ตอนที่29 เลื่อมใส
1/
ตอนที่29 เลื่อมใส
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่29 เลื่อมใส
ตนที่29 เลื่อมใส โล่หวินหลานส่ายหัว ไม่ปฏิเสธ พูดเสียงต่ำ “ข้าเรียนรู้จากตำราโบราณเล่มหนึ่ง” นางไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างแจ้งได้ ได้แต่ใช้เหตุผลนี้ ตอบอย่างช้าๆ พลางเห็นเจ้าของมือคือใคร ผู้ชายคนนั้นยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นดังเดิม ชุดคลุดสีดำ ตรงชายถูกเย็บด้วนดิ้นทองสวยงาม ตรงปกคอเสื้อมีจินหยุนโบยบินอยู่ บินถลาสู่ฟ้า แขนเสื้อมีการปักด้วยดิ้นทองรูปต้นดาตูราสีดำคลับ เสมือนนำพาผู้คนที่ได้พบเห็นเพลิดเพลินไปกับลายปักผ้าอันงดงามนี้ ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่ก็ก็ยังคงเห็นดวงตาลึกคมชัดดั่งดวงตาเหยี่ยว เขานั่งอยู่ตรงรถเข็นชัดๆ แต่กลับมีความรู้สึกยิ่งใหญ่คับฟ้าอยู่เหนือปวงชนท่าทางช่างสง่าเหลือเกิน ดั่งนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรที่ห่อหุ้มไปด้วยทองคำบริสุทธิ์ ราวกับจักรพรรดิก็ไม่ปาน ดังกษัตริย์เดินดิน “กระต่าย กระต่ายยืนได้แล้ว?” ไม่ค่อยใส่ใจกับท่าทางของทั้งสองคน สวินโม่ได้แต่เฝ้าสังเกตอาการของเจ้ากระต่ายที่โล่หวินหลานรักษาด้วยการผ่าตัด คนทั้งคนรู้สึกประหลาดใจเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ เห็นเพียงกระต่ายที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ตอนนี้มันค่อยๆลุกขึ้นเองได้แล้ว ถึงแม้ขาน้อยๆจะยังสั่นอยู่ แต่ว่ามันลุกยืนได้แล้วจริงๆ! “สามวันให้หลังมันก็ค่อยๆกระโดดเดินเองได้ เจ็ดวันให้หลังขาก็หายเป็นปริดทิ้ง คุณชายสวินโม่ ดูท่าแล้วเนื้อกระต่ายย่างท่านจะกินไม่ได้แล้วสิ” โล่หวินพูดเสียงเบาๆ น้ำเสียงยังมีความเสียงใจเล็กน้อย…… นัยน์ตาสวิสโม่มีเพียงแต่ความละอายใจ ฝืนยิ้มขึ้นเบาๆ พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อกังขา “เป็นข้าที่ทะนงตัวเกินไป เหนือคนมีความสามารถยังมีคนเก่งกาจ เหนือฟ้ายังมีฟ้า สวินโม่ยอมรับผลการพ่ายแพ้!” เขาพูดพลางกอดอกคุกเข่าลงต่อหน้าโล่หวินหลาน สองมือยันพื้นศรีษะก้มลงพื้นคำนับอย่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ โม่ฉีหมิงดูท่าทางของสวินโม่ มุมปากยกยิ้มเบาๆพลางหันไปพูดกับโล่หวินหลาน “สวินโม่เคารพข้าในฐานะท่านอ๋อง หวินหลาน มาตอนนี้สวินโม่ทั้งใจกายยอมแพ้เจ้าแล้ว” โล่หวินหลานอึ้งไปเล็กน้อย สวินโม่ทิ้งความหยิ่งยโสของตัวเองแล้วยอมรับฝีมือในการแพทย์ของนาง ผู้ชายเห็นทีจะมีน้อยนัก นางรีบไปพยุงสวินโม่ลุกขึ้น “ข้ารู้ดีว่าคุณชายสวินทำเพื่อท่านอ๋อง ใจข้าก็อยากช่วยท่านอ๋องเหมือนท่าน” สวินโม่เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่ดวงคู้คู่สวยมั่นคงแน่วแน่ สตรีกริยาท่าทางอย่างนี้ก็พบได้น้อยเช่นกัน “ต่อไปหากมีอะไรก็อย่าได้เกรงใจน้อมรับคำสั่ง ตราบชั่วชีวิตจะหาไม่” น้ำเสียงแน่วแน่ โล่หวินหลานพยักหน้าเบาๆ หางตามองไปโม่ฉีหมิง นางอยากรู้ว่าแต่ก่อนโม่ฉีทำอย่างไรสวินโม่ถึงได้ยอมถวายหัวตายแทนได้ขนาดนี้ โม่ฉีหมิงคล้ายจะรู้ความมายของสายนั้น เขาเพียงแต่ยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา “พระชายา นี่คือการรักษาทางการแพทย์จริงหรือ?” คนที่เคยท่องทั่วทั้งยุทธภพมาแล้วอย่างเขายังอดไม่ได้ที่จะถาม เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว สายตามีแต่ความเหลือเชื่อ ฉินหยิ่นจ้องตาไม่กระพริบไปที่โล่หวินหลาน น้ำเสียงปนสงสัย “ขออภัยพระชายา เมื่อกี้ท่านใช้ยาวิเศษอะไรหรือขอรับ?” ยาวิเศษ! ใช่แล้ว มันคือยาวิเศษ! เมื่ออยู่ในสายตาพวกเขา นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะอธิบายการรักษาทางแพทย์ของนางได้? นี่คือการแพทย์หรือ? นึกไม่ถึงว่าจะใช้ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ในการรักษากระต่ายที่บาดเจ็บสาหัสปางตาย หมอเทวดารักษาก็ไม่ปาน สวินโม่คลุกคลีในวงการแพทย์มานาน มาวันนี้ได้มาประจักษ์พบโล่หวินหลานที่ใช้วิธีการรักษาที่แปลกประหลาด เขาก็อยากรู้ว่าโล่หวินหลานไปเรียนรู้มาจากไหน “ใช่แล้ว ข้าอยากให้พระชายาชี้แนะ ข้าน้อยก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน” โล่หวินหลานยกยิ้ม ตอบเสียงเบาเนิบนาบ “ ที่จริงแล้วการรักษาด้วยวิธีนี้มีหมอเทวดาที่ชื่อฮวาถวอเป็นคนคิดค้น เขาคิดอยากจะรักษาอาการพิการของผู้คน ก็คือวิธีการรักษาที่พวกเจ้าได้เห็นไปเมื่อครู่ การแพทย์แบบนี้ยากแท้หยั่งถึง ข้าก็บังเอิญพบในตำราแพทย์โบราณเบ่มหนึ่งพอดีเหมือนกัน” “มันเป็นอย่างนี้นี่เอง บนโลกนี้ยังมีวิธีการรักษานี้ วันนี้ทำให้ข้าเปิดโลกมากยิ่งขึ้น” สวินโม่รู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าเขารู้ โล่หวินหลานสามารถรักษาเหมือนหมอเทวดา ถ้าอย่างนั้นรักษาโม่ฉีหมิงให้หายก็ไม่ใช่แค่ดีแต่พูดแล้ว สวินโม่พูดพลางหันไปมองที่ร่างของโม่ฉีหมิง กลับเห็นเขาใช้นิ้วมืออันหนาถูไปที่ล้อรถเข็น สายตาคมดังเหยี่ยวมองที่โล่หวินหลาน สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นที่มอบให้นาง สวินโม่กระแอมเบาๆ “กวาดมองสายตาโดยรอบ “วันนี้เป็นวันดี วันนี้พวกท่านจะไม่เชิญข้าทานอาหารสักมื้อหรือ?” ทุกคนเห็นด้วย รีบพากันถอยกลับโดยใช้สวินโม่เป็นเหตุผล โล่หวินหลานเห็นแต่ละคนค่อยๆออกไป รอยยิ้มที่ส่งเสริม ความห่วงใยของพวกเขา ทำไมนางจะไม่รู้ หันมองไปที่โม่ฉีหมิง สายตาเชื่อเชิญเขา ชั่วครู่เหมือนหัวใจของทั้งคู่ประสานกัน นางเหมือนกับหมู่มวลท่ามกลางดอกฝิ่นที่เด่นสวยสง่าขึ้นมาหนึ่งดอก ถึงแม้จะโดนลมพัดผลิวโบกสะบัด แต่ก็สามารถเปร่งประกายสวยงามได้ในเวลาไม่นาน นางมีรูปโฉมสวยงามไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป สวยจนสะกดทุกสายตาให้มองนางได้ เขาเคยคิดว่าจะปล่อยนางไปเจอคนที่ดีกว่าเขา แต่เขารู้ว่าเขาทำไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม เขาก็เก็บนางไว้ข้างกายครองรักกันตราบนานเท่านาน ในหัวใจของเขาราวกับมีเพลิงไฟที่มอดไหม้ เขายื่นมือคว้าหมับไปที่เอวบางมากอดไว้ โถมตัวมอบจูบอันแสนหวานไปที่เรียวปากบาง จูบอย่างดุดดื่มลุ่มลึก โล่หวินหลานสั่นไปทั้งตัว เขาถาโถมเข้ามาโดยนางไม่ได้ตั้งตัว แต่ทันทีเขาจูบลงบนริมฝีปากเธอก็เข้าใจทุกอย่าง ใบหน้าของนางแนบไปกับหน้าเย็บเฉียบของเขา ริมฝีปากของนางกลับถูกเขาจูบอย่างเร่าร้อน ทำให้โล่หวินหลานหายใจไม่ทันอยู่ชั่วขณะ โม่ฉีหมิงค่อยๆคลายอ้อมแขน มืออันร้อนผ่าวลูบจับที่ใบหน้าอันงดงามของนางอย่างถนุถนอม “หวินหลาน ข้าขาดเจ้าไปไม่ได้” โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าสบตาเขาด้วยความอ่อนโยน “ทำไมเจ้าถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ วิตกกังวลกับเรื่องที่มันยังไม่เกิดล่ะ ข้าเคยพูดแล้วว่าข้าจะไม่จากท่านไปไหน ท่านต้องเชื่อใจข้า ยิ่งต้องเชื่อใจตัวเอง” เขารู้ดีว่าภายในใจเขารู้สึกกังวลและกลัวมาก โม่ฉีหมิงที่เป็นอย่างนี้ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน “ข้า……” ปากเรียวบางพูดขึ้นมาเพียงหนึ่งคำ โล่หวินหลานโถมตัวเข้าจูบปากเขาทันที ทั้งหมดถูกหลอมละลายด้วยคำพูดและการกระทำทั้งหมดจนสิ้น ไม่มีคำพูดใดๆปริออกมาทั้งคู่ ไม่ไกลกันมาก มุมๆหนึ่งมีสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่ทั้งคู่ ต่างคนต่างหัวเราะคิกคักชอบใจ “ไปกันเถอะ หากท่านอ๋องรู้พงกเราตายกันแน่” ฉินหยิ่นพูดเตือนเบาๆ “เจ้าคิดว่าท่านอ๋องไม่หรอว่าพวกข้าแอบดูอยู่?” สวินโม่ยักคิ้ว เขารู้จักโม่ฉีหมิงดีกำลังภายในสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบตัวได้ เพียงแค่ไม่อยากเปิดโปง เพราะเขารู้ว่าพวกเราเป็นเหมือนดังครอบครัว เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าโล่หวินหลานมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากเพียงใด ทุกคนรู้ดี สวินโม่ได้ทีจึงถามเรื่องชิงตั้ยกับฉินหยิ่น พอฉินหยิ่นเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง สวินโม่ได้แต่ยืนอึ้ง ตอนนี้เขายอมแพ้นางและเลื่อมใสในตัวผู้หญิงคนนี้มากกว่าเดิม สวินโม่ไม่ได้กลับสำนักหวูอินโหลว เพราะเขาได้รับคำสั่งจากโม่ฉีหมิงให้พักอยู่ที่จวนอ๋อง นี่คือสิ่งโล่หวินหลานต้องการ โล่หวินหลานได้แต่ยุ่งกับพวกตำราแพทย์ทุกวัน ทดลองต่างๆนาๆ โม่ฉีหมิงมองนางด้วยความปวดร้าวใจ จนมาวันหนึ่งนางได้ขอให้ไปหาผลส้มให้ โม่ฉีหมิงได้ให้สวินโม่ไปตามหาส้มทุกสายพันธุ์เท่าที่จะหาได้ทั้งทั่วหล้ามาให้โล่หวินหลานหลังสวน สวินโม่คิดว่าโล่หวินชอบกินส้ม ยังตั้งใจแนะนำผลส้มสายพันธุ์ต่างๆ “นี่คือส้มหลิงหนานก้ง เป็นส้มที่ท่านอ๋องให้ข้าไปหาจากหลิงหนานที่เดินทางโดยม้าหลายพันลี้มาให้ท่าน ส้มพัทธุ์ในวังหลวงยังหากินได้ยาก” โล่หวินหลานมองส้มที่กองอยู่ตรงหน้าตาค้าง ปากขมุบขมิบ “ท่านอ๋องอยากให้ข้าเอาส้มพวกที่ไปขายหรอ?” โล่หวินหลานหยิบส้มมาหนึ่งผลพลางค่อยๆปลอกเปลือก ชิมไปหนึ่งคำ สมกับเป็นส้มที่ใช้เซ่นไหว้จริงๆ รสสัมผัสหวานฉ่ำ “ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เยอะขนาดนี้ เก็บไว้หนึ่งตะกร้าก็พอ ที่เหลือเอาไปแจกจ่ายให้คนทั้งจวนอ๋องกินเถอะ” สวินโม่มองด้วยสายตาไม่เข้าใจที่กองส้ม ถามอย่างตกใจ “ไม่ใช่ว่าท่านชอบกินส้มหรือขอรับพระชายา? ทำไมถึงเก็บไว้แค่นี้ล่ะ?” นางต้องรู้ว่าโม่ฉีหมิงกว่าจะหามาด้วยความยากเย็นแสนเข็น โล่หวินหลานยิ้มอย่างเบื่อหน่าย พลางตอบ “เป็นข้าที่ไม่พูดให้ชัดเจน ข้าจะใช้ส้มเหล่านี้ในการรักษาโรคให้รัชทายาทต่างหาก ถึงข้าจะชอบกินส้มเพียงใดแต่มันเยอะเกินไปข้ากินไม่หมดหรอก” สวินโม่พอรู้ว่าส้มเหล่านี้นำมารักษาโรค รู้สึกตะลึงไปชั่วครู่ “ส้มพวกนี้เอามารักษาโรคหรือ?” เขาหยิบผลส้มขึ้นมาดูหนึ่งผล นี่มันเป็นผลไม้ธรรมดาๆเอง โม่ฉีหมิงเข็นรถเข็นเข้ามา สายตาสุขุม เขาหยิบส้มหนึ่งผลนำมาจับเล่น พับปากไปมา สายตาคมชัดดังเหยี่ยวมองไปที่โล่หวินหลาน “ถ้ารู้ว่าเจ้านำส้มพวกนี้มารักษารัชทายาทข้ากินส้มพวกนี้ให้หมดเลยทีเดียว” โม่ฉีหมิงนานๆจะพูดหยอกล้อให้นางพอหัวเราะได้บ้าง คิ้วงามโก้งโค้ง เรียวปากยิ้มบาง แววตาดุจน้ำใสไหลวนในดวงตา โล่หวินหลานหัวเราะเบาๆ มองไปสวินโม่พลางถาม “เอาส้มพวกรี้ไปไว้ในที่อับแสงนะ เก็บไว้สองสามวัน รอให้มันขึ้นราแล้วเอามาให้ข้า” สวินโม่ได้แต่อ้าปากค้าง รวมถึงโม่ฉีหมิงก็ด้วยสายตาฉงนไปที่นาง โล่หวินหลานรวบรวมสมาธิ “พวกท่านฟังไม่ผิดหรอก ข้าจะรอให้ผลส้มพวกนี้ขึ้นราถึงจะนำมาทำเป็นส่วนผสมของยาได้” นางไม่ได้พูดเล่น กำลังพูดถึงเพนิซิลินในโลกอนาคต ไม่รวมว่าสามารถรักษาได้เกือบร้อยโรค มันเป็นอณาเขตพื้นที่เล็กๆเอง ตอนนี้ทั้งต่างตกตะลึง มองไปที่โล่หวินหลานเวยสายตายากที่จะบรรยาย แต่ว่า พอได้เห็นฝีมือการรักษาทางการแพทย์ของนาง รวมถึงอุปกรณ์ประหลาดๆที่นางทำขึ้นเอง พวกเขาจึงยอมรับอย่างไม่กังขา หากแต่ ผลที่ขึ้นราจนเขียวและน่าอาเจียนจะสามารถโรคนี้ด้ของส้มจะรักษาได้จริงหรอ? ดูสีหน้าของทั้งคู่ที่ตกใจตะลึงจนไม่สามารถหาคำพูดมาอธิบายได้ โล่หวินหลานไม่สามารถอธิบายได้ โชคดีที่รีบเปลี่ยนเรื่อง รีบคว้ารูปใบหนึ่งออกจากเสื้อให้สวินโม่ “สวินโม่ เจ้าช่วยข้าไปหาช่างที่ฝีมือดีที่สุด ข้าอยากได้ของที่อยู่ในรูปนี้ทุกอย่าง” สวินโม่รับกระดาษมาดูรูป กวาดตาดูครู่หนึ่ง ของในรูปมีลักษณะกลมๆยาวๆมีเข็มเล็กช่างน่าแปลกนัก เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าของในรูปเอาไว้ทำอะไร โม่ฉีหมิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ขำเบาๆแต่ไม่พูดอะไร รูปพวกนั้นเขาเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อีกทั้งนางยังช่วยอธิบายอุปกรณ์ที่อยู่ในรูปเอาไว้ทำอะไร เขาเลยเข้าใจมากกว่าสวินโม่อยู่หน่อยๆ โล่หวินหลานอธิบายให้เขาว่าอันไหนเข็มฉีดยา ฉีดประเภทยาที่ให้ผลต่างกัน สูตรที่คิดค้นขึ้นเพื่อฉีดเข้าไปในกระแสเลือดให้ไหลวิ่งทั่วร่างกายและเห็นผลในทางการแพทย์ ถึงจะฟังดูประหลาดไปหน่อย แต่ถ้าลองมาคิดให้ถี่ถ้วนดูแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว โล่หวินหลานที่ดูท่าทางของสวินโม่ยังมีความอึ้งอยู่บ้างก็เลยพูดเพิ่ม “อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์ เดี๋ยวถ้าทุกอย่างทำเสร็จข้าจะสาธิตวิธีการใช้งานให้ท่านดู” สวินโม่พยักหน้าพลางเก็บรูป ในใจยังคงคาดหวังอยู่ไม่น้อย ส้มที่ขึ้นราแล้วนำไปทำเป็นยา ของประหลาดพวกนี้ ยังมีโล่หวินหลานที่ฝีมือการแพทย์ยอดเยี่ยมอีก เขารู้สึกคาดหวังว่าโล่หวินหลานจะนำความอัศจรรย์ใจกับสร้างความประหลาดใจอะไรให้ สวินโม่เดินจากไป โม่ฉีจับมือโล่หวินหลานเดินเข้าไปในห้อง ถึงจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเขายังมีความสง่าผ่าเผย สายตาสุขุมมองตรงไปข้างหน้า ยิ้มเบาๆพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ “มีบางครั้งที่ข้ายังสงสัยว่าเจ้าโล่หวินหลานจริงๆหรือป่าว?” โล่หวินหลานยุดเดิน หันข้าง นัยน์ตาดังท้องฟ้าอันมืดดำสนิทมองต่ำ “ถ้าหากข้าไม่ใช่โล่หวินตัวจริง ท่านจะทำอย่างไร?” โม่ฉีหมิงนัยน์ตามองข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร มาจากไหน ขอเพียงแค่เจ้ายังอยู่ข้าไม่ทิ้งข้าไปไหน”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่29 เลื่อมใส
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A