ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี
1/
ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี
เล่ห์รักเมียตัวน้อย
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี
ตนที่ 27 นานเป็นสิบปี “จารวี อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับเธอเลย…” ยศพลมองจารวีด้วยสายตาที่ชั่วร้ายมาก ๆ“พี่มนต์ ฉันอยากจะรู้จริง ๆว่ามันหมายความว่าอะไร?” จารวีนิ่งอึ้งไป เธอนึกไม่ถึงเลยว่ายศพลจะยังจำชื่อนี้ได้ ผู้ชายคนนี้ ทั้งโหดเหี้ยมอัมหิตทั้งหน้าด้านไร้ยางอาย แล้วยังมีใจที่คิดแค้นผูกพยาบาท เธอนึกว่าเรื่องนั้นมันจะจบลงแค่ตรงนั้นซะอีก “แค่เพื่อนน่ะ!” ยศพลดึงเนคไทของตนออก หลับตาลงอย่างดูน่าอันตราย“เพื่อน?” วลาถึงจุดสุดยอดแล้วผู้หญิงจะครางชื่ออกมา ชื่อที่ร้องออกมนั้นจะต้องเป็นชื่อของชายที่เธออยากให้มาอยู่บนเรือนร่างของเธอ นั่นคือชายที่อยู่ในใจของเธอ เรื่องนี้สำหรับยศพลแล้วเป็นการถากถางหยามเกียรติเป็นอย่างมาก จารวี เธอนี่เยี่ยมจริง ๆ มองดูเหมือนเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ไร้เดียงสา นึกไม่ถึงเลยว่าแค่คำเดียวจะหักใจยศพลได้เพียงนี้ บนโลกนี้ จะมีแค่ยศพลเท่านั้นที่จะทำกับคนอื่นเหมือนเป็นของเล่นได้ การที่ตนถูกผู้หญิงทำเหมือนเป็นของเล่นนั้น นี่มันเป็นครั้งแรก ดูๆแล้ว เขาคงจะดูถูกเธอมากไปจริง ๆ ยศพลยื่นมือไปล็อกตัวจารวี นำตัวเธอขึ้นมาจารวีลแชร์แล้วโยนเธอลงบนโซฟาแล้วคร่อมเธออย่างแม่นยำ ในแววตาพรั่งพรูไปด้วยความชั่วร้ายและความมืดมนที่เดาทางได้ยาก “พูดความจริงมา ไม่อย่างนั้น พี่สาวของเธอ แล้วก็คนในบ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนจะโดนฉันเล่นจนตาย….” เขาตะโกนออกมาเพราะไม่เชื่อ ด้วยน้ำเสียงที่บ้าคลั่งโหดร้าย ตาที่มีสีแดงก่ำดังเลือดทำให้จารวีตัวสั่นจนไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไแล้ว หรือแท้จริงแล้วครึ่งคนครึ่งปีศาจยังมีอยู่บนโลกนี้ เขาทำให้จารวีกลัวมาจากใจ ครั้งก่อนตอนที่พี่โรคหัวใจกำเริบ ยังนึกขึ้นได้ เธอไม่อยากจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกครั้งแล้ว “เป็นผู้ชายที่ฉันชอบน่ะ…” จารวีมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนแอ และพูดออกมาอย่างระมัดระวัง ยศพลยื่นมืออกมาจับที่คางของจารวี เขามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาและดุดัน“จารวี นับจากนี้ไป ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอต้องตกเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น เข้าใจมั้ย?” “ยศพล นายนี่มันระยำจริง ๆ นายจะสนทำไมว่าฉันคิดถึงใคร?” “เพียะ!”ยศพลตบไปที่หน้าของจารวีอย่างแรง จนหน้าของเธอหันไปอีกทางหนึ่ง “ไอ้สารเลว นี่นายกล้าตบฉันเหรอ…”จารวีอยากจะขัดขืน ใบหน้าของยศพลปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เขายื่นมีไปดึงทึ้งเสื้อผ้าของเธอออก แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธออย่างร้อนแรงดั่งไฟ มือใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในกระโปรงของเธออย่างง่ายดาย รุกล้ำเข้าไปโดยที่ไม่ได้เล้าโลมก่อน “เจ็บ…”จารวีนึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนโดนทำให้ฉีกขาดในครั้งนั้น ยศพลกระแทกเข้าไปอย่างแรงโดยที่ในสายตาของไม่ีมีความรักทะนุถนอมและความสงสารใด ๆเลย ราวกับว่านี่คือบทลงโทษที่เธอเพิ่งจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ ยศพลจงใจที่จะทำให้เธอเจ็บปวด นี่คือร่างกายของตน จารวีกัดที่ริมฝีปากล่างของตน สุดท้ายเธอก็พูดออกมาเบาๆว่า “ฉัน ฉันผิดไปแล้ว…” ยศพลเห็นว่าท้ายที่สุดจารวียอมแพ้เขาก็ยิ้มที่มุมปากอย่างภาคภูมิใจ เขาเชื่อมั่นในตัวเองมาก ในโลกของเขา เขาคือผู้บงการชี้ขาด ผู้หญิงก็เป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆที่อ่อนแอก็เท่านั้น “ใช่ ถูกแล้วล่ะ…”ยศพลก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ การกระทำดุเดือดมาก ริมฝีกปากของเขาเลื่อนลงไปที่คางของเธอ แล้วเลื่อนลงไปอย่างช้า ๆ เสียบแทงและเหย้าแหย่อย่างตามใจตนเอง ท้ายที่สุดแล้วร่างกายที่เย็นเยือกของจารวีก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอบอุ่น ความรู้สึกที่เจ็บปวดก็จางหายไป ค่อยๆกลายมาเป็นความรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว “อา อูว…” ยศพลเห็นใบหน้าเล็ก ๆของจารวีค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากก็แสยะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็จับที่ใบหน้าของจารวี มองไปสายตาอันเลือนรางของเธอและเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน เต็มไปด้วยความยั่วยวนดึงดูดใจ “มองฉันสิ มองฉันแล้วบอกว่าฉันคือใคร…” จารวีทนจังหวะที่ยศพลกระทำต่อเธอไม่ไหว จนต้องหรี่ตามองเขา “คือ ยศพล…” “จำไว้ด้วยล่ะ ต่อไปเธอเป็นของฉัน ของยศพลคนนี้คนเดียวเท่านั้น จนกว่าฉันจะเล่นกับเธอจนเบื่อแล้ว…” ยศพลยิ้มชั่วร้ายอย่างลำพองและอวดดี นัยน์ตาของจารวีที่ยังคงขยายใหญ่ไม่หยุดมองเห็นร่างสูงใหญ่อยู่ตรงหน้า “อืม อา ฉัน…” เสียงเบาๆของจารวีละเมอพูดออกมาไม่หยุดว่าจากนี้ไปกำลังจะเปลี่ยนเป็นฝันร้ายแล้ว 2 วันต่อมา เท้าของจารวีสามารถเดินได้แล้ว ดีที่ยศพลไม่อยู่ เธอเลยจะเดินออกไปเงียบๆ เธอไม่ชอบที่จะอยู่ในบ้านของยศพลอย่างนี้ ในใจรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยสักนิด เดินมาถึงโรงเรีนแห่งหนึ่ง เธอก็โทรหายุพินเป็นอันดับแรก “พี่ พี่ดีขึ้นรึยัง?” “จารวี พี่ยศพลเพิ่งจะมาเอง ถามถึงอาการเธอด้วย…” “อ๋อ พี่ ฉันขอคุยกับพี่หน่อย ฉันขอไม่อยู่บ้านชั่วคราวนะ พ่อแม่ของอังคณาไปต่างประเทศ เธออยู่บ้านคนเดียว ฉันอยากจะไปอยู่กับเธอน่ะ”เพื่อจะหนีจากไอ้ชั่วที่สมควรตายคนนั้น จารวีคงทำได้เพียงพูดพอเป็นพิธีแบนี้กับพี่สาว “อา พี่ยศพลบอกว่าเท้าของเธอยังไม่หายดี เธอกลับมาอยู่บ้านได้รึเปล่า?” “ฉันหายดีแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ถามอังคณาดูสิ…” “ก็ได้ จารวี อยู่ข้างนอกก็ระวังตัวด้วยนะ มีเรื่องอะไรก็โทรมานะ” “อื้ม ได้เลย พี่ พี่ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ” จารวีวางสาย เธอโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอไม่ชอบเขาและไม่อยากจะอยู่กับเขา ณ บ้านของอังคณา จารวีรู้สึกเป็นตัวของตัวเองแบบเหมือนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน บ้านของอังคณาอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก เวลาไปเรียนจึงสะดวกมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไปต้องเจอหน้าไอ้เลวนั่นอีกแล้ว “จารวี ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” อังคณาดูโทรทัศน์พลางเคี้ยวป๊อบคอร์นอยู่บนโซฟา จารวีหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งมาวางบนตัก แล้วเปิดพลิกไปพลิกมา “เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้นดูคุ้นจัง…”อังคณะพูดพลางชี้ไปที่ภาพในข่าวบนโทรทัศน์ จารวีเงยหน้าขึ้นไปมอง เบื้องหน้าคือใบหน้าที่สุภาพเรียบร้อยซึ่งใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัว มีรูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลา กำลังอยู่ท่ามกลางแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป เขากับคนใส่สูทหลายคนเหมือนมาร่วมพิธีตัดริบบิ้นของงานอะไรสักอย่าง “บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดจะเปิดอย่างเป็นทางการในเมืองเอส…” บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัด?พี่มนต์!จารวีตกใจจนแทบจะตะโกนออกมา ภาพในโทรทัศน์ นักข่าวกำลังสัมภาษณ์มนต์ตรี “ท่านมนต์ตรีครับ ไม่ทราบว่าบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดในประเทศอเมริกาพัฒนาไปได้ก้าวไกลมาก แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้มาพัฒนาต่อในเมืองเอสครับ?” มนต์ตรียิ้มด้วยรอยยิ้มของคนที่มีการศึกษาเหมือนทุกที “ตอนนี้ตลาดในประเทศเติบโตแล้ว มีโอกาสทางธุรกิจมากมาย ทีสำคัญก็คือ ตัวผมเองเป็นคนจีน กลับมาที่นี่ก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคย” “เอ๊ะ คนนี้เหมือนกับมนต์ตรีเลยอ่ะ!” ในที่สุดอังคณาก็สติกลับมา เธอกับจารวีเรียนด้วยกันตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัย เป็นคนที่เข้าใจจารวีที่สุด “จารวี นี่มันพี่มนต์ไม่ใช่เหรอ ตลกฝืดน่า เขากลับมาหารักแรึไง?” จารวีมองเธอด้วยหน้าที่แดงก่ำ แล้วปาหมอนไปใส่อังคณา “พูดจาไร้สาระน่า…” การสัมภาษณ์ในโทรทัศน์ยังคงดำเนินต่อไป ท่านมนต์ตรีครับ มีข่าวลือว่าที่ท่านกลับมาเร็วเพราะจะหมั้นกับคุณสุรีย์วัลย์ ลูกสาวของประธานเหลียง ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด” หมั้น? หัวใจของจารวีเหมือนถูกบีบกระแทกอย่างหนัก พี่มนต์ ไม่จริงน่า มนต์ตรีบนโทรทัศน์ยิ้มเหมือนกับทุกที แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ สำหรับเรื่องนี้ผมขอไม่พูดก่อนนะครับ ขอเชิญทุกท่านมาให้ความสนใจกับบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดของพวกเราให้มากกว่านี้กันดีกว่านะครับ” อังคณาเห็นว่าจารวีหน้าซีดเผือก ก็รีบปิดโทรทัศน์ทันที “จารวี เธอยังรักมนต์ตรีอยู่จริงเหรอเนี่ย!” พอเห็นว่าจารวีไม่เอ่ยปากพูดอะไร อังคณาเลยพูดเบาๆ ว่า“โอย นั่นมันเรื่องสมัยเด็กนะ ตอนนี้พวกเราโตกันแล้ว บางทีเขาอาจจะลืมไปตั้งนานแล้วก็ได้มะ!” ลืมแล้วเหรอ? ไม่หรอก พี่มนต์จะต้องไม่ลืมแน่ ตอนที่อยู่เกาะมัลดีฟส์ก็เห็นชัดๆอยู่ว่าคือเขาไม่ใช่เหรอ แล้วยังให้ดอกไม้ไฟกับเธอ แถมยังลอยขวดไปในน้ำด้วยนี่นา? นิ่งไปสักพัก จารวีก็ปาดน้ำตาแบบลวกๆ จากนั้นก็เริ่มสวมใส่เสื้อผ้า “จารวี เธอเป็นอะไรน่ะ?” “ฉันอยากพบพี่มนต์สักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็ไม่อยากให้ตัวเองเสียใจภายหลังน่ะ...” “แต่ว่านะ จารวี เธอรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน?”อังคณาพูดออกมารวดเร็วดังสายฟ้าแลบจนจารวีตกใน แต่ก็รีบเปลี่ยนมาเป็นการให้กำลังใจ“จารวี ฉันอยู่ข้างเธอนะ” “อื้ม ฉันรู้จ่ะ บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดนี่ ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตัดริบบิ้นที่อาคารซีฮัวเหรอ?” “แต่ว่าตอนนี้เวลานี้ พวกเขาเลิกงานไปนานแล้ว ถ้าเธอไปก็ไม่แน่ว่าเจอเขาหรอกนะ” ใบหน้าของจารวีมีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมา“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะต้องหาวิธีให้ได้” ตอนนี้หัวใจของจารวีเต็มไปด้วยความมั่นใจและศรัทธาที่แข็งแกร่ง ว่าไม่นานก็จะได้เจอพี่มนต์ คนที่คิดถึงมาหลายสิบปี สุดท้ายแล้วก็ต้องรวบรวมความกล้าไปเผชิญหน้า ณ ด้านหน้าอาคารซีฮัว ตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว มืดตื๋อไปทั้งหลัง จารวียืนอยู่หน้าประตูของตึกหลังใหญ่ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อ Erison รุ่นเก่าขึ้นมา บนหน้าจอมีอักษรสองตัว“ปีศาจ!”นั่นก็คือยศพล เธอเอาอักษรคำว่าปีศาจสองตัวนี้มาใช้แทนชื่อของเขา เธอมองหน้าจอ แล้วก็กดปิดเครื่องโทรศัพท์พร้อมปากที่งอด้วยความดูถูก คืนนี้เป็นคืนของเธอกับพี่มนต์ ไม่มีใครจะมาขัดขวางเธอได้ อาคารซีหัวชั้น 33 ยังคงเปิดไฟอยู่ มนต์ตรีนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนของประธานบริษัทที่อยู่ลึกๆ เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน เขาดูเหนื่อยมาก ในขณะนี้ เขาปิดคอมพิวเตอร์ สายตามองไปที่กรอบรูปบนโต๊ะทำงาน ในนั้นมีรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนอายุประมาณแปดเก้าขวบ มีดวงตาที่โต มีหน้าม้าที่เรียบร้อย และยังสวมเสื้อสีฟ้าแบบทหารเรือ ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันหน้าสองซี่ที่สวยงาม แม้ว่าจะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ดูออกว่าจะเป็นผู้หญิงที่งดงาม รูปนี้เริ่มเหลืองแล้ว เห็นได้ชัดว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่ว่าในโลกของมนต์ตรี นี่เป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดของเขา “พี่มนต์ จารวีโตแล้วขอเป็นเจ้าสาวของพี่มนต์ได้รึเปล่าคะ?” เสียงหวานเล็ก ๆของเด็กยังดังก้องอยู่ข้างหูของเขา จารวี ตอนนี้เธออยู่ไหนกันนะ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก……” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ มนต์ตรีเงยหน้าไปมองอย่างคร่าวๆ หยาบๆ สุรีย์วัลย์ที่มีรูปร่างดี สละสลวยปรากฏตัวอยู่หน้าประตูใหญ่ของห้องทำงาน ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานแล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ“ประธานมนต์คะ เลิกงานได้แล้วค่ะ!!” “ฮะๆ ยัยวัลย์ เธอมาสักทีนะ!” “อื้ม เธอพลาดแล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญนะ…” มนต์ตรีนวดหน้าผากด้วยความเลอะเลือน “วันอะไรเหรอ?” สุรีย์วัลย์ไปทางด้านหลังของมนต์ตรี แล้วโอบไหล่ของมนต์ตรีอย่างช้า ๆ “ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรก่อน มา พวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะ” สายตาของเธอชำเลืองไปเห็นกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะของเขา ในใจก็เอ่อล้นไปด้วยความเศร้าทันที “มนต์ เธอยังไม่ลืมหล่อนอีกเหรอ?” มนต์ตรียิ้มแบบถ่อมตน “ฉันตามหาจารวีมาสิบปีแล้ว จะให้พูดกว่าลืมแล้วก็ลืมได้ซะที่ไหนล่ะ”“ใช่แล้ว สิบปีแล้วนี่นะ ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรจะตามหาเธอสิ…” สุรีย์วัลย์หัวเราะขึ้นมาในเวลาที่เหมาะเจาะ มนต์ตรียันกายขึ้น แล้วพยักหน้า“ยัยวัลย์ ทำให้เธอลำบากใจซะแล้ว ให้เวลาฉัน 3 วันนะ ถ้าใน 3 วันนี้ฉันยังหาจารวีไม่เจอ พวกเราก็หมั้นกันเลย สุรีย์วัลย์ออกแรงพยักหน้า เขารอจารวีมาสิบปีแล้ว แต่สุรีย์วัลย์ก็ไม่เคยรอเขาถึงสิบปีเสียหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะการเดินทางไปมัลดีฟส์คราวก่อน ตอนนี้พวกเขาคงได้หมั้นกันไปนานแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 27 นานเป็นสิบปี
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A