ตอนที่ 43 หาพ่อสักคนดีไหม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 43 หาพ่อสักคนดีไหม
ตอนที่ 43 หาพ่อสักคนดีไหม จิรภาสรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่ในอก “ออกรถ” อยู่ดีๆเขาก็โพล่งขึ้นมา ทำให้คนขับรถตกใจกับคำสั่งของเขา เขานั่งอยู่ด้านหลังรถด้วยความรู้สึกซึมเศร้า อีกทั้งในใจรู้สึกกำลังหึงหวง จริงๆแล้ว หลังจากที่จรีภรณ์จากไป เธอกลับไม่คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะเธอเขากลับข้ามผ่านช่วงเวลานั้นไปอย่างยากลำบาก เขาอยากจะรู้จริงๆว่าหัวใจของเธอทำด้วยอะไร ทำไมถึงทำใจยอมรับได้เรื่องลูกนอกสมรสของชนุตต์กับผู้หญิงคนอื่น โดยไม่ต้องฟังคำอธิบายใดๆ ในหัวใจของเธอเห็นเขาเป็นอะไรกันแน่ ผู้หญิงแบบนี้เขาจะยังไปนึกถึงอยู่ทำไมกัน เธอใจร้ายมาก จิรภาสฝืนยิ้มออกมา พลางคิด ช่างมันเถอะ ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้ไปตั้งนานแล้ว ยังจะมารู้สึกเสียใจอยู่ทำไมกัน เขาออกคำสั่งให้คนขับรถ ขับออกไปจากตรงนั้น เขาไม่อยากเห็นหน้าเธออีก เมื่อถึงสวนสนุก หนูดีเล่นอย่างเมามัน อีกอย่างมีเด็กดื้อตัวโตอย่างชนุตต์เล่นเป็นเพื่อนด้วยแล้ว ยิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และดูเหมือนจะเล่นกันจนเพลินจนลืมคนเป็นแม่ไปซะแล้ว จรีภรณ์เห็นหนูดีมีความสุขแบบนี้ เธอกลับรู้สึกละอายใจ ถ้าหากเธอไม่หย่ากับจิรภาส หากหนูดีรู้ว่าพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่หนูดีก็คงจะเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เธอก้มหน้าลง พลางคิด เมื่อก่อนหนูดีเห็นเด็กคนอื่นๆมีพ่อคอยอยู่ข้างๆ หนูดีจะคอยถามเธอว่าทำไมเขาถึงไม่มีพ่อ ถูกถามเช่นนั้น เธอจึงบอกกับลูกไปว่า พ่อของเขาตายแล้ว เด็กน้อยได้ยินดังนั้นดวงตามีความมืดมัว บางทีลูกอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าตาย คืออะไร แต่เขารู้ว่าพ่อของเขาหายไปแล้วและ เขาไม่มีพ่อ หลังจากนั้นหนูดีก็ไม่ถามถึงพ่อของเขาอีกเลย “กำลังคิดอะไรอยู่หรือ”ชนุตต์เดินมาหาเธอพร้อมส่งขวดน้ำให้กับจรีภรณ์ จรีภรณ์เงยหน้าขึ้นมองชนุตต์แล้วส่ายหัวไปมา สายตาลอยๆมองไปยังหนูดี ที่กำลังเล่นโยนลูกบอลอยู่กับเด็กน้อยคนหนึ่ง “คุณ พ่อของหนูดีอยู่ที่เมืองซูรึเปล่า?”ชนุตต์เอ่ยถามขึ้น “ใช่ค่ะ” เธอหยุดคิดซักพักแล้วจึงพยักหน้าตอบเขากลับไป “แล้วเขาทำอะไร?” “เขาทำธุรกิจ” เธอตอบไปตามความจริง “หรอ? แล้วผมรู้จักเขาไหม?”ชนุตต์ยังคงรุกหน้าถามต่อไป “คุณรู้จักเขา” จรีภรณ์ตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆ “รู้จัก?”ชนุตต์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ระดับตำแหน่งอย่างเขาแล้ว หากเขารู้จัก แถมอีกฝ่ายยังทำธุรกิจอีกด้วยนั้น คนนั้นคงเป็นคนมีฐานะแน่ๆ และหากฝ่ายนั้นร่ำรวยจริงทำไมตอนนั้นถึงให้จรีภรณ์ออกมาตัวเปล่าแบบนี้ คิดมาถึงตรงนี้ชนุตต์มองกลับไปยังจรีภรณ์แล้วถามต่อ “แล้วเขารู้รึเปล่าว่าเขามีลูกชายด้วย” “เขาไม่รู้” เธอตอบกลับไป “จรีภรณ์”ชนุตต์รีบหันกลับมาหาเธอ “จิรภาสรู้รึเปล่าว่าคุณคือลูกสาวของคุณตรีภพ?” จรีภรณ์ที่กำลังดูหนูดีเล่นลูกบอลอยู่ถูกดึงสติกลับมาด้วยคำถามนี้ของชนุตต์ เธอตกใจกับคำถามนี้ของเขา แล้วตอบอย่างอ้ำๆอึ้งๆกลับไป “ไม่ เขาไม่รู้” ชนุตต์รู้สึกจับต้นชนปลายบางอย่างได้แล้ว เท่าที่เขาจำได้ คนทำธุรกิจอย่างเขารู้จัก และในเมืองซูคู่แข่งของเขาก็มีแต่จิรภาสคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นจิรภาสจริงๆ ทำไมตรีภพถึงยอมให้ลูกสาวคนที่สองของเขาแต่งงานกับจิรภาส ชนุตต์ถอนหายใจออกมาด้วยความสบสน หากตามนิสัยของจรีภรณ์ หากเธอไม่อยากพูดหรืออยากบอก ใครจะถามยังไง เธอก็ไม่มีทางพูดออกมาเป็นแน่ แล้วไอ้คนเลวที่สมควรตายคนนี้เป็นใครกัน ตัวเองมีลูกแท้ๆยังกลับไม่รู้ แล้วยังบังคับให้จรีภรณ์หย่าล้างกับเขา หากครั้งหน้าเจอกันล่ะก็ เขาจะไปปล่อยไว้แน่ ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหนูดีดังขึ้น จรีภรณ์รีบวิ่งไปหาเด็กน้อยทันที ชนุตต์จึงรีบตามไปดู “เป็นอะไรลูก ทำไมถึงร้องไห้?” จรีภรณ์กอดหนูดีไว้แล้วพบว่า ตัวหนูดีเลอะเทอะไปหมด เธอกอดลูกด้วยความสงสารจับใจ “แม่ คุณลุงผลักผม” หนูดีมองหน้าแม่ตัวเองแล้วร้องไห้ จรีภรณ์เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายร่างใหญ่พุงโตตรงหน้า ข้างๆเขามีเด็กน้อยคนนึงยืนอยู่ ในมือมีลูกบอลที่หนูดีถือเล่นอยู่เมื่อครู่ “จะขี้หวงทำไมกัน ร้องไห้เป็นเด็กผู้หญิงไปได้ แค่ยืมเล่นแค่นี้ใช่ว่าจะไม่คืนให้ซะหน่อย” ชายคนนั้นมองจรีภรณ์พร้อมพูดกับเธอด้วยความเย่อหยิ่ง จรีภรณ์ได้ยินชายคนนั้นพาลพูดอย่างไม่มีเหตุผล จึงโมโหและจะว่ากลับไป แต่ถูกชนุตต์พูดแทรกขึ้นก่อน “เดิมเป็นเรื่องของเด็กสองคน คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วมาเรียกร้องกับเด็กแบบนี้ คุณเองก็ไม่ต่างกับผู้หญิงเหมือนกันนั่นแหล่ะ” ชายคนนั้นเมื่อเห็นว่าชนุตต์กล้าด่าว่าตัวเขาเองเช่นนั้นจึงโมโหเหวี่ยงกำปั้นไปยังชนุตต์“ไอ้พวกชอบเกาะผู้หญิงเอ้ย พ่อแม่ไม่สั่งสอนรึไง” กำปั้นของชายคนนั้นยังไม่ทันถึงตัวชนุตต์ก็กลับถูกเขาจับไว้แน่นด้วยมือของเขาเอง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอโทษซะ” “อา...เจ็บเป็นบ้า ปล่อยสิโว้ย!” ชายคนนั้นร้องโวยวายเสียงดัง “ฉันจะพูดอีกครั้ง ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!” ชายคนนั้นเห็นสายตาอันเยือกเย็นของชนุตต์ ราวกับอยู่ในสงครามเย็น จึงรีบขอโทษแล้วอุ้มเด็กน้อยคนนั้นเดินจากไป “แม่ครับ คุณอาทำให้คนไม่ดีคนนั้นหนีไปแล้ว!” หนูดีมองจรีภรณ์แล้วหัวเราะอย่างดีใจ จรีภรณ์ลูบหัวหนูดีด้วยความเอ็นดู แล้วหันไปกล่าวขอบคุณกับชนุตต์“เมื่อสักครู่ ขอบคุณนะคะ” “คุณอาฮะ คุณอา!” ชนุตต์ที่กำลังจะพูดขึ้นถูกหนูดีเรียกขัดจังหวะขึ้นพร้อมกับจับมือของชนุตต์แกว่งไปแกว่งมา “คุณอาเก่งจังเลยครับ คนไม่ดีพวกนั้นกลัวคุณอากันหมดเลย” “อาเก่งใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวอาจะสอนการต่อสู้ให้หนูดีนะ ต่อไปถ้ามีใครมารังแกหนูดีจะได้สั่งสอนเขาได้”ชนุตต์เห็นหนูดีดูชื่นชม จึงคุยโม้กับหนูดีอยู่ตรงนั้น “แต่แม่บอกว่าเด็กที่ชอบทะเลาะกับคนอื่นเป็นเด็กไม่ดีนะครับ” หนูดีโต้แย้งกลับคนตัวโตไป “เหลวไหล เด็กที่สู้เป็นถึงจะเป็นลูกผู้ชายตัวจริงต่างหาก!” “คุณพูดคำหยาบ” “นี่ไม่ใช่คำหยาบ แต่นี่คือเรื่องจริงต่างหากคุณ” จรีภรณ์เห็นท่าทางจริงจังของชนุตต์ก่อนหน้านี้ดูจริงจัง แต่วินาทีต่อมาก็เปิดเผยตัวตนออกมาให้เห็น จึงส่ายหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้สึกว่าคนประเภทนี้พูดไปก็ไร้เหตุผล แต่ทำไมเธอกำลังคิดว่าชนุตต์กำลังจะพาหนูดีเสียคน “เอาล่ะ เรากลับกันเถอะ” เธอตัดบทสนทนา เดินออกมาจากสวนสนุก เดิมทีชนุตต์กะว่าจะไปส่งจรีภรณ์ที่บ้าน แต่เมื่อเขารับสายที่โทรเข้ามา จรีภรณ์เห็นท่าทางรีบร้อนนั่น จึงให้เขาไปจัดการธุระของเขาเสียก่อน เธอกลับกันเองได้ ชนุตต์เรียกรถแท็กซี่ให้จรีภรณ์ และให้พวกเธอระวังตัวระหว่างทางกลับ เมื่อถึงบ้านแล้วให้โทรหาเขาด้วย จรีภรณ์พยักหน้ารับแล้วพาหนูดีขึ้นรถ “แล้วเจอกันนะครับคุณอา” หนูดีที่ขึ้นรถแล้วโบกมือลาให้กับชนุตต์ “บ๊ายบายครับ กลับบ้านไปอย่าดื้อกับคุณแม่นะหนูดี แล้วเดี๋ยวครั้งหน้าคุณอาพาหนูดีออกมาเที่ยวอีกนะครับ” เขาเอ่ยบอกกับหนูดี “ได้ครับ หนูดีจะเชื่อฟังคุณแม่ คุณอาต้องอย่าลืมพาหนูดีออกมาเที่ยวอีกนะ” “ได้สิ!” เมื่อเห็นรถของชนุตต์ขับออกไปจนลับตาแล้ว หนูดีกลับไม่พูดจา มองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ จรีภรณ์คิดว่าลูกน่าจะเล่นจนเหนื่อย เลยไม่ได้ไปกวนหนูดี “แม่ครับ พ่อตายแล้วจริงๆหรือครับ” หนูดีที่พิงหน้าต่างอยู่เอ่ยถามขึ้น จรีภรณ์เห็นท่าทางซึมๆของหนูดี จึงดึงหนูดีเข้ามากอดไว้ด้วยความสงสาร เธอไม่รู้จะอธิบายยังไง “แม่ครับ เราหาพ่อซักคนดีไหมครับ?” หนูดีเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง ได้ยินดังนั้น จรีภรณ์รู้สึกสะเทือนใจ วันนี้เธอเห็นภาพที่หนูดีอยู่ด้วยกันกับชนุตต์ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้ หนูดีโตขึ้น และหนูดีก็ต้องการความรักจากพ่อ แต่เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะไปหาผู้ชายที่ไหนมาเป็นพ่อให้กับเขาได้นี่นา “ฟังแม่นะลูก หนูดีมีแม่ก็พอแล้วนี่ลูก ทำไมถึงอยากหาพ่อล่ะครับ?” “แม่ครับ หนูดีมีอะไรจะบอกแม่ล่ะ” หนูดีขยับเอาปากเข้ามากระซิบข้างๆหูคนเป็นแม่ “คุณอาชนุตต์บอกว่าอยากมาเป็นพ่อของหนูดีแหล่ะ!” “ไม่ได้นะหนูดี!”เธอปฏิเสธอย่างจริงจัง ครอบครัวของชนุตต์ไม่มีทางยอมให้พวกเขาคบกันแน่นอน ความแตกต่างระหว่างเขากับเธอนั้นมีมากมายเหลือเกิน “ทำไมไม่ได้ล่ะครับ?” หนูดียู่ปากลงแล้วมองมายังจรีภรณ์ “ฟังแม่นะ คุณอาชนุตต์เขามีแฟนแล้วลูก เขาหยอกลูกเล่นเฉยๆน่ะ” “จริงหรอครับ?” หนูดีก้มหน้าด้วยความผิดหวัง “ถ้าอย่างนั้นแม่รับปากหนูดี ครั้งหน้าจะพาหนูดีออกไปเที่ยวอีกนะ” “ได้สิลูก รอให้แม่ได้หยุดพักผ่อน แล้วแม่จะพาหนูดีไปเที่ยวอีกดีไหม?” “ดีครับ สัญญานะ” หลังจากปลอบใจหนูดีแล้ว เธอเห็นว่าหนูดีไม่ได้ดูเสียใจเหมือนก่อนหน้านี้ ในใจกลับรู้สึกกลัดกลุ้มและกระวนกระวาย เห็นหนูดีต้องเติบโตขึ้นทุกวันๆ แล้วซักวันหนูดีก็ต้องรู้ไม่ใช่หรือ? เพียงแค่ตอนนี้เธอคงทำได้เท่านี้แหล่ะ จรีภรณ์ถอนหายใจ จิรภาสกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด เขาขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือทั้งคืนโดยไม่ออกมาด้านนอกเลย ตอนเช้าเมื่อนวิยาเห็นจิรภาสเดินออกมาจากห้องหนังสือ จึงพูดกับเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดว่าจิรภาสจะหงุดหงิดใส่ “แม่ ถ้าแม่ไม่มีอะไรทำแม่ก็ออกไปเล่นไพ่กับคนอื่นสิ” “เด็กโง่ ที่แม่ถามเพราะเป็นห่วง เป็นอะไรอีกล่ะ?”นวิยามองอย่างไม่พอใจ “แม่เป็นห่วงผมจริงๆหรือ?” “แม่เป็นแม่แกนะ แม่ก็ต้องเป็นห่วงแกจริงๆน่ะสิ พูดแบบนี้แกหมายความว่าอะไร” “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอบคุณมากนะครับ” จิรภาสกล่าวเสร็จด้วยอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ แล้วเดินออกมาจากห้องหนังสือ เปลี่ยนรองเท้าเพื่อจะออกไปข้างนอก “ไม่กินอาหารเช้าก่อนที่บ้านก่อนหรือ”นวิยาถามอยู่ด้านหลัง แต่ได้รับคำตอบเป็นเสียงปิดประตูกลับมา
已经是最新一章了
加载中