ตอนที่101 การกลับมาเจอคนที่เคยเจอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่101 การกลับมาเจอคนที่เคยเจอ
ต๭นที่101 การกลับมาเจอคนที่เคยเจอ ร้านยาหรงจี้ก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว ไม่คิดเลยว่าสวนด้านหลังจะใหญ่กว่า มีผู้คนประมาณสิบกว่าคนอยู่ที่สวนแห่งนี้กำลังตากสมุนไพรยาจีนต่างๆ สมุนไพรที่ต่างกันถูกตากเอาไว้ในกระชอนคนละอัน เมื่อเดินเข้ามาก็จะได้กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปหมด มีทั้งสมุนไพรที่ตากจนใกล้จะแห้งแล้วและสมุนไพรที่กำลังนำออกมาตาก ซึ่งสมุนไพรทั้งหมดที่คิดได้นั้น ที่นี่ก็จะแทบทุกอย่าง "ที่ตากสมุนไพรแห่งนี้ ไม่ได้ให้ใครมาเข้ามาชมได้ง่ายๆเชียวนะ!” สวินโม่เอ่ยขึ้น ลุงซู่งมองดูสีหน้าของสวินโม่ เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไป เพียงแต่เห็นว่าโล่หวินหลานพยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้ เขาเองจึงยิ้มแล้วฟังสวินโม่พูด“ลุงซู่ง แนะนำสมุนไพรให้นางเถอะ" ทางด้านลุงซู่งที่พาโล่หวินหลานมาดูแต่ละกระชอน จากนั้นก็ชี้ไปที่กระชอนที่มีดอกไม้สีขาวชนิดหนึ่ง“นี่คือดอกแปะจี้ มีสรรพคุณในการแก้ลมพิศได้ แก้อาการเจ็บปวด ลดอาการบวม ถ้านำมาใช้รวมกับเมล็ดของแปะจี้และแปะจื้อ จะสามารถช่วยในการทำให้ผิวพรรณขาวได้ ตอนนี้มีสาวงามมากมายมาที่ร้านของข้าเพื่อที่จะซื้อสิ่งนี้แล้วทำให้ผิวพรรณดีขึ้น" โล่หวินหลานพยักหน้า จากนั้นก็หยิบขึ้นมามองดูอย่างพิจารณา นางจดจำเอาไว้อย่างดี เพราะกลับไปแล้วนางจะไปเปิดดูรายละเอียดในตำรา อันที่จริงนางเองก็ไม่ได้ไม่รู้จักสมุนไพรจีนเลยสักนิด เพราะนางก็เคยศึกษามาบ้าง แต่การศึกษาเรียนรู้ในตอนนี้เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวนางเองก็เท่านั้น ลุงซู่ก็ได้แนะนำสมุนไพรตัวอื่นให้กับนาง เรียกว่าดอกเครือข้าวตอก ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มวิ่งเข้ามา ดูแล้วคล้ายจะเป็นเสี่ยวเอ่อของร้านยาแห่งนี้ หลังจากที่เขามานั้นเขาก็ชี้ไปที่ข้างนอกอย่างตื่นตระหนก“เฒ่าแก่ขอรับ ด้านนอกมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสตอนนี้สลบไปแล้วขอรับ ลุงเต่อจับชีพจรแล้วบอกว่าไม่สามารถช่วยได้แล้ว คนพวกนั้นก็กลายเป็นคนบ้าในทันที บอกว่าถ้ารักษาไม่หาย พวกเขาจะทำลายร้านขอรับ" ลุงซู่หลบตาลง เขามองไปยังสวินโม่ที่อยู่ด้านหลัง จากท่าทางที่ดูไม่กระชับกระเฉงนั้นก็เปลี่ยนไปในทันที“พวกเราไปดูกันเถอะ ว่าใครที่กล้าดีถึงเพียงนี้" เดินออกไปถึงข้างนอกได้ไม่นานนั้น ก็ได้กลิ่นเลือดคละคลุ้ง จากนั้นก็มองไปยังบนพื้น มีรอยเลือดเต็มพื้นไปตามทางเดินที่จะไปห้องพัก เห็นเพียงเสื้อขาวทั้งตัว แขนฝั่งซ้ายนั้นเต็มไปด้วยเลือด เหนือท้องด้านซ้ายของเขามีธนูปักอยู่ หากเป็นเพียงแค่ลูกดอกธนูก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแต่ว่ารอยแผลนั้นเป็นคราบสีดำ คนที่ไม่ได้สติคนนั้นริมฝีปากก็เป็นสีดำเช่นกัน ดูท่าแล้วน่าจะเป็นลูกดอกอาบยาพิษ โล่หวินหลานมองดูอีกครั้ง ทำไมเขาช่างมีหน้าตาที่คุ้นเคยนัก "พวกเจ้าใครเป็นหมอ? รีบมารักษาน้องค์ชายข้าที หากน้องค์ชายข้าตาย ข้าจะให้พวกเจ้าใช้ร้านนี้เป็นการชดใช้!” เสียงแหบพร่าร้องตะโกนขึ้น "ข้ายังไม่เคยเห็นการขอร้องให้ช่วยรักษาที่โหดร้ายเยี่ยงนี้มาก่อน ที่นี่เป็นเพียงร้านยา ไม่ใช่โรงหมอ ท่านลองมองดูให้ถี่ถ้วนด้วย" สวินโม่พูดเสียงเรียบ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย โล่หวินหลานหันกลับไปมอง แววตาของทุกคนนั้นช่างดูดุร้ายนัก ชายอีกคนในมือถือดาบเอาไว้ เขาสวมชุดดำไปทั้งตัว บนตัวเต็มไปด้วยรอยเลือด และครึ่งหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่มีวรยุทธ์ไม่น้อยเลย เหมือนพวกเขาสองคนเคยเจอกันมาก่อน ในแววตาของนางที่มองเห็นใบหน้านั้น ชายผู้นั้นก็ทำหน้าตกใจ จากนั้นก็ใช้เวลาเพียงชั่ววินาทีในการมียืนอยู่ตรงหน้าของเธอ "ทำความเคารพ....." ชายคนนั้นยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกโล่หวินหลานพยุงตัวให้ลุกขึ้น วันนี้นางไม่ได้มาด้วยยศฐาใดๆ เพราะไม่ต้องการให้ใครรับรู้ ชายที่กำลังคุกเข่านั้น ก็ทำได้เพียงสีหน้าอึ้ง "พระชายาขอรับ อาหย่าได้รับบาดเจ็บ พระชายาได้โปรดช่วยอาหย่าด้วยนะขอรับ ด่องห้วนยินดีที่จะเป็นวัวเป็นควายให้พระชายา" ด่องห้วนพูดขึ้นแล้วคุกข่าตรงหน้าของโล่หวินหลาน ที่แท้ชายคนนี้ก็คือด่องห้วน และคนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นก็คือด่องหย่าที่ปลอมตัวเป็นชาย ขณะที่นางและโม่ฉีหมิงออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังชายแดนเมืองอูก็ได้มีโอกาสพบเจอเข้า ดังนั้นจึงทำให้หน้าตาของเขาคุ้นๆ ใครจะคิดว่าได้เจอกันอีกครั้ง จะเป็นสถานการณ์แบบนี้! คนรอบข้างนั้นต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดชายหนุ่มอารมณ์ร้อนเกรี้ยวกราดคนนั้นถึงคุกเข่าให้แม่นางคนนี้ได้ แม่นางคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน? "เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ ข้าจะทำสุดความสามารถ" แววตาของโล่หวินหลานนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ พูดจบนางก็หันหลังแล้วพยักหน้าให้กับสวินโม่ ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี "นำตัวอาหย่าเข้าไปในห้องก่อน" โล่หวินหลานบอกกับด่องห้วน ดูแล้วเขาจะรักและเป็นห่วงน้องสาวคนนี้มาก ถึงขั้นเข้าไปอุ้มด่องหย่าด้วยตนเอง โล่หวินหลานหันหลังไปบอกกับสาวรับใช้ข้างกายของตนเย่หวิน"เจ้าไปเอายาที่ตำหนักมา เร็วเข้า" เย่หวินพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไป โล่หวินหลานและสวินโม่เข้าไปในห้องด้วยกัน พวกเขามองไปยังแผลของด่องหย่า และริมฝีปากที่ตอนนี้เป็นสีดำของนาง สวินโม่รีบเข้าไปจับชีพจร ตอนนี้ชีพจรของนางไม่คงที่เลย ดูท่าแล้วคนที่วางยาพิษนั้นไม่ได้ประสงค์จะเอาชีวิต เพราะหากได้ยาถอนพิษทันเวลาก็จะไม่เป็นอะไรมาก หลังจากที่จับดูชีพจรเสร็จ สวินโม่ก็มองไปยังโล่หวินหลานแล้วพูดขึ้น“พิษนี้มีชื่อว่าดอกหมื่นพิษ ทำให้คนที่โดนพิษนั้นจะสร้างภาพลวงตาขึ้นมา แต่ก็ไม่ถึงขั้นเอาชีวิต เพียงแต่ว่านางเหลือเวลาเพียงสามชั่วยามในการถอนพิษ ข้าจะจัดยาถอนพิษมาให้นางภายในสามชั่วยาม" "รีบไปรีบกลับเถอะ" โล่หวินหลานพยักหน้าบอกกับเขา ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงด่องหย่าและนาง ด่องห้วนมองมายังด่องหย่าด้วยแววตาที่เจ็บปวด คล้ายอยากรับความเจ็บปวดนี้แทนนาง ด่องห้วนเองก็ไม่ได้เป็นบุตรชายแท้ๆของผู้คุมเมืองเมืองอู และเขาก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของด่องหย่า แต่กลับปฏิบัติต่อนางดุจน้องสาวแท้ๆ "พระชายา ตอนนี้ข้าควรทำอะไร?" ด่องห้วนถามอย่างร้อนใจ พิษนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่บาดแผลที่ได้จากลูกธนูนั้นก็สำคัญ เพียงแต่ว่าตอนนี้กระเป๋ายายังมาไม่ถึง ส่วนสวินโม่เองก็กำลังไปหายามาถอนพิษ สิ่งเดียวที่นางทำได้ตอนนี้ก็คือการช่วยด่องหย่าดึงลูกดอกธนูออก เมื่อครั้งที่ผ่านมานางก็เคยถามสวินโม่เกี่ยวกับสูตรยาชา ทางด้านสวินโม่เองก็บอกนางจนหมด นางจึงอาศัพยความจำแล้วให้ด่องห้วนไปต้มยาชามา ตอนที่ด่องห้วนออกไปนั้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่คิดเลยว่าโล่หวินหลานจะเป็นคนรักษาน้องสาวของเขา จากที่ดูแล้วนั้น ใยหน้าของท่านหมิงอ๋องก็คงได้นางมารักษา ความสามารถในการรักษาของนางนั้นจะยอดเยี่ยมเพียงใด! โล่หวินหลานก็ให้คนไปต้มน้ำร้อนมา จากนั้นก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ตอนนี้เย่หวินไม่ได้อยู่ข้างกายนาง นางจึงต้องรับมือคนเดียว นางใช้กรรไกรตัดเสื้อของด่องหย่า ทำให้เผยผิวบริเวณหน้าท้อง ตอนนี้เลือดก็เริ่มแข็งตัวแล้ว ผิวที่ถูกลูกดอดยิงลงไปก็เป็นแผลเหวอะหวะ เพราะรู้ดอกธนูนั้นมียาพิษทำให้เลือดบริเวณนั้นก็เป็นสีดำเช่นเดียวกัน และยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากข้างใน พร้อมส่งกลิ่นเหม็น โล่หวินหลานมองดูบาดแผล นางไม่คิดเลยว่าพิษนี้จะสามารถทำให้ผิวเน่าแฟะได้ นางคาดการ์ณเอาไว้ว่าเนื้อด้านในน่าจะเริ่มเน่าเสียแล้วเหมือนกัน ทำไมเย่หวินถึงยังไม่มาอีก ตอนนี้ในใจของนางเริ่มกระวนกระวาย พอดีกับที่ด่องห้วนเปิดประตูเข้ามา เขาเห็นรอยแผลตรงท้องด้านซ้ายของด่องหย่า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแย่ทันที หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นชายชาตรี คงเป็นลมล้มลงไปเสียแล้ว "พระชายา อาหย่าเป็นอะไรไปขอรับ? ทำไมแผลจากลูกดอกถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?" ด่องห้วนถามอย่างเศร้าโศก โดยไม่ทันได้สังเกตุ โล่หวินหลานนำยาชาที่ต้มเสร็จนั้นให้ด่องหย่าที่กำลังไม่ได้สติดื่ม ใบหน้านี้ถึงแม้ว่าจะโดนพิษแล้วทำให้หน้าเริ่มเป็นสีม่วง แต่ว่าดูจากโครงหน้าแล้ว นางช่างมีใบหน้าที่งดงาม เพียงแต่ใบหน้าที่เหย่อหยิ่งนี้ ในวันนี้กลับหมดสติอยู่ตรงหน้าของนาง พระเจ้าช่างกลั่นแกล้งเสียจริง "ในลูกดอกธนูมีพิษที่กัดกินบาดแผล คาดว่าตอนนี้ได้กัดกินเนื้อของนางไปก้อนหนึ่งแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือการนำลูกดอกธนูนี้ออกมา" แววตาของโล่หวินหลานเองก็เริ่มกระวนกระวาย ตอนนี้เย่หวินก็ยังไม่มา อุปกรณ์มากมายของนางอยู่ในกระเป๋ายานั้น หากจะให้เอาลูกดอกธนูออกโดยไม่มีอุปกรณ์ ก็เกรงว่าจะทำให้เลือดออกจำนวนมาก แต่ตอนนี้พิษก็เริ่มกระจายไปแล้ว นางไม่มีเวลามาคิดมาก ต้องดึงออกตอนนี้ "ขอรับ แล้วตอนนี้พระชายาจะทำอะไร?" ด่องห้วนถามอย่างจริงจัง "เจ้าไปเตรียมยาและสำลีสำหรับห้ามเลือด เอามาให้เร็วที่สุด" โล่หวินหลานบอก ตอนนี้ในใจของนางกระวนกระวาย พอด่องห้วนออกไป ในห้องก็เหลือเพียงนางและด่องหย่า นางมองที่ใบหน้าของด่องหย่า ขยับสองมือเลื่อนไปที่ลูกดอกธนู ใช้แรงทั้งหมดรวบรวมเอาไว้ที่สองมือ จากนั้นก็ใช้แรงในการดึงลูกดอกธนูออกมา เลือดไหลออกมา โล่หวินหลานไม่ทันได้หลบ ทำให้ตอนนี้แขนเสื้อของนางเต็มไปด้วยเลือด หน้าด้านข้างเองก็มีเลือดสาด เลือดไหลออกมาจากแผลของนางจำนวนมาก เหมือนน้ำที่ไหลออกมาจะห้ามยังไงก็ไม่อยู่ เลือดสีแดงที่ไหลออกมานั้นผสมเข้ากับสีดำ โล่หวินหลานจึงหยิบผ้ามาปิดที่บาดแผลของนางเอาไว้ ไม่นาน เลือดก็ซึมทั่วผ้าที่ปิดเอาไว้ โล่หวินหลานมองดูเลือดที่ดูจะห้ามยาก เหงื่อของนางไหลเต็มหน้าผาก สีหน้าตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก สองมือของนางไม่หยุดที่จะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ หากยังไม่มีใครเข้ามา ผ้าพันแผลที่ถูกใช้แล้วอาจจะถูกใช้ซ้ำอีกครั้งก็เป็นได้ โล่หวินหลานมองดูเลือดเหล่านั้น ตอนนี้นางก็เริ่มที่จะเวียนหัวขึ้นมา ในเวลานั้นประตูก็ถูกใครบางคนเปิดออก ด่องห้วนเอายาที่ห้ามเลือดเข้ามา ทำให้โล่หวินหลานโล่งอก จากนั้นก็ค่อยๆป้อนยาให้กับด่องหย่า ด่องห้วนมองดูลูกดอกธนูที่ถูกดึงออกมาและผ้าพันแผลที่เต็มไปด้วยเลือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "พระชายาขอรับ อาหย่าเป็นอย่างไรบ้าง? นางจะตายไหม? ทำไมถึงได้มีเลือดออกมากมายเพียงนี้?" ด่องห้วนไม่อาจที่จะเชื่อสายตาของตนเองได้ เพราะด่องหย่าคือคนที่เขาคอยทะนุถนอมมาอย่างดี เหตุใดวันนี้จึงเกิดเรื่องแบบนี้กับนางได้ เขาไม่สามารถให้อภัยตนเองได้เลย มองด่องห้วนที่เริ่มจะไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้แล้ว โล่หวินหลานก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงดัง “อย่าพูดจาเหลวไหล!นางไม่ตายแน่นอน!หากเจ้าไม่สามารถช่วยข้าอย่างมีสติได้ ก็เชิญเจ้าออกไป" ทั้งที่ก็วุ่นวายมากพอแล้ว เขายังจะมาก่อความวุ่นวายเพิ่มอีก โล่หวินหลานใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเบาๆ จากนั้นก็มองด่องห้วนอย่างโมโห โล่หวินหลานมองไปยังเขา จากนั้นก็หันกลับมาทำงานของตนต่อ นางค่อยๆป้อนยาให้กับด่องหย่า เพื่อเป็นการห้ามเลือด ตอนนี้บาดแผลของนางดีขึ้นเล็กน้อย ด่องห้วนเองก็สงบสติลงมา“ข้าขอโทษด้วย ข้าใจร้อนเกินไป" "งั้นเจ้าไปช่วยข้าดูสิ ว่าทำไมเย่หวินถึงยังไม่มา" โล่หวินหลานขมวดคิ้วเป็นปม จากนั้นก็หยิบผ้าข้างๆมาเช็ดเหงื่อ ขณะที่ด่องห้วนกำลังจะเปิดประตูออกไปนั้น เย่หวินก็ผลักเข้ามาพอดี หลังของนางสะพายกล่องยาขนาดใหญ่ ในมือยังถือชุดฆ่าเชื้ออีกสองชุด นางมองดูที่โล่หวินหลานจากนั้นก็รีบสวมชุดฆ่าเชื้อนั้นให้กับด่องหย่า "เย่หวิน เจ้านำอุปกรณ์ไปฆ่าเชื้อสะ" โล่หวินหลานพูดจบ ก็เห็นเย่หวินรีบเปิดกระเป๋ายา แล้วเอาแอลกอฮอล์ออกมาฆ่าเชื้อ ในกล่องยนานั้นเต็มไปด้วยเข็มต่างๆ จนด่องห้วนเองเห็นแล้วก็ตกใจ เขาไม่เคยเห็นการรักษาคนที่ต้องใช้เครื่องมือต่างๆมากมายขนาดนี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะเชื่อในตัวพระชายา เขาคงต้องสงสัยแน่ๆ แต่วันนี้เขาทำได้เพียงวางใจนางเท่านั้น 
已经是最新一章了
加载中