ตอนที่ 50 ความรักที่ไม่จำกัดการให้อภัย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 ความรักที่ไม่จำกัดการให้อภัย
ตอนที่ 50 ความรักที่ไม่จำกัดการให้อภัย “ทำไมกลับมาเอาป่านนี้?” “ยุ่งครับ” จิรภาสตอบสั้นๆ แล้วหันไปยังแม่บ้าน “เตรียมกับข้าวไว้ให้ผมด้วย เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะลงมากิน” แม่บ้านเมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก จึงรีบตอบรับแล้วรีบไปเตรียมกับข้าวให้เขา “ยุ่งขนาดไหนกันเชียว? ยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าวเลยหรือ?”นวิยาถามอย่างโมโหจากทางด้านหลัง “วันนี้แม่โทรไปหาแกที่บริษัท เขาบอกว่าแกเลิกงานออกมาตั้งนานแล้ว บอกแม่มาซิว่าแกไปทำอะไรมากันแน่?” “แม่ตามผมแบบนี้ไม่เบื่อรึไงครับ หรือแม่จะซื้อกรงมาขังผมไว้เลยก็ได้นะ แบบนี้ผมก็จะได้ไม่ไปไหนอยู่กับแม่ตลอดไปเลยไง” จิรภาสหยุดเดินแล้วหันมามองนวิยา “พูดเหลวไหลอะไรออกมา วันนี้ชญาภามากินข้าวที่บ้าน แม่โทรไปหาแกให้แกกลับมาบ้าน แกก็ไม่ไว้หน้าแม่เลยแม้แต่นิด แกจะให้แม่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” เมื่อก่อนแม้ว่าลูกชาจะไม่ยอมคุยกับเขา แต่ต่อหน้าคนนอกนี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ไว้หน้าคนเป็นแม่เลย ซึ่งเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ลูกชายของเธอไปรู้อะไรมากันแน่? เธอรู้สึกกังวลใจแปลกๆ “แม่ก็มีชญาภาอยู่เป็นเพื่อนแล้วไม่ใช่หรือ? แค่เป็นที่ยอมรับของแม่ได้ ผมจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เป็นอะไรมั้งครับ?” จิรภาสพูดอย่างเย็นชา แล้วไม่ได้สนใจนวิยาที่ยืนอยู่ด้านหลัง ปิดประตูห้องน้ำลงทันที นวิยาที่ยืนอยู่หน้าประตูในใจกลับรู้สึกมีอะไรอัดแน่นอยู่ข้างใน เธอนั่งรอให้ลูกชายออกมาอยู่ที่โซฟา เมื่ออาบน้ำเสร็จขณะที่จิรภาสกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้น นวิยาเอ่ยกับเขาอยู่ข้างๆ พูดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอเลี้ยงดูเขาด้วยความยากลำบากอย่างไรบ้าน แต่จิรภาสกลับนั่งกินอย่างเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร และเมื่อกินเสร็จเขาก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปด้านบนทันที “แม่พูดกับแกอยู่นะได้ยินรึเปล่า?”นวิยาเอ่ยถามอย่างโมโห แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเพียงเสียงปิดประตูของเขา ปึง... กลางดึก จิรภาสหลับไม่สนิท “จิรภาส คุณรักฉันไหม?” “รัก ผมรัก” เขาตอบกลับอย่างไม่ลังเล พลางมองจรีภรณ์ด้วยสายตาอันรุ่มร้อน แต่จรีภรณ์กลับหันกลับไปหาอ้อมกอดของจิรชัย แล้วหัวเราะเยาะเขา “แต่ฉันรักเขา” “จรีภรณ์” จิรภาสเจ็บปวด แล้วรีบตามไป แต่ตอนนั้น หนูดีที่กำลังวิ่งเข้ามาหาจรีภรณ์เธออุ้มหนูดีไว้ด้วยรอยยิ้มแล้วคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของจิรชัย เขามองมายังจิรภาสด้วยรอยยิ้มที่แสนอิ่มใจสายตาที่ยั่วยุแสดงออกมาอย่างชัดเจน ภาพความสุขของครอบครัวสะเทือนใจเขาเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าหัวใจเขาเหมือนกับกำลังตกดิ่งลงสู่ที่ต่ำ เป็นความรู้สึกกลัวที่กำลังจะตกลงไปในหุบเขา จรีภรณ์ จรีภรณ์ เขายื่นมือออกไปเพื่อจะคว้าเธอไว้ แต่จรีภรณ์ยิ่งห่างเขาออกไปทุกที ทุกที “จรีภรณ์” จิรภาสลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆ พบว่านี่เป็นความฝัน เป็นความฝันที่เป็นเรื่องจริงและผิดหวังจริง เขามองนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะตีสามกว่าๆ จุดบุหรี่ด้วยหัวใจที่ว้าวุ่นแล้วนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่เตียง ฝันเมื่อสักครู่ทำให้เขารู้สึกหวาดผวา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากนี่เป็นเรื่องจริง เขาจะเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไร เขาคิดว่า เขาจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ แต่จริงๆแล้วตอนที่เขารู้ว่าหลังจากจรีภรณ์ออกไปจากชีวิตเขาแล้วหันหลับไปหาจิรชัย เขารู้สึกว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ และยิ่งมีเด็กคนนั้นโผล่เข้ามาอีก เขายังรู้สึกว่านี่คือความฝันมาโดยตลอด แต่เขาต้องทำใจยอมรับให้ได้ เขารักเธอ ความรักที่ให้อภัยได้เสมอ เพียงแค่เธอมีลูกแล้วก็จะทำให้เขาไม่รักเธองั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้นเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเพราะเขาเป็นคนก่อ เพราะฉะนั้นเขาต้องยอมรับมันให้ได้ จิรภาสนอนคิดทั้งคืน เขาจ้องมองแหวนที่มือของเขา เขารู้สึกว่าเขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ขับรถไปยังเขตบ้านจรีภรณ์อีกครั้ง ขณะที่ไปถึงบ้านจรีภรณ์นั้น เขาเห็นชนุตต์มารับจรีภรณ์ช่วงหลังๆมานี้ เขาเห็นชนุตต์เข้าออกที่นี่ จนกลายเป็นแขกประจำไปเสียแล้ว เขาทั้งร้อนใจทั้งโมโห หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาปณัย “ครับท่านประธาน สั่งมาได้เลยครับ” “ไปบอกเรื่องที่ชนุตต์กำลังจีบจรีภรณ์ให้คุณจิรัฏฐ์รู้ แล้วถามเขาว่าหมายความว่าอะไร?” “ได้ครับ”ในใจปณัยรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดท่านประธานของเขาก็ลงมือซักที เขาหันกลับมาแล้วโทรหาเมษา หลังจากวางโทรศัพท์ จิรภาสเห็นจรีภรณ์นั่งรถไปกับชนุตต์ โบกมือลาให้กับหนูดี ส่วนเด็กน้อยน่ารักนั่นก็หันไปโบกมือให้กับเธออย่างน่าเอ็นดู ยายโสรยามองจรีภรณ์ออกไปแล้ว เธอนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้หวายมองดูหนูดีเล่นของเล่นอยู่บนสนามหญ้า จิรภาสมองดูพวกเขาอย่างเพลินๆ หากเขากับจรีภรณ์ไม่ได้หย่ากัน ตอนนี้พวกเขาก็คงจะมีลูกด้วยกัน แม่ของเขาก็คงจะเป็นเช่นนี้ล่ะมั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วเขาจึงเดินลงจากรถ แล้วเดินไปยังพวกเขา "คุณอา" หนูดีที่กำลังนั่งเล่นอยู่คนเดียวเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาดำโตเป็นประกายสว่างไสวมากในหัวใจของเขา ความรู้สึกคุ้นเคยชัดเจนยิ่งขึ้น จนเขารู้สึกแปลกใจ นั่นอาจจะเป็นเพราะจรีภรณ์ เขาถึงมีความรู้สึกเช่นนี้เป็นแน่ "คุณอาเล่นเป็นเพื่อนหนูดีไหมครับ?" จิรภาสนั่งยองๆลงตรงหน้าหนูดี "ดีครับ" หนูดีหัวเราะแล้วพยักหน้ารับ แล้ววิ่งกลับไปหายายโสรยา พลางใช้นิ้วอ้วนๆนั้นชี้มายังเขา ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่เขาเห็นยายโสรยาพนักหน้าอย่างอ่อนโยนให้ จิรภาสจึงยิ้มตอบกลับไป จิรภาสนั่งเล่นกับหนูดีตลอดช่วงเช้า พอถึงตอนบ่าย เขาเห็นหนูดีเล่นเสียจนเหงื่อออกเต็มใบหน้า จึงพาหนูดีเดินไปตลาดที่อยู่ข้างๆ เมื่อเขาเห็นเครื่องดื่มที่วางเรียงกันอยู่จึงเอ่ยถามหนูดีขึ้น "หนูดีชอบดื่มอะไรครับ?" "ชอบอันนี้ครับ" หนูดีชี้ไปยังขวดน้ำเปล่า "หนูดีไม่ชอบดื่มน้ำอย่างอื่นหรือครับ?" จิรภาสเอ่ยถามอย่างสงสัย ปกติแล้วเท่าที่เขารู้มาว่าเด็กๆมักจะชอบพวกเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวๆหวานๆไม่ใช่หรือ? "ชอบครับ แต่ว่ามันแพงมากเลย" หนูดีเลียปากอย่างหงอยๆ เมื่อจิรภาสได้ฟังคำตอบของหนูดีแล้วนั้น เขารู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจราวกลับกลืนมะนาวลงไปทั้งลูก เขาอดที่จะคิดไม่ได้เลยว่าจรีภรณ์คนเดียวพาลูกผ่านความลำบากมาได้อย่างไรเพียงลำพัง คงจะต้องลำบากมากแน่ๆ เขากำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกโทษตัวเอง แล้วพูดกับหนูดีอย่างอบอุ่นว่า "หนูดีชอบดื่มอะไร หนูดีหยิบได้เลยนะครับ คุณอาซื้อให้" "แต่ว่า กว่าคุณอาจะหาเงินมาได้ก็ลำบากเหมือนกัน หนูดีไม่เอาหรอกครับ" หนูดีส่ายหัวอย่างรู้ความ นัยน์ตาของหนูดีมีความดื้นรั้นเหมือนกับแม่ของเขาไม่มีผิด ในใจของเขาเหมือนโดนคลื่นซัด สภาพแวดล้อมอย่างไรกัน ถึงทำให้เด็กที่อายุไม่ถึงสามขวบเข้าใจเรื่องราวและรู้ความได้ขนาดนี้ เขามองหนูดีอย่างเอ็นดู "หนูดีครับ คุณอาไม่ลำบากหรอกครับ วันนี้ที่ตลาดนี่ลดราคา ราคาเครื่องดื่มอื่นเท่ากันกับน้ำเปล่าเลยนะ" "จริงหรือครับ?" หนูดีมองจิรภาสอย่างประหลาดใจ เขาพยักหน้าพลางยิ้มมองไปยังเด็กน้อย เหมือนหนูดีจะกำลังใจขึ้น จึงเอื้อมมือไปหยิบนมเปรี้ยวมาหนึ่งขวด แล้วกล่าวขอบคุณจิรภาสอย่างดีใจ "หนูดีหิวไหมครับ คุณอาพาไปทานของอร่อยดีไหม?" เมื่อเขาเห็นว่าถึงเวลากินข้าวแล้ว จึงนั่งยองๆลงถามหนูดี "ดีครับ หนูดีอยากกินพิซซ่า" หนูเอ่ยอย่างดีใจ นัยน์ตาแสดงถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กน้อย เมื่อถึงเวลาเลิกงาน จิรภรณ์กลับมาตอนห้าโมงเย็น และเมื่อได้ฟังยายโสรยาบอกว่ามีคนพาหนูดีไปกินข้าว และเมื่อเธอรู้ว่าเป็นจิรภาส ก็รู้สึกใจคอไม่ดี จึงรีบตามไปยังร้านอาหารร้านนั้น เธอโทรหาจิรภาสไปตลอดทาง แต่จิรภาสกลับเพียงแค่ยิ้มออกมา บอกให้เธออย่ากังวลอย่างใจเย็น พวกเขาแค่มากินข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง แต่จะไม่ให้เธอกระวนกระวายได้อย่างไร ในเมื่อหนูดีเป็นลูกเขา เธอกลัวว่าจิรภาสจะพาหนูดีไปตรวจว่าหนูดีเป็นลูกของเขาหรือเปล่า หากเขารู้ล่ะก็ เธอเชื่อว่าจิรภาสจะต้องแย่งหนูดีไปเลี้ยงดูแน่ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยอมให้เธอ แต่แม่ของเขา คนที่มีทิฐิสูงและดื้นรั้นแบบเขาไม่มีทางยอมแน่นอน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอกลับยิ่งร้อนรน บอกคนขับรถให้ขับเร็วๆไปตลอดทาง เมื่อถึงที่หมายแล้ว จรีภรณ์หยิบแบงค์ร้อยยัดใส่มือคนขับรถไปทันที โดยไม่รอเงินทอน แล้วรีบวิ่งเข้าไปในร้านอาหารร้านนั้น จิรภาสเห็นจรีภรณ์วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อนแต่ไกล ดึงดูดให้คนในร้านมองมาทางพวกเขาเป็นตาเดียว "คุณจิรภาส คุณต้องการอะไรกันแน่?" เธอวิ่งมาหยุดตรงด้านหน้าของจิรภาส แล้วเอ่ยถามด้วยความโมโห เมื่อหนูดีเห็นว่าแม่มาที่ร้านอาหารแล้วนั้น จึงวิ่งเข้าไปกอดแม่ของตัวเอง "แม่ครับ มองลองกินสิครับ พิซซ่าร้านนี้อร่อยมากเลย" "ผมไม่ได้ทำอะไร หนูดีหิว ผมก็แค่พาเขามากินข้าว" จิรภาสมองเธอกลับอย่างอบอุ่น พลางเรียกพนักงานให้หยิบอุปกรณ์มาเพิ่ม "หนูดีครับ ฟังแม่นะ เรากลับไปกินข้าวที่บ้านกันนะครับ" เธอลูกหัวลูกชายตัวน้อย แล้วจะดึงหนูดีให้เดินออกไป หนูดีมองอาหารในจานอย่างผิดหวัง ปากเล็กๆนั่นเบะลงเล็กน้อย เดิมทีจิรภาสอยากจะอาศัยเข้าทางหนูดีเพื่อได้ให้เข้าใกล้เธอได้บ้าง และถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับหนูดี แต่ไม่คิดว่าจรีภรณ์จะรั้นถึงเพียงนี้ เขาจึงรีบเอ่ยขัดขึ้น "หนูดีหิวแล้ว ให้เขากินก่อนเถอะ ไม่ว่าระหว่างเราสองคนจะเป็นอย่างไร แต่เด็กไม่ได้ผิดอะไรนะคุณ" "แม่ครับ หนูดีหิว" หนูดีมองกลับไปยังผู้เป็นแม่ ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร จรีภรณ์เห็นท่าทางน่าสงสารนั่นของหนูดี จึงรู้สึกสงสารลูก ดังนั้นเธอจึงนั่งลง แล้วเอ่ยกับจิรภาสด้วยท่าทางเย็นชา "คุณจิรภาสคะ ขอบคุณที่มานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนลูกชายฉัน แต่ตอนนี้ฉันขอให้คุณกลับไปได้แล้วค่ะ ค่าอาหารมื้อนี้ฉันออกเองได้!"
已经是最新一章了
加载中