันทีกับความหวาดกลัวที่จะถูกตำรวจตามจับ ความโชคดีที่ในที่สุดก็มีโอกาสเข้ามา ฉันจะต้องทำมันให้สำเร็จ และจะไม่ปล่อยมือไปเป็นอันขาด! …… หลังจากคุณตาคุณยายของเตชิตกลับไป แม้ว่านัชชาจะโดนกลั่นแกล้งไม่เบา แต่ยังดีที่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ ตัวเธอและเตชิตในที่สุดก็ออกจากสงครามเย็น แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีเรื่องทะเลาะหลบหน้ากัน แต่บางทีเตชิตก็ยังกลับดึกดื่นอยู่ดี บางทีก็กลับมาตอนฟ้าสาง นัชชาไม่สบายใจมาก แต่พอคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ เธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อในตัวเขา หลังเลิกงาน จินต์โทรหานัชชา ทั้งสองนัดกันทานข้าวที่ร้านอาหารตะวันตกที่อยู่ด้านข้างกับเตนัทลอว์เฟิร์ม นัชชาโทรบอกเตชิต เมื่อทานข้าวเสร็จค่อยให้เตชิตมารับ เมื่อไปถึงร้านอาหาร มองเห็นจินต์นั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เธอค่อยๆย่องไปด้านหลัง แล้วตบไหล่ของจินต์ "คิดอะไรอยู่หน่ะ!" ตอนแรกคิดว่าจินต์จะตกใจกระโดดขึ้นมาด่าเธอ แต่เมื่อเธอหันหน้ามาไม่คิดว่าดวงตาของเธอจะบวมแดงช้ำแบบนั้น นัชชาชะงักไปเป็นครู่ "เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน? " จินต์จิบปาก ยิ้มน้อย "ไม่เป็นไร เธอนั่งก่อนสิ" พนักงานเสิร์ฟลากเก้าอี้ให้เธอ นัชชานั่งลง และมองตรงไปที่ผู้หญิงตรงหน้าของเธอ จินต์ถูกนัชชาจ้องมองตาไม่กระพริบ ทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม "เธออย่ามองฉันแบบนี้สิ อาหารฉันสั่งเรียบร้อยหมดแล้ว เธอมองฉันยังกับว่าจะกินฉันอย่างนั้นหล่ะ... " นัชชายังคงมองเธอตาไม่กระพริบ หลังจากจ้องอยู่นานก็สังเกตเห็นว่าเธอไม่เพียงแต่ตาบวมแดงช้ำ แต่หน้าก็เหมือนจะบวมนิดๆ เหมือนคนที่ร้องไห้เป็นเวลานานก็จะเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน จนรู้สึกจุกอก และถามอีกครั้ง "เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?" จินต์วางแก้วในมือบนโต๊ะ เธอก้มลงต่ำมองไปที่โต๊ะ พอดีที่สามารถปิดบังความเศร้าโศกในแววตาของเธอได้ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ยังคงเป็นตัวของตัวเองก่อนหน้านี้ "สองสามวันมานี้ฉันตัดสินใจได้แล้ว" "ตัดสินใจอะไร?" "ก่อนหน้านี้ ฉันร้องอยากจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่ใช่หรอ ตอนนี้ฉันมีโอกาสแล้ว บริษัทพ่อของฉันมีฝึกอบรม ฉันเลยอาสาเอง" หลังจากพูดจบเธอกระพริบตาถี่ ดูเหมือนว่าถ้าทำแบบนี้สามารถบรรเทาความสับสนภายในใจของเธอได้ เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ใจของนัชชาเริ่มเกร็งขึ้น“ ตอนแรกเธอไม่อยากทำงานที่บริษัทของบ้านเธอไม่ใช่หรอ อะไรทำให้เธอเปลี่ยนความคิดหล่ะ? "นี่ไม่ใช่ว่าพอดีมีโอกาสหรือไงหล่ะ ถ้าไม่ให้ฉันก็ต้องให้คนอื่นก็น่าเสียดายแย่ ฉันไปเองไม่ดีกว่าหรอ" จินต์พูดพรางเติมน้ำใน แก้วของเธอ บริกรที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะเห็น จึงเอื้อมมือจะไปช่วยเติมน้ำให้ แต่เธอกันไว้ ทุกอย่างดูปกติ แต่มือที่สั่นนิดๆของเธอ ทำให้มองออกว่าภายในใจของเธอกำลังตึงเครียดเพราะเรื่องนี้ นัชชาดึงแก้วในมือของเธอมา ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "เป็นเพราะธนัท เธอถึงอยากไปต่างประเทศใช่ไหม?" ธนัท จินต์กัดริมฝีปากแน่น จากคืนวันนั้นชื่อนี้เหมือนพิมพ์ลงบนสมองของเธอ อยากลืมก็ไม่สามารถลืมได้ เธอนั่งเงียบไม่พูดจา ปกติใบหน้าอันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเชิดหยิ่งนั้น วันนี้กลับหม่องมนจนน่าสงสาร นัชชาเห็นแล้วใจของเธอชาไปหมด “จินต์ เธอ……” "ไม่!" จินต์ ตัดบท พร้อมสูดหายใจลึก แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกยาว "ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมฉัน ฉันไม่เป็นไร" "... "นัชชามองเธอมีความทุกข์ ตนก็รู้สึกไม่สบายใจแล้วก็โทษตัวเอง ถ้าคืนนั้นเธอไม่ดื่มหนักจนเกินไป ยังมีสติอยู่ ก็คงไม่เกิดเรื่องบานปลายขนาดนี้ ธนัทพูดถูก โลกของผู้ใหญ่ แค่เธอยอมฉันยอมก็แค่นั้น แต่น่าเสียดายที่จินต์ไม่ได้มีความคิดแบบเปิดกว้างขนาดนั้น เธอทำใจไม่แยแสต่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ในส่วนลึกของเธอๆเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหวงตัวสะด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีทางที่จะย้อนเวลากลับไปได้อีก อาหารมื้อนี้กินท่ามกลางความกดดัน ยิ่งจินต์แสร้งทำเป็นไม่เป็นไร เธอยิ่งไม่สามารถทนดูได้ จากนั้นจินต์ก็จ่ายเงินค่าอาหาร ก่อนจากกันนัชชาดึงมือเธอมากุมไว้ " จินต์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่เธอต้องการฉัน ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ " แววตาของจินต์เริ่มแดงขึ้นมาอีก เธอยิ้มนิดๆ " ฉันรู้ วันนี้อากาศหนาวมาก เธอรีบเข้าไปในร้านเถอะ ฉันไปก่อนนะ" พูดจบ เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบหันหลังแล้วเดินจากไปทันทีเหลือไว้เพียงภาพแผ่นหลังที่สง่างาม แต่ใบหน้าของเธอนั้นนองไปด้วยน้ำตา นัชชามองเธอขึ้นรถจากไป เธอยืนอยู่ที่ประตูของร้านถอนหายใจยาว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ถึงเวลานัดกับเตชิตแล้ว แต่ยังไม่เห็นมาเลย เธอกำลังคิดว่าจะโทรศัพท์หาเขา แต่เขาโทรเข้ามาพอดี เธอคิดว่าเขามาถึงแล้ว นัชชาเดินไปด้านข้างร้านอาหารรับสาย "สวัสดีคะ คุณถึงไหนแล้ว? "ขอโทษด้วยนะนัชชา ผมติดธุระอยู่ คุณรอสักพักผมให้คนขับรถไปรับคุณ" เสียงหงุดหงิดฉุนเฉียวของเขาออกมาจากหูโทรศัพท์ นัชชาชะงัก ยืนนิ่ง เธอมองไปรอบๆ ถนนที่เย็นเฉียบ คราบหิมะสีขาวที่อยู่บนกิ่งไม้ รู้สึกเย็นยะเยือกจับใจ เธอพิจารณาอยู่ไม่กี่ วินาที ก่อนจะยิ้มอย่างหมดหวัง กลืนความน้อยใจและความไม่พอใจลงท้อง "ไม่เป็นไรคะ คุณยุ่งอยู่ฉันเข้าใจ พอดีว่าจินต์ยังไม่กลับ เดี๋ยวฉันให้เธอไปส่งที่บ้านได้ คุณไม่ต้องให้คนขับรถมารับฉันหรอกนะ" " คุณแน่ใจนะ?" "อืม" นัชชาพูดจบอยากจะรีบๆวางสายโทรศัพท์ "จินต์เรียกฉันแล้ว ถ้าถึงบ้าน ฉันค่อยบอกคุณนะ วางหูก่อนนะ" หลังจากวางโทรศัพท์ รอยยิ้มของนัชชาเหมือนโดนลมหนาวสตัฟฟ์ค้างไว้ ยิ้มค้างเป็นเวลาถึงได้หุบยิ้มลง มือของเธอกุมมือถือทาบไว้กับอก เมื่อหันหลังเดินกลับ แต่ได้เจอกับ เงาร่างที่คุ้นตา เธอยืนอยู่ตรงประตูของร้านอาหารพอดี สวมเสื้อคลุมสีดำ เสื้อสเวตเตอร์สีดำ เครื่องแต่งกายของเธอเป็นสีดำทั้งหมด มันช่างไม่เข้ากับช่วงที่ใกล้กับงานฉลองปีใหม่สะเลย เธอคือ ปณิตา แววตาของนัชชาเย็นฉียบลงทันที สบตากันเพียงเสี้ยววินาที เธอก็หลบสายตา ไม่อยากสบตากับเธออีก เธอหันกลับไปที่ร้านอาหาร แต่กลับโดนเธอคว้าแขนเอาไว้“ จะรีบไปไหน? เพื่อนเก่าเราไม่ได้เจอกันนานแล้วสินะ ถึงเวลาต้อง คุยกันหน่อยเสียแล้วมั้ง?”
已经是最新一章了
加载中