ตอนที่ 16 ไป๋เวยเวยปรากฏตัว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 16 ไป๋เวยเวยปรากฏตัว
ตอนที่ 16 ไป๋เวยเวยปรากฏตัว แม้ว่าสติของจ้าวเซียวจะฟื้นฟูกลับมาปกติแล้ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรภายใน แต่ว่าเธอก็เพิ่งพักฟื้นมาเพียงไม่กี่วัน อาการบาดเจ็บภายนอกก็ยังไม่ได้ดีนัก เมื่อลงมาจากเตียงได้เพียงครู่เดียว เธอก็ล้มลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง แต่ว่าจ้าวเซียวดูราวกับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เธอใช้มือที่สั่นไหวประคองร่างของตัวเองขึ้นมา และเดินมาทางที่พวกเรายืนอยู่ เมื่อฉันเห็นท่าทีร้อนรนไม่คิดชีวิตของจ้าวเซียว ภายในใจก็เกิดความรู้สึกป้องกันตัวจากหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว___ตามการตอบสนองของจ้าวเซียวในตอนนี้ ฉันสามารถคิดว่าจ้าวเซียวพยายามจะหนีได้หรือเปล่า? ฉันกันหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ที่ด้านหลังโดยไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา พร้อมกับรีบเข้าไปพยุงตัวจ้าวเซียว แต่ใครจะคิดว่า จ้าวเซียวกลับพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักฉันออก และเดินโซเซไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง ภายในใจของฉันร้อนรนขึ้นมาแทนจ้าวเซียว แต่ว่าเมื่อฉันลุกขึ้นมา เตรียมจะเข้าไปห้ามจ้าวเซียว จ้าวเซียวก็ทิ้งตัวเข้าหาหญิงสาวคนนั้นพร้อมกับร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมออกมาอีก “เวยเวย ในที่สุดเธอก็มา......ฉัน......เจียเย่นตายแล้ว ฉันเองก็เกือบจะตายแล้ว.......เธอว่า......เธอว่าใช่......” เมื่อได้ยินว่าในที่สุดจ้าวเซียวก็จะพูดอะไรที่มีประโยชน์ออกมาแล้ว ฉันก็กำหมัดแน่นพร้อมหันไปมองซูหลินเล็กน้อย และก็พบว่าซูหลินเองก็กำลังจ้องมองไปจ้าวเซียวเพื่อรอให้เธอพูดต่อตาไม่กระพริบเช่นกัน แต่ว่าในตอนที่ฉันคิดว่าเธอจะพูดอะไรออกมา หญิงสาวแปลกหน้าคนนี้กลับขัดคำพูดของจ้าวเซียวขึ้นมาเสียก่อน : “จ้าวเซียวไม่ต้องกลัวนะ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เธอจะไม่เป็นอะไร ฉันเองก็จะไม่เป็นอะไร เรื่องของเจียเย่นเป็นอุบัติเหตุ เธออย่าคิดมาก พักฟื้นรักษาตัวให้ดีก็พอแล้ว ที่เหลือให้ฉันจัดการเองนะ......” หญิงสาวแปลกหน้าแสดงท่าทีราวกับกำลังกล่อมเด็กให้นอนหลับ เธอกล่อมให้จ้าวเซียวฟุบลงมาในอ้อมอกของตัวเองพร้อมทั้งหลับตาสงบนิ่ง จนกระทั่งพยุงจ้าวเซียวกลับไปยังเตียงนอนได้แล้ว หญิงสาวแปลกหน้าถึงได้หันมาส่งรอยยิ้มละอายให้กับพวกเรา และเปิดปากออกพูด : “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อไป๋เวยเวย” ไป๋เวยเวย ที่แท้นี่ก็คือไป๋เวยเวย พวกเราตามหาเธอกันอย่างยากลำบากเลยนะ เพียงแต่เมื่อเราก็ยังไม่มั่นใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของไป๋เวยเวย ฉันกับซูหลินก็ไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดให้ดี แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกเรามั่นใจ นั่นก็คือดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเหมือนกับจ้าวเซียว เธอกำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้ และความลับที่ไม่อาจจะบอกใครนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกับจ้าวเซียวด้วย บางทีภายในใจของจางเจียเย่นเองก็อาจจะมีความลับเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ฉันเรียกให้ไป๋เวยเวยออกมาจากห้องพักผู้ป่วย และถามออกมาตรงๆ โดยไม่ได้สนใจจะทักทายบอกกล่าวใดๆ : “เธอรู้หรือเปล่าว่า สาเหตุการตายของจางเจียเย่นและอุบัติเหตุของจ้าวเซียวพวกเพื่อนรักของเธอคืออะไร?” เห็นได้ชัดว่าไป๋เวยเวยสงบนิ่งกว่าจ้าวเซียวมากนัก มือทั้งสองของเธอกอดไว้ที่อก หมุนตัวออกไปทางนอกหน้าต่างด้วยท่าที “ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่มีทางบอกเธอ” ตัดให้ฉันออกห่างมากว่าพันลี้ เดิมทีฉันคิดว่าคงจะไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเธอแล้ว แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเงียบไปครู่หนึ่ง อยู่ๆ เธอก็เปิดปากพูดออกมา “เธออย่าพยายามให้เปล่าประโยชน์อีกเลย ฉันรู้เรื่องราวมากมาย แต่ว่าฉันไม่มีทางบอกเธอ” เมื่อพูดจบแล้ว เธอก็หมุนตัวหันมามองที่ฉัน มือหนึ่งของเธอชี้ไปที่ซูหลินที่อยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย “ไม่ใช่แค่เธอ ตำรวจนั่นก็ด้วย” ดูเหมือนว่าไป๋เวยเวยจะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ฉันและซูหลินยังไม่มีใครเผยสถานะตัวตนของตัวเองออกไปอย่างชัดเจน แต่เธอกลับสามารถเดาได้ถูกต้องแล้ว และนี่ก็อาจจะสามารถอธิบายได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอถูกตำรวจตามหาตัวพบแล้ว แต่กลับหายตัวไปอย่างไม่ทันรู้ตัวอีกครั้ง และทั้งหมดนี้ก็อาจจะอยู่ในแผนการของเธอทั้งหมด...... แต่ว่าฉันไม่ได้มีความมั่นใจนัก ไม่ใช่เพียงกับตัวเอง แต่ยิ่งกับซูหลินที่เป็นตำรวจที่ไม่ได้มีความเป็นตำรวจเลยคนนั้น ไม่ว่าใครต่างก็ไม่น่าจะมอบความเชื่อใจโดยไร้เหตุผลให้กับเขาได้....... ฉันพยายามที่จะปกปิดความรู้สึกอับอายของตัวเองเอาไว้ และพยายามหาอะไรพูดออกมา : “ถ้าเธอรู้ว่าเขาเป็นตำรวจ เธอก็ยิ่งควรจะพูดออกมานะ มีอะไรก็ต้องแจ้งตำรวจ หรือว่าตอนเด็กๆ แม่ของเธอจะไม่ได้สอนมาเหรอ?” ทันทีที่ฉันพูดจบ ไป๋เวยเวยที่เดิมทีดูสูงส่งกลับสั่นไหวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ! “ตอนเด็กอย่างนั้นเหรอ? เธออย่าพูดไปถึงเรื่องตอนเด็กๆ เลย!” ไป๋เวยเวยตะโกนออกมาเสียงดัง ดวงตาของเธอเบิกออกกว้าง นัยน์หดเล็กลง สีหน้าของเธอก็เจือไปด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าประโยคคำพูดไหนของฉันไปสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอเข้า ฉันเห็นเพียงเธอทรุดตัวลงไปอย่างสั่นไหว ใช้มือทั้งสองกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ และมุดซ่อนลงไประหว่างขาทั้งสอง ผ่านไปสักพักผมของเธอก็เริ่มยุ่งเหยิงขึ้นมา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างไร้สติ : “พวกเธอไปซะเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจจะสามารถจัดการได้.....” เมื่อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นมาด้วยความกระวนกระวายใจ และรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรีบร้อน ฉันหันหน้าไปมองซูหลินเล็กน้อย เขาคอยลอบฟังอยู่ที่ด้านหลังประตูมาตลอด “เป็นยังไงคะ มีวิธีการอะไรไหม?” ซูหลินเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทีคิดไตร่ตรองออกมา : “อืม น่าจะมี” จากที่ซูหลินพูดมา เขาได้เพิ่มผ้ายันต์บนเตียงของจ้าวเซียวไปแล้ว แม้ว่ามันจะไม่สามารถป้องกันอันตรายที่ผีสาวชุดแดงจะทำต่อจ้าวเซียวได้ แต่อย่างน้อยมันก็สามารถป้องกันถ่วงเวลาให้พวกเราเข้ามาช่วยได้สักพัก พวกเราวุ่นวายกันอยู่ทั้งวัน ซูหลินอยู่ที่นี่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน เดิมทีมันก็ถึงจุดขีดสุดที่ร่างกายจะรับได้แล้ว อย่างไรไป๋เวยเวยก็มาคอยดูแลจ้าวเซียวแล้ว พวกเราไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นคืนนี้ซูหลินจึงให้ฉันกลับหอพักเร็วหน่อย และเขาเองก็กลับไปพักผ่อนเร็วขึ้นด้วย เมื่อไป๋เวยเวยและจ้าวเซียวได้ยินที่พวกเราบอกก็ดูเหมือนว่าจะสบายใจขึ้นเล็กน้อย แม้แต่สีหน้าท่าทางก็วางใจขึ้นมาไม่น้อยเลย เมื่อตกดึก ไป๋เวยเวยก็เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของจ้าวเซียวเงียบๆ และตรงไปยังห้องน้ำสาธารณะ แต่ว่าในตอนที่ไป๋เวยเวยเพิ่งจะปิดประตูที่แยกออกจากกันเข้า ดวงไฟภายในห้องน้ำก็กระพริบเล็กน้อยก่อนจะดับไป ห้องน้ำที่ไป๋เวยเวยยืนอยู่ภายในนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็มีแสงไฟเบาบางปรากฏขึ้นมา และนั่นก็คือโทรศัพท์ของไป๋เวยเวยเอง แต่ว่าในตอนที่ไป๋เวยเวยเดินออกมาจากห้องน้ำ ภาพที่เธอได้เห็นก็ทำให้เธอตกใจจนไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา สองมือของเธอยกขึ้นปิดปาก สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความทรมาน จากแสงโทรศัพท์ของไป๋เวยเวย แม้ว่าจะอยู่ภายในความเงียบงัน แต่ว่าหญิงสาวชุดแดงตรงหน้าก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชุดกระโปรงสีแดงอย่างเดิมเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำเน่าและเศษหญ้า เรือนผมยาวที่พันกันยุ่งเหยิงทิ้งตัวลงมาปกปปิดใบหน้า แต่กลับยังสามารถมองเห็นใบหน้าขาวซีดของเธอได้ลางๆ อยู่ๆ เสียงหัวเราะที่น่าสลดใจก็ดังขึ้นมา ไป๋เวยเวยกรีดร้องออกมา สองมือของเธอยกขึ้นปิดหูเอาไว้อย่างแน่นหนา สองขาที่ทรุดลงกับพื้นพยายามขยับถอยหลังไปพร้อมกับพูดประโยคเดิมๆ ออกมาไม่หยุด : “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน......” ผีสาวชุดแดงค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ไป๋เวยเวยทีละน้อย สุดท้ายไป๋เวยเวยก็ถอยเข้าไปในห้องน้ำที่เพิ่งจะออกมา แผ่นหลังของเธอชิดติดกับกำแพง และพยายามจะลุกยืนขึ้นมา แต่ผีสาวที่อยู่ตรงหน้าของไป๋เวยเวยกลับยื่นมาออกมาราวกับพยายามจะแตะตัวของเธอ ในตอนนั้นเอง ของเหลวเย็นเชียบบนเรือนร่างของผีสาวไหลหยดลงมาบนตัวของไป๋เวยเวย ไป๋เวยเวยรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกนั้น ก่อนที่เธอจะไม่สามารถทนรับอะไรได้อีกต่อไป เธอร้องครวญครางออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงและล้มลงไปที่พื้นอย่างไร้กำลัง ก่อนจะหมดสติไป ในตอนนั้นเอง ไฟในห้องน้ำสาธารณะก็สว่างขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นเสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นโดยไร้ที่มา : “เรียบร้อยแล้ว”
已经是最新一章了
加载中