ตอนที่ 41 รักษา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 41 รักษา
ต๭นที่ 41 รักษา ปรีชาอะไรกัน ก็แค่หาจุดอ่อนของต้วนกุ้ยเฟยได้ก็เท่านั้น นางกล้าลงมือกับโม่ฉีซิว วันหนึ่งนางก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม ฝีดาษ เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แค่จุดนี้ก็ไม่มีหมอหลวงคนไหนเข้าใกล้แล้ว คนที่จะทำการรักษาให้กับเขา ก็เหมือนเอาตัวเองไปฆ่าตัวตาย หากรอดไปได้ก็รอด หากรอดไม่ได้ ...... นางก็จะลงมือเอง นี่ก็ถือเป็นการสั่งสอนต้วนกุ้ยเฟยเล็กๆน้อยๆ ทำให้นางเข้าใจว่า อะไรเรียกว่าประเมินตัวเองสูงเกินไป นางยกมือให้ขันทีออกไป แล้วเรียกนางกำนัลคนสนิทอย่างวี่จือเข้ามา เย่ฟังเสว่โบกพัดในมือ ใช้มืออีกข้างดันหน้าตัวเอง แล้วมองไปที่นอกหน้าต่าง นางอารมณ์ดีราวกับดอกไม้ที่ได้รับแสงแดด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขี้เกียจว่า “ฝ่าบาทรู้ว่าหลินอ๋องป่วยเป็นฝีดาษแล้วว่ายังไงบ้าง? พระองค์มีประสงค์จะไปที่จวนหลินอ๋องไหม?” วี่จือเป็นคนที่เย่ฟังเสว่นั้นไว้ใจ นางฉลาด ดูสีหน้าคนอื่นเป็น ด้วยเหตุผลเหล่านี้เลยทำให้นางเป็นที่ไว้วางใจมาก นางมักจะได้รับหน้าที่ไปสืบหาข่าว ข่าวที่ได้มาก็แม่นยำทุกครั้ง วี่จือรับพัดในมือนางมาพัดให้ แล้วพูดว่า “ทูลฮ่องเฮา พอฝ่าบาททรงก็ทรงเขวี้ยงถ้วยชาในมือจนแตก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่สั่งให้หมอหลวงที่มีประสบการณ์ไปจวนหลินอ๋อง โรคฝีดาษใครๆก็รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร คิดว่าฝ่าบาทคงไม่คิดถึงพระวรกายของท่าน ไปเยี่ยมหลินอ๋องด้วยตัวเองหรอกเพคะ พระนางวางใจได้” เย่ฟังเสว่พอใจกับคำตอบนี้มาก นางยิ้ม แล้วพูดว่า “หากฝ่าบาทคิดจะไปจริงๆ คนข้างกายเขาก็ต้องห้ามอยู่ดี อีกทั้งหลินอ๋องเป็นคนที่ข้าเลี้ยงมากับมือ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาถึงจะสบายใจได้” วี่จือรู้สึกตกใจแล้วพูดว่า “พระนางเพคะ หลินอ๋องติดโรคฝีดาษ พระนางจะไปไม่ได้นะเพคะ” เย่ฟังเสว่คิดคำนวณไว้แล้วก็พูดว่า “ต่อให้เขาเป็นโรคที่ร้ายแรงกว่านี้ เราก็ต้องไปขออนุญาตออกจากวังหลวงไปจวนหลินอ๋อง เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากของใคร” นางเป็นแม่ของแผ่นดิน โม่ฉีมู่เป็นคนที่นางเลี้ยงมากับมือ ยังไงก็ต้องก็ต้องเห็นแก่ความดี อีกทั้ง หากนางจะไป ก็ต้องดูด้วยว่าโม่ฉีสิงยอมหรือไม่ พูดจบ เย่ฟังเสว่ก็ลุกขึ้นสวมรองเท้า วี่จือรู้ทันที ก็รีบช่วยนางสวมรองเท้า แล้วพยุงนางออกจากตำหนัก ตรงไปยังห้องทรงอักษร ตอนนี้ในจวนหลินอ๋องกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ในห้องของโม่ฉีมู่มีแค่บ่าวไพร่และสาวใช้ที่เคยเป็นฝีดาษแล้วรับใช้อยู่แค่ไม่กี่คน ต้วนกุ้ยเฟยเองก็เอาผ้ามาปิด บนตัวสวมใส่ชุดต้านเชื้อที่โล่หวินหลานให้คนตัดเย็บใหม่ ภายในมีสามชั้นภายนอกมีสามชั้น ไม่เพียงเท่านี้ คนในจวนทุกคนล้วนแต่สวมชุดต้านเชื้อ ก่อนที่โม่ฉีมู่จะหายจากโรคฝีดาษ พวกเขาจะต้องระวังตัวให้มาก โล่หวินหลานสวมผ้าปิดปากยืนสั่งการสาวใช้อยู่นอกเรือนให้เอาของที่โม่ฉีมู่มากองรวมกันไว้ เพื่อรอเผา “ทุกคนเร็วๆหน่อย ขอแค่เป็นของที่หลินอ๋องเคยใช้ให้เอาออกมาวางตรงนี้ให้หมด ห้ามละเว้นแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่งั้นพวกเจ้าเองก็อาจจะติดโรคได้” โล่หวินหลานตะโกนเสียงดัง เหล่าสาวใช้เอาก็คล่องแคล่ว เห็นของทั้งหมดในจวนหลินอ๋องถูกนำมากองเกินกว่าครึ่งจวน แม้แต่แก้วหยกที่ใช้เพียงครั้งเดียวก็ไม่เว้น โล่หวินหลานส่ายหน้า นางมองไปที่ของพวกนั้นอีกเดี๋ยวต้องตัดใจเผาทิ้งจนหมด นางรู้สึกว่ามันก็สิ้นเปลืองอยู่ แต่ว่าเพราะของพวกนี้โม่ฉีมู่ใช้มาก่อน แค่นางคิดถึงเรื่องที่เขาเคยทำมาก่อน ในใจของนางก็แทบไม่มีความสงสารหลงเหลืออยู่เลย คิดอยากจะให้นางตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เขาก็ถูกนางลงโทษไปแล้ว เขาไม่มีปัญญามีลูกสืบสกุลได้อีกก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่หนักหนามากแล้ว “พระชายาหมิงอ๋อง ของทั้งหมดอยู่ที่นี่หมดแล้ว จุดไฟได้เลยไหม?” พ่อบ้านของจวนหลินอ๋องไม่รู้ว่ามมาอยู่ข้างๆโล่หวินหลานตั้งแต่เมื่อไหร่ ของกองรวมสูงเป็นเมตร เห็นของมากมายขนาดนี้ โล่หวินหลานก็กระพริบตา พยักหน้าแล้วพูดว่า “จุดไฟเถอะ เผาให้เกลี้ยงหน่อย” พ่อบ้านรับคำ แล้วก็สั่งให้คนจุดไฟ พริบตาเดียวภายในเรือนก็เต็มไปด้วยควัน ลอยฟุ้งไปที่ท้องฟ้า ควันสีเทาๆลอยอยู่ตรงหน้าของทุกคน สำหรับพวกเขา ไม่ใช่แค่เผาของใช้ของโม่ฉีมู่ แต่มันคือการปกป้อง ไฟลามแรงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ใบหน้าของทุกคนแดงก่ำ แต่ไฟแบบนี้มันลุกอยู่ได้ไม่นาน จากนั้นก็มอดเหลือแค่กองไฟเล็กๆ สาวใช้หยิบไม้เขี่ยเสื้อผ้าที่ยังเผาไม่หมดไปจุดไฟให้เผาให้เกลี้ยง “พระชายาหมิงอ๋อง พระชายาหมิงอ๋อง พระสนมทรงขอเชิญไปที่ห้อง ท่านอ๋องมีไข้สูงไม่ลดเลยเพคะ” หมิงเยว่เสียงตื่นตระหนก หายใจหอบ แต่ก็พูดจนจบ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาของโล่หวินหลานอีกแล้ว นางมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเงาของนางเลย นางรีบเดินตามไป เมื่อเข้าไปยังห้องนอนของโม่ฉีมู่ ต้วนชิวเยนกุมมือของโล่หวินหลานด้วยความร้อนใจ เสียงของนางเปี่ยมไปด้วยคำร้องขอ “หวินหลาน มู่เอ๋อเป็นอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆเขาก็มีไข้สูง เรียกยังไงเขาก็ไม่รู้สึกตัวเลย หวินหลาน เจ้าเก่งเรื่องการแพทย์ รักษารัชทายาทจนหาย จะต้องรักษามู่เอ๋อให้หายได้แน่” ไม่ให้นางสืบหาคนบงการ แถมยังมาร้องห่มร้องไห้อีก ไม่กล้าที่จะสืบต่อไปหรือว่านางรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ? แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้ค่อยได้เกี่ยวกับนางเท่าไหร่ เป้าหมายของนางก็คือรักษาโม่ฉีมู่ให้หาย นางได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ ใครๆก็รู้ว่านางรักษารัชทายาทจนหาย หากนางช่วยเขาไม่หาย มันฉีกหน้าตัวเองชัดๆ นางดึงแขนตัวเองออกจากมือของต้วนกุ้ยเฟย แล้วพูดเชิงปลอบว่า “พระสนมเพคะ คนที่เป็นฝีดาษมีอาการไข้สูงเป็นเรื่องปกกติ ท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวข้าจะจัดยาลดไข้ให้หลินอ๋องเอง” ได้ยินคำพูดของนางแล้ว ต้วนชิวเยนก็เบาใจ นางล้มลงนั่งตัวไร้เรี่ยวแรงลงบนเก้าอี้ โม่ฉีหานถูกสั่งให้ไปเป็นหย่าหมินไท่โสวแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะออกเดินทางแล้ว ลูกชายนางสองคนตอนนี้เหลือโม่ฉีมู่คนเดียวที่อยู่กับนาง หากเขาตายไปเพราะฝีดาษจริงๆ นางก็จะเหลือตัวคนเดียว ส่วนผู้หญิงที่นางเกลียดมากตรงหน้านี้ กลับเป็นคนที่ช่วยลูกชายนางได้ นางรู้สึกละอายต่อตัวเองมาก “หวินหลาน รบกวนเจ้าด้วยนะ” โล่หวินหลานเหลือบไปมองนาง แล้วยิ้ม แล้วก็ไม่มองนางอีก ภายในจวนหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ ในมือของเขาถือพู่กันอยู่ แต่ถืออยู่นานก็ไม่ได้เขียนอะไรลงไปในกระดาษเลย ที่นอกประตูมีเสียงคนวิ่งหอบๆกลับมา จากนั้นก็โผล่มาตรงหน้าของโม่ฉีหมิง “ท่าน ท่านอ๋อง ข้าไปสืบมาแล้วในจวนหลินอ๋องทุกคนสวมชุดที่พระชายาเป็นคนสั่งตัดพิเศษ เรียกว่าชุดต้านเชื้อ ...... แล้ววันนี้พระชายายังสั่งให้สาวใช้เอาของที่หลินอ๋องเคยใช้ออกมาเผาจนหมด เผาไปเกือบครึ่งจวน ส่วนต้วนกุ้ยเฟยตอนนี้ก็เชื่อใจพระชายามาก ท่านอ๋องท่านไม่ต้องกังวล” เขานั่งซ่อนตัวอยู่บนหลังคาจวนหลินอ๋องทั้งวัน เห็นสาวใช้สวมชุดสีฟ้าเดินปเดินมา กว่าจะมองออกว่าคนไหนคือโล่หวินหลานก็มองอยู่นาน เขาตามนางกระโดดไปมาอยู่หลายหลังคา เกือบเหยียบแผ่นกระเบื้องหลังคาจวนหลินอ๋องแตกแล้ว “อืม” โม่ฉีหมิงตอบรับ แล้วก็ลงมือเขียนหนังสือต่อ หมายความว่าไง? ไม่พูดอะไรเลย จะให้เขารายงานต่อหรอ? ในขณะที่ฉินหยิ่นกำลังงงอยู่ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาว่า “ไปสืบต่อ แล้วคุ้มครองพระชายาให้ดี อย่าให้นางต้องเป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว” โม่ฉีหมิงพูด เขาจับพู่กันไว้แน่น จากนั้นก็เขวี้ยงพู่กันทิ้งไป “ทราบแล้ว” ฉินหยิ่นรับคำ แล้วก็ไป โม่ฉีหมิงจับโต๊ะไว้แน่น เส้นเลือดโผล่ขึ้นมาชัดมาก หากโล่หวินหลานติดเชื้อโรคแม้แต่นิดเดียว เขาจะให้คนทั้งจวนหลินอ๋องตายทั้งหมด โล่หวินหลานเดินเข้าไปด้านในฉากบังลม เพื่อตรวจชีพจรของโม่ฉีมู่ เขาเป็นไข้จริง หายใจปกติ จากนั้นนางก็เดินออกมาจากฉากบังลม “ใครก็ได้ ไปเอาไป๋หลี่เซียงแห้งมาสองสลึง ผู่ถีฮว๋ากับหยางกันจวี่อย่างละสามสลึง แล้วต้มรวมกันมาให้หลินอ๋องกินที แล้วก็ซื้อสาลี่มาด้วย” โล่หวินหลานพูดเสียงดังฟังชัด ทุกคนเชื่อใจโล่หวินหลานมาก มีสาวใช้รีบวิ่งออกไปจัดการ ทันใดนั้นเอง ที่นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน หมอหลวงเก่าแก่ในวังหลวงเดินถือกล่องยาเข้ามา แต่ละคนใช้ผ้าปิดปากเอาไว้ พวกเขาเดินเข้ามาในจวนเห็นสาวใช้สวมชุดประหลาด ซึ่งรวมไปถึงต้วนชิวเยนกับโล่หวินหลานด้วย ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่ามันคือชุดอะไร “ถวายพระสนมกุ้ยเฟย ถวายพระพรพระชายาหมิงอ๋อง” หมอหลวงคุกเข่าถวายพระพร “ลุกขึ้นเถอะ ฝ่าบาทสั่งให้พวกเจ้ามาหรอ?” ต้วนชิวเยนถามด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหล่าหมอหลวงปัดเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นมา คนที่แก่ที่สุดในหมู่คณะเดินออกมาแล้วพูดว่า “ทูลพระสนม ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกกระหม่อมมารักษาหลินอ๋อง เมื่อครู่พวกกระหม่อมเห็นสาวใช้สวมชุดแล้วก็ใส่หมวกประหลาด ไม่ทราบว่าชุดพวกนั้นคืออะไรหรอ?” ชุดพวกนั้นโล่หวินหลานเป็นคนสั่งให้คนทำขึ้นมา นางรู้ว่าในสมัยโบราณของพวกนี้ถือเป็นของแปลก ก็เลยยิ้มแล้วพูดว่า “ชุดพวกนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ คนที่ไม่เคยเป็นโรคฝีดาษมาก่อนจะต้องสวมชุดนี้เพื่อป้องกันการติดโรค ในจวนยังเหลืออีกหลายชุด พวกท่านจะใส่ไหมล่ะ?” พูดจบ ก็เรียกเย่หวินที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา กำลังจะสั่งให้นางไปเอาชุดที่ห้องเก็บของมา แต่ว่าหมอหลวงกลับขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เหลวไหลสิ้นดี พระชายาหมิงอ๋อง พวกกระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเสื้อผ้าจะสามารถป้องกันการรับเชื้อได้ ท่านอย่าได้เอาการรักษาโรคเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ คนที่เป็นฝีดาษจะต้องแยกห้อง ห้ามให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด” เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ หมอหลวงที่ตามอยู่ด้านหลังก็เห็นด้วย พวกเขาเป็นหมอหลวงมาเป็นสิบปี ก็ใช่ว่าจะไม่เคยรักษาฝีดาษเลยสักครั้ง มีคนรอด มีคนตาย เป็นเรื่องปกติ มีใครที่ไหนบอกว่าสวมเสื้อผ้าแบบนี้ทั้งตัวก็จะไม่เป็นฝีดาษ? หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็คงไม่มีใครติดโรคแล้วสิ? 
已经是最新一章了
加载中