ตอนที่ 172 มีลูกแล้ว
1/
ตอนที่ 172 มีลูกแล้ว
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 172 มีลูกแล้ว
ตนที่ 172 มีลูกแล้ว ชูเซี่ยได้ยินเช่นนั้นก็กลุ้มใจและสงสารนางยิ่งนัก “จากนั้นเล่า” ขู่เอ่อร์สูดลมหายใจลึกๆ หญิงสาวกุมหน้าอกของตนไว้อย่างปวดใจก่อนจะค่อยๆรวบรวมเรี่ยวแรงและความกล้าเล่าต่อไป “ตอนนั้นอานุ่ยเกอก็มา เขาและข้ามีนัดกันในวันนั้นว่าจะนำยาสมุนไพรไปให้เขาเพราะว่ายามนั้นมารดาของเขากำลังป่วยหนัก อาจารย์ให้ข้าเป็นผู้ดูแลมารดาของอานุ่ยเกอ เขาไปรอข้าที่จุดนัดพบและรออยู่นานก็ไม่พบข้าจึงออกเดินตามหาเรื่อยๆ ตอนที่ฉ่ายเวินลงมือทำร้ายข้านั้นเขาก็มาถึงพอดีจึงเข้ามาช่วยข้าแต่ทว่าโชคร้ายเหลือเกินที่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้เขาก็ถูกฉ่ายเวินใช้พิษทำร้ายเสียก่อน ข้าเห็นนางผลักอานุ่ยเกอตกลงหน้าผากับตาตนเอง ส่วนข้าเองก็ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน ตอนนั้นข้าดึงขาข้างหนึ่งของนางไว้ ข้าร้องตระโกนถามนางว่าทำไมถึงทำกับข้าเช่นนี้ แต่ทว่านางกลับใช้ดวงตาอำมหิตมองที่ข้า เวลานั้นฉ่ายเวินเหมือนถูกผีร้ายสิงร่างอยู่ไม่มีผิด ยามนั้นข้าคิดไปว่านางจะต้องถูกผีสิงเป็นแน่ เพราะสายตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ข้าไม่เคยเห็นมันฉายอยู่บนใบหน้าของนางเลยสักครั้ง ไม่สิ ต้องพูดว่าใบหน้าเช่นนั้นข้าไม่เคยเห็นมันอยู่บนใบหน้าของใครเลยต่างหาก จากนั้นข้าก็ถูกนางผลักลงหน้าผา หน้าผานั้นมีความลึกหลายหมื่นจั้งอีกทั้งใต้หน้าผาก็มีก็มีก้อนหินมากมาย ข้านึกว่าข้าต้องตายแน่แล้วแต่ทว่าโชคยังดีที่ร่างของข้ากลับตกลงบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจนร่างของข้าถูกเถาวัลย์บนต้นไม้เกี่ยวกระหวัดรัดเอาไว้ ต่อมาข้าก็ค่อยๆปีนลงจากต้นไม้ หลังต้นไม้ต้นนั้นก็มีถ้ำหินอยู่แห่งหนึ่งพอดี ตอนนั้นข้าก็ช่างไร้เดียงสานัก ข้าคิดว่าที่ฉ่ายเวินเป็นเช่นนี้เพราะถูกผีเข้าหรือไม่ก็ถูกมนต์ดำเล่นงาน ข้าเคยได้ยินชาวบ้านเคยพูดถึงเรื่องมต์ดำหรือเรื่องผีเข้าพวกนี้ ข้าจึงคิดไปว่ามันมีอยู่จริง ข้าเล่าเรื่องตลกให้ท่านฟังดีหรือไม่ ตอนนั้นเพียงเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป เพียงเพื่อจะได้กลับไปช่วยน้องสาวที่ข้ารัก ข้าถึงกับกินงู กินหนู กินค้างคาว กินยางไม้ กินหญ้า ข้ายอมกินทุกอย่างขอเพียงแค่ได้ประทังชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อนมีชาวเขาผู้หนึ่งที่ออกเก็บเห็ดหลินจือไปพบข้าเข้าจึงช่วยข้าขึ้นไปได้ ตอนที่ข้ากลับไปที่ที่ข้าจากมาข้าก็พบมาสำนักของท่านอาจารย์ถูกปิดและทิ้งร่างไปแล้ว และที่นั่นเองที่ข้าได้พบหลุมฝังศพของท่านอาจารย์ข้าจึงได้พบว่าอาจารย์ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว ตอนนั้นข้าคิดว่ามนต์ดำและผีร้ายคงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านอาจารย์เสียชีวิต ข้าวิ่งตามหาหลุมฝังศพของอาจารย์และฉ่ายเวินราวกับคนเสียสติ ต่อมาก็ได้รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย” ขู่เอ่อร์กล่าวถึงตรงนี้ก็ปรากฎอารมณ์บางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ร่างบอบบางของหญิงสาวสั่นสะท้านก่อนที่น้ำตาจะไหล่ลงมาอาบใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็น ชูเซี่ยเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้นางก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าได้คิดถึงอีกเลย” ขู่เอ่อร์ร้องไห้อยู่นานมากจากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ต่อมาข้าก็ปิดบังใบหน้าของตนลงไปหาชาวบ้าน พวกเขาบอกกับข้าว่าศิษย์พี่และฉ่ายเวินลงจากเขาไปแล้ว พวกเขาคิดว่าข้าและอานุ่ยเกอหนีตามกันไปแล้วทั้งยังถามข้าอีกว่าเหตุใดอานุ่ยเกอจึงไม่ตามข้ากลับมาด้วยกัน ต่อมาข้าก็กลับไปที่สำนักอีกครั้ง ข้านึกขึ้นได้ว่าอาจารย์เคยมีตำราเกี่ยวกับการแปลงโฉมอยู่เล่มหนึ่ง ข้าศึกษาเรียนรู้มันจนกระทั่งสามารถทำหน้ากากหนังได้และทำให้ใบหน้าของข้ากลับไปเป็นเหมือนเก่าได้ ข้าลงจากเขามาถึงเมืองหลวงเพื่อตามหาศิษย์พี่และฉ่ายเวิน ตอนที่ข้ามาถึงนั้นข้าไม่กล้าไปหาศิษย์พี่ตริงๆ หลายปีมานี้ข้าไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นเช่นไรบ้าง ข้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่จะจำข้าได้หรือไม่ และยิ่งไปกว่านั้นข้ากลัวเหลือเกินว่าเขาจะโกรธจะเกลียดข้า ข้าคิดว่าเขาคงคิดว่าข้ากับอานุ่ยเกอหนีตามกัน แม้แต่ยามที่อาจารย์เสียข้าก็ไม่ยอมกลับไปไหว้หลุมศพของท่าน ดังนั้นข้าจึงได้ปลอมตัวมาอยู่ข้างกายของท่านเพื่อเข้ามาในวังหลวงด้วยกัน ตลอดเวลาที่ข้าได้อยู่ข้างกายของท่านข้าได้ยินเรื่องราวของฉ่ายเวินมาไม่น้อยจนทำให้ข้าเริ่มตระหนักได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ใช่เพราะนางถูกมนต์ดำหรอก เป็นตัวตนของนางจริงๆที่ทำร้ายข้าต่างหาก” ชูเซี่ยเอ่ยเสียงต่ำ “เจ้ากล่าวได้ไม่ผิดหรอก นางถูกมนต์ดำครอบงำจริงๆ แต่ว่ามันเป็นมนต์ดำที่มาจากจิตใจของตัวนางเองต่างหาก นางเกิดเงามืดขึ้นในจิตใจของนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าหญิงใดเข้าใกล้หลี่เฉินเย่นนางก็จะค่อยๆลงมือกำจัดพวกนางออกไปทีละคนๆ” ขู่เข๋อเอ่ยถามอย่างเจ็บปวด “แล้วเหตุใดนางจึงต้องทำร้ายข้าด้วยเล่า ตอนนั้นที่นางบอกกับข้าว่านางชอบศิษย์พี่ข้าก็ไม่เคยคิดแย่งชิงกับนางเสียหน่อย ไม่ว่าอะไรข้าก็มอบให้นางทั้งนั้น ข้าเกลียดนางเหลือเกิน เกลียดนางเข้ากระดูก!” ชูเซี่ยได้ยินเช่นนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าที่ชิงเอ๋อกล่าวมาเป็นการยอมรับกลายๆว่าตัวนางเองก็ชื่นชอบในตัวศิษย์พี่เช่นกัน ตอนนั้นชิงเอ๋อเองก็ชอบหลี่เฉินเย่นเช่นกัน ดังนั้นฉ่ายเวินจึงได้บอกกับหลี่เฉินเย่นว่าชิงเอ๋อชอบอานุ่ยเกอ หลังจากนิ่งคิดอยู่นานชูเซี่ยก็ถามขึ้นอีก “อานุ่ยเกอเล่า” ขู่เอ่อร์เอ่ยอย่างลำบากใจ “เข้าถูกผลักตกหน้าผาไป ไม่มีโอกาสรอดอีกแล้ว เป็นข้าที่ทำให้เขาต้องตาย!” ชูเซี่ยตบไหล่นางเบาๆก่อนจะเอ่ยปลอบใจ “คนที่ทำให้อานุ่ยเกอต้องตายคือฉ่ายเวินต่างหากไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าสักหน่อย เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตนเองเลย!” ขู่เอ่อร์เงยหน้าขึ้นมองชูเซี่ยก่อนถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ทำไมนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้หรือว่าข้ายังดีกับนางไม่พองั้นหรือ” ชูเซี่ยส่ายหน้า “ต่อให้เจ้าดีกับนางมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ นางคิดเพียงว่าหากว่านางอยากได้สิ่งของที่นางต้องการมาครอบครองนางก็จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรกเท่านั้น” “ศิษย์พี่เป็นคนใจดีมาก หากรู้ว่านางเป็นคนเช่นนี้ต่อให้ฉ่ายเวินจะพยายามมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันชอบนางแน่” “ตอนนี้ศิษย์พี่ของเจ้าเชื่อนางหมดทั้งใจของเขาแล้วล่ะ นางรู้ดีว่าศิษย์พี่รู้สึกกับนางเช่นไรดังนั้นนางจึงรู้ด้วยว่าต้องใช้วิธีใดมาจัดการกลับศิษย์พี่ของเจ้าเช่นกัน!” ชูเซี่ยถอนหายใจออกมา แม้นางจะไม่อยากใส่ใจแต่นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจขึ้นมา ขู่เอ่อร์ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก นางมองออกว่าชูเซี่ยแท้จริงแล้วใส่ใจในตัวของหลี่เฉินเย่นมากมายเพียงใด แต่ทว่านิสัยของชูเซี่ยก็เป็นเช่นนี้ นางมีอะไรก็มักจะเก็บไว้ในใจอยู่เสมอ ความจริงแล้วนางก็ควรหัดเรียนรู้เข่เอ๋อไว้บ้าง คือรู้จักการโวยวายเสียบ้าง เวลาผ่านไปเกือบครั้งชั่วยามหว่านเหนียงจึงจะกลับมา “หม่อมฉันไม่ได้พบฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงอยู่แต่ภายในห้องบรรทมของหญิงผู้นั้น มีเพียงหมอหลวงที่เข้าๆออกๆกล่าวว่าอาการของนางสาหัสยิ่งนัก แม้ว่าจะห้ามเลือดได้แล้วแต่ทว่าก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอหลวงยังกล่าวอีกว่าบางทีนางอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ด้วยเพคะ” ชูเซี่ยตกใจมาก “ที่แท้อาการนางก็สาหัสถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่แผลของนางอยู่ที่หน้าท้องอีกทั้งยังไม่ได้ลึกมาก ไม่มีทางที่จะอาการหนักได้ถึงเพียงนี้เลยนี่!” หว่านเหนียงเองก็ขมวดคิ้วสงสัยเช่นกัน “เป็นไปได้หรือไม่ว่านางแกล้ง” “แกล้งไม่ได้หรอก หากว่านางแกล้งหมอหลวงย่อมต้องดูออก!” ชูเซี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ การแสดงออกมันโกหกกันได้ แต่ทว่าชีพจรของคนมันโกหกกันไม่ได้แน่ การแพทย์แผนจีนในสมัยนี้ให้ความสำคัญกับชีพจรมากทั้งยังแม่นยำมากด้วยไม่มีทางที่ฉ่ายเวินจะตบตาพวกเขาได้แน่ หว่านเหนียงพยักหน้าหงึกๆ “ก็จริงเจ้าค่ะ มีหมอหลวงอยู่ไม่มีทางที่จะหลอกลวงพวกเขาได้แน่ แต่ในเมื่ออาการของนางสาหัสถึงเพียงนี้นางอาจตายได้เลยนะเจ้าคะ แม้ว่านางจะตายจริงก็ดีแต่ฝ่าบาทจะต้องโทษว่าเป็นความผิดของท่านแน่” ชูเซี่ยเอ่ยเสียงราบเรียบ “หากเขาจะโกรธจะเกลียดข้าข้าก็จนปัญญา พวกเราก็รอดูกันต่อไปเถิด หากว่าหมอหลวงไม่อาจรักษานางได้ข้าเองก็ใช่ว่าจะรักษาได้” ชูเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวความคิดของตนเองขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเริ่มมีความคิดร้ายกาจต่อฉ่ายเวิน รู้ทั้งรู้ว่านางตกอยู่ในอันตรายก็ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้เป็นหมอควรทำอย่างยิ่ง เมื่อก่อนต่อให้มีฆาตกรฆ่าคนถูกส่งตัวมาโรงพยาบาลนางก็ยังต้องทุ่มเทสุดความสามารถในการรักษาเขา แต่ตอนนี้นางกลับกลายเป็นคนเย็นชาใจแข็งไปเสียแล้ว นางรู้ว่าหากว่าฉ่ายเวินตายไปจริงๆนางจะต้องเสียใจภายหลังแน่ แต่หากช่วยนางจนรอดคนที่เสียหลังภายหลังก็ย่อมเป็นนางอีกอย่างไม่ต้องสงสัย ชูเซี่ยนั่งอยู่หน้าเรือนนอนนิ่งๆไม่พูดอะไรสักคำ หัวสมองของนางขบคิดเรื่องราวร้อยแปดพันเก้า ในใจรู้สึกกระวนกระวายไม่สงบ ชิงเอ๋อเดินเข้ามาหานางพร้อมถ้วยโจ๊กพุทราแดง “นายหญิงเจ้าคะ ท่านก็กินอะไรหน่อยเถิด วันนี้ทั้งวันท่านยังไม่ทานอะไร เลยนะเจ้าคะ” ชูเซี่ยมองดูโจ๊กพุทราก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา นางรีบหันหน้าไปทางอื่น “ไม่ล่ะ ข้าไม่หิว!” ชิงเอ๋อไม่ยอมรามือง่ายๆ “ไม่ได้เจ้าค่ะ วันนี้ท่านยังไม่ได้ทานอะไรลงท้องเลยนะเจ้าคะ ตอนเช้าท่านกินโจ๊กเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ท่านกินอาหารไม่ตรงต่อเวลาจึงทำให้กระเพาะไม่ดี ต่อแต่นี้ไปท่านจะต้องกินข้าวให้ตรงต่อเวลาไม่เช่นนั้นหากแม่นางเชียนซานกลับมาข้าจะฟ้องนางนะเจ้าคะ” ชูเซี่ยเห็นว่าชิงเอ๋อห่วงนางจากใจจริงก็ยอมรับโจ๊กมาไว้ในมือแต่โดยดี “ก็ได้ ข้าเชื่อฟังเจ้าก็ได้!” แต่ทว่าหลังจากกินไปได้เพียงสองคำนางก็พะอืดพะอมจนต้องรีบวางชามโจ๊กลงก่อนจะวิ่งไปอาเจียนทันที ชิงเอ๋อรีบร้อนไปช่วยนางลูบหลังก่อนถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ สองวันมานี้ท่านกินอะไรเข้าไปก็ล้วนอาเจียนออกมาจนหมด ท่านคงไม่ได้ตั้งครรภ์หรอกนะเจ้าคะ” จู๋ๆในสมองของชูเซี่ยก็ชาวาบ ร่างทั้งร่างของนางแข็งค้าง จริงด้วยสิ รอบนี้ฤดูนางของนางมาช้าไปมาก แต่ทว่าก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ทีฤดูนางของนางมาช้าไปเดือนหนึ่งดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจและเก็บมาคิดมาก หรือว่านางจะตั้งครรภ์แล้วจริงๆ? ก่อนหน้านี้นางกับหลี่เฉินเย่นก็อยู่ด้วยกันเกือบทุกคืน ถึงมีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ชิงเอ๋อเห็นท่าทางแข็งทื่อของนางก็รีบฉวยโอกาสนี้จับชีพจรของอีกฝ่าย หว่านเหนียงซึ่งเดินมาพบเข้าพอดีก็คิดว่าชูเซี่ยล้มป่วยเสียแล้วนางจึงรีบพุ่งเข้ามาหวังจะช่วยพยุงชูเซี่ยแต่ถูกชิงเอ๋อดุเข้าเสียก่อน “อย่าแตะต้องตัวนางนะ!” หว่านเหนียงตระหนกตกใจจนใบหน้าถอดสี นางถึงกับเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก “เป็นอย่างไรบ้าง อาการ...หนักมากหรือไม่” ชิงเอ๋อหันมามองหน้าชูเซี่ยก่อนจะหันกลับมามองหว่านเหนี่ยงสลับไปมาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “เป็นชีพจรมงตล ตั้งครรภ์แล้วเจ้าค่ะ!” หว่านเหนียงดีใจจนทำอะไรไม่ถูก นางรีบร้อนถลาเข้ามาพยุงร่างของชูเซี่ยไว้ “ดีเหลือเกิน ถ้าฝ่าบาททรงทราบพระองค์จะต้องดีพระทัยมากแน่นอนเจ้าค่ะ” ในใจของชูเซี่ยทั้งดีใจและหนักใจ ตอนที่เขาและนางยังดีกันอยู่ พวกเราสองคนใฝ่ฝันที่จะมีบุตรมาโดยตลอดแต่กลับไปมา พอมายามนี้ที่ความสัมพันธ์ของเขาและนางร่อแร่เต็มทนนางกลับตั้งครรภ์เสียนี่ นี่เรียกว่ามาถูกที่ผิดเวลาชัดๆ หว่านหนี่ยงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ “ข้าจะรีบไปทูลฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ นี่นับว่าเป็นเรื่องมงคลยิ่งนัก!” แต่ชูเซี่ยกลับรั้งนางไว้ “ตอนนี้ฉ่ายเวินเป็นตายอย่างไรก็ยังไม่ทราบต่อให้บอกเขาไปเข้าก็ใช่ว่าจะดีใจหรอกนะ รอดูอาการของฉ่ายเวินแล้วค่อยบอกทีหลังดีกว่า” หว่านเหนียงลองคิดตามก็เห็นเป็นเช่นนั้น “เช่นนั้นด้านไทเฮาล่ะเจ้าคะ จะให้ข้าไปทูลหรือไม่” ชูเซี่ยยิ้มออกมา “นี่มันเวลาใดแล้ว พระองค์คงเข้าบรรทมนานแล้วล่ะ อย่าเพิ่งไปเลย รอดูอาการของฉ่ายเวินก่อนแล้วค่อยมาว่ากันจะดีกว่า” “ก็ได้เจ้าค่ะ เคยได้ยินมาว่าเด็กน้อยมักชอบเอาแต่ใจ ก่อนหน้าสามเดือนก็ไม่ควรพูดออกมาก่อน ถ้าเช่นนั้นก็รอให้มั่นใจมากกว่านี้ค่อยแพร่กระจายข่าวดีนี้ออกไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทและองค์ไทเฮาก็ต้องทรงทราบนะเจ้าคะ” หว่านเหนี่ยงเดินไปพยุงร่างของชูเซี่ยให้เดินเข้าตำหนักอย่างระมัดระวัง ชูเซี่ยถึงกับหลุดยิ้ม “พอเถิด ข้าก็ไม่ใช่หญิงชราอายุเจ็บสิบแปดสิบเสียหน่อย ไม่ต้องพยุงหรอก!” หว่านเหนียงจึงท้าวสะเอวมองชูเซี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ได้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้ท่านก็เอาแต่อาเจียนมาโดยตลอดสุขภาพ ย่อมย่ำแย่ตามไปด้วย เราต้องระมัดระวังครรภ์มังกรนี้เอาไว้ให้ดี” ชิงเอ๋อที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้นมา “เรื่องการตั้งครรภ์จะให้ดีอย่าเพิ่งทูลบอกฝ่าบาทและองค์ไทเฮาก่อนจะดีกว่านะเจ้าคะ” ชูเซี่ยชะงักหันหลังกลับไปมองชิงเอ๋อ ใบหน้าของชิงเอ๋อเต็มไปด้วยความลำบากใจ “หากว่าฉ่ายเวินไม่ได้เป็นอะไรก็ยิ่งต้องปิดบังต่อไป” ชูเซี่ยเข้าใจความหมายของนางจึงเอ่ยออกมา “ที่เจ้าพูดมาก็ถูกต้อง การที่จะรักษาครรภ์นี้ไว้ให้ปลอดภัยทางที่ดีไม่ควรจะบอกเป็นดีที่สุด” แม้ว่าจะเตรียมตัวอย่างดีเพียงใดแต่ฝีมือการวางยาพิษของฉ่ายเวินนับว่าล้ำเลิศยิ่งกว่าผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายปีมานี้นางคงฝึกฝนการใช้พิษมาอย่างต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญมากเลยทีเดียว หว่านเหนียงรู้สึกไม่สบายใจ “อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ทรงเป็นเสด็จพ่อของเด็กในครรภ์ของท่าน พวกเราก็ไม่สมควรปิดบังพระองค์ไม่ใช่หรือ อีกอย่างหากว่าฉ่ายเวินกล้าทำร้ายเด้กในท้องของท่านฝ่าบาทย่อมไม่ยอมปล่อยนางให้ลอยนวลแน่” ชิงเอ๋อเอ่ยค้าน “ทุกวันนี้ฝีมือของนางไม่มีผู้ใดจับได้ไล่ทัน ทางที่ดีพวกเราควรจะระวังตัวเอาไว้ก่อนจะดีกว่า” ชูเซี่ยเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของชิงเอ๋อ “ก็ทำตามที่ขู่เอ่อร์พูดก็แล้วกัน” ฐานะที่แท้จริงของขู่เอ่อร์มีเพียงชูเซี่ยเท่านั้นที่ทราบ ในเมื่อนางไม่คิดจะเปิดเผยตัวชูเซี่ยก็ไม่คิดจะพูด ดังนั้นแม้แต่หว่านเหนียงนางก็ไม่คิดจะบอก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 172 มีลูกแล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A