ตอนที่ 299 ความรักของบรรพบุรุษมาถึงจุดสิ้นสุด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 299 ความรักของบรรพบุรุษมาถึงจุดสิ้นสุด
ต๭นที่ 299 ความรักของบรรพบุรุษมาถึงจุดสิ้นสุด “คุณนาย คุณปู่อยากเจอคุณ เขาไม่กินคุณหรอก คุณกลัวอะไร?” ผู้ช่วยเหอจับแขนของกู้เหยาไว้ ออกแรงกักขัง อยากบังคับให้เธอกลับไปหาคุณปู่โม่ เสียงของผู้ช่วยเหอทำให้ความรู้สึกอันห่างไกลกลับมาอีกครั้ง เธอกัดริมฝีปาก ยกมือขึ้นตบผู้ช่วยเหออย่างแรง เธอตบอย่างรวดเร็วและรุนแรง เกินความคาดหมายของผู้ช่วยเหออย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งใบหน้าเกิดรอยตบอันร้อนผ่าว เขาถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกผู้หญิงคนนี้ตบ “เธอ——” เขายกมือขึ้นคิดจะตบกู้เหยา แต่พอคิดถึงสถานะตนเองก็ไม่กล้าตบกลับ กู้เหยากัดฟัน พยายามควบคุมร่างกายที่สั่นเทิ้มไม่หยุดให้เป็นปกติ อารมณ์ของเธอก็นิ่งขึ้นมากในเวลาอันรวดเร็ว เธอมองผู้ช่วยเหอหนึ่งที แล้วหันศีรษะไปที่คุณปู่โม่ก็สบตากับแววตาสำรวจของคุณปู่โม่ แววตาคุณปู่มุ่งร้ายและเย็นชา ราวกับจะผลักเธอให้หายไปตลอดกาล เขาถึงจะพอใจ ชายชราท่านนี้ตรงหน้า เมื่อก่อนมักจะมีใบหน้าใจดี แต่ในตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะที่นี่มีแค่เธอ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง เมื่อก่อนเคยถูกพวกเขาวางแผน กู้เหยารู้อย่างลึกซึ้งว่ารอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอันตรายของสองคนนี้มีความประสงค์ร้ายมากเพียงใด พวกเขาทำร้ายเธอจนสูญเสียความทรงจำในอดีต พวกเขาทำให้เธอต้องแยกจากสามีของเธอไป พวกเขาทำให้ลูกของเธอเกิดมาแล้วไม่มีคุณแม่ คิดถึงเรื่องราวพวกนั้นที่สองคนนี้เคยทำ กู้เหยาอยากจะดึงกล้ามเนื้อพวกเขาออก ฉีกหนังพวกเขา ให้พวกเขาละลายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้พวกเขาได้เรียนรู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร แต่กู้เหยาก็เข้าใจเป็นอย่างมากว่าความสามารถของตัวเองนั้นไม่มีทางสู้กับสองคนนี้ได้ คนรับใช้ภายในบ้านนี้น่าจะถูกคุณปู่สั่งให้ออกไป ภายในห้องรับแขกอันใหญ่โตในเวลานี้เพียงพวกเขาทั้งสามคนเท่านั้น ถ้าพวกเขาทำอะไรกับเธออีก เธอก็ไม่มีแม้แต่กำลังจะขัดขืน กู้เหยากดความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวลงไป เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ใช้ไม่แข็งไม่ได้ เธอต้องใช้กลยุทธ์คิดหาวิธีส่งพวกเขาสองคนออกไป ผู้ช่วยเหอพูดอีก “วันนี้ที่คุณปู่มาเพราะอยากมาเจรจากับคุณ” “เจรจากับฉันหรอ?” กู้เหยายิ้มเย็นชาแล้วพูดอีก “ฉันเป็นคนที่สูญเสียความทรงจำ พวกคุณยังอยากได้อะไรจากฉันอีก?” ผู้ช่วยเหอพูด “หลายปีก่อนแม่คุณทิ้งของหนึ่งอย่างให้กับคุณเหมือนกัน เป็นของที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้กับคุณแม่ แค่คุณเอาของสิ่งนั้นให้พวกเรา ต่อไปคุณก็จะอยู่อย่างสงบ ไม่มีใครมารรังควานอีกแล้ว” “พวกคุณอยากได้อะไรก็พูดมาตรงๆ อย่ามาทายปริศนากับฉันที่นี่” ความทรงจำกู้เหยายังคงขาดไปบางส่วนไม่สมบูรณ์ เธอนึกถึงสิ่งของซึ่งค่อนข้างพิเศษที่คุณแม่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ แต่เธอนึกไม่ออก พูดง่ายๆก็คือ ถึงแม้จะคิดออกนั่นก็เป็นของขวัญที่คุณพ่อเหลือทิ้งไว้ให้คุณแม่เธอ เธอจะเอาของอันล้ำค่าของคุณแม่ให้คนอื่นได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะเป็นคนตรงหน้าทั้งสอง “ของที่คุณแม่ให้เธอ เป็นของที่เคยกำชับเธอไว้เป็นเศษ” ผู้ช่วยเหอพูดไปด้วยพลางสังเกตสีหน้ากู้เหยาไปด้วย อยากจะหาเบาะแสบางอย่างจากแววตาของเธอ แต่เขาก็ผิดหวัง เพราะในแววตาของกู้เหยานั้น สิ่งที่เขาเห็นนอกจากความเกลียดชังแล้วก็คือความเกลียดชัง ผู้ช่วยเหอยังอยากจะพูดอะไร แต่ถูกคุณปู่แทรก คุณปู่ค่อยๆลุกขึ้นมา กระแอมไอเบาๆ ใช้น้ำเสียงที่ดังและชัดเจนราวกับระฆังพูดขึ้น “กู้เหยาเอ๊ย ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆคิด คิดได้แล้วก็บอกพวกเรา” เขายังคงใช้โทนเสียงที่ผู้ใหญ่พูดกับลูกหลาน ถ้าให้ใครฟังก็จะรู้สึกว่าไม่มีอะไรแตกต่าง แต่กู้เหยากลับได้ยินความหมายอีกชั้นหนึ่ง ชายชราคนนี้กำลังข่มขู่เธอ ตราบใดที่เธอให้ของที่พวกเขาต้องการ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่ให้ไป พวกเขาก็จะเสียเวลากับเธอไปอย่างช้าๆ ของที่คุณแม่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ มีความพิเศษอะไร มีค่าขนาดไหนที่ทำให้คุณปู่ตระกูลโม่มาหาเธอด้วยตัวเองแล้วให้เธอเอาของให้? คุณปู่โม่ลุกขึ้นออกไปแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นโม่ข่ายที่มาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า เขายังคงสวมเสื้อผ้าขาวดำบ่อยๆในสองปีมานี้ เสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกับกางเกงสูทสีดำ ยืนตรงแข็งแรง เพียงแค่เขายืนตรงนั้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ออร่าอำนาจของเขามันทำให้หายใจไม่ออก โม่ข่ายเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมา แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณปู่จะไปแล้ว ไปส่งแขก เขาอายุมากแล้วร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ต่อไปให้เขาอาศัยที่ฟาร์ม ถ้าใครไม่ตั้งใจดูแล ฉันจะถามเขา” อายุมากแล้วร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง นี่คือข้ออ้างอย่างเป็นทางการอย่างสมบูรณ์แบบ ความหมายที่แท้จริงของโม่ข่ายคือให้จับตาดูคุณปู่ให้ดีๆ ต่อไปถ้าเขาไม่อนุญาตห้ามปล่อยเขาไป ถ้าวันนี้คุณปู่โม่ไม่ได้มารบกวนกู้เหยาที่บ้าน โม่ข่ายคงไม่ใช้วิธีนี้ พอใช้วิธีการนี้แล้ว ก็เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าสิ้นสุดการเป็นปู่หลานระหว่างเขาและคุณปู่โม่แล้ว ต่อไปหากเจอกันอีก ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว “มู่จือเอ๊ย อยากควบคุมการเคลื่อนไหวของฉันหรอ?” คุณปู่ส่งเสียงเย็น ยิ้มแล้วพูด “อย่าลืมนะ ว่าแกโตมาได้เพราะฉัน ฉันเป็นคนอบรมสั่งสอนแก วิธีการของแกฉันรู้เป็นอย่างดี อยากจะควบคุมการเคลื่อนไหวของฉัน อีกยี่สิบปีค่อยมาดูว่าแกมีความสามารถนั่นหรือเปล่า” “เชิญคุณปู่กลับไปด้วยครับ! จับตาดูผมให้ดีแล้วกัน” โม่ข่ายไม่ได้มองคุณปู่โดยตรง แถมยังพูดประโยคสั้นๆ ตอนเขาอายุประมาณสิบกว่าขวบก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ในวงการธุรกิจแล้ว ในวันนี้ก็ผ่านมาสิบถึงยี่สิบปีแล้ว เขาสามารถก้าวกระโดดเป็นคนในตำนานวงการธุรกิจที่หนุ่มและมีชื่อเสียงมากที่สุดระดับโลก หรือคุณปู่ผู้น่ารักของเขาคิดว่าที่เขามีชื่อเสียงขนาดนี้เป็นเพราะเขารับกิจการบริษัทเซิ่งเทียน? “ได้สิ แกโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็ง สามารถ......แค่กๆ......” ถึงแม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โม่ข่ายกลายเป็นศัตรูกับเขาเพราะผู้หญิงคนเดียว แต่คุณปู่โม่ก็ยังโกรธมาก ผู้ช่วยเหอรีบประคองคุณปู่โม่ไว้ แล้วพูดอย่างกังวล “คุณท่านครับ อย่าโกระเลยนะครับ ถ้าจะโกรธจนเสียสุขภาพ ก็จะได้เห็นเพียงบริษัทเซิ่งเทียนที่ท่านพยายามสร้างมันมาตกไปอยู่ในมือของคนอื่นที่ท่านพยายามทำมาดีกว่า” คำพูดนี้ผู้ช่วยเหอจงใจพูดให้โม่ข่ายได้ยิน แต่โม่ข่ายไม่สนใจ สายตาที่มองพวกเขานั้นไร้อารมณ์และเย็นชา จนกระทั่งทั้งสองไปแล้ว โม่ข่ายถึงหันมามองกู้เหยา สายตาเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนราวกับน้ำในทันที เขาก้าวเท้ายาวไปที่กู้เหยา กอดเธอไว้แนบอก แล้วพูดเสียงอ่อนโยน “กู้เหยา อย่ากลัวนะ มีผมอยู่” กู้เหยาถูไปมาในอ้อมอกเขาอย่างแรง แล้วเอื้อมแขนไปโอบรอบเอวผอมของเขาแน่น “ฉันไม่กลัว ฉันมีความสุขมาก” โม่ข่ายเชยคางเธอขึ้นมา แล้วถามเสียงอ่อนโยน “คุณมีความสุขจริงหรอ?” กู้เหยายู่ปากพูด “ฉันไม่ได้โง่นะ รู้อยู่แล้ว่าตัวเองมีความสุข” เธอมีความสุขที่คุณปู่โม่กับผู้ช่วยเหอมาหา ได้เห็นใบหน้าพวกเขา ทำให้เธอได้รวมความทรงจำที่ขาดหายเข้าด้วยกันในที่สุด 
已经是最新一章了
加载中