ตอนที่ 62 พึ่งพาซึ่งกันและกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 62 พึ่งพาซึ่งกันและกัน
ต๭นที่ 62 พึ่งพาซึ่งกันและกัน “เอาตะเกียบสอดเข้าไปในนี้ ใช้แรงดึงออกมา แค่เนี๊ย เนื้อกุ้งก็ออกมาแล้วนะ” เธอตั้งใจสอนมาก เมื่อสอนเสร็จ ก็มองไปที่นักเรียนของตัวเอง แต่กลับพบว่า นักเรียนกลับไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย โม่ข่ายเพียงแค่กำลังมองเธออยู่ สองสายตาสบกัน ระยะห่างของเขาอยู่ใกล้กันมาก แม้แต่กู้เหยาเองยังสามารถมองเห็นตัวเองได้จากในนัยน์ตาของโม่ข่าย ใบหน้าเริ่มแดงก่ำขึ้น สายตาสลัว เธอโดนเขามองจนรู้สึกเกรงใจ และรีบหลบไปแล้วพูดแก้เขินว่า “ก็แค่นี้หละ” พูดยังไม่ทันจบ โม่ข่ายก็ขยับเข้าไปแล้วประกบเข้าไปที่ริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากที่เย็น สองใบหน้าประกบกัน แต่กลับไม่รู้สึกว่าร้อนหรือเย็นเลย กู้เหยาแค่เพียงรู้สึกว่าริมฝีปากของเขานั้นร้อนเหมือนกำลังเผาอะไรสักอย่าง มันร้อนเข้าไปในกระดูก “ไม่ใช่ว่าจะกินกุ้งหรอกหรือ” เธอพูดอย่างร้อนรนด้วยใบหน้าแดงระรื่น โม่ข่ายลูบคิ้วตัวเองเบาๆ ดวงตาที่ราวกับดวงดาวนั้นกระโดดโลดเต้นด้วยความภาคภูมิใจ เขาพูดด้วยเสียกปกติว่า “คุณอร่อยกว่าอีก” อีกแล้วหรอ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกแล้ว แม้แต่ตอนทานข้าวก็ไม่ปล่อยเธอ กู้เหยาทลกตาใส่โม่ข่าย แล้วกลับไปนั่งที่ของตัวเองด้วยความฉุน เธอที่กำลังโกรธอยู่ตอนนี้ไม่แม้กระทั่งจะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง แล้วหยิบกุ้งในจานมากินต่อไป เพียงแค่ เธอยังไม่สามารถสงบความรู้สึกที่ถูกขโมยจูบนั้น ชายที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกลับยิ่งทำเป็นไม่รู้ร้อน ยิ้มอย่างดีใจก่อนที่จะหยิบกั้งในจากของเขาส่งไปให้เธอ “คุณทานสิ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม เพื่อเป็นการขอโทษที่เสียมารยาทขโมยจูบนั้นจากเธอ กุ้งสองสามตัวถูกแกะเสร็จ กู้เหยาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับโม่ข่าย ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับ แต่โม่ข่ายกลับไม่ใช่อย่างนั้น เขายิ้มและค่อยๆแกะกั้งอย่างสบายใจ สักพัก เขาพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ เราไปเลือกชุดราตรีกันนะ” กู้เหยากัดเข้าไปที่กั้งและกระพริบตา “ผมจะพาคุณร่วมงานเลี้ยง” “งานเลี้ยงอะไร ไปทำไม” โม่ข่ายหยิบผ้าเข็ดมือขึ้นมาเข็ด แล้วมองไปที่กู้เหยา เขายิ้ม “ไปบอกพวกเขา คุณคือคุณนายโม่” สายตาของเขามีดวงดาวสุกใส ข้างในนั้นเต็มไปด้วยกู้เหยา …… วันที่สองหลังเลิกงาน ในขณะที่กู้เหยากำลังเตรียมตัมตัวออกไปเลือกชุดราตรีกับโม่ข่าย เพราะว่างานเลี้ยงเริ่มหนึ่งทุ่มของคืนนี้ ดังนั้นในเวลานี้ โม่ข่ายต้องพากู้เหยาไปที่โรงแรมปั่ยเหอ เพื่อทานอะไรรองท้องก่อน แต่ว่า กู้เหยากลับไม่ให้เกียรติโม่ข่าย เธอไม่ทานแม้แต่คำเดียว ทำได้แค่กำแก้วน้ำแล้วค่อยๆจิบค่อยๆจิบ ด้านหน้าของโต๊ะอาหารโม่ข่ายทานอาหารอย่างสง่างาม เขามองไปที่กู้เหยาที่ค่อยๆจิบน้ำอยู่ “ไม่กินข้าวหรอ” กู้เหยาเหลือบมองไปที่โต๊ะอาหารชั้นเลิศ แล้วก้มลงจิบน้ำธรรมดา เธอตอบเขาว่า “ไม่หิว” “อืม” โม่ข่ายขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อคำของกู้เหยา กู้เหยารู้ดีว่าไม่สามารถโกหกเขาได้ เธอทำได้เพียงพยักหน้า พูดว่า “ไม่ต้องแล้ว ชุดราตรีมันรัดนิดหน่อย หากว่าฉันกินเยอะจนอิ่ม ท้องพองๆใหญ่ๆทำให้คุณขายหน้าจะทำยังไง” ไม่ได้ยินเช่นนั้น โม่ข่ายก็ขำออกมา “ฉันไม่รังเกียจ” ถึงกับกลัวคนอื่น เกี่ยวอะไรกับคุณและฉันหละ เขาพูดอย่างจริงจัง กู้เหยาอดขำไม่ได้ ตอบกลับไปว่า “หากว่าวันหนึ่งฉันน่าเกลียด ฉันแก่ คุณจะยังรังเกียจฉันไหม” เมื่อได้ยินดังนั้น โม่ข่ายตกใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว และจริงจังเล็กน้อย น่าเกลียด แก่ มองไปที่กู้เหยาที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นเรื่องยากที่โม่ข่ายจะจินตนาการว่าเธอน่าเกลียดเธอแก่ แต่ท่าหากน่าเกลียดและก็แก่หละ “ทำไมไม่ตอบหละ หรือว่ารังเกียจจริงๆ” เมื่อโม่ข่ายไม่ตอบเธอนานๆ กู้เหยาแกล้งทำเป็นถาม “ไม่หรอก” ครั้งนี้ โม่ข่ายตอบคำถามอย่างเร็ว “ฉันอายุเยอะกว่าคุณ รอคุณผมหงอกก่อน ผมก็คงจะผมหงอกก่อนคุณ” เขาหยุดแล้วมองเข้าไปในดวงตาของกู้เหยา กล่าวว่า “ดีออก” ดีออก เขาพูดเพียงแค่นี้ แต่กุ้เหยากลับเข้าใจคำพูดของเขา รอคุณผมหงอก ผมของผมคงจะงอกก่อน หากว่าเราอยู่ด้วยกัน มันคงจะดี กู้เหยายิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอก้มหน้าตอบรับ “อืม” ในเมื่อกู้เหยาไม่ทานข้าว โม่ข่ายเลยรีบทาน แล้วขึ้นรถไปเลือกชุดราตรีกับกู้เหยา คนขับรถกำลังขับรถ ประมาณครั้งชั่วโมง รถมาหยุดหน้าวิลล่าที่ไม่มีป้ายติด วิลล่านี้ไม่มีป้ายโฆษณาติด รอบข้างก็ไม่มีวิลล่าอื่นๆ ในเจียงเป่ยเมืองนี้ ตึกที่โดดเดี่ยวเช่นนี้กลับไม่ค่อยได้พบเห็น วิลล่านี้ออกแบบตกแต่งด้วยสไตล์อิตาลี ซี่โครงโค้งที่โดดเด่นและหน้าต่างบานตกแต่งด้วยดอกไม้ในแบบวิลล่า หน้าวิวล่าไม่มีป้ายร้านใดๆติดอยู่ หากไม่มีคนแนะนำมา ก็คงจะไม่รู้ว่าร้านนี้คือร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเลย แต่ก่อนกู้เหยาเคยเรียนออกแบบแฟชั่นมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ออกแบบแฟชั่นเพราะเรื่องเก่า แต่มันยังคงเป็นงานอดิเรกของเธอ ดังนั้นเธอจึงสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ ในเจียงเป่ยร้านตัดเสื้อผ้าส่วนมากจะเป็นธุรกิจครอบครัว ทุกๆร้านจะมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่ว่า เธอกลับไม่เคยได้ยินร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ เธอยืนอยู่ในด้านหน้าของวิลล่าที่แปลกใหม่ เธอหยุดดูและเต็มไปด้วยความหวัง โม่ข่ายจับมือของเธอ อีกมือเปิดประตูวิลล่า พอเข้าไปข้างใน กู้เหยาก็ต้องตกใจกับสไตล์การตกแต่งของวิลล่า เธอมีท่าทางลุกลี้ลุกลนมองโม่ข่าย ราคาตัดชุดของที่นี้คงจะแพงมากสินะ โม่ข่ายดูออกว่าในใจของเธอคิดอะไร เขาจับมือเธอแน่นขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ไม่เป็นไร ที่นี้เป็นร้านของเพื่อนผมเอง” กู้เหยาสบายใจขึ้น ในขณะที่กำลังจะเปร่งเสียงพูดออกมา หญิงต่างชาติสวมชุดสไตล์โกธิคออกมาต้อนรับ เธออายุน่าจะประมาณสิบเจ็ดสิบแปดรูปร่างสวยเหมือนตุ๊กตาน่ารัก เธอทำความเคารพโม่ข่ายเล็กน้อย ท่าทางสง่างามเหมือนเจ้าหญิง ท่าทางกลับไม่เหมือนพนักงาน เธอยิ้มแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายโม่ Buongiorno” “Buongiorno” โม่ข่ายพยักหน้าอย่างมีมารยาทเพื่อตอบกลับ พวกเขาพูดออกมาคือภาษาอิตาลีแต่กู้เหยากลับไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี หญิงชาวต่างชาติหันตัวกลับ แน่นอนว่าเธอต้องทำความเคารพกู้เหยา เธอใช้สำเนียงต่างชาติพูดกับกู้เหยาว่า “คุณนายโม่ สวัสดี” กู้เหยาตอบกลับอย่างมีมารยาทและยิ้ม “สวัสดี” เด็กต้อนรับคนนี้ดูเหมือนจะชอบกู้เหยา เธอมีรอยยิ้มที่สดใส “ฉันมีชื่อว่าจูลี่ วันนี้ฉันจะพาคุณไปชมเสื้อผ้าของเรากัน” ภาษาของจูลี่ไม่ค่อยคล่องแคล่ว พอพูดออกมาก็มีตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของเธอน่ารักมาก ทำให้ผู้พบเห็นหลงไหล หลังจากที่จูลี่แนะนำตัวเองเสร็จ ก็พาโม่ข่ายและกู้เหยาเดินเข้าไป วิลล่ากว้างขวางมาก ผนังทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรูปภาพที่มีชื่อเสียง แต่ข้างในห้องนั้นเต็มไปวัตถุทางประวัติศาสตร์เสื้อผ้าในวิลล่าทั้งหมดไม่เหมือนเสื้อผ้าในสตูดิโอ อีกทั้งไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ ทุกที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสไตล์ของเจ้าของร้าน และแสดงรายละเอียดที่ลึกซึ้ง
已经是最新一章了
加载中