ตอนที่44 พี่สาวเสียชีวิต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่44 พี่สาวเสียชีวิต
ต๭นที่44 พี่สาวเสียชีวิต จารวีรู้ดีว่าถ้ายาเข็มนี้ถูกฉีดเข้าไป ยุพินก็คงจะหลับไปอีกครั้ง ไม่ได้! การมาของเธอครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เธอจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปเด็ดขาด เธอรีบพุ่งเอาตัวเองเข้าไปขวางพยาบาลไว้ “คุณพยาบาลคะ ฉันขอร้องเถอะค่ะอย่าเพิ่งฉีดยาพี่สาวฉันเลยนะคะ” นางพยาบาลมองเธออย่างลำบากใจ “คุณคะ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ยังไงก็ต้องฉีดยาเพื่อระงับอาการค่ะ” จารวีส่ายหน้าเป็นพัลวัน “แต่ถึงยังไงฉันก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงคุณฉีดยาให้พี่ การเจ็บตัวของฉันก็สูญเปล่าอยู่ดี ขอร้องเถอะนะคะ ฉันไม่ได้มาที่นี่ได้ง่ายๆ รอให้ฉันพูดกับพี่อีกสักสองสามประโยคเถอะนะคะ” นางพยาบาลถอนหายใจอย่างจำยอมพลางเก็บเข็มฉีดยาและยอมทำตามที่เธอขอ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ” จารวีเช็ดเศษเกี๊ยวที่ติดอยู่ตามผมของเธอออก จากนั้นจึงหยิบขนมเค้กไส้พรุทราที่เธอทำเองออกมาอีกครั้ง แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ “พี่ เลิกเล่นได้แล้ว โอเคไหมคะ” จารวีนั่งลงตรงหน้าของยุพิน พลางหยอกล้อเธอราวกับกำลังเล่นกับเด็ก “พี่ ฟังวีนะ...พี่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่วีเหลืออยู่แล้ว พี่ไม่เป็นแบบนี้ได้ไหม พี่รู้ไหมแต่ละวันของวีผ่านไปอย่างยากลำบาก ถ้าเสียพี่ไป วีไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปยังไง วีไม่รู้ว่าต้องทำยังไง พี่บอกวีหน่อยสิคะ วีต้องทำยังไงพี่ถึงจะได้สติขึ้นมา” “พี่ เป็นเพราะไอ้เลวยศพลใช่ไหม เขารังแกพี่ ทำให้ทรมานมากเลยใช่ไหมคะ พี่สบายใจได้นะ ไม่ว่าพี่มีเรื่องอะไรก็บอกวีได้ทั้งหมดเลย ตอนนี้เขาไปต่างประเทศไม่ได้มากับวี พี่บอกวีมาสิ แค่พี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม จะให้วีทำอะไรวีก็ยอมหมดเลย...” ยุพินยังคงเสมือนคนไร้จิตวิญญาณและความรู้สึก ไม่มีการโต้ตอบใดๆ น้ำตาของจารวีไหลลงอาบสองข้างแก้ม เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดี แต่เธอก็ยังคงมีความหวัง เธอจะไม่เลิกล้มความพยายามเด็ดขาด “พี่คะ พี่รู้ไหม...มีอยู่วันหนึ่ง วีรู้สึกอยากจะฆ่ายศพลมากๆ พอวีคิดถึงเรื่องที่เขาทำร้ายพี่ วีก็ทนไม่ได้ เขาพูดว่าบ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นล่ะ วีหาคำตอบไม่ได้ พี่คะ...วีกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วีคงอดไม่ได้ที่จะฆ่าเขาสักวัน” “แต่วีมันขี้ขลาด วีสู้อะไรเขาไม่ได้เลย วีคิดว่าหรือวีจะหาทางเอายาพิษอะไรใส่ลงไปให้เขากินดี ให้พิษมันค่อยๆทำลายเขาทีละนิดจนตาย...” จารวีพูดออกไปมากมายจนแทบนับคำไม่ได้ เธอระบายความรู้สึกที่อัดอั้นของตัวเองอย่างสะเปะสะปะ ทันใดนั้น สายตาที่ไร้จิตวิญญาณของยุพินก็พลันลุกโชนขึ้นมา “อย่านะ!!!” จารวีที่กำลังใจลอยพลันมีสติกลับมา เธอเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “พี่คะ พี่ได้สติแล้วหรอ” สายตาของยุพินค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมระทมทุกข์ “ยัยวี แกอย่าฆ่าเขานะ แกอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด” “พี่ พี่ได้สติแล้ว จริงๆแล้วพี่ไม่ได้เป็นบ้าใช่ไหม พี่ทำลายตัวเองทำไม ออกไปกับวี เราหนีไปจากที่นี่กัน หนีไปให้ไกล ให้ไกลจากไอ้บ้ายศพล...” ยุพินยิ้มอย่างเยือกเย็น “หนีไม่พ้นหรอก มันคือชะตากรรมของเรา” “พี่หมายความว่าไง” “คนบ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย มันคือชะตากรรม...” ยุพินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปล่าเปลี่ยว จารวีรู้สึกว่าความอดทนของเธอเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ “ทำไมล่ะ! พี่!! ทำไมพวกเราถึงสมควรตาย คนที่สมควรตายคือไอเลวนั่นต่างหาก” “พี่ พี่รักเขาจนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง! รักเขาจนเป็นบ้าไปแล้วหรอ!” จารวีเขย่าตัวยุพิน “ฉันบอกแกแล้ว หนีไม่พ้นหรอก แกอย่าหวังลมๆแล้งๆไปเลยยัยวี อำนาจของบ้านโพธิสูงยิ่งใหญ่จนแกคิดไม่ถึงเลยล่ะ” ใบหน้าของยุพินเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องปกติทั่วไป “แต่วีอยากรู้ว่าทำไม” การแสดงออกของยุพินแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดอ “ความแค้น...” “ความแค้นอะไร” จารวีพอจะเดาถึงสิ่งที่พี่พูดได้บ้างแล้ว ยศพลทั้งเลวทราวทั้งชั่วช้า เขาไม่มีทางจะลงโทษเธอกับพี่โดยไม่มีมูลเหตุอะไรแน่ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนโรคจิต แต่เขาก็มีเรื่องของตัวเองให้จัดการ ก็เลยไม่มีเวลามากมายมาคิดแต่เรื่องการแก้แค้นคนไร้ค่าเช่นเธอ มันต้องมีสาเหตุอะไรแน่ๆ “ถ้างั้น มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ของวีหรือเปล่า” จารวีลองหยั่งเชิงถามออกไป ทันใดนั้นยุพินเอามือปิดหน้าพลางร้องไห้ออกมา “ไม่ต้องถามแล้ว ยัยวี ฉันขอร้องแกอย่าถามฉันอีกเลย ความเจ็บปวดของพี่ยศพลมันมากมายกว่าพวกเรานัก ความเจ็บปวดของเขาเป็นอะไรที่แกไม่มีวันเข้าใจ ฉันขอร้องนะ แกอย่าถือโทษเขาเลย ความโกรธแค้นทั้งหมดที่ผ่านมาก็ขอให้จบลงตรงนี้เถอะนะ ถ้าหากการพลีชีพของฉันมันสามารถทำให้เขามองกลับมาได้ ฉันก็ยอมตาย...” “พี่ วีรู้ว่าพี่รักเขา แต่พี่จะเป็นแบบนี้ไม่ได้” ยุพินเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาที่มีน้ำตาคลอเบ้ามองมายังจารวี “ยัยวี ฉันรู้ว่าเขาชอบแก ฉันรู้ว่าเขาแคร์แก ฉันรู้ว่าต่อให้ฉันตายเขาก็ไม่มีวันกลับมาหาฉัน แต่บางทีความรักของแกอาจทำให้ความแค้นของสองครวบครัวละลายหายไปได้ ยัยวี..ฉันขอร้องล่ะนะ” “พี่..นี่พี่รู้เรื่องวีกับเขาหรอ” ยุพินพยักหน้ารับ “วันที่เขายอมตกลงหมั้นกับฉัน ฉันเห็นแกกับเขาอยู่ในห้องด้วยกัน...” วันนั้น เธอเห็นว่าจารวีไม่ลงมาด้านล่างเสียที เธอก็เลยรีบร้อนที่จะขึ้นไปตาม แต่ผลคือที่หน้าประตู เธอมองเห็นยศพลกดจารวีลง และกำลังพัวพันกันอยู่บนโซฟาอย่างบ้าคลั่ง ในตอนนั้น เธอแทบจะเป็นบ้า แต่ทว่า เธอรักยศพลมาก มากกว่าใครทั้งหมด ขอเพียงแค่ได้อยู่กับเขา เธอทนได้ทุกอย่าง ดังนั้นเธอก็เลยเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆ “พี่ นี่พี่รู้เรื่องทั้งหมดหรอ ถ้างอย่างนั้นการเดินทางไปมัลดีฟส์พี่ก็เป็นคนวางแผนสินะ” จารวีเอ่ยอย่างอ่อนแรง ใช่แล้ว เธอคิดมาตลอดเวลาพี่ไม่รู้เรื่องนี้ เป็นเธอเองที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว ยุพินพยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง “วี ฉันขอโทษ ฉันไม่มีทางเลือก ฉันรู้ว่าแบบนี้มันจะทำร้ายแกอย่างหนัก แต่ว่าฉันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ นอกจากแกแล้ว ไม่มีใครสามารถล็อคหัวใจของยศพลไว้ได้ ฉันคิดว่ามีแค่แกคนเดียวที่สามารถผูกมัดเขาไว้ได้” พลันจารวีก็รู้สึกว่าตัวเองถูกรังแกถูกหลอกใช้ อีกทั้งคนคนที่รังแกเธอยังเป็นคนที่เธอใกล้ชิดและเชื่อใจที่สุด ทำไมคำว่า “พี่” จึงแปรเปลี่ยนเป็นคำที่โหดร้ายทารุณได้ถึงเพียงนี้ น้ำตาราวกับไข่มุกที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ค่อยๆซัดสาดลงมาเป็นคลื่น “พี่คะ พี่รู้ไหม...อะไรคือสิ่งที่วีทำพลาดไป พี่รู้ไหมว่าวีต้องแลกอะไรไปบ้าง พี่รู้ไหมว่าวียอมเสียสละความสุขกับพรหมจารีของตัวเอง แลกมาโดยที่สิ่งตอบแทนคือคำโกหก มันไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดียว” “วี...ฉันขอโทษ!” ยุพินสายตาวิงวอนขอร้องจ้องมองไปยังจารวี “พี่ไม่ต้องขอโทษวีหรอก ในเมื่อพี่ทำมันลงไปแล้ว ก็ยอมรับผลตอบแทนนี้ไปซะ พี่...ฉันเกลียดพี่!!” “วี...พี่ขอโทษ” ยุพินพึมพัมกับตัวเองไปมา จารวีใช้ผ้าปิดหน้าพลางพรวดพราดออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ยุพินจ้องมองไปยังเงาของจารวีที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จมดิ่งอยู่กับความสิ้นหวังที่ยิ่งฝังลึกลงไป วี พี่หวังว่าแกจะทำตามความปรารถนาของพี่ได้สำเร็จ จารวีพุ่งตัวออกจากประตูใหญ่ แล้วรีบก้าวขึ้นไปบนรถซึ่งมีนิรันรออยู่แล้ว นิรันมองเห็นจารวีในสภาพเหมือนคนอับจนหนทาง จึงตกตะลึงพลางถาม “คุณวีเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” จารวียิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า “เปล่าค่ะ พวกเรากลับกันเถอะ” รถทะยานไปบนถนนอย่างช้าๆ ในหัวสมองของจารวีได้ยินเพียงคำพูดเมื่อครู่ของยุพินตีกันจนยุ่งเหยิง ความแค้น..จริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เธอคิดไม่ออกจริงๆ ความคิดที่หน้ากลัวนี้กำลังจะทำให้เธอเป็นบ้า ที่จริงแล้วพ่อกับแม่ทำอะไรกับยศพลไว้กันแน่ เขาถึงได้เกลียดคนบ้านพูลสวัสดิ์ถึงเพียงนี้ ทุกอย่างในสายตาของจารวีเปรียบเสมือนหมอกหนาทึบที่ถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จารวีกลับมาถึงVersailวิลล่า น้าอามมองศีรษะเธอแวบเดียวก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ น้าอามจูงมือเธอไปพร้อมกับแหวกผมของเธอออกดู เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าเกิดจากแผลน้ำร้อนลวก “ตายแล้วคุณจารวี หนังศีรษะของคุณโดนลวกจนเป็นแผลพุพองเลยค่ะ คุณพระช่วย!! นิรัน! รีบไปเอายามาเร็ว” จารวีเพิ่งรู้สึกตัวว่าบนศีรษะของตนนั้นเจ็บมาก น้าอามพาจารวีไปนั่งบนโซฟา จัดการชำระสะสางผมของเธอให้เรียบร้อย พลางทายาแก้น้ำร้อนลวกให้เธอ หนังศีรษะโดนลวกจนเกิดเป็นแผลใหญ่ บางจุดก็แดงจนมองเห็นเส้นเลือดนูนขึ้นมา “ตายจริงคุณจารวี ใครเป็นคนทำคะ ถ้าคุณชายใหญ่รู้เข้าคนๆนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อแน่ๆเลย” “ฮ่าๆ โอ้ย...” พลันจารวีรู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรง “น้าอาม ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ระวังเอง” “ต่อไปคุณจารวีต้องระวังหน่อยนะคะ ถ้าคุณชายกลับมาเห็นว่าคุณจารวีได้รับบาดเจ็บ คุณชายจะต้องมาว่าพวกเราแน่ๆเลย” น้าอามพูดพร่ำรำพันด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นระคนห่วงใย “คุณจารวีคะ น้าว่าหรือจะไปพันแผลที่โรงพยาบาลดีคะ ถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” จารวียิ้มพลางโบกมือไปมา “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่รู้ว่ายศพลจะกลับมาเมื่อไร เขาไม่เห็นหรอกค่ะ” จารวีกลับมายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เธอกำลังจะทานข้าวที่ห้องอาหาร ทันใดนั้น น้าอามก็วิ่งเข้ามาจากห้องนั่งเล่นพลางเอ่ย “คุณจารวีคะ มีโทรศัพท์ถึงคุณค่ะ” จารวีนึกฉงน เธอวางจานข้าวลงพลางเดินเข้าไปหาน้าอาม “ใครโทรมาหรอคะ” น้าอามส่ายหัวไปมา ใบหน้างุนงง “เป็นผู้ชายแปลกหน้าค่ะ” ผู้ชายงั้นหรอ จารวีรับโทรศัพท์อย่างนึกสงสัย “สวัสดีค่ะ จารวีพูดค่ะ” “คุณจารวี ผมคือนายแพทย์ตนัสนะครับ รบกวนคุณมาโรงพยาบาลสักครู่ได้ไหมครับ” “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” “เอ่อคือ... พี่สาวคุณเสียชีวิตแล้วครับ” “อะ...อะไรนะคะ!!!” โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือของจารวีเสียงดังสนั่น หัวสมองของเธอขาวโพลน ราวกับร่างกายของเธอลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ... “คุณจารวี คุณจารวีคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” จารวีได้สติกลับมา มองเห็นน้าอามมีสีหน้าตื่นตระหนก “รถ..ไปที่รถ เร็วๆค่ะ เรียกพี่นิรันมา ฉันจะไปหาพี่!!” พี่คะ!! ไม่ได้นะ ไม่ได้ พี่จะตายไม่ได้ ทั้งโลกของจารวีพลันเปลี่ยนเป็นความมืดดำสนิท น้าอามร้องโวยวายอย่างตื่นตระหนก “ใครก็ได้ช่วยที คุณจารวีเป็นลม เร็วเข้า!!” ณ โรงพยาบาล น้าอามเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้อย่างกระวนกระวายใจ แขนของจารวีถูกเจาะสายเพื่อให้น้ำเกลือ หน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากยังพึมพัมไปมา “พี่คะ พี่อย่าเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งฉันไป” ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในฝันร้าย ไม่มีทีท่าว่าสติของเธอจะกลับคืนมา น้าอามเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยกับยศพล “คุณชายคะ ทำยังไงดีคะ” ยศพลสีหน้าเคร่งขรึม พลางตวาดเสียงดังลั่น “ออกไป!!” เขาไปต่างประเทศยังไม่ถึงสามวัน ทำไมในบ้านถึงเกิดเรื่องวุ่นวายเยอะแยะขนาดนี้ เขาต้องละทิ้งการประชุมสำคัญที่ยุโรปแล้วใช้เครื่องบินส่วนตัวบินกลับมาอย่างเร่งรีบ น้าอามกลับออกไปด้วยความวิตกกังวล และเช่นเดี๋ยวกับนิรันที่เฝ้าดูอยู่ที่หน้าประตู เขารู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณชายคงไม่ยกโทษให้ตนเองแน่ ยศพลคุกเข่าลงที่ข้างกายของจารวีพยางยื่นมือหนาไปกอบกุมมือของเธอไว้ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่แล้ว...” น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล ราวกับไม่ใช่ปีศาจคนก่อนหน้า เขาจ้องมองไปยังใบหน้าเล็กที่ซีดเซียว หัวใจด้านที่อบอุ่นของเขาถูกเผยออกมา เขาโน้มตัวลงจูบเบาๆไปที่หน้าผากที่เย็นเฉียบและเต็มไปด้วยเหงื่อของเธอ เขาโอบกอดเธอเบาๆอย่างทะนุถนอม ให้ศีรษะเล็กๆของเธอได้รับไออุ่นจากแผงอกกว้างของตน “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว...” 
已经是最新一章了
加载中