ตอนที่ 65 ไม่ลังเลที่จะเสียทุกอย่าง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 65 ไม่ลังเลที่จะเสียทุกอย่าง
ต๭นที่ 65 ไม่ลังเลที่จะเสียทุกอย่าง ถ้าเกิดเจอรถที่ขับชนคุณลุงละก็ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะได้รู้ที่อยู่ของคุณลุงก็ได้ ใจของจารวีเต้นเร็วขึ้น มือก็จับมือถือแน่นขึ้น อังคณาลังเลไปสักพัก “วี เธออย่าตกใจนะ คือว่าเรื่องนี้น่ะ ฉันแค่จำได้คร่าวๆ” จารวีกระทืบเท้าอย่างร้อนรนใจ “อังคณา เธออยากหยุดความอยากอาหารของฉันรึไง ไม่รีบบอกอีกฉันจะจัดการกับเธอล่ะนะ” “ได้ ก็ได้ ฉันพูดละนะ วันนั้นหมายเลขทะเบียนรถที่ฉันเห็นคือ SC18888……” จารวีฟังจบ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ “หมายเลขนี้ ฉันไม่คุ้นเลย” “โอ้ย ก็ผู้ชายที่เธอส่งมาเอาหนังสือที่บ้านฉันไง ป้ายทะเบียนของรถคันที่เขาขับตรงเผงเลย” จารวีสับสนวุ่นวายเล็กน้อย ยศพลมีรถในมืออยู่สองสามคัน รถที่ใช้บ่อยคือรถเฟอร์รารี่สีแดง รถโรสรอยสีดำ แต่ว่าเธอแทบจะไม่ค่อยได้สังเกตุป้ายทะเบียนรถสักเท่าไหร่ ทันใดนั้น ก็รู้สึกหมือนว่ามันจะเป็นรถสีดำที่ขับชนคนในวันนั้น “เธอ เธอไม่ได้จำผิดไปใช่ป่ะ” เห็นได้ชัดว่าจารวีพูดออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ฉันไม่ดูผิดไปหรอก เลขนี้จำง่ายจะตาย ตอนนั้นฉันยังแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีเลขทะเบียนรถที่เลขสวยขนาดนี้ เจ้าของรถจะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยมากแน่ๆ เลขที่จำได้ง่ายแบบนี้ ฉันจะไปจำผิดได้ยังไงล่ะ…” ด้วยการยืนยันและรับประกันจากปากของอังคณาทำให้สติจารวีลอยหายไป ผ่านไปนาน เธอจึงได้สติกลับคืนมา วางสายอังคณาอย่างลวกๆ อยู่ดีๆแผ่นหลังก็เย็นวูบขึ้นมา คนที่ทำจะต้องเป็นยศพลแน่ๆ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ล่ะ หรือเพราะตอนนั้นเขาอยากจะขับรถชนคุณให้ตาย แต่พอเห็นเธอ จึงขับรถหนีไปอย่างรีบร้อน จารวีรู้สึกตัวเบาราวกับขาทั้งสองเหยียบอยู่บนสำลี ขาทั้งสองอ่อนแอ ไม่รู้จะไปที่ไหนดี “คุณจารวี” น้าอามมองที่ใบหน้าของจารวีด้วยความตกใจ ตะโกนเรียกเธอมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ตอบสนองอะไร น้าอามรีบไปประคองจารวีจากทางด้านหน้าของเธอ “คุณจารวี คุณเป็นอะไรไปคะ” จารวีสติกลับคืนมา แววตามีประกายที่แสดงถึงความจิตตก “น้าอาม มาหาฉันมีอะไรรึเปล่าคะ” “เอ่อ ไม่มีค่ะ ฉันต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย อยากจะถามว่าคุณจารวีอยากให้ฉันออกไปซื้อของอะไรมาให้มั้ย” “ไม่มีค่ะ ขอบคุณค่ะ” น้าอามจ้องจารวีอยู่นาน ท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยวางใจ “คุณจารวี คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ ต้องการไปหาหมอมั้ย” จารวีถูหน้า ยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ อาจจะเพราะนอนมากไป ฉันจะออกไปรับแสงแดดสักหน่อย” จารวียืนอยู่คนเดียวในสวนดอกไม้ เงยหน้ามองไปที่ทะเลที่กว้างใหญ่ แสงแดดในตอนกลางวันที่แรงจัดแผ่มากระทบร่างของเธออย่างอบอุ่น เธอรู้สึกจิตตกจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนว่าเธอยืนอยู่ในส่วนที่มืดมิด หนาวเย็น เหงาและสิ้นหวังของนรก... คนในบ้านพูลสวัสดิ์ไม่มีอะไรดี คนในบ้านพูลสวัสดิ์ต้องตายทุกคน... คำพูดที่เหมือนเป็นการสาปแช่งของยศพลวนเวียนอยู่ในสมองของเธอซ้ำไปซ้ำมา ต้องเป็นเขาแน่ๆ ให้ตายเถอะ มีใครบอกฉันได้บ้าง ว่าฉันจะต้องทำยังไง ในสำนักงานขนาดใหญ่ของ ST กรุ๊ป ทัศนีย์นำแผนการสามแผนที่ต่างกันวางไว้บนโต๊ะทำงานของยศพล ในวงการศูนย์การค้านั้น ยศพลมีอำนาจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีกระบวนการที่โหดเหี้ยม เขาชายตามองด้วยสายตาที่เฉียบแหลม เขาเม้มริมฝีปากไว้แน่น ยื่นมือจะเอาแผนโยนไปบนหน้าของทัศนีย์ “รีบเอากลับไปทำใหม่มาเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้พวกบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดมีโอกาสได้หายใจแม้แต่นิดเดียว” “แต่ว่า…” ทัศนีย์ลังเลเล็กน้อย “ไป ไปทำให้ผมเดี๋ยวนี้ ทำไม่เสร็จวันนี้ทุกคนก็ไม่ต้องกินข้าว” ยศพลตวาดเสียงดัง แล้วมองนาฬิกา ตอนนี้ก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว มันเสียเวลาจริงๆทำไมถึงต้องใช้เวลากับมันมากขนาดนี้ มองทัศนีย์รีบวิ่งไปที่แผนกวางแผนโดยเร็ว จากนั้นยศพลก็ยืนขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรไปหาจารวี โว้ย ยัยบ้านี่ ปิดเครื่องอีกแล้ว อยากตายจริงๆใช่มั้ย ยศพลจึงต่อสายไปที่โทรศัพท์ในคฤหาสน์ “คุณชายสวัสดีค่ะ นี่น้าอามเองค่ะ…” “จารวีไปตายอยู่ที่ไหน ทำไมปิดเครื่องอีกแล้ว” “คุณจารวีหลับไปแล้วค่ะ” “ยังไม่ค่ำเลย หลับไปแล้วเหรอ” ยศพลไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ “ใช่ค่ะ คุณจารวีบอกว่าไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ยืนอยู่ในสวนดอกไม้คนเดียวเป็นเวลาสี่ชั่วโมงแล้วค่ะ…” “ห้ะ ยัยบ้านี่อยากตายนักใช่มั้ย ไปเรียกเธอมารับสายผมเดี๋ยวนี้เลย…” ยศพลตวาดเสียงดังลั่น ทัศนีย์ก็เดินเข้ามาพอดี “ท่านประธานยศพลคะ…” ยศพลหันไปมองทัศนีย์แล้วพูดกับเธอว่า “ช่างมัน เดี๋ยวผมจะกลับมา” ยศพลวางสาย เขาค่อนข้างหัวเสีย หันตัวไปนั่งบนเก้าอี้หมุนที่ทำจากหนังแท้อย่างแรงและมองเอกสารในมือของทัศนีย์ “เอามานี่” แค่มองผ่านๆไปทีหนึ่ง เขาก็โยนให้ทัศนีย์ “ตามนี้แหละ ผมไปหล่ะ” ริมฝีปากของทัศนีย์สั่นเล็กน้อย ที่จริงเธอแค่ให้ฝ่ายวางแผนแก้แผนการนิดๆหน่อยๆ นึกไม่ถึงว่าแบบนี้จะผ่าน พอเธอเตรียมถามคำถามอีกสองสามคำถาม ยศพลก็ใส่เสื้อนอกแล้วก้าวออกจากห้องทำงานไปแล้ว ในห้องนอนใหญ่ จารวีนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง เธอคิดตลอดทั้งวัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ยศพลขับรถชนคุณลุง แล้วเขาก็หนีไป หรือที่จริงเขากำลังมีความลับอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้อยู่กันนะ ทันใดนั้นประตูของห้องก็เปิดขึ้น ร่างของยศพลปรากฏอยู่ตรงหน้าของจารวี เขาเดินตรงมาที่ข้างเตียง ยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของเธอ แล้วมองหน้าเธอด้วยสายตาน่ากลัวอำมหิต “ป่วยเหรอ” “เปล่า” จารวีตอบเสียงเบาๆ “งั้นทำไมไม่กินมื้อเย็น แล้วมานอนบนเตียงล่ะ” ยศพลถามออกมาอย่างเร่งรีบ อยู่ดีๆจารวีก็หลับตา กัดริมฝีปาก แล้วพูดออกมาอย่างน่าสงสาร “ฉันคิดถึงครอบครัวน่ะ…” “พอ ลุกขึ้นซะ ไปกินข้าว กินเสร็จแล้วค่อยคิดถึงละกัน” ยศพลอุ้มจารวีอยากอดไม่ได้ อุ้มเธอมาข้างเตียงแล้วให้เธอสวมรองเท้า จารวีขัดขืนอย่างสุดกำลัง ยศพลเห็นสายตาความต้องการที่จะขัดขืนของจารวี “จารวี เธอเป็นอะไรของเธอนักหนา เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่เลย วันนี้เป็นอะไรอีกล่ะ หรือว่าหนังสือที่ยืมเพื่อนมามันไม่ดีเหรอ ให้ผมจับเพื่อนร่วมห้องอะไรนั่นของเธอมาดีมั้ย แล้วถามให้ชัดไปเลยว่าเธอกำลังเล่นอะไรอยู่” ยศพลคลายเนคไท แววตาชั่วร้ายอำมหิตจ้องมาที่เธอ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะกดโทรออก ในใจของจารวีสับสน เธอยังไม่ได้คิดวิธีเอาตัวรอดเลย จะทำให้อังคณาเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้ เธอลุกขึ้นมาอย่างรีบร้อน “ไม่ต้องรบกวนเธอหรอก โอเค ก็แค่ประจำเดือนของฉันใกล้จะมาแล้ว ฉันเลยรู้สึกหดหู่นิดหน่อยน่ะ ก็ได้ ฉันลงไปกินข้าวกับนาย” ยศพลวางหูอย่างสงสัย "อย่าเป็นแบบนี้อีก ผมเกลียดผู้หญิงที่ร้องไห้ที่สุด รีบใส่รองเท้าซะ" จารวีเดินตามยศพลลงไปชั้นล่าง มื้อนี้คงเป็นมื้อที่กินอย่างทรมาน ไม่ว่าอาหารที่เคี้ยวในปากจะเป็นยังไง มันก็มีรสชาติเหมือนขี้ผึ้งสีขาวทั้งหมด ยศพลตระหนักถึงความผิดปกติของจารวี แล้วยังคิดว่าเธอโกรธที่เมื่อตอนกลางวันไม่ให้เธอออกไปข้างนอก “จารวี เธอนี่เก่งจริงๆ โกรธนานมากเลย ฉันไม่ให้เธอออกไปก็เพื่อเป็นผลดีต่อเธอเอง ทำไมเธอถึงต้องโกรธอะไรขนาดนี้ด้วย” “ก็ในบ้านมันอึดอัดนี่นา” จารวีขี้เกียจเกินกว่าจะหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ เธอวางช้อนส้อมแล้วพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว” กินเสร็จก็ขึ้นไปข้างบนโดยตรง ยศพลก็ไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว ตามหลังจารวีขึ้นไป โอบเอวจารวีแล้วอุ้มขึ้นมา ก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของเธอ “เถอะน่า อย่าโกรธเลย พรุ่งนี้มีแฟชั่นโชว์ ผมจะพาเธอไปด้วยก็ได้” แฟชั่นโชว์เหรอ จารวีตาเป็นประกาย แต่ในไม่ช้าก็ทำหน้าเบื่อโลกอีกครั้ง ตอนนี้เธอมีอารมณ์ดูแฟชั่นโชว์ที่ไหน ตอนนี้เธออยากรู้มากว่าจริงๆแล้วคุณลุงของเธอเป็นยังไงบ้าง ถ้าครั้งก่อนยศพลขับรถชนคุณลุงจริงๆ หลังจากนี้เขาอาจจะหาโอกาสฆ่าคุณลุงก็ได้ พอจารวีคิดมาถึงตรงนี้ ก็ขนลุกขึ้นมาทันที ไม่ได้หรอก เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เธออยากจะถามยศพลมากๆ แต่เธอไม่กล้า เธอรู้ว่าเขาจะต้องไม่บอกเธอแน่ ทำไงดี จะทำยังไงดี จารวีนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนแรกรู้สึกนอนหลับในอ้อมอกของเขาผู้ชั่วร้าย ซ้ายขวาล้วนรู้สึกไม่ปลอดภัย เช้าวันต่อมา ยศพลไปบริษัทก่อนรอบนึง พอตอนเที่ยงก็ให้คนเอาชุดเดรสสองสามชุดมาส่งที่บ้าน “จารวี เธอแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยสิ บ่ายสองต้องไปร่วมงานแฟชั่นโชว์นะ จำไว้ด้วย ว่าอย่าทำให้ผมขายหน้า” จารวีจับมือถือแล้วนิ่งไป ตาบ้านี่นึกถึงแต่ตัวเองมาตลอด ไม่เคยจะนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น แฟชั่นโชว์ถูกจัดขึ้นที่ World Trade Center เป็นเทศกาลแฟชั่นที่จะจัดขึ้นแค่ปีละครั้ง มนต์ตรีนั่งในที่นั่ง VIP ของงานแฟชั่นโชว์ เขาดูนาฬิกาเป็นครั้งคราว จนถึงห้านาทีก่อนเริ่มงาน เขาเห็นคนสวมชุดดำเดินมาจากประตูใหญ่ นำโดยผู้ชายคนหนึ่ง สวมเสื้อคลุมยาว มีใบหน้าที่ค่อนข้างดูนิสัยใจร้อนและเหี้ยมโหด แววตาดำมืดเฉียบคม ดูมีออร่ามีพลังมาก ข้างหลังเขา มีบอดี้การ์ดสิบห้าคน เดินเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบมาก อยู่ในกลุ่มฝูงชน “ท่านประธานคะ เขาคือยศพลค่ะ…” ที่จริงเลขาไม่ต้องบอก มนต์ตรีก็ดูออกแล้ว อีกทั้งยังนึกขึ้นมาได้ ว่าชายคนนี้เคยเจอกับเขา ก็คือผู้ชายที่ทั้งหยิ่งและบ้าที่เจอที่มัลดีฟส์ครั้งก่อน ถ้าอย่างนั้น วันนั้นที่เห็นก็เป็นวีจริงๆน่ะสิ... ความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ไหลเวียนอยู่ในหัวใจของเขา มนต์ตรีใช้สายตาเป็นนัยมองไปที่เลขา เลขาของมนต์ตรีพยักหน้า แล้วเดินตรงไปหายศพล ตอนที่เธอยืนห่างกับยศพลไม่ถึงสามเมตร ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วล้อกตัวเลขาของมนต์ตรีไว้ จากนั้นก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “กรุณาถอยไปด้วยครับ” เลขาของมนต์ตรียิ้มแล้วอธิบายให้บอดี้การ์ดฟัง บอดี้การ์ดคนนั้นเดินไปข้างกายยศพล แล้วกระซิบข้างหูเขาเบาๆ มนต์ตรีอยู่ห่างจากตรงนั้นค่อนข้างมาก เขาไม่มีทางจะได้ยินว่าพวกนั้นคุยอะไรกันอยู่ แค่เห็นสายตาของยศพล เขามองมาด้วยสายตาที่มีความพร้อมโดยผ่านมาจากมุมเลขายื่นอยู่ ยศพลเปลี่ยนทิศทางโดยเร็ว เดินก้าวใหญ่ไปยังที่นั่งของฝั่งมนต์ตรี มนต์ตรีลุกขึ้นยืนอย่างอบอุ่นและสง่างาม เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อม เขาชัดเจนมาก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นคนที่ยากแก่การต่อกรด้วย แต่เพื่อวีแล้ว เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะสามารถเอาชนะได้ “สวัสดีครับประธานยศพล ขอบคุณที่มาเข้าร่วมงานตามคำเชิญที่ผมได้ขอไปนะครับ...” มนต์ตรียื่นมือออกไปอย่างมีมารยาท ยศพลกวาดมือเขาออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังไม่ยื่นมือออกมาจับมือมนต์ตรี เพียงแค่ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา แล้วโบกมือ พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสิบกว่าคนถอยหลังวางตัวอย่างถูกท่าที และยังให้บอดี้การ์ดโอบล้อมไว้ ทำให้เป็นการเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน แบบนี้นอกจากจะไม่ได้ยินบทสนทนาของเจ้านาย อีกทั้งยังเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เจ้านายอีกด้วย ชัดเจนมาก ว่าพวกเขาถูกฝึกมาดีมาก ดวงตาของมนต์ตรีเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมามากนัก
已经是最新一章了
加载中