ตอนที่ 60 สถานที่ที่อบอุ่น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 สถานที่ที่อบอุ่น
ต๭นที่ 60 สถานที่ที่อบอุ่น “ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานายหน่อย!” “ว่ามา!” ยศพลแกล้งว่าได้ยินไม่ค่อยชัดเจน ชัดเจนแล้วว่าเขาถูกเธอปลุกไฟราคะขึ้นมา “ฉันว่าที่นายพูดมาก็ไม่เลวนะ ฉันจะไปทำเรื่องดรอปที่มหาวิทยาลัยสักหน่อย" ยศพลเดินก้าวใหญ่เข้ามาหาเธอ มือทั้งสองจับเธอไว้ “เรื่องนี้ให้ลูกน้องไปทำก็ได้” “ไม่เอา ไม่เอา ฉันอยากจะบอกลากับเพื่อนร่วมชั้นสักหน่อยน่ะ” ในแววตาของยศพลแฝงไปด้วยกามารมณ์“ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอต้องปฏิบัติตัวดีดีหน่อย…” จารวีถูกเขาดันไปที่มุมกำแพงอีกครั้ง และหันมาก็ไม่มีทางถอยอีกแล้ว เธอถูกอุ้มขึ้นและวางลงบนโต๊ะทำงาน วันต่อมา จารวีกับอังคณาโดดเรียนโดยออกไปทางประตูหลังของมหาวิทยาลัย อังคณายังคงสับสนและไม่เข้าใจ "วี ตอนนี้บ้านแกดูลึกลับมากเลยนะ มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนแอบซุบซิบกันว่าเธอเป็นเมียน้อยน่ะ เรื่องนี้มันจริงรึเปล่า” จารวีมองอังคณาอย่างตั้งใจและเป็นเวลานาน จากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่ได้เป็นเครื่องจริง เธออย่าไปฟังที่คนอื่นพูดมั่วเลย ฉันจะไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านได้ยังไงล่ะ” ใช่ ไม่ใช่เมียน้อย แต่เป็นเมียเก็บต่างหาก มันต้องเป็นเพราะปัถย์ตัวแสบที่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่ๆ “อ๋อ ฉันก็ว่าละ เธอจะไปเป็นเมียน้อยได้ยังไง ถ้าจะเป็นเมียน้อยละก็ ก็คงจะเป็นเมียน้อยของคุณชายมนต์สิ อิอิ….” จาวรวีมองใบหน้าที่ได้ใจของอังคณาแล้วโบกหัวเธอไปทีหนึ่ง “จำไว้ด้วยนะ ทีหลังอย่าพูดมั่วซั่วอีก พี่มนต์ตรีน่ะเขามีว่าที่ภรรยาแล้ว…” อังคณาลูบหน้าผาก พลางพูดว่า “จารวี เธอเนี่ยน๊า นับวันยิ่งชอบความรุนแรงซะจริง…” จารวียิ่งอยู่ยิ่งเป็นคนชอบความรุนแรง คำพูดของอังคณาทำให้เธอรู้สึกตกใจกลัว หรือว่าอยู่กับยศพลมากเกินไป ก็เลยติดเชื้อมา จารวีไม่ได้เข้าไปในสำนักงานใหญ่บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัด แต่อยู่ตรงสวนสาธารณะเล็กๆใกล้ๆแถวนั้น ให้อังคณาโทรหาพี่มนต์ตรี “คุณชายมนต์ตรี พวกเรามาถึงด้านล่างของบริษัทคุณแล้วค่ะ คุณว่างมั้ยคะ…” “ฮะๆ ฉันก็รอพวกเธอมานานแล้ว” มนต์ตรีถือมือถือเดินมาออกมาจากสวนสาธารณะด้านหลังที่มีพุ่มไม้อยู่ เขาสวมชุดสูทแบบยาวสีขาว เหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวในนิทานเลย ในวินาทีนั้น เวทมนต์ในความทรงจำของจารวีราวกับถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้ง ผู้ชายที่เขารอคอย ตอนนี้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว แสงอาทิตย์สีทอง สาดส่องมาที่ใบหน้าของเขา เหมือนกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน ในตอนนั้น จารวีสวมเดรสสีขาวมีลายดอกไม้สีเขียวอ่อนๆดูสุภาพ บนใบหน้าที่ดูสะอาดและบริสุทธิ์ มีดวงตาทั้งสองข้างโตและแวววับ ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่นดั่งเชอร์รี่ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอก็ดูสวยกว่าเดิมเยอะ ไม่ ไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นี่ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าเธอจะขี้เหร่หรือสวย เธอก็คือคนที่ใจเขาตามหาเสมอมา อังคณาเห็นสองคนนี้เริ่มจะเฉื่อยชา กระแอมออกมาอย่างพอเป็นพิธี “แค่ก เอ่อ ถ้างั้นฉันไม่อยู่ตรงนี้เป็น กขค แล้วดีกว่า เชิญคุยกับตามสบาย ฉันขอตัวไปก่อนนะ…” ใบหน้าของจารวีดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ บีบมือของอังคณาแน่น กำลังจะพูดออกมา มนต์ตรีก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปสิ” แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูอบอุ่นมาก แต่อังคณาก็รู้ความหมายแฝงที่มนต์ตรีพูดออกมา “ไว้วันหลังเถอะค่ะ ฉันมีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะ…” เหมือนกับว่ากลัวจะถูกจารวีตำหนิ ไม่ทันไรเธอก็วิ่งช้าๆหายไปดั่งควัน ไม่นานนักในสวนสาธารณะ ก็เหลืออยู่เพียงมนต์ตรีกับจารวีเพียงแค่สองคน “วี พี่ดีใจมากที่ได้เจอวีอีก พี่นึกว่าวีจะ…” รอยยิ้มของมนตร์ตรีเป็นประกาย อารมณ์แบบนี้เป็นอารมณ์ที่ออกมาจากใจที่ไม่ได้มีการเสแสร้งแม้แต่น้อย จารวีใจเต้นเร็วและแรง เธอได้กลิ่นน้ำหอมลอยมาจากตัวของมนต์ตรี เหมือนเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ เธอชอบกลิ่นนี้มาก กลิ่นนี้ทำให้ระยะห่างของทั้งสองเริ่มหดสั้นลง “พี่มนต์!” จารวีเรียกด้วยเสียงหวาน แล้วรียรีบก้มหน้าลง เธอไม่กล้าที่จะมองมนต์ตรีตรงๆ เพราะกลัวตัวเองจะอดใจหลงใหลในความอบอุ่นอ่อนโยนของมนต์ตรี รู้ทั้งรู้อยู่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถครอบครองได้ ถ้าหากเอาตัวเข้าไป ต้องรู้สึกเหมือนตายไปแล้วแน่ๆ “วี พี่จะพาวีไปที่ที่หนึ่ง…” มนต์ตรีจูงมือจารวีอย่างเป็นธรรมชาติตามความเคยชิน เหมือนกับตอนเด็กๆ ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จารวีพยายามที่จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงให้เขาจูงมือไป เดินออกมาจากพุ่มไม้ ทั้งสองคนเดินฝ่าระหว่างป่าไม้ออกมา แสงอาทิตย์สาดส่องมายังพวกเขาสองคน เป็นภาพที่เหมือนความฝันเล็กน้อย จารวีเงยหน้าขึ้นมาแอบมองมนต์ตรี มุมข้างของใบหน้ายศพลช่างหล่อเหลา เหมือนก้อนหยกก้อนหนึ่งที่ดูอ่อนโยน จารวีมองจนใจเต้น ถ้าเธอไม่ถูกยศพลใช้กำลังบีบบังคับ ถ้าไม่ได้ตกเป็นเมียเก็บของยศพล ถ้าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลง พี่มนต์ตรีคนนี้ที่ยืนอยู่ข้างกายเธอ ต้องเป็นของเธออย่างแน่นอน แต่ว่าโชคชะตากลับมาล้อเล่น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามล้วนหายไปหมดทั้งสิ้น พอจารวีคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็ปรากฎความรู้สึกหดหู่และโศกเศร้า มนต์ตรีรู้สึกได้ถึงแววตาของจารวี หันหน้ามา สายตาทั้งสองคู่ปะทะกัน มีประกายไฟที่กำลังเปล่งประกายอยู่ “วี…”มนต์ตรีเรียกอย่างอ่อนโยน มือจับไว้แน่น จะจับมืออันเล็กๆของจารวีแน่นยิ่งขึ้นอีก เขาอยากที่จะจับมือเธอไว้แน่นๆ แล้วเดินไปตามถนน เริ่มจะถึงสุดปลายทางของสวนสาธารณะ รถเวฟโรเลตสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ที่ปากทาง มนต์ตรีล้วงรีโมทคอนโทรลออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดประตูรถ แล้วส่งจารวีเข้าไปนั่งข้างในก่อน จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งในฝั่งคนขับ การกระทำที่พิถีพิถันแบบนี้ ทำให้จารวีรู้สึกอบอุ่น อยู่กับยศพลมานานขนาดนั้นแล้ว เขายังไม่เคยที่จะเปิดประตูให้เธอขี้นรถแบบนี้ก่อนเลย ใช่แล้ว เธอผู้ที่อยู่ตรงหน้ายศพล ก็เป็นแค่เมียเก็บที่ต่ำต้อยสกปรกคนนึง ก็แค่เป็นสัตว์เลี้ยงที่คอยตกอยู่ในมือของเขา มนต์ตรีเห็นน้ำตาในดวงตาของจารวี ก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย ค่อยๆยื่นมือไปปาดน้ำตาให้เธอเบาๆ “วี กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนติ*อย่างหาสิ่งใดเปรียบเทียบไม่ได้ จารวีถึงจะหัวเราะตาตี่ออกมา “ไม่หนิ ก็แค่ไม่ได้เจอพี่มนต์มานานมากแล้ว ฉันก็เลยรู้สึกดีใจหน่ะ” รถถูกขับไปตามถนนใหญ่ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมตลอดทาง ค่อยๆเห็นตึกสำนักงานที่มีธงปักอยู่หนึ่งตึก ตึกไม่สูงมาก ออกแบบเหมือนคฤหาสน์ บนดาดฟ้ากลับมีอักษรป้ายร้านค้าตัวใหญ่ บริษัทน้องวีกรุ๊ปจำกัด! จารวีรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที นี่เป็นบริษัทที่ยศพลพูดถึงพอดีหนิ พี่มนต์พาเธอที่นี่มาทำไมกัน พอเห็นใบหน้าที่อึ้งกิมกี่ของจารวี มนต์ตรีก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “วี พวกเราลงรถกันเถอะ” เขาลงมาจากรถ แล้วก็เปิดประตูด้านหลังให้กับจารวี จากนั้นก็ยื่นมือไปจับมือจารวีออกมา ภายใต้แสงอาทิตย์ มีแสงสว่างโชติช่วงส่องออกมาตัวอักษรชื่อบริษัทน้องวี มนต์ตรีเดินนำหน้า มีพนักงานสองคนเดินออกมาต้อนรับ พวกเขาโค้งให้มนต์ตรี “ท่านประธานมนต์ตรี…” “อืม พวกเธอไปกันก่อนเถอะ” มนต์ตรียิ้มอย่างอ่อนโยน เดินพาจารวีเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ตรงกลางของห้องโถงใหญ่เป็นห้องต้อนรับแขกขนาดใหญ่ พนักงานก็ต่างทำงานหน้าที่ของตนเอง ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เมื่อเห็นมนต์ตรีเดินผ่าน ก็ล้วนโค้งคำนับกันอย่างสุภาพและพร้อมเพียงกัน ชั้นหนึ่งเป็นโซนไว้ทำงานและต้อนรับแขก ชั้นสองฝั่งหนึ่งเป็นห้องแสดงนิทรรศการ อีกหนึ่งเป็นห้องทำงานของผู้จัดการระดับสูง ชั้นสามเป็นโถงทำงานขนาดใหญ่ ที่นี่ สามารถมองเห็นแบบของเสื้อผ้าต่างๆ และยังมีจักรเย็บผ้าขนาดใหญ่ในรูปแบบต่างๆ และเครื่องมือต่างๆที่ไว้ผลิตเสื้อผ้า “วี ที่นี่รวบรวมปัจจัยที่จำเป็นต่อการเสื้อผ้าแฟชั่นของแต่ละประเทศที่ทันสมัยที่สุด วีไม่ได้พูดว่า อยากเป็นนักออกแบบที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ ที่นี่ เป็นเวทีของวี พี่เตรียมมาหลายปี ในที่สุดก็ได้พาวีเข้ามาสักที” จารวีตาเบิกกว้าง แล้วตะโกนออกมาอย่างตกใจ "พี่มนต์ พี่สร้างบริษัทน้องวีตอนแรกก็เพื่อวีเหรอ" มนต์ตรียืนอยู่ตรงหน้าของจารวี ยิ้มอย่างอบอุ่น มีแสงประกายมาจากดวงตา "แน่นอนสิ พี่เคยรับปากวีไว้หนิ พี่ต้องทำให้ครบทุกอย่างสิ” ใช่ หลายปีมานี้ เขานึกถึงเพียงแค่จารวี เขารวบรวมข้อมูลมาสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา ทุ่มเทกับบริษัทผลิตเสื้อผ้า เขารู้ ว่าจารวีจะต้องชอบแน่ๆ จารวีนิ่งไปนานมากถึงจะพูดออกมา “พี่มนต์ แต่ว่า ตอนนี้ฉันไม่สามารถรับน้ำใจนี้ของพี่ได้” มือทั้งสองของมนต์ตรีแตะที่ไหล่ของจารวี “วี วางใจเถอะ เรื่องบริหารไม่ต้องกังวลเลย วีแค่อยู่ที่นี่ออกแบบเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นนะ” จารวีลังเล จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ไม่ได้” “ทำไมไม่ได้ล่ะ เมื่อกี้วีเพิ่งจะทำเรื่องพักการเรียนไปไม่ใช่เหรอ ตอนนี้วีก็สามารถลงมือทำได้เลย” ในแววตาของมนต์ตรีเปล่งประกายดั่งดวงดาว มองเธอด้วยความสงสัย “วี มาอยู่ข้างกายพี่สิ ให้พี่ดูแลวี หลายปีที่ผ่านมานี้ พี่ตามหาวีอย่างยากลำบาก พี่กลัวมากว่าชาตินี้พี่จะไม่ได้เจอวีแล้ว พี่กลัวว่าที่พี่ทำมาทั้งหมดนี้จะเสียเปล่า…” จารวีใช้แรงอันน้อยนิดสลัดมือของมนต์ตรีออกไป แววตาเปลี่ยนไปเป็นความทรมาน “แต่ว่า พี่มีสุรีย์วัลย์แล้วนะ…” ในดวงตาสีน้ำตาลองมนต์ตรีเปล่งประกายเป็นเงามืดเพียงแวบเดียว “วี ไม่เป็นไรหรอก สุรีย์วัลย์เป็นผู้หญิงที่ใจดีคนหนึ่งนะ หล่อนไม่ทำร้ายวีหรอก…” จารวียิ้มอย่างขมขื่น สุรีย์วัลย์เนี่ยนะใจดี อีกครึ่งชีวิตของเธอเคยเกือบจะไม่มีเพราะความใจดีของสุรีย์วัลย์ แต่ว่า เรื่องนี้ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับสุรีย์วัลย์อยู่ดี ถึงจะไม่มีสุรีย์วัลย์ เธอก็ไม่คู่ควรกับเขาแล้ว “วี นี่่คือหนังสือมอบอำนาจบริษัท เพียงแค่วีเซ็นตรงนี้ บริษัทนี้ก็จะตกเป็นของวีเลย…” ในสายตาของมนต์ตรี มีความยับยั้งความหวังไว้ไม่ไหว ราวกับการรอคอยที่เนิ่นนาน ในที่สุดก็มีการตอบรับอย่างเต็มรูปแบบ จารวียังไม่ทันได้เห็นหนังสือมอบอำนาจบริษัทนั้น ก็ผลักออกไปทันที เธออยากมากๆ อยากที่จะยืนอยู่ข้างๆกับมนต์ตรี อยากที่จะทำงานร่วมกันกับมนต์ตรี ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ชอบงานนี้ด้วย แต่ว่าเธอทำไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิ์นั้น เธอจะกลับไปเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ดังเดิมไม่ได้อีกแล้ว สายตาของจารวีมีประกายที่เศร้าโศกออกมา “ขอโทษนะ พี่มนต์ วีรับไว้ไม่ได้” ใบหน้าของมนต์ตรีเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างจืดชืด “วี...ทำไมล่ะ” อยู่ดีๆจารวีก็หันไป เธอไม่กล้ามองเขาอีก เธอกลัวว่าตนจะทนไม่ไหวแล้วไปซบตรงอกเขา อ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้น ช่างดึงดูดใจจารวีเหลือเกิน นี่อาจเป็นความอบอุ่นหนึ่งเดียวในโลกของเธอ แต่ว่า ความอบอุ่นนั้น มีเจ้าของคนอื่นไปแล้ว 
已经是最新一章了
加载中