ตอนที่ 205 ความสุขที่บังเอิญได้มา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 205 ความสุขที่บังเอิญได้มา
ต๭นที่ 205 ความสุขที่บังเอิญได้มา จูเก๋อหมิงกล่าว“เจ้าสะดวกเมื่อไหร่ ไปตรวจเช็คให้นางหน่อย หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด ไม่รู้ว่าพระชายาจะเสียใจแค่ไหน” ชูเซี่ยพยัก“ได้ พรุ่งนี้ข้าไปดูหน่อย” หลี่เฉินเย่นกล่าว“ข้าก็ไปด้วย ตั้งแต่หลานสาวคนนี้เกิดมา ข้าก็เคยเห็นเพียงครั้งเดียว เสด็จพี่น่าจะเสียใจมากเป็นแน่” หลี่เฉินเย่นในตอนนี้สามารถเข้าใจได้ ถ้าหากจิงโม่ลูกน้อยของเขาดวงตามองไม่เห็น เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน ทันใดทั้งสามไม่มีคำพูดอีก ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจูเก๋อหมิงหรือหลี่เฉินเย่น ภายในใจต่างก็เต็มไปด้วยคำพูดมากมายที่อยากพูดกับชูเซี่ย แต่ว่าจูเก๋อหมิงอยากคุยกับชูเซี่ยตามลำพัง ในขณะที่หลี่เฉินเย่นนั้น กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ สุดท้าย จูเก๋อหมิงกล่าว “ชูเซี่ย เล่าเรื่องที่เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหนานซานดีกว่า แยกจากันนานขนาดนี้ เรื่องราวของพวกเราเจ้าก็น่าจะรู้มาเยอะแล้ว แต่พวกเรากลับไม่รู้ว่าเจ้าเป็นยังไงเลย” ชูเซี่ยตอบ “ความจริงก็ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปนั่นแหล่ะ ข้าไม่ได้เปิดคลินิกแพทย์ จูฟางหยวนเคยบอกว่าจะให้เงินข้าเพื่อเปิดคลินิกแพทย์ แต่ว่าข้าคิดว่าไม่มีความจำเป็น ดังนั้น งานของข้าส่วนใหญ่ก็คือออกตรวจไข้ หารายได้จากการตรวจไข้ ชีวิตประจำวันก็พออยู่ได้” “ทำไมไม่เปิดคลินิกแพทย์ล่ะ? อย่างนั้นจะได้มั่นคงกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งไปมา” จูเก๋อหมิงบอก ชูเซี่ยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ว่าเมืองหนานซานจะจ้างหมอมันยากนัก มีวิชาแพทย์นิดหนึ่งก็เปิดคลินิกแพทย์เป็นของตัวเอง แต่รอบๆมีหมู่บ้านชนบทเยอะ หมู่บ้านชนบทก็ไม่มีหมอเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นหมอชาวบ้านที่รู้เพียงพื้นฐาน ตรวจโรคง่ายๆยังได้ แต่อาการหนักหน่อย ทั่วไปแล้วได้แต่รอความตาย ดังนั้น ข้าจึงได้ออกตรวจไข้เป็นหลัก” “ถ้าเจ้าแค่ตรวจคนไข้ที่เป็นคนจน กลัวว่าค่ารักษาก็ไม่อาจจะได้ไม่ครบด้วยซ้ำ” หลี่เฉินเย่นพูดต่ำ “ใช่แล้ว ดังนั้นที่ผ่านมา เหล่าจูก็เอาเงินของที่บ้านมาสนับสนุนข้า” ชูเซี่ยบอก จูเก๋อหมิงเข้าใจในทันที “ถึงว่าล่ะหมอนั่นกลับเมืองหลวงทีไรก็เอาแต่รวบรวมเงินทอง บอกว่าให้พวกเราให้ของขวัญอะไรทำนองนั้น จากนั้นก็เอาไปขายเลย ที่แท้ก็เพราะว่าจะระดมเงินให้เจ้านี่เอง” “เขาไม่ได้รับตำแหน่งในวังแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับศักดินา แต่ว่าตระกูลจูก็ต้องให้ความช่วยเหลือญาติ เขาก็ไม่สามารถนำเงินทั้งหมดมาให้ข้าได้ ทำได้แค่หาทำทุกวิธีทางเพื่อหาเงิน” หลี่เฉินเย่นไม่เคยคิดมาก่อนว่าที่ผ่านมาชูเซี่ยจะอยู่ลำบากถึงเพียงนี้ ถึงว่าทำไมแม้แต่ถังหูลู่คู่แฝดยังไม่สามารถกินได้ คิดไปก็รู้สึกสงสารในใจ “ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างลำบากเช่นนี้ ถ้าเจ้าไม่อยากกลับมา สามารถให้คนแจ้งกับข้าได้ ข้าจะส่งเงินให้พวกเจ้าเอง เด็กๆจะไม่ได้ถึงกับทนลำบาก”หลี่เฉินเย่นบอกเสียงเบา ชูเซี่ยกล่าว“อยู่กับข้า ลำบากพวกเขาจริงๆนั่นแหล่ะ ดังนั้นกลับมาคราวนี้ หากพวกเขายินยอม ข้าก็จะให้พวกเขาอยู่ที่นี่กับเจ้า” หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว“ครู่นี้เจ้าบอกว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงระยะหนึ่งไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าจะไปเร็วเช่นนี้?” ชูเซี่ยบอก“แน่นอนว่าข้าไม่ได้จะไปเร็วขนาดนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องไป ข้าไม่สามารถอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงได้นานนัก” ถึงแม้ว่าวันที่ลาจากจะยังไม่แน่นอน ถึงแม้ว่ารู้ว่านางต้องไปแน่นอน แต่ว่าเมื่อหลี่เฉินเย่นได้ยินคำนี้ ในใจก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจ จูเก๋อหมิงมองดูหลี่เฉินเย่น แล้วก็มองดูชูเซี่ย ถอนหายใจในใจเบาๆ ดูแล้ว เฉินเย่นยังคงปฏิบัติต่อชูเซี่ยเหมือนดังวันวาน แต่ชูเซี่ยนี่สิ เหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากเลย บางทีในระหว่างห้าปีมานี้ นางคงผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย และขยายความคิดอ่านของนาง ทำให้นางไม่จำกัดอยู่กับความรักชายหญิงอีก แม้ว่าจูเก๋อหมิงรู้ว่าไม่ควรทิ้งให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ว่า บางทีการจากลาห้าปี พวกเขาคงมีอะไรอยากจะพูดคุยกันตามลำพัง ไม่อยากให้ใครได้ยิน ดังนั้น เขาจึงยืนขึ้นแล้วบอก“ข้าขอไปดูอาการฮองไทเฮาหน่อยดีกว่า พวกเจ้าคุยกันไปก่อนนะ” พูดจบ ก็หันหลังเดินออกไป บรรยากาศภายในตำหนักก็แปลกประหลาดขึ้นมาทันใด ชูเซี่ยเอาแต่เล่นแก้วเซรามิคในมือ สายตาไม่รู้ว่าจะมองไปที่ไหน หลี่เฉินเย่นเองก็ไม่ได้มองนาง เพียงแค่มองไปยังเจกันที่วางอยู่กลางโต๊ะ เจกันมีดอกบัวที่เพิ่งเด็ดมาเมื่อเช้าดอกหนึ่ง ดอกบัวที่สระน้ำในสวนดอกไม้เป็นดอกบัวตูม เพราะว่าฮองไทเฮาชื่นชอบกลิ่นหอมของดอกบัวมาก ดังนั้นดอกบอกยังไม่ทันได้บาน ก็ถูกเด็ดกลับมาแล้ว เพิ่งจะเด็ดกลับมาเมื่อเช้าวันนี้ ตอนนี้ยังคงมีกลิ่นหอม เป็นเวลานาน ชูเซี่ยถึงได้ออกเสียงถาม “ปีที่ผ่านมาเจ้าเป็นยังไงบ้าง? สบายดีไหม?” หลี่เฉินเย่นดึงสายตากลับมา มองไปที่นางนิ่งๆ จากนั้นมุมปากมีรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นมา “ก็อย่างนั้นแหล่ะ บอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี อยู่ต่อไปได้ก็พอแล้ว” เขาคิดว่าคำตอบนี้คงเป็นคำตอบที่ไร้ที่ติแล้ว อย่างน้อย ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองดี และก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่ดี เขาเพียงแค่หลงเหลือความคาดหวังแล้ว ทั้งต่อชีวิต ต่ออนาคต ก็ล้วนไม่มีความคาดหวังแล้ว ชูเซี่ยไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไร บางที นางควรจะปลอบใจกี่คำ แต่ว่า หมุนแก้วไปมา คิดแล้วคิดอีก ก็คิดคำพูดไม่ออก ระหว่างพวกเขา การอยู่ตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว หลี่เฉินเย่นรู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัด จึงหัวเราะทำลายสถานการณ์ “เจ้ายังจำเรื่องเมื่อก่อนที่พวกเราไปหาสมุนไพรที่เขาเทียนหลางได้ไหม?” ชูเซี่ยยิ้ม “ทำไมจะจำไม่ได้? ประทับใจอย่างมาก มีช่วงหนึ่งหลังจากนั้น ข้ายังคงสามารถฝันถึงงูที่เขาเทียนหลางอยู่เลย” หลี่เฉินเย่นยิ้มตอบ “ข้าเองก็มีช่วงหนึ่งฝันถึงเรื่องผีที่เจ้าเล่าให้ข้าฟัง มันน่ากลัวจริงๆ” ชูเซี่ยรู้สึกประหลาดใจ “น่ากลัว? แต่ว่าตอนนั้นเจ้าบอกว่าไม่กลัวนี่นา” หลี่เฉินเย่นพูด “ทำไมถึงไม่กลัวล่ะ? ก็แค่ปากแข็งเท่านั้นเอง ความจริงแล้วคืนวันนั้นแค่ไปลดทุกข์ข้ายังไม่กล้าเลย ยังดีที่มีเข้าไปเป็นเพื่อนข้า ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องทนไปทั้งคืน” ชูเซี่ยหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆว่าเจ้าจะกลัว ถึงว่าตอนนั้นตอนที่ข้าจะเล่าเรื่องผีเรื่องที่สอง เจ้าถึงไม่อยากฟังแล้ว” หลี่เฉินเย่นเอามือประสานกัน วางบนโต๊ะ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับกลีบดอกบัวเล่น ทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “จริงสิ เรื่องผีเรื่องที่สองที่เจ้าจะเล่าเป็นเรื่องผีอะไรหรือ? ตอนนี้เล่าได้ไหม?” ชูเซี่ยเลิกคิ้ว “เจ้าไม่กลัวหรือ?” “ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว หรือว่าตอนนี้เจ้ายังกลัวงูอยู่?” หลี่เฉินเย่นยิ้มกล่าว “ข้าก็ไม่กลัวแล้ว ตอนที่อยู่ที่เมืองหนานซาน บ้านที่พวกเราอาศัยอยู่อยู่ริมน้ำชานเมือง มักจะมีงู มีคืนหนึ่งตอนที่ข้าตื่นนอน มืดจนมองเห็นได้ไม่ชัด เอื้อมมือออกไป สัมผัสถึงบางสิ่งที่เย็นและชื้นตรงขอบเตียง จุดไฟสว่างก็เห็นเป็นงู กำลังคลานผ่านไปทางขาของจิงโม่ ข้าใช้มือจับหัวงูโยนออกไปด้านนอก” ชูเซี่ยพูดไปหัวเราะไป แต่ว่าหลี่เฉินเย่นกับฟังออกถึงความเศร้าเสียใจ เขาหวังมากแค่ไหนว่า ทุกครั้งตอนที่นางเผชิญกับอันตราย ทุกครั้งตอนที่นางรู้สึกถึงความกลัว เขาจะอยู่ข้างนางเสมอ “ตอนนั้น จิงโม่อายุเท่าไหร่?” เขาถามเหมือนปกติ ไม่ให้นางเห็นถึงความเสียใจภายใต้ดวงตาเขา “สองขวบ” ชูเซี่ยตอบกลับ หลี่เฉินเย่นมองดูที่นาง “เจ้าเล่าเรื่องพวกเขาให้ข้าทีได้ไหม? จิงโม่เป็นพี่สาว? พวกเขาพูดได้ตอนอายุเท่าไหร่? เดินได้ตอนอายุเท่าไหร่?” ภายในใจของชูเซี่ยเสียใจมาก การเติบโตของเด็กๆ คนเป็นพ่อสมควรที่จะมีส่วนร่วม แต่กลับถูกเธอแย่งชิงไป “ขอโทษนะ” ตลอดมาข้าไม่เคยบอกเข้าว่าเด็กๆยังคงมีชีวิตอยู่ ชูเซี่ยขอโทษเสียงเบา นัยน์ตามีน้ำตาคลออยู่ หลี่เฉินเย่นรีบหันหน้าไป “ไม่ต้องขอโทษ ระหว่างพวกเราไม่มีเรื่องที่ว่าใครผิดใครถูก ถ้าเจ้าไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่า” เขาหันหน้าไป ชูเซี่ยเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลามั่นคงของเขา เขาแทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย บางทีหัวคิ้วจะขมวดเข้าหากันตลอด ดังนั้นทำให้มีริ้วรอยลึกระหว่างคิ้ว โดยเฉพาะตอนที่เขาขมวดคิ้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลย เขาในปีที่ผ่านมานี้ คงจะผ่านมาไม่ง่ายนัก 
已经是最新一章了
加载中