ตอนที่ 12 ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 12 ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง
ตอนที่ 12 ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง “เดี๋ยวก่อน!” เมื่อสักครู่นี้ ฉันรู้สึกราวกับว่ามีอะไรที่แปลกประหลาดบางอย่างผ่านภาพวิดีโอไป : “หยุดก่อน!” “ตรงนี้” ฉันนำเอาเม้าส์มา ก่อนจะคลิกไปที่ช่วงเวลาหนึ่ง : “ขยายภาพตรงนี้ให้ใหญ่ขึ้นหน่อยสิคะ” ซูหลินหรี่ดวงตาลงจ้องไปยังจอภาพ ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย : “เธอแน่ใจเหรอว่าตรงนี้มีอะไรอยู่?” “ขยายภาพออกก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ” ฉันยังคงยืดหยัดในความต้องการของตัวเอง ไม่ว่าซูหลินจะสงสัยอย่างไร ฉันก็ยังคงเชื่อในสายตาของตัวเองอยู่ ซูหลินค่อยๆ ขยายภาพในส่วนที่ถูกเลือกให้ใหญ่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ บริเวณส่วนนั้นบันทึกภาพกระดาษที่ปลิวว่อนไปทั่วในตอนที่ไป๋หย่าถิงถูกโยนออกไป หากพูดตามความจริงแล้ว เมื่อมองดูเผินๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดแปลกไป “ขยายแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูนี่......เฮ้ย!!!” อยู่ๆ ซูหลินก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง แม้แต่บุหรี่ที่อยู่ในปากก็ยังตกลงมา ฉันเองก็ต้องเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะร้องออกมาเพราะความกลัวเช่นกัน “เฮ้ๆ พวกพี่ระวังเสียงรบกวนด้วย!” คนที่อยู่รอบข้างภายในร้านอินเตอร์เน็ตตะโกนขึ้นเนื่องจากไม่พอใจกับการส่งเสียงของซูหลิน “ขอโทษครับ......มันอดไม่ได้น่ะ ฮะๆ” ใบหน้าของซูหลินเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสดงความขอโทษอย่างเป็นมิตร นั่นไม่ได้ดูเหมือนกับตำรวจเลยแม้แต่น้อย มันทำให้แม้แต่ตัวเธอก็ยังอยากจะมองเขาด้วยความดูถูก เมื่อหุบยิ้มลงแล้ว เขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาหยิบเอาบุหรี่ที่ตกลงไปใส่กลับเข้าไปในปากอีกครั้งด้วยใบหน้านิ่งเฉย : “ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะหนักเอาเรื่องเลยนะ” เพราะว่าถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นทำให้ภาพที่ปรากฏให้เห็นนั้นพร่าเลือน แต่ว่าก็ยังคงสามารถมองแยกแยะได้ : หญิงสาวสวมชุดเดรสสีแดงยืนอยู่ด้วยท่าทางที่บิดเบี้ยว สีหน้าของเธอช่างดูประหลาดและยังประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยม ดวงตาที่เต็มไปด้วยสายเลือดของเธอมองดูราวกับกำลังจ้องมองมาที่พวกเรา ในมือของเธอถือกระดาษขาวอยู่ใบหนึ่ง ด้านบนกระดาษปรากฏตัวอักษรสีแดงเลือดตัวใหญ่ที่บิดเบี้ยวเอาไว้ : ฉันไม่อยากตาย สามารถคิดไปได้ทันทีว่า หญิงสาวคนนี้ก็คือ “ผี” ที่ถูกพวกเธออัญเชิญมาในค่ำคืนนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เยนหนานก็คงถูกผีตนนี้เข้าสิงร่างถึงได้ทำร้ายคนแบบนั้นใช่ไหม? ในระหว่างที่ฉันกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ ซูหลินก็เดาะลิ้นดัง “เป๊าะ” ขึ้นมา : “ยังไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะ” “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้องกันล่ะคะ?” “เธอดูนะ” ซูหลินเปิดภาพบันทึกให้ฉันดูใหม่อีกครั้ง : “เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ? นักศึกษาหญิงที่ชื่อว่าไป๋หย่าถิงและนักศึกษาที่เป็นเพื่อนร่วมห้องพักของเธอคนนั้น ท่าทีของทั้งสองคนไม่ปกติขึ้นมาพร้อมกัน” ฉันนิ่งไป อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ : “คุณจะหมายความว่า......” ซูหลินโยนบุหรี่ลงไปที่พื้น ก่อนจะเหยียบมันให้ดับลง : “เห็นได้ชัดว่ากลุ่มสาวน้อยอย่างพวกเธออัญเชิญผีมาได้สำเร็จ แต่ว่าจะพูดยังไงดีล่ะ ผีที่พวกเธออัญเชิญมามีเพียงแค่ตนเดียวจริงเหรอ?” บางทีอาจจะเป็นเพราะอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในร้านอินเตอร์เน็ตต่ำจนเกินไป ฉันถึงได้รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา ซูหลินยังคงพูดกับตัวเองต่อ : “ตามหลักการแล้ว การที่เด็กสาวอย่างพวกเธอเล่นเกมอะไรแบบนี้จะมีอัตราความสำเร็จไม่สูงนัก และความสามารถของผีที่อัญเชิญมาก็จะอ่อนแอ ทำให้ไม่สามารถให้คำตอบอะไรที่ชัดเจนได้ พวกเธอนี่น่าสนใจจริงๆ ไม่เพียงแต่สามารถอัญเชิญผีมาได้ แต่ยังเป็นผีที่มีพลังการฆ่าทำร้ายสูงอีกด้วย” น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้ใส่ใจอะไรนักของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจ อย่างไรเขาก็เป็นตำรวจคนหนึ่ง ฉันรู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุที่ทะลักออกมา ก่อนจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ : “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?!” “ง่ายนิดเดียว ถ้านี่ไม่ใช่การอัญเชิญผีมาอย่างบริสุทธิ์ ก็ต้องเป็นเพราะในเพื่อนทั้งสองคนของเธอมีคนใดคนหนึ่งที่แสร้งแสดงออกมา” “เป็นไปไม่ได้!” ราวกับว่าฉันจะตอบโต้กลับไปตามจิตใต้สำนึก นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้นัก อย่างแรกยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าไป๋หย่าถิงเป็นเพื่อนร่วมห้องพักกับจ้าวเซียว แต่เยนหนานเองก็เป็นเพื่อนสนิทที่พักอยู่กับเธอมานานด้วย แล้วพวกเธอจะไปทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน! “เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อน นักศึกษา อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ฟังที่ฉันพูดก่อน ตอนนี้ฉันเองก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า......ดังนั้นตอนนี้พวกเราจะต้องหาให้รู้ชัดว่าอะไรที่ดึงดูผีระดับสูงแบบนี้มา.......” ในระหว่างที่ซูหลินกำลังอธิบายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดคำพูดของเขา เขานำมันออกมาดู ก่อนจะหันมาแสดงท่าทางภาษามือมาทางฉันอย่างรีบร้อน : “ขอโทษด้วยนะ หัวหน้าโทรมา ฉันขอออกไปรับก่อน” เมื่อซูหลินออกไปแล้ว ฉันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หัวใจที่เคร่งเครียดรัดตึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย มาจนถึงตอนนี้แล้ว ฉันเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ว่า ฉันกำลังคุยเรื่องภูตผีกับตำรวจคนหนึ่งอยู่ และอีกฝ่ายก็ยังดูตั้งใจเสียยิ่งกว่าตัวฉันเองเสียอีก โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ ไม่มีเรื่องแปลกประหลาดใดที่ไม่มีอยู่จริงๆ ฉันยิ้มเจื่อนออกมาด้วยความท้อใจ ผ่านไปไม่นานนัก ซูหลินก็กลับเข้ามา และครั้งนี้สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งครึมเป็นอย่างมาก หลังจากที่เงียบไปนาน ซูหลินก็เปิดปากพูดขึ้น : “นักศึกษา ตอนนี้ฉันมีทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดีจะบอกกับเธอ เธออยากจะฟังเรื่องไหนก่อนล่ะ” เดิมทีฉันอยากจะพูดว่าข่าวร้าย แต่เมื่อนึกไปถึงว่าช่วงนี้ตัวเองดวงซวยมามากพอแล้ว ก็เลยคิดว่าการฟังข่าวดีให้ได้สัมผัสกับโชคดีเสียบ้างน่าจะดีกว่า ดังนั้นฉันจึงพูดออกไป : “ข่าวดีแล้วกันค่ะ” ซูหลินพยักหน้า : “ข่าวดีก็คือ วันนี้เพื่อนนักศึกษาของเธอที่ชื่อว่าจ้าวเซียนฟื้นขึ้นมาแล้ว” “จริงเหรอคะ?!” ฉันทั้งดีใจและตกใจ นี่มันดีเกินไปแล้ว จ้าวเซียวฟื้นขึ้นมาแล้ว! นี่จะต้องเป็นโชคดีครั้งใหญ่ท่ามกลางความโชคร้ายแน่ๆ! “อย่าตื่นเต้นไปนักเลย ยังมีข่าวร้ายอีกนะ” ไม่รู้ว่าทำไม แต่ว่าบนใบหน้าของซูหลินนั้นไม่ได้มีความดีใจอยู่เลยแม้แต่น้อย “.......คุณบอกข่าวร้ายมาเถอะ” อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงความคาดการณ์ที่ไม่ดีนัก ซูหลินถอนหายใจออกมายาว ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ : “ข่าวร้ายก็คือ......” “เพื่อนนักศึกษาของเธอที่ชื่อว่าไป๋หย่าถิงเสียชีวิตแล้ว”
已经是最新一章了
加载中