ตอนที่ 31 เรื่องราวในอดีต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31 เรื่องราวในอดีต
ต๭นที่ 31 เรื่องราวในอดีต หลังจากที่บริษัทเชี่ยวซื่อและบริษัทภายใต้การบริหารของบริษัทเชี่ยวซื่อออกมาประกาศยุติความร่วมมือที่มีด้วยกันกับบริษัทช่วงซินเคอจี้ ซินเคอจี้เองจึงรีบดำเนินการใช้มาตรการประชาสัมพันธ์เพื่อควบคุมวิกฤตการณ์นี้ทันทีแต่ผลลัพธ์ยังไม่ค่อยจะดี เมื่อได้อ่านข้อความนี้เชี่ยวหนานจิ่งกระตุกคิ้วเบาๆปรากฏรอยยิ้มเหมือนมีเลศนัยที่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรแค่บริษัทช่วงซินเคอจี้เล็กๆแบนั้นอยากจะมาสู้กับฉัน เชี่ยวหนานจิ่งมีวิธีมากมายที่จะจัดการกับคนสกุลโม่นั้นไม่ให้ได้ผุดได้เกิด หลี่กังเห็นเจ้านายอารมณ์ดี รีบพูดออกมา “คุณชาย พอข้อมูลที่พวกเราปล่อยออกไป ช่วงซินเคอจี้ก็ไม่เหลือพื้นที่ที่จะตอบโต้กลับมาได้” เชี่ยวหนานจิ่งเล่นโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือยิ้มเย็นๆ “อย่าพึ่งลำพองใจไป บางครั้งสิ่งที่เราเห็นก็แค่ภายนอกอาจจะไม่ใช่ความจริง”หลี่กังถามอย่างฉงน “คุณชาย ความหมายของคุณคือ...” “ไอ้คนสกุลโม่คนนั้นสามารถทำให้เฉินซื่อออกหน้าพาไปรับกู้เหยาด้วยตัวเอง เพียงแค่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถประมาทมันได้หรอก” เชี่ยวหนานจิ่งเหลือบมองหลี่กังด้วยความเย็นชา “ต่อไปนี้จะทำการอะไรก็ให้ใช้สมองคิดหน่อย อยู่กับฉันมาหลายปียังมีปัญญาแค่นี้เองหรือไอ้คนที่ชื่อโม่อะไรนั่นน่ะตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่มีความสามารถในการตอบโต้แต่ก็จำเป็นต้องเตรียมการป้องกันการเดินหมากอย่างลับๆของมันด้วย” หลี่กังพยักหน้าเหมือนสุนัขรับใช้ “คุณชายเชี่ยวพูดถูกต้องครับ ต่อจากนี้ไปผมจะใช้สมองคิดเยอะๆเวลาลงมือทำงาน” เชี่ยวหนานจิ่งพูดอีกว่า “ส่งคนไปจับตาทุกพฤติกรรมความเคลื่อนไหวไอ้โม่คนนั้นไว้ให้ดี ถ้ามีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรให้รีบมารายงานฉัน” หลี่กังพูด “ตอนนี้ผมก็ให้คนจับตาดูอยู่ตลอดคาดว่ามันก็คงไม่มีแผนอะไรแล้ว” เชี่ยวหนานจิ่งเอาเอกสารที่อยู่ในมือฟาดไปที่หัวของหลี่กัง “ที่ฉันพึ่งจะบอกแกเมื่อกี้ แกไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม” “คุณชายเชี่ยวผม” หลี่กังลูบผม ไม่รู้ว่าผิดอะไรและรู้ไม่เข้าใจ เขาไม่รู้จริงๆว่าตัวเองผิดตรงไหน”เชี่ยวหนานจิ่งโบกมือปัดๆ “ “ให้คนเตรียมรถวันนี้แกจะไปไหนก็ไปไม่ต้องมาทำให้ฉันเสียงานใหญ่” แน่นอนหลี่กังรู้ว่างานใหญ่ที่เชี่ยวหนานจิ่งพูดมันคือเรื่องอะไรรีบยิ้มประจบประแจง “คุณชายเชี่ยว ต้องการให้ผมไปจองห้องให้ไหม คุณกับคุณกู้เหยา” เชี่ยวหนานจิ่งส่งสายตาเย็นชาใส่หลี่กัง น้ำเสียงเยียบเย็น “ไสหัวไป” ถ้าหากว่ากู้เหยาคืนดีกับเขาได้ง่ายๆเช่นอย่างนั้น กู้เหยาก็คงไม่ต้องหนีจากมาเป็นเวลากว่าสามปีและมันยิ่งทำให้เขามักจะคิดถึงเธออยู่เสมอ “เหยาเหยา” เชี่ยวหนานจิ่งเรียกชื่อกู้เหยาเงียบๆในใจยังคงจำได้ แต่ก่อนนั้นกู้เหยาชอบให้เขาเรียกเธอแบบนี้ เธอก็ยังเรียกเขากลับแบบทะเล้นว่าจิ่งจิ่ง และยังพูดอยากแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของด้วยคำว่า “จิ่งจิ่ง”ซึ่งคำนี้เธอเรียกได้เพียงคนเดียว ไม่อนุญาตให้คนอื่นเรียก บ่อยครั้งที่กู้เหยายังเรียกทั้งชื่อและนามสกุลของเขาพร้อมกันเธอพูด“เชี่ยวหนานจิ่ง”สามคำนี้ถึงนับเป็นการแสดงถึงความเป็นตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์กู้เหยาในเวลานั้นนิสัยใจร้อนมุทะลุแต่ว่าก็มีมุมที่น่ารักและอ่อนโยนมีเอาแต่ใจและออดอ้อนบ้าง แต่ก็ชอบมาคลอเคลียให้เขาคอยบอกรักเธอ กู้เหยาเหมือนกับดวงอาทิตย์ไม่ว่าเดินไปที่ไหนก็ดึงดูดความสนใจและสายตาจากผู้ชายได้ ทั้งเก่งและมีความมั่นใจในตัวเองอย่างกู้เหยาขนาดนี้ จะไม่ให้เขารักเธอได้อย่างไรกัน ตระกูลเชี่ยวกับตระกูลกู้นั้นมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งเมื่อคนจากตระกูลกู้อยู่ต่อหน้าคนของตระกูลเชี่ยวก็มักจะยืนอยู่ด้านหลังของคนตระกูลเชี่ยวเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งการันตีได้ว่าตระกูลกู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเชี่ยว แต่ว่ากับกู้เหยาไม่ใช่แบบนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลเชี่ยวเธอยังคงเป็นเธอยังคงมีความมั่นใจและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยก้มหัวให้ใครตอนที่พวกเขาทั้งสองรักกันกู้เหยาขยันมากยิ่งขึ้น เป้าหมายคือเพื่อจะให้เป็นผู้หญิงที่คู่ควรที่เหมาะจะยืนข้างๆเขาตอนที่กู้เหยาเรียนอยู่ชั้นปีสองเชี่ยวหนานจิ่งได้พูดเรื่องจะหมั้นกับเธอไว้ก่อนรอกู้เหยาเรียนจบแล้วจึงจะจัดงานแต่งงาน ในเวลานั้นเชี่ยวหนานจิ่งยังคิดว่ากู้เหยาจะปฏิเสธแต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอตอบตกลงทันทีเหตุผลของเธอง่ายมันง่ายมากกู้เหยาพูด “ฉันเตรียมตัวที่จะเป็นเจ้าสาวของเชี่ยวหนานจิ่งมาโดยตลอดคุณสามารถจองฉันไว้ได้ก่อนนะ รอจนฉันประสบความสำเร็จฉันก็จะแต่งงานกับคุณ”ในปีนั้นเธอพึ่งจะอายุสิบเก้าปี ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ตระกูลกู้กับตระกูลเชี่ยวจึงไม่ได้จัดงานหมั้นใหญ่โต แค่จัดงานเล็กๆกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสองตระกูล ก็ถือว่าเป็นการหมั้นแล้ว ต่อมาเธอก็ยิ่งตั้งใจเรียนมากขึ้นตั้งใจออกแบบชุดเจ้าสาวถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะยังเรียนอยู่แต่ชุดเจ้าสาวที่เธอออกแบบก็มีชื่อเสียงเป็นที่นิยม มีสตูดิโอหลายแห่งติดต่อหาเธอเพื่อจะขอซื้อชุดตอนที่กู้เหยาทำงานได้เงินก้อนแรกมาเธอเลี้ยงข้าวเขาตอนที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวเธอก็พูดอย่างภูมิใจ “เชี่ยวหนานจิ่งพูดจริงๆนะฉันรู้สึกว่าสายตาคุณก็ไม่เลวนะคุณมองคนเก่ง”เชี่ยวหนานจิ่งยิ้มแล้วมองเธอ “หมายความว่ายังไง”กู้เหยาพูด “ตอนนี้ตัวฉันเองทำงานหาเงินได้เองแล้วและยังถือว่าหาได้ไม่น้อยเลยนะ ต่อไปถ้าคุณตกงาน ฉันก็สามารถเลี้ยงคุณได้” คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ดวงตาของเชี่ยวหนานจิ่งก็ดูนุ่มนวลขึ้น ใช่แล้วเหยาเหยาของเขาทั้งเก่งทั้งมีความมั่นใจในตัวเองทั้งยังรักเขามากขนาดนั้น แต่ว่าต่อมาเป็นเพราะตัวเขาเองที่ทำลายมันลงไปด้วยมือตัวเองและยังทำร้ายเธออย่างสาหัสยืนมองเธอถูกบีบจนต้องหนีไกลจากบ้านโดยไม่ทำอะไรเลย มาวันนี้สามปีผ่านไปเชี่ยวหนานจิ่งมีความสามารถมีโอกาสได้กลับมาหากู้เหยาอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่มีทางปล่อยมือง่ายๆ “เหยาเหยา ” เชี่ยวหนานจิ่งเรียกชื่อกู้เหยาเบาๆ “ครั้งนี้ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนเขาจะต้องพากู้เหยากลับมาอยู่ข้างๆเขาให้จงได้” “คุณชายครับ”คนขับรถรอมานานแล้วคุณชายจะออกไปข้างนอกอยู่ไหมครับ” ถึงแม้ว่าเชี่ยวหนานจิ่งบอกให้หลี่กังไปให้พ้น แต่ว่าเจ้านายยังไม่ได้ออกไปไหน เขาก็ไม่กล้าจะออกไปก่อน หนานจิ่งหลุดจากอาการใจลอย เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ ลุกขึ้นเดินออกไป ครึ่งชั่วโมงต่อมา กู้เหยายุ่งกับการทำงานอยู่ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ถือโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็แปลกใจที่คนไม่รู้จักโทรเข้ามาแต่เธอก็ยังคงรับสายอย่างมีมารยาท “ฮัลโหลสวัสดีค่ะ” เชี่ยวหนานจิ่งกระแอมคอเล็กน้อยพูด “เหยาเหยาผมอยู่ร้านกาแฟร้านกาแฟซ่างเก๋อข้างๆบริษัทของคุณ คุณออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม” ได้ยินเสียงของเชี่ยวหนานจิ่ง กู้เหยาจึงขมวดคิ้ว ที่จริงตั้งใจจะวางสาย แต่ทว่ากลับได้ยินเชี่ยวหนานจิ่งพูดขึ้นมาอีกว่า “คุณไม่ออกมาก็ได้ แต่ว่าคุณเตรียมตัวไว้แล้วกันว่าจะเจอกับอะไร”เชี่ยวหนานจิ่งรู้ว่ากู้เหยาไม่อยากจะพบเขา จึงทำให้ต้องใช้วิธีบังคับแบบนี้ถึงจะบีบให้เธอออกมาพบเขาได้แค่เพียงทำให้เธอกลับมาอยู่ข้างๆเขาได้เขาก็ไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใดเทียบกันแล้วเขากลัวกู้เหยาจะเกลียดเขาที่ใช้วิธีการบีบบังคับเธอแต่นั่นก็ยังน้อยกว่าการที่กลัวจะเสียกู้เหยาไปตลอดกาล กู้เหยาบิดริมฝีปากกำโทรศัพท์แน่น คำพูดปฏิเสธนั้นไม่ได้พูดออกไปเพราะเธอกลัวว่าเชี่ยวหนานจิ่งจะคิดหาวิธีทางอย่างอื่นมาเล่นงานอีก ถ้าแค่เธอตัวคนเดียวกู้เหยาไม่เคยกลัวว่าเชี่ยวหนานจิ่งจะมาไม้ไหนแต่ตอนนี้มันเกี่ยวพันกับโม่ข่ายและบริษัทช่วงซินเคอจี้ด้วย เธอไม่อยากเป็นสาเหตุให้โม่ข่ายต้องมาเดือดร้อนด้วย กู้เหยาสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไปพูดเสียงลอดไรฟันออกมา“ตกลง” กู้เหยาปิดโทรศัพท์ถือเสื้อคลุมเดินออกไปใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีถึงมาถึงร้านกาแฟซ่างเก๋อที่เชี่ยวหนานจิ่งบอกไว้ พึ่งจะถึงใต้ตึกร้านกาแฟเธอก็เห็นเชี่ยวหนานจิ่งนั่งอยู่ข้างหน้าต่างอยู่ที่ชั้นสองเชี่ยวหนานจิ่งก็มองเห็นเธอยิ้มและโบกมือให้เธอ ภาพแบบนี้ กู้เหยาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เรื่องที่ผ่านมาเริ่มผุดขึ้นมาทยอยไหลเข้ามาในสมองของเธอ 
已经是最新一章了
加载中