ตอนที่26 ความทรงจำ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 ความทรงจำ
ต๭นที่26 ความทรงจำ คุณชายเชี่ยวเสร้ายิ้ม พูดอย่างมีความมั่นใจ “ผมรู้ว่าคุณทำร้ายผมไม่ลงหรอก ผมรู้มาโดยตลอด คุณรักผมมากขนาดนี้ จะลงมือทำร้ายผมได้อย่างไร”ถึงแม้ว่าในใจกู้เหยาไม่อยากทำร้ายคนจริงๆแต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คุณชายเชี่ยวพูด เธอแค่อยากไปจากที่นี่ไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้วต่างหาก “เหยาเหยา……” เชี่ยวเสร้ากำลังจะยื่นมือออกมา กู้เหยาเองก็ไม่ทันได้คิดอะไรนอกจากยกมือขว้างที่เขี่ยบุหรี่ออกไปโดนหัวของคุณชายเชี่ยว”หน้าผากของคุณชายเชี่ยวมีรอยแตกเป็นแผล เลือดสดๆไหลย้อยหลงมาจากหน้าผาก แต่เขาดูราวกับว่าไม่มีความเจ็บปวด ยังคงยิ้มมองมาที่เธอ “เหยาเหยา ผมรู้ว่าคุณกำลังโกรธผมอยู่ ผมยอมให้คุณตีผม แต่ถ้าคุณหายโกรธแล้วคุณกลับไปกับผมนะ” แผลที่หน้าผากของคุณชายเชี่ยวดูลึกมาก เลือดยิ่งไหลออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆทั้งที่เลือดหยดลงที่ใบหน้า เนื้อตัวและที่ที่มือของเขา แต่เขากลับไม่ให้ความสนใจ ดวงตาเหมือนกับมองเห็นแค่การมีตัวตนอยู่ของกู้เหยา กู้เหยารู้สึกช็อคมาก เธอเสียงดังขึ้นพร้อมกับตวาดออกไป “เชี่ยวหนานจิ่ง คุณมันบ้าไปแล้ว คุณจะทำอะไรกันแน่”จู่ๆเชี่ยวหนานจิ่งก็ยิ้มออกมา “เหยาเหยา ผมชอบที่คุณเรียกชื่อผมแบบนี้ กู้เหยาที่เป็นแบบนี้สิ ถึงจะเป็นเหยาเหยาของผม” เชี่ยวหนานจิ่งชอบเวลาที่กู้เหยาเรียกชื่อเต็มของเขา มันเหมือนดูเผด็จการและแฝงด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าการที่กู้เหยาเรียกชื่อเต็มๆแบบนี้แสดงออกถึงการเป็นเหมือนข้าวของของเธอ “หุบปากเลยนะ ในชีวิตนี้ของฉันไม่อยากจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณแม้แต่นิดเดียว” กู้เหยากำหมัดแน่นใช่เล็บจิกเข้าที่เนื้อตรงฝ่ามือแต่เธอก็ยังคงไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย “เหยาเหยา คุณหนีผมไม่พ้นหรอก ถ้าผมไม่ปล่อยคุณไป คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นไปได้ตลอด” กู้เหยากัดริมฝีปาก ตัวสั่นเล็กน้อย “คุณอย่าได้คิดเพ้อเจ้อ”เชี่ยวหนานจิ่งยิ้มอย่างมั่นใจ พูดน้ำเสียงนุ่มนวล “มีอะไรที่ผมไม่กล้าคิดหรือ คุณชายเชี่ยวทำท่าสงสัย” กู้เหยากำหมัดแน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าเธอมั่นใจว่าสิ่งที่คุณชายเชี่ยวพูดออกมานั้นเขาทำได้แน่นอน “เหยาเหยา คนที่ผมรักคือคุณ และรักแค่คุณอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง ” คุณชายเชี่ยวอมยิ้มแล้วพูด ครั้นแล้วอาจจะเป็นเพราะบาดแผลตรงที่หัวอีกทั้งแผลนั้นก็ไม่ใช่จะเล็กๆ ทำให้ตัวของเขาโงนเงนและล้มลงไป กู้เหยาตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว “เชี่ยวหนานจิ่ง……”อาจจะเป็นเพราะเสียงข้างในนั้นดังมาก ในที่สุดคนที่อยู่ข้างนอกจึงเปิดประตูเข้ามาเห็นเชี่ยวหนานจิ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ที่พื้นฝูงชนที่เข้ามานั้นก็เริ่มอลหม่าน กู้เหยาได้ยินเสียงคนตะโกนเสียงดัง “คุณชายเชี่ยวได้รับบาดเจ็บ รีบนำไปส่งโรงพยาบาลเร็ว” กู้เหยายังได้ยินเสียงคนรีบให้เรียกตำรวจเข้ามาเพื่อแจ้งความกับเธอ หลังจากนั้นก็เห็นแค่เลือดและคนที่เดินเข้าๆออกๆ จนกระทั่งสติของเธอกลับมา ไม่รู้ว่าเวลานานขนาดไหนที่ตัวเธอนั้นถูกจับมาที่สถานีตำรวจ เธอถูกขังไว้ภายในห้องที่มืดครึ้มและหนาวเย็น ได้ยินเสียงพูดคุยกันของตำรวจที่อยู่ด้านนอกดังเข้ามาในหู “คนนี้แหละที่ทำร้ายคุณชายเชี่ยวแต่ไม่รู้ว่าทำไมคุณชายเชี่ยวไม่อยากจะติดใจเอาความเธอเพื่อให้รับผิดชอบ ไม่เพียงแต่จะคิดเอาความ ยังให้พวกเราจัดเตรียมห้องเดี่ยวให้ อย่างนั้นก็ดีความต้องการของคุณชายเชี่ยวก็ยังคงต้องการแค่ให้ขังเธอไว้สองวันเพื่อเป็นการสั่งสอน” เธอได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลยังคงดังเข้ามา แต่ว่ากู้เหยานั้นไม่ได้ตั้งใจฟังแล้ว เพียงแค่เธอรู้ว่าเชี่ยวหนานจิ่งไม่ได้เป็นอะไรก็สบายใจแล้ว กู้เหยาเข้าใจแจ่มแจ้งดีว่าทำไมเชี่ยวหนานจิ่งจึงให้ขังเธอไว้สองวันข้อแรกเพื่อที่จะให้เธอรู้เธอเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆของช่วงซินเคอจี้เธอทำร้ายเขาเขากลับไม่ได้ติดใจเอาความให้ขึ้นโรงขึ้นศาลแค่ขังเธอไว้สองวันแบบนี้ก็นับได้ว่าให้ความปราณีมากที่สุดแล้ว ข้อที่สองคือเพื่อต้องการให้เธอรู้ ไม่ว่าที่จินดูหรือที่เจียงเป่ยแค่เชี่ยวหนานจิ่งไม่ยอมปล่อยมือ กู้เหยาก็ไม่มีทางหนีพ้นจากเขาไปได้ นึกถึงความบ้าระห่ำของเชี่ยวหนานจิ่งขึ้นมา ภายในใจก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถหนีพ้นเชี่ยวหนานจิ่งได้แต่คนจากตระกูลเชี่ยวไม่เต็มใจที่จะปล่อยเธอต่างหาก ตระกูลกู้เป็นตระกูลปัญญาชนที่เก่าแก่และร่ำรวย คนนับหน้าถือตา พอมาถึงรุ่นของพ่อกู้เหยา ชื่อเสียงของตระกูลกู้เสื่อมลงมาตั้งนานแล้ว พ่อของกู้เหยาไม่ยอมให้ชื่อเสียงของตระกูลเสื่อมลงไปแบบนี้ จึงคิดหาวิธีแทบทุกทางเพื่อที่จะเข้าไปตีสนิทกับคนในวงสังคมที่มีชื่อเสียง เวลาผ่านไปไม่รู้ว่าทำยังไงถึงได้ไปรู้จักกับตระกูลเชี่ยว ด้วยเหตุนี้เพียงคืนเดียวหลังจากตระกูลกู้ที่ชื่อเสียงเสื่อมลงเมื่อได้รู้จักกับรู้จักกับหัวเรือใหญ่อย่างตระกูลเชี่ยวก็ได้กลับเข้าสู่วงสังคมคนมีชื่อเสียงอีกครั้ง ไม่เพียงแค่เท่านี้กู้ฟู่ยังขายบ้านที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้พร้อมกับภาพเขียนจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อวิลล่าอยู่ข้างๆบ้านตระกูลเชี่ยว บ้านของพวกเขาเล็กกว่าบ้านของตระกูลเชี่ยวมากแต่ว่าอย่างน้อยก็ถือว่าอยู่ในเขตบริเวณของคนรวย สำหรับตระกูลกู้แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พอใจเขาเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเวลานานเข้าตระกูลกู้ก็คล้ายกับเป็นกาฝากของตระกูลเชี่ยวที่คอยพึ่งพาอาศัยคุณชายคนโตของตระกูลเชี่ยวจึงกลายเป็นคนที่พวกตระกูลกู้หมายมั่นปั้นมือจะให้คนในตระกูลเข้าไปผูกมิตรและแต่งงานด้วย จนกระทั่งหลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้น พ่อแม่ของกู้เหยาก็ไม่มีปากมีเสียงอะไรตระกูลเชี่ยวว่ายังไงก็ว่าตามนั้น ตระกูลเชี่ยวให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ตระกูลกู้ไม่ให้ความสำคัญกับกู้เหยาอีกแล้ว เธอจึงกลายเป็นคนไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลกู้ไปโดยปริยาย ทุกวันนี้เรื่องผ่านมาเป็นเวลาสามปี เชี่ยวหนานจิ่งยังกล้ามาหาเธอ บอกจะพาเธอกลับไป คิดๆแล้วกู้เหยาก็รู้สึกว่ามันน่าหัวเราะสิ้นดี น่าหัวเราะที่ตระกูลกู้ไม่มีความสามารถและหัวเราะให้กับตัวเองที่ไม่มีความสามารถทำไมยังปล่อยให้คนที่เธอควรลืมไปมาทำให้ตัวเองเต้นตามโมโหจนขาดสติ ทั้งยังพลั้งมือทำร้ายร่างกายคนอื่นอีก กู้เหยางอขาทั้งสองขึ้นใช้มือกอดไว้เอาหัวฟุบลงที่หัวเข่าทำราวกับว่าทำแบบนี้หัวใจก็จะไม่เป็นทุกข์ขนาดนั้น และทำให้ไม่หนาวมาก “หัวหน้าเฉิน ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง” เสียงเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าดูแลพูดขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกและนอบน้อมดังเข้ามาในหูกู้เหยา แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ยังคงกอดขาตัวเอง ปิดกั้นตัวเองไว้ในพื้นที่ส่วนตัว ก็แค่ไม่ต้องไปสนใจโลกภายนอก ไม่ต้องไปสนใจพวกคนที่ทำร้ายเธอ เธอถึงจะไม่ต้องถูกใครทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บ 啪啪——เพี๊ยะ เพี๊ยะ เสียงมือตบดังก้องชัดเจนอยู่สองครั้งทำลายความเงียบสงัดที่อยู่ภายในห้อง ต่อมายังมีเสียงคำรามดูมีพลังของผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้นมา “พวกแกกล้าดียังไงถึงได้กล้าจับเธอมาขังไว้”เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลดูทั้งตื่นตระหนกทั้งลำบากใจ “หัวหน้าเฉิน ไม่ใช่พวกผมครับ แต่เป็นเพราะคนจากคุณคุณชายเชี่ยวจากตระกูลเชี่ยว” ไม่ได้ปล่อยให้คนนั้นพูดจบ หัวหน้าเฉินจึงคำรามด้วยความโมโห “ยังจะมาเถียงข้างๆคูๆ ไม่รีบไปเปิดประตูเชิญคุณกู้เหยาออกมา”กู้เหยาได้ยินเสียงเดินของคนเดิน เสียงปลดล็อคประตู และต่อด้วยได้ยินเสียงของหัวหน้าเฉินที่ฟังดูให้เกียรติ “คุณโม่ข่าย เพราะว่าคนของผมทำเรื่องไม่ดีไว้ ผมต้องขออภัยไว้ที่นี้ด้วยนะครับ” ได้ยินคำว่าโม่ข่าย ตัวของกู้เหยาจึงสั่นเล็กน้อย ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอเห็นโม่ข่ายยืนอยู่ด้านหน้าของหัวหน้าเฉิน ทั้งตัวของโม่ข่ายยังคงสวมชุดสูทสีขาวอมเทาที่ได้รับการตัดเย็บด้วยมืออย่างดี บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างมีมารยาทด้วยความเคยชิน มีแค่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีเงินนั้นกลับทำให้คนอื่นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โม่ข่ายทำแค่พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรกับผู้ชายวัยกลางคนซึ่งถูกเรียกว่าหัวหน้าเฉินที่โค้งแสดงความเคารพอยู่ แล้วยังเดินเข้ามาหากู้เหยา เขาเดินก้าวยาวเข้ามาอยู่ที่ข้างตัวของกู้เหยา ลูบหัวของเธอ เรียกชื่อเธอเบาๆ “กู้เหยา……”เสียงของโม่ข่ายฟังดูอ่อนหวานมากกว่าครั้งไหนๆที่กู้เหยาเคยได้ยินมา ทำให้กู้เหยารู้สึกว่าบรรยากาศมาคุที่อยู่บนตัวโม่ข่ายเมื่อสักครู่ที่เธอได้เห็นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
已经是最新一章了
加载中