ตอนที่ 148 หนึ่งคู่เคียงคู่กันตลอดไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 148 หนึ่งคู่เคียงคู่กันตลอดไป
ต๭นที่ 148 หนึ่งคู่เคียงคู่กันตลอดไป อู๋อี้ดื่มชาน้ำจับเลี้ยง แต่กลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น ศิษย์น้องของเขานอนอยู่บนเตียงรับความทุกข์ยากลำบาก แต่อู่เซวียนอ๋องกลับใส่ชุดสีแดงแต่งเจ้าสาว การเปรียบเทียบเช่นนี้ ทำให้เขานั้นกลืนโทสะลงไปได้อย่างยากลำบาก เขารอไปแล้วหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายเขาก็พบคนจำนวนหนึ่งที่ประเมินแล้วสวมเสื้อผ้าไม่เหมือนคนของอาณาจักรหนานเยว่ น่าจะมาจากแดนไกล อู๋อี้รีบชำระเงินค่าจับเลี้ยงแล้วเดินไปทางคนเหล่านั้น ภายในห้องนั้นเงียบมาก โดยเฉพาะเมื่ออู๋อี้จากไป ยิ่งไปกว่านั้นแล้วไม่มีเสียงใดใดเกิดขึ้นเลย หลินซินเยียนนอนอยู่บนเตียง หันหัวไปมองทางหน้าต่างที่มีสายรุ้งทอดอยู่บนท้องฟ้า สายรุ้งนั้นถูกแสงของดวงอาทิตย์สาดย้อมจนกลายเป็นแผ่นสีแดงสดใส เป็นเพราะวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของเขาดังนั้นแม้แต่ท้องฟ้าก็ยังเปลี่ยนกลายเป็นมีความปิติยินดีเช่นกันหรือ นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงประโยคในคัมภีร์นั้นว่า คลื่นลูกใหม่แต่งงานแล้ว เจ้าสาวกลับไม่ใช่ฉัน เมื่อก่อนเพียงแค่คิดว่าเป็นเรื่องหนึ่งของศิลปะแสดงพื้นบ้านเท่านั้น เมื่อได้ยินแล้วก็จบไป ตอนนี้ เมื่อสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง นางถึงได้รู้ว่าเรื่องเศร้ารันทดนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนจะรับได้ ขณะที่ใจลอยอยู่ นางก็ได้ยินเสียงฆ้องและกลองดังขึ้น ขบวนงานสมรสนั้นเคลื่อนผ่านถนนยาวแล้วหรือ นางนึกถึงวันนั้นที่พนักงานร้านขายเสื้อพูด แม้แต่พนักงานร้านขายเสื้อยังตื่นเต้นที่จะไปดูเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เช่นนั้นทั้งสองข้างของถนนคงจะคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน นางคิดว่า ครั้งนี้ที่ตนเองได้รับบาดเจ็บนั้นก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นการบังคับให้ตัวนางนั้นไม่ต้องไปบนถนนที่คึกคักนั้น ไม่จำเป็นต้องไปดูเขาสวมชุดมงคลขี้ม้าไปด้านหน้า ปกป้องเจ้าสาวที่งามหยดย้อยของเขาเข้าไปในวัง เพียงแต่ ไม่เห็นได้อย่างชัดเจน แต่เหตุใดในสมองของนางนั้นกลับเต็มไปด้วยจินตนาการถึงภาพเหล่านั้นเล่า เล็บมือของนางจิกเข้าไปในเนื้อ นางกลับไม่รับรู้ความรู้สึกได้ นางคลุมผ้าห่มอยู่แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณหนู” เสียงของเอ้อร์ยาดังขึ้นภายในห้อง เมื่อหลินซินเยียนตอบสนองได้แล้วก็เห็นคนวิ่งถลาเข้ามาในห้อง คนที่เข้ามา คือเอ้อร์ยาที่เดินทางมาอย่างลำบากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแน่ เมื่อนางได้รับจดหมายก็รีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อกลับมา เมื่อเอ้อร์ยาเห็นหลินซินเยียนนอนอยู่บนเตียงก็หน้าซีด หัวใจเจ็บแปลบ ล้มไปข้างเตียงร้องไห้ออกมา “คุณหนู เอ้อร์ยากลับมาแล้ว เอ้อร์ยาเพิ่งจะเห็น เพิ่งเห็น.....” หลินซินเยียนยกมือขึ้นลูบหัวนาง พูดเรียบๆ “เห็นงานสมรสของอู่เซวียนอ๋องใช่หรือไม่” เอ้อร์ยากัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้า น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา มองแล้วเห็นหลินซินเยียนเสียใจ นางร้องไห้ไปคำรามไป “คุณหนู อู่เซวียนอ๋องสมรสแล้ว คุณหนูจะทำเช่นไรได้ จะทำเช่นไรเล่าได้......” “เอ้อร์ยาเด็กโง่ เขาสมรสก็คือสมรส ไม่มีผู้ชายคุณหนูของเจ้าก็อยู่ไม่ได้แล้วหรือ” หลินซินเยียนเช็ดน้ำตาให้เอ้อร์ยา แล้วพูดอีกว่า “เอาละ ไม่ต้องร้องแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะรู้ว่าเขาจะแต่งงาน ไม่ใช่ว่ารู้เรื่องวันนี้ตั้งแต่เมื่อปีกลายหรอกรึ” “แต่ว่ารู้ทั้งรู้ เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองมันรู้สึกรับไม่ได้อย่างไรก็ไม่รู้” เอ่อยาสูดจมูก ยังหยุดน้ำตาไม่อยู่ “คุณหนู ท่านเสียใจก็ไม่ต้องปลอบแล้ว กลุ้มอกกลุ้มใจเช่นนี้ให้ตัวเองเสียใจไปทำไม” มือของหลินซินเยียนลูบหัวนางไปเบาๆ สายตาของนางมองไปยังนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว เมฆที่อยู่บนท้องฟ้ายังคงมีสีสันเช่นเดิม นางกลับไม่มีความสนใจที่จะพูดอะไรอีก ใช่แล้ว ปากของนางนั้นกำลังปลอบเอ้อร์ยา แต่ว่าใจของนางนั้นเจ็บเข้าไปจนถึงกระดูก นางกลุ้มอกกลุ้มใจไปเพื่อทำร้ายตัวเอง นาง เสียใจจริงๆ ก็พูดอยู่ว่าไม่สนใจ แต่ว่านางกลับเสียใจเสียแล้ว ก็เคยพูดอยู่ว่าเกลียดโม่จื่อเฟิง แต่ว่าเมื่อเขาสมรส นางเสียใจ เสียใจมากเลย เอ้อร์ยาร้องไห้จนพอแล้วถึงจะออกจากห้องของหลินซินเยียนไป เตรียมที่จะไปทำอาหารกลางวันให้หลินซินเยียน ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้าไปในห้องครัวแล้วจะพบผู้เฒ่าคนหนึ่งกำลังต้มยา นางมองเข้าไปอีกทีด้วยความสงสัยแล้วถาม นี่เป็นยาที่ต้มให้คุณหนูของข้ารึ” หมอหลวงเฉินกำลังมีจิตใจจดจ่อ ถูกถามคำถามเช่นนี้ทันทีก็อุทานหน้าคะมำ “สาวใช้ที่ไหนเนี่ย ทำข้าตกใจหมด คุณหนูของเจ้ารึ คือคนที่อยู่ในห้องนั้นนะหรือ” เอ้อร์ยาพยักหน้า หมอหลวงเฉินกลอกตาขาว “ใช่ นี่เป็นยาที่ต้มให้คุณหนูของเจ้า ที่แท้ก็เป็นเจ้า เจ้าสาวใช้คนนี้บุ่มบ่ามเข้ามา ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเหตุใดจึงไม่เคยพบเจ้ามาก่อนเลย” “ข้าเพิ่งกลับมาวันนี้” เอ้อร์ยาพูดไปก็หันตัวไปเตรียมจะทำอาหาร มองดูท่าทางของเอ้อร์ยานั้น หน้าของหมอหลวงเฉินก็มีความแวววาวขึ้น วิ่งเข้ามาอย่างสั่นสะเทือน “สาวใช้ เช่นนั้น เจ้าทำกับข้าวเป็นรึ....” เอ้อร์ยามองเขาอย่างดูแคลน “ไร้สาระ ข้าเป็นสาวใช้ ก็ต้องทำกับข้าวเป็นอยู่แล้ว ทำไมรึ” “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร แค่ตื่นเต้นมากไปหน่อย เจ้าไม่รู้อะไร สองวันนี้เจ้าเด็กหนุ่มแซ่อู๋นั้นทำอาหาร ข้าทานได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน กินจนปากของข้านั้นกำลังจะแตกละเอียด เจ้ารีบทำเถอะ วันนี้แม้แต่ข้าวเช้าข้ายังไม่ได้กินเลย” หมอหลวงเฉินน่าสงสารเหมือนกัน เป็นหัวหน้าหมอหลวงที่สง่าผ่าเผย คาดไม่ถึงว่าจะกินข้าวไม่ได้สักคำ เอ้อร์ยาหัวเราะอย่างเก้อเขิน มือของนางเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ใช่แล้ว วันเช่นวันนี้ เจ้าเป็นสาวใช้เหตุใดจึงไม่ไปดูความคึกคักบนถนนใหญ่” หมอหลวงเฉินต้มยาไปและก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับเอ้อร์ยา เอ้อร์ยาคำรามเสียงเย็น “มีอะไรน่าดูรึ คนหนึ่งทอดทิ้งคนไปแต่งกับผู้หญิงอสรพิษ เรื่องคึกคักเช่นนี้ใครชอบดูก็ไปดูสิ” “โอ้ เจ้าสาวใช้ยังมีความโกรธอยู่ แต่ว่าอู่เซวียนอ๋องนั้นเอาใจใส่คุณหนูของเจ้ามากนะ ยังนับว่าทอดทิ้งหรือ” หมอหลวงเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเอ้อร์ยา “เอาใจใส่รึ” เอ้อร์ยาขึ้นเสียงสูง “เมื่อครูแม่นางบอกข้าหมดแล้ว แม่นางตั้งครรภ์แล้ว แม้แต่เกียรติเขายังมอบให้กับแม่นางของข้าไม่ได้ นี่เรียกว่าเอาใจใส่รึ” “แต่ว่าให้แม่นางของเจ้าเก็บเด็กคนนี้เอาไว้แล้ว เพียงแค่ต้องการเด็กคนนี้ อนาคตก็จะมีฐานะ ต่อให้ไม่ได้เป็นชายา รอเมื่อเด็กเติบโตขึ้น แล้วได้รับใช้อะไรเช่นนี้ ถ้าหากว่าเด็กเป็นคนที่มีประโยชน์ นางก็มีโอกาสที่จะได้เป็นชายารองนะ” ข้อแรกนั้นคือนางไม่ได้รับการสะสางจากชายา ท้ายที่สุดหมอหลวงเฉินก็เป็นคนของวังหลวง เพื่อที่จะได้มาซึ่งเกียรติยศนั้นผู้หญิงใช้อุบายมากมาย เรื่องราวเช่นนี้เขาเห็นมาไม่น้อยแล้ว เอ้อร์ยาใช้ท่าไม้ตาย “แม่นางของข้านั้นไม่ได้หวงแหนการเป็นชายารองอะไรนั่น” “ไม่หวงแหนรึ” หมอหลวงเฉินไม่อยากจะเชื่อ “ผู้หญิงคนไหนไม่หวงแหน นั้นเป็นชายารอง เจ้าสาวใช้ อย่าปากไม่ตรงกับใจพูดคุยโว” “ฮึ ใครคุยโว ถึงแม้ว่าข้านั้นจะไม่ได้ติดตามคุณหนูมานาน แต่ว่าข้ารู้ความคิดของคุณหนูกับผู้หญิงทั่วไปนั้นไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ข้าตามคุณหนูไปดูงิ้วที่โรงละคร เวลานั้นเรื่องที่แสดงคือผู้หญิงถูกละทิ้งแล้วก็เจ็บปวดจนตาย เวลานั้นคุณหนูก็พูดว่า นางยอมอยู่อย่างเดียวดายดีกว่า นางไม่ยอมที่เสพสุขกับผู้ชายร่วมกับหญิงอื่น” “ผู้ชายมีเมียมากนั้นเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นอยู่ทั่วไป ความคิดของคุณหนูของเจ้านั้นไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้” หมอหลวงเฉินส่ายหัว เมื่อเห็นยาเดือดแล้วก็ยกออกมา รีบนั่งยองควบคุมไฟ “คนคู่เดียวเคียงคู่ตลอดชีวิต นี่เป็นคำพูดของแม่นาง” เมื่อเอ้อร์ยาทำกับข้าวก็พูดประโยคนี้ออกมาก็คิดไม่ถึงเลยว่า การพูดคุยเรื่องสัพเพหระครั้งนี้ หลังจากหลินซินเยียนออกจากเมืองเฟิ่งซีประโยคนี้ก็ผ่านเข้าหูโม่จื่อเฟิงโดยผ่านหมอหลวงเฉิน เวลานั้น โม่จื่อเฟิงเพิ่งจะได้รู้ว่า เดิมสิ่งที่หลินซินเยียนต้องการนั้นไม่ใช่เกียรติ แต่เป็นคนคู่เดียวตลอดชีวิต 
已经是最新一章了
加载中