ตอนที่ 26 คำเตือนจากพี่สาว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 26 คำเตือนจากพี่สาว
ต๭นที่ 26 คำเตือนจากพี่สาว แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าเล็ก ๆของจารวีที่เต็มไปด้วยน้ำตาและมีท่าทางที่ตกใจกลัว ยศพลเข้ามาประคองจารวีอย่างรวดเร็ว“เธอนี่โง่จริงเลย มาถึงนี่ได้ยังไง? น้ำเข้าสมองหมดแล้วรึไง?” พอตำหนิเสร็จก็ถามขึ้นมาทันทีว่า“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?” จารวียกฝ่าเท้าขึ้นมาอย่างน่าสงสาร“ปะ...เปลือกหอยหักคาอยู่ที่ฝ่าเท้า” ดวงตาที่สวยงามของยศพลหรี่เล็กลง หันกายมาอย่างไร้ความอดทนแล้วตะโกนว่า“เร็วเข้าสิ...” เรือทำได้สวยมาก แต่เสียดายที่ไม้พายทำมาจากไม้ ที่จริงความเร็วก็เร็วพอสมควรแล้ว เพียงแต่ยศพลรีบร้อนเกินพายอย่างใจจะขาดจนเรือจะกลายเป็นเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ พอขึ้นเรือแล้ว หน้าของจารวีก็แนบอยู่ที่อกของยศพล เนื่องจากอากาศที่เหน็บนาว จารวีจึงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ยศพลเจอพรมผืนหนึ่ง จึงนำมาห่อตัวจารวีไว้ แม้ว่าน้ำเสียงจะดูหยิ่งและหยาบคาย แต่การแสดงออกที่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างมากเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ดูออก อิงแอบอยู่ในอ้อมอกของยศพล จารวีได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ดุเดือดของเขา หรือว่ากำลังรู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูกกับเธอกันนะ เป็นไปไม่ได้หรอก หัวใจของเขาดวงนี้จะไปสนเธอได้ยังไง นี่ต้องหลอนไปแล้วแน่ ๆ พอขึ้นฝั่ง จารวีก็ถูกส่งไปโรงพยาบาล ที่จริงแล้วเธอไม่ได้บาดเจ็บหนัก แต่เป็นเพราะเปลือกหอยแทงเข้าไปที่ฝ่าท้า จึงต้องใช้เวลาในการผ่าตัดชั่วโมงกว่าๆ พอเย็บแผลเสร็จจารวีก็ถูกเข็นออกมา ตอนที่จารวีเข้าไปในห้องผ่าตัด ยศพลที่เปียกไปทั้งร่างก็ยืนรออยู่ด้านนอกประตู ตอนที่จารวีซึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ถูกพยาบาลเข็นออกมา นึกไม่ถึงเลยว่ายศพลยังคงเปียกชุ่มไปทั้งตัว สมองของผู้ชายคนนี้โดนบีบจนพังไปแล้วรึไงกัน ยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อีก ในห้องผู้ป่วย จารวีนอนเอกเขนกเหม่อลอยอยู่บนเตียงคนไข้ ขาข้างซ้ายถูกผ้าพันแผลสีขาวห่อเอาไว้อยู่ ยศพลยังไม่คิดจะไปเปลี่ยนเสื้ออีก แถมยังตำหนิจารวีเสียงดัง “จารวี เธอนี่เยี่ยมจริง ๆ ออกมาเที่ยวข้างนอก ไม่เพียงแต่ไม่ดูแลพี่สาวของเธอให้ดี ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บแบบนี้ เธอว่าเธอโง่แค่ไหนกันละ!” จารวีจ้องเขม็งไปรอบ ๆตัวเขา“คนอื่นเขาเจ็บซะขนาดนี้แล้ว นายยังไม่สะใจอีกรึไง….” “เธอยังกล้าต่อปากต่อคำอีกเหรอ! ถ้าฉันมาช้ากว่านี้อีกนิดล่ะก็ เธอก็คงถูกกลืนหายไปในน้ำทะเลแล้วล่ะ” ยศพลโกรธหนักกว่าเดิมแล้ว จารวีฝืนที่จะเผยรอยยิ้มที่ผิดไปจากปกติออกมา อย่างไรเสียคนที่ช่วยเธอก็คือยศพล นี่คือความจริงที่ไม่มีทางที่จะโต้แย้งได้ “ขอบคุณละกัน!เอ่อ นายช่วยไปเปลี่ยนเสื้อสักหน่อยได้มั้ย จะได้ไม่เป็นหวัด” สีหน้าบนใบหน้าของยศพลเผยให้เห็นถึงความผ่อนคลายลงเล็กน้อย แอบดีใจลึกๆ ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์“สนใจฉันด้วยเหรอ” จารวีทำปากแบน ยิ้มแบบแห้งๆ “อื้ม ใช่สิ” ประโยคนี้ทำให้ศพลเดินจากไปอย่างพึงพอใจ จารวีมองตามแผ่นหลังของยศพลอย่างเหยียดหยามดูถูก เหอะ ใครจะสน ถ้าไม่ใข่ในฐานะของน้องสาวพี่พิน ฉันก็ไม่อยาก สนใจนายหรอก ฮือ เจ็บจัง ที่จริงก็ไม่ควรนินทาลับหลังคนอื่น ฮึ่ย ฮึ่ย เจ็บจัง ยศพลเปลี่ยนเสื้อผ้ากางเกงที่แห้งสบายทั้งชุดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกายจารวี สายตาที่หล่อเหลาเฉียบคมมองตรงไปที่จารวีอย่างเนิ่นนาน ทันใดนั้นเขาก็โค้งตัวลงมา “โกรธฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ” “อะไร”จารวีตื่นตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน “นั่นเป็นเพราะจันทร์ทา ดังนั้นเธอเลยจงใจไปหลบอยู่บนเกาะเล็กนั่น ทำให้ฉันหาเธอไม่เจอไง!”สีหน้าของยศพลแฝงไปด้วยสายตาที่กระหยิ่มยิ้มย่อง จารวีสแหยะมุมปาก ก็ดี ยศพล นายไม่เพียงแต่หลงตัวเองมาก แล้วยังทำตัวปัญญาอ่อนอีกด้วย คงมีแต่ผีที่เห็นด้วย “ไม่ใช่สักหน่อย….” ยศพลเข้ามาประชิดกว่าเดิมอีกครั้ง ยื่นมาออกไปจับคางเล็ก ๆของเธอ“แค่ยอมรับว่ารักฉันมันทรมานมากนักรึไงกันหะ?” “ที่สำคัญคือฉันไม่เคยรักนาย นายอย่าหลงตัวเองแบบนี้อีกได้มั้ย?”จารวีคำรามออกมาอย่างใจจะขาด อีตานี่ ไม่ต้องมาทำดีกับฉันได้มั้ย รึว่ามีใครกำหนดว่าผู้หญิงบนโลกทุกคนจะชอบนายน่ะ ก็ได้ ฉันยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกของนายน่ะนับว่าเพอร์เฟคเลยทีเดียว แต่ว่าธาตุแท้/คุณสมบัติแย่เกินไป ใครพบเจอก็ซวยทุกคน ติยินดีเบิกยานใจ……” ยศพลแสยะยิ้ม“เธอก็อย่าปฏิเสธเลย ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน แล้วทำไมทุกครั้งที่ฉันคร่อม เธอถึงร้องออกมาอย่างเบิกบานใจล่ะ….” เสียงค่อยๆต่ำและดูมืดมนลง แววตามีรัศมีที่เปล่งประกายไปด้วยความเร่าร้อนที่รุนแรง ถ้อยคำที่จารวีทนฟังไม่ได้มากที่สุดคือถ้อยคำที่กดเธอให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้อยต่ำ/ทำให้เธออับอายเช่นนี้/แบบนี้ แค่ฟังเธอก็หน้าแดงเป็นมะเขือเทศ “ซะที่ไหนกันล่ะ!” ยศพลเริ่มหายใจถี่ขึ้น ลักษณะท่าทีของใบหน้าเล็ก ๆที่แดงระเรื่อของจารวี จริง ๆแล้วเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้เขามองเห็นไม่ค่อยชัดอย่างรวดเร็ว “ไม่งั้นเหรอ? งั้นมาให้ฉันลองอีกครั้งตอนนี้เลยสิ….” จารวีมองยศพลที่มีท่าทางที่ลามก แล้วเริ่มเตรียมที่จะถอยระมัดระวัง “นายคิดจะทำอะไร?” ยศพลพ่นลมหายใจใส่ จูบของเขากดลงไปบนตัวเธอ จารวีถูกผลักล้มไปบนที่นอน “อย่านะ ฉัน นี่ในโรงพยาบาลนะ….” จารวีดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดชีวิต เตียงคนไข้สั่นไหว มีเสียงดังเป็นจังหวะ จารวีขัดขืนอย่างยากลำบากเป็นอันมาก เธอหาช่องว่างที่จะหลุดออกไปอย่างสุดชีวิต ไอ้บ้านี่ มันเป็นมนุษย์พันธุ์ประหลาดรึไงกัน ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็คิดแต่เรื่องบนตียง ยศพลพรมจูบอันร้อนแรงลงบนซอกคอของเธอที่เป็นเงาวาวและสะอาดหมดจด มือใหญ่ยื่นเข้าไปที่ระหว่างขาทั้งสองของเธอที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาว จารวีรู้สึกเหมือนถูกเปลวไฟเผาไปทั้งเรือนร่าง ราวกับว่าความรู้สึกอันเป็นสุขชื่นมื่นแพร่กระจายไปทั่ว “แคก….” แค่มีเสียงไอ ก็ทำให้เงาที่พิศวาสของทั้งสองต้องแยกออกจากกัน จารวีมองไปที่ประตูอย่างสงสัย ณ ตอนนั้น ประตูของห้องคนไข้ยังคงถูกปิดอยู่ เธอเห็นว่าไม่มีใครก็วางใจ มีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมา ยศพลหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวัด เขาก้าวเท้ายาวไปเปิดประตูห้อง เตรียมที่จะส่งเสียงคำรามออกมา พอเงยหน้าขึ้นมามอง ปรากฏว่าคือยุพิน “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่จำเป็นต้องมาน่ะ?” จารวียิ้มอย่างอบอุ่น“พี่ยศพล ฉันเป็นห่วงจารวีน่ะ ฉันแค่มาดูสักหน่อยก็กลับแล้ว” ยศพลพูดอย่างเฉยชา“ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ นั่นน้องสาวเธอนะ เธอจะอยู่จนถึงเมื่อไหร่ก็ได้ งั้นฉันไปก่อนละกัน” เขาหันไปมองจารวีแล้วก็ปลีกตัวออกไปจากห้อง จารวียืนงงอยู่ที่ประตูสักพัก แล้วหันกลับมา เดินตรงไปหาจารวี พูดพร้อมกับสายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง“จารวี ทำไมเธอถึงหนีไปที่เกาะนั้นล่ะ ฉันรีบแทบตายเลย ถ้าเกิดมีเธอเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะไปบอกกับพ่อเธอยังไง?” ใจของจารวีเริ่มอบอุ่นขึ้น เธอดึงมือของยุพินมาแล้วพูดด้วยความรู้สึกขอโทษ“พี่ ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้เลย จากนี้ไปฉันจะไม่หนีไปข้างนอกคนเดียวอีกแล้ว” สักพักจารวีก็ถามขึ้นมาอีก“พี่ พี่โทรเรียกคุณยศพลมาเหรอ?” ยุพินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ระทมทุกข์ “ฉันมาถึงห้องของเธอ แต่ฉันไม่เจอเธอ ฉันวิ่งไปตามคนมาช่วยหาแล้วรอบนึง แต่ก็ไม่เจอเธอเลย ฉันเลยต้องโทรหาคุณยศพลอย่างไม่มีทางเลือก” จารวีนึกถึงเสียงอ๊ะจากนอกห้องที่เพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ ในใจก็เอ่อล้นไปด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่เหมือนที่คิดไว้สักนิด รึว่าพี่จะรู้อะไรมา? ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงต้องไอ/กระแอมล่ะ? เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังเตือนพวกเธอสองคนอยู่! แต่ว่า ถ้าพี่รู้เรื่องนี้แล้วจริง ๆละก็ ทำไมพี่ถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ล่ะ? “พี่ ฉันไม่เป็นไรแล้ว พี่กลับไปพักผ่อนเถอะ!” ยุพินยิ้มพลางส่ายหัว ยื่นมือมาพับเก็บมุมผ้าห่มของจารวีให้ดี แล้วไปนอนพักบนเตียง “จารวี ที่นี่คือมัลดีฟส์ ไม่ใช่ในบ้าน ถ้าฉันไม่อยู่ข้างกายเธอ ถ้าหากเธอมีความต้องการอะไร แต่คนดูแลข้างกายสักคนไม่มี ไม่เป็นไรนะพี่พิน” จารวีซาบซึ้งจนสับสนขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกทรมนเป็นอย่างมากจากการรู้สึกผิดบาป “พี่ สมมตินะ ฉันสมมตินะ ถ้าคุณยศพลเปลี่ยนใจขึ้นมาพี่จะทำยังไง?”จารวีเอ่ยปากถามออกไป ใบหน้าของยุพินไม่ตกตะลึงมากนัก สายตายที่อ่อนโยนมองมาข้างหน้า ลักษณะท่าทีของมุมปากก็ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น “จารวี ในเมือพี่เลือกคุณยศพลแล้ว ก็ต้องรู้ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของเขาเป็นยังไง ชีวิตเราก็เหมือนดอกไม้ในฤดูร้อนที่ผลิบาน สว่างรุ่งโรจน์แค่ฤดูเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าคุณยศพลจทำอะไร พี่ก็จะไม่ไปจากเขาหรอก” “พี่ แต่เหมือนว่าวันนี้เขาส่งคนไปทำเรื่องแบบนั้น พี่รับได้จริง ๆเหรอ?” การทำเรื่องบนเตียงแบบนี้ แต่ก่อนยศพลคงทำมาไม่น้อยแล้วมั้ย ในอนาคตก็คงจะมากกว่านี้อีก ใบหน้าของยุพินยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน“ผู้ชายน่ะอยู่ในสังคมที่หวัง...ก็คงมีไม่น้อย แต่ส่วนมากก็เหมือนแค่การเล่นเกมส์ฉันน่ะไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอก” จริงสิ คุณลุงเฉลิมชัยพ่อของเธอก็พูดแบบนี้ แม้ว่ายุคสมัยนี้ ความสมใจก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่มาโดยตลอด เรื่องแบบนี้เห็นมาเท่าไหร่แล้ว ก็เลยเห็นจนชินตาแล้ว แต่จารวียังอ่อนต่อโลก เธอไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ยุพินเปลี่ยนสีหน้าเป็นใบหน้าที่มีความรู้สึกเศร้าโศก“แต่เธอน่ะจารวี อนาคตอย่าเป็นแบบพี่ก็พอแล้ว” “พี่ทำไมเหรอ?”จารวีกระซิบเบาๆ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าที่ยุพินพูดนั้นแท้จริงแล้วมีความหมายยังไงกันแน่ ยุพินหยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งมาปอกให้จารวีอย่างดี“กินสิ กินเสร็จแล้วก็นอนนะ พี่จะอยู่นี่เฝ้าเธอเอง “อื้ม!”จารวีไม่ทนต่อแล้ว คืนนี้ได้อยู่ด้วยกันสองพี่น้องที่โรงพยาบาลก็เพียงพอแล้ว เช้าวันต่อมา ยศพลเตรียมวีลแชร์หนึ่งคันเพื่อเข็นจารวีในโรงพยาบาล จารวีมองไปที่วีลแชร์คันนั้นด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด“ฉันไม่ได้อัมพาต ไม่ต้องใช้เจ้านี่…” ยศพลมองเธออย่างเย็นชา“ไร้สาระเกินไปละ….” พูดจบก็ตรงไปอุ้มเธอมานั่งบนวีลแชร์ มองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า“นั่งเที่ยวบินบ่ายวันนี้กลับประเทศ พวกเธอเตรียมตัวด้วยล่ะ ไปหาดูว่ามีที่เที่ยวที่ไหนอีก….” เดิมทีมีกำหนดการจะเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่ถึงสามวัน ก็เพราะว่าจารวีบาดเจ็บทริปนี้จึงต้องสิ้นสุดลงอย่างกระทันหัน หลังจากเครื่องบินจอด รถบ้านที่หรูหราคันหนึ่งก็ขับมาจอดด้านนอกสนามบิน ยศพลตรงเข้ามาเข็นจารวีขึ้น รถบ้าน เขาหันไปพูดกับยุพิน“ฉันจะส่งคนไปส่งเธอกลับเอง จารวีต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน” ยุพินมองจารวี เหมือนพยายามที่จะพูดแต่ก็กลับไม่พูด สุดท้ายแล้วเธอก็ทำตามที่ยศพลจัดการให้ รถบ้านไม่ได้พาจารวีไปโรงพยาบาล แต่กลับพาไปวนรอบเมืองหนึ่งรอบ แล้วเข้าไปจอดที่ด้านหน้า Versailวิลล่า ท่ามกลางสายตามองของเหล่าคนรับใช้จำนวนมาก จารวีถูกยศพลเข็นเข้าไปในประตูใหญ่ที่หรูหรา จารวีคัดค้านขึ้นมา “ไอ้บ้า นายบอกจะพาฉันไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ พาฉันมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ยศพลจ้องมองเธอด้วยแววตาดั่งไฟ“ ถ้าไม่ใช่เพื่ออยากไว้หน้าเธอ จำเป็นต้องโกหกยุพินทำห่าอะไร” ใช่ นายน้อยยศพลอย่างเขาอยากได้ซะอย่าง ไม่ต้องให้หน้ากับใครเลย แต่เพื่อจารวี เขาก็สรรหาข้ออ้างมาเป็นครั้งแรก “ตาบ้า ฉันจะกลับบ้าน...” เขากางมือทั้งสองข้างออก มองเธอแล้วหัวเราะเยาะออกมาเสียงดัง“ก็ดี งั้นเธอก็เดินกลับไปเองเลย” จารวีถูกทำให้โกรธ เธอลุกขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจัง กระโดดขึ้นมาด้วยขาข้างเดียว กระโดดทีละก้าวเพื่อออกไปจากประตูกระจก ผู้ชายคนนี้นี่นี่มันบ้าจริง ๆเลย ตอนลงจากเครื่องบินก็เห็นชัดอยู่ว่าจะส่งพี่สาวฉันกลับบ้าน ไม่นึกว่าจะหลอกพี่แล้วพาฉันมาถึงนี่ จารวีกระโดดไปถึงหน้าประตูใหญ่อย่างยากลำบาก ยศพลเดินไปรวบเอวจารวีอุ้มเธอกลับมา แล้วปล่อยเธอไว้บนโซฟา จากนั้นเขาก็นั่งบนโซฟาอย่างแรงพร้อมกับมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เฉียบคมชั่วร้ายดั่งเหยี่ยว
已经是最新一章了
加载中