ตอนที่ 200 ลักเล็กขโมยน้อย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 200 ลักเล็กขโมยน้อย
ต๭นที่ 200 ลักเล็กขโมยน้อย เสียวไฉเข้าใจดี เหล่าขุนนางที่มาในวันนี้ล้วนเป็นขุนนางใหญ่ ก็จะประคบประหงมลูกเป็นธรรมดา เด็กที่ถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหินก็จะไม่รู้อะไรมาก แต่ในทางกลับกัน เสียวไฉกลับรู้สึกว่าพวกเขาคุยเก่ง เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันก็ฉลาดกว่า ไม่รู้ว่าเป็นลูกของใครกันแน่ ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงห้องทรงพระอักษร ลู่กงกงยืนรับใช้อยู่ด้านนอกห้อง ตำหนิว่า “เสียวไฉ เจ้านับวันยิ่งพูดไม่รู้เรื่องนะ ฝ่าบาทกำลังประชุมกับเหล่าขุนนางด้านในห้องทรงพระอักษร เจอพาเด็กมาเล่นแถวนี้ได้อย่างไรกัน” ปัจจุบันเสียวไฉก็เป็นบ่าวรับใช้หน้าห้อง รองจากลู่กงกง ว่านอนสอนง่ายตลอดเรื่อยมาก ได้รับความเอ็นดูจากลู่กงกงเห็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะไม่รู้กาลเทศะแบบนี้ เสียวไฉรีบอธิบาย“ท่านลู่ เด็กสองคนนี้เป็นลูกของขุนนางท่านใดท่านหนึ่ง หลงทางมา ข้าน้อยเลยพาพวกเขามาที่นี่” ลู่กงกงไม่ฟังคำอธิบายและพูดขึ้นว่า “พูดซี้ซั้ว เหล่าขุนนางในวันนี้ ไม่เคยพาใครมาวัง หรือเป็นลูกของใครที่มาเข้าเพบเหล่าสนมแล้วหลงมา” ลู่กงกงมองไปที่จิงโม่ พลันถามว่า “เจ้าชื่ออะไร” ถ้ารู้นามสกุล ก็รู้แล้วว่าเป็นลูกของใคร คนที่สามารถเข้ามาในวัง ล้วนเป็นล้วนเป็นคนที่มีเชื้อพระองค์หรือไม่ก็เหล่าขุนนาง ตราบใดที่คุณขอชื่อนามสกุลคุณส่วนใหญ่รู้ว่าคุณเป็นเด็กคนไหนและคนที่สามารถเข้ามาในวังนั้นเป็นสมาชิกราชวงศ์หรือเจ้าหน้าที่ศาล “ข้าชื่อจิงโม่” “ข้าชื่อฉองเหลา” ลู่กงกงลู่ตกใจ รีบถามอีกว่า “แซ่อะไรล่ะ” ฉองเหลาและจิงโม่มองหน้ากัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “แซ่คืออะไรรึ” ลู่กงกงลู่เอนกายลง “คำที่นำหน้าชื่อพวกเจ้าน่ะ” สองฝาแฝดสายหน้าไปมา ทำหน้างุนงง “พวกข้าอายุแค่สี่ขวบครึ่ง” สี่ขวบครึ่ง แซ่อะไรไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาต้องรู้ โอเค แม้จะรู้ ก็บอกไม่ได้ เพราะลุงแก่คนนี้ดูแล้วเหมือนไม่ธรรมดา ลู่กงกงลู่เริ่มลำบากใจ ไม่รู้จักแซ่ อายุก็เพียงสี่ขวบครึ่ง ถามไม่ได้ความเป็นแน่ กระทั่งชื่อของพ่อก็อาจยังไม่รู้ เขาถามเสียวไฉ “เจ้าเจอพวกเขาที่ไหน” “บริเวณพระตำหนักไฉ่เวย” เสียวไฉกล่าว “เจ้ารู้ไหมว่าขุนนางท่านไหนมีลูกแฝด” ลู่กงกงคิดยังไงก็คิดไม่ออก ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินว่าบ้านไหนได้ลูกแฝด “ข้าน้อยไม่รู้” เสียวไฉตอบตามความจริง จิงโม่และฉองเหลาดูค่อนข้างรีบ ถ้าเดาไม่ผิด พ่อของพวกเขาอยู่ตรงหน้านี้เอง แต่ลุงอ้วนเคราหนาคนนี้กลับมัวแต่ซักโน่นซักนี่ ลู่กงกงพูดขึ้น “เจ้ารีบไปถามว่า วันนี้มีใครเข้าวังมาแล้วยังไม่ออกจากวังบ้าง อ้อ อย่าลืมถามถึงคนที่พาเด็กเข้ามาด้วย” “ข้าน้อยจะรีบไป” เสียวไฉรีบเดินออกไป ลู่กงกงเรียกขันทีคนหนึ่งมาหา “เจ้าพาพวกเขาสองคนไปวังด้านข้าง เอาอาหารว่างไปด้วย ไม่ควรเฉยเมยต่อพวกเขา” “รับทราบ” ขันทีตอบ จิงโม่และฉองเหลาได้ยินว่ามีอาหารว่าง ก็กลืนน้ำลาย อยากตามขันทีไปมาก แต่ว่า คืนนี้พวกเขามีภารกิจใหญ่ นั่นก็คือต้องเจอพ่อให้ได้ ดังนั้นไปกับขันทีไม่ได้เด็ดขาด ฉองเหลาเดินไปดึงแขนเสื้อของลู่กงกง “คุณลุงครับ ฝ่าบาทอยู่ไหนหรอ” ลู่กงกงหัวเราะ “เจ้าเด็กเปรต รู้จักฝ่าบาทด้วนหรอ” ฉองเหลากระซิบ “ข้าจะบอกอะไรให้ แต่เจ้าอย่าไปฟ้องแม่นะ” “เรื่องอะไรล่ะ” ลู่กงกงรู้สึสงสัย นั่งยองลงไปจับฉองเหลาไว้ ฉองเหลากระซิบข้างหูเขาว่า “พ่อข้าก็คือฝ่าบาท พวกเรามาหาพ่อ แต่ท่านอย่าไปฟ้องแม่ข้านะ ถ้าแม่รู้เข้าพวกข้าต้องโดนตีตูดแน่ๆ” ลู่กงกงเผลอยิ้ม “เหลวไหลน่ะ ฝ่าบาทยังไม่มีลูก ใครสอนให้พวกเจ้าพูดซี้ซั้วแบบนี้” ฉองเหลาเห็นว่าเขาไม่เชื่อตน จึงเสียใจมาก กระทึบเท้าแล้วพูดว่า “ข้าบอกความลับของข้าให้ท่านแล้ว แต่ท่านกลับไม่เชื่อใจข้า” “นี่คือจะร้องไห้ใช่ไหม” ท่านลู่เห็นว่าฉองเหลาตาแดง ยื่นมือไปจับหน้าเขาหนึ่งที “ดูขี้โคลนบนหน้าเจ้าสิ ถ้าพ่อเจ้าเห็นต้องโดนทำโทษแน่ๆ พอได้แล้ว เดี๋ยวถ้าพี่เสียวไฉมาแล้ว ก็จะส่งพวกเจ้ากลับ” พูดจบ เขาก็โบกมือ ให้ขันทีพาออกไป ขันทีจับมือทั้งสองไว้ “ป๊ะ เดี๋ยวพาไปกินของอร่อย” จิงโม่และฉองเหลามองหน้ากัน บึนปากขึ้น รู้สึกเสียใจ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอพ่อ แต่ว่า พอได้ยินว่ามีของอร่อย ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย “มีถังหูลู่มั้ย” ขันทีหัวเราะ “ถังหูลู่เป็นของอร่อยที่ไหนกันล่ะ มีของที่อร่อยกว่าถังหูลู่เยอะแยะเต็มไปหมด” “จริงหรอ” ทั้งสองตาเป็นประกาย มันน่าสนใจกว่าการได้เจอพ่อเยอะเลย ทั้งสองเดินตามขันทีไป ในวังด้านข้าง ขันทีหยิบลูกกวาดและขนมมามากมาย “พวกเจ้าอยู่ที่นี่นะ ข้าต้องไปจัดการเรื่องน้ำชาให้ฝ่าบาท พวกเจ้าอย่าวิ่งซุกซน และห้ามปีนออกไปจากหน้าต่าง ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังประชุม” ทั้งสองส่งลูกกวาดเข้าปาก ได้ยินขันทีพูด ตอบอย่างไม่เป็นศัพท์ว่า “รู้แล้วค่ะ/ครับ” หลังจากที่ขันทีออกไปแล้ว จิงโม่กลืนลูกกวาดลงคอ แล้วใช้สองมือหอบมาใส่ในกระเป๋า “น้องฉองเหลารีบหยิบเร็ว กินได้หลายวันเลย” “ข้าจะซ่อนไว้ในกางเกง แม่จับไม่ได้แน่นอน พี่ก็ซ่อนในกางเกงสิ ถ้าแม่เจอ ต้องโดนยึดหมดเลยนะ”ฉองเหลาสอนพี่ “ข้าไม่เอาด้วยหรอก ตรงเป้ามีแต่ฉี่ สกปรกจะตาย” จิงโม่มองน้องด้วยความรังเกียจ แล้วยัดขนมในอ้อมแขน ลูกกวาดเหล่านี้ รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ กินไม่กี่เม็ดก็พอ พวกเขากินไม่หยุด ไม่นาน ก็รู้สึกปวดฟันมาก จิงโม่ร้องไห้ “พี่ปวดฟันมากเลยน้อง” “ข้าก็ปวดเหมือนกัน”ฉองเหลารีบกลืนลูกกวาดแล้วอ้าปากก้าง รู้สึกปวดฟันจนทนไม่ค่อยไหว พลันร้องไห้ “แย่แล้ว ต้องถูกแม่ตีก้นแน่ๆ ” จิงโม่วิ่งวนไปมาในห้อง ฉองเหลาเห็นว่าข้างนอกไม่มีคน พลันพูดขึ้นว่า “เราไปกันเถอะพี่ คืนนี้น่าจะไม่ได้เจอพ่อแล้วล่ะ พวกเรารีบกลับไป ถ้าแม่ยังไม่รู้ก็ถือซะว่าไม่เคยมาที่นี่” “อื้ม” จิงโม่ก็เริ่มกลัวแล้ว “พวกเราปีนออกไปจากหน้าต่างกันเถอะ” “ทำแบบนั้นไม่ได้ พี่ชายคนเมื่อกี้บอกว่าปีนหน้าต่างไม่ได้ ปีนแล้วก็ออกไปไม่ได้ นอกหน้าต่างนั้นอาจไม่ใช่ประตู” “แต่ถ้าเดินออกไปจากประตู ต้องมีคนมาเห็นแน่ๆ พวกเราเถอะของไปเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวเขาอาจหาว่าเราเป็นขโมย ข้าไม่อยากเข้าคุก ไม่อย่างนั้น เราเอาของพวกนั้นออกมาเถอะ” ฉองเหลาล้วงไปที่เป้ากางเกง พลันมองดูประตู ตัดสินใจว่า “ถ้าอย่างนั้นเราปีนหน้าต่างกันเถอะ” และแล้ว สองฝาแฝดยกเก้าอี้ไปวางล่างหน้าต่างหนึ่งตัว เหยียบบนเก้าอี้ แล้วปีนออกหน้าต่างไป แต่ว่าพอออกมาจากหน้าต่าง กลับไม่ใช่ลานบ้าน แต่เป็นทางเชื่อมขนาดยาว ด้านข้างทางเชื่อมถูกกปิด เดินหน้าได้อย่างเดียว “ที่นี่คือที่ไหน” จิงโม่เดินอย่างระมัดระวัง “พวกเราจะเดินออกไปยังไงล่ะ” ฉองเหลาก็เริ่มกลัวแล้ว “ที่นี่จะมีผีหรือไม่” “อย่าพูดซี้ซั้ว” จิงโม่ได้ยินคำว่าผี ก็เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน ฉองเหลาอยากร้องไห้ “น้องกลัวมากเลยพี่ น้องอยากกลับไปแล้ว” จิงโม่เห็นน้องกลัว รู้สึกกล้าหาญในทันใด จับมือฉองเหลาไว้ “ไม่ต้องกลัวนะน้อง พี่จะจับมือน้องไว้เอง” สองฝาแฝดเดินไปตามทางเชื่อม ข้างหน้าเป็นประตูหนึ่งบาน ข้างยินเสียงข้างหลังประตู “มีคนอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัวแล้วน้อง มีคน” จิงโม่พูดอย่างดีอกดีใจ ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไป ช่วยกันดันประตูออก จู่ๆ ที่นั่นก็สว่างขึ้น แสงไฟสว่างจ้า พวกเขาหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
已经是最新一章了
加载中