ตอนที่16 ร่องรอยเบาะแส   1/    
已经是第一章了
ตอนที่16 ร่องรอยเบาะแส
ต๭นที่16 ร่องรอยเบาะแส เมื่อวานก่อนที่จะเข้าไปในคุกใต้ดิน ได้ให้ทั้งสองคนไปที่บริเวณใกล้กับตึกล่ออินเพื่อแอบฟัง ศพของบ่าวที่ข่มเหงเหลียงอินผู้นั้นถูกฝังไว้ที่ไหน แต่นางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชที่เลื่องชื่อลือนามในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เพียงมีศพ ก็จะสามารถหาร่องรอยบางอย่างได้ “พระชายาเอก บ่าวไร้ความสามารถ เมื่อไปถึงบ่าวผู้นั้นถูกเผาไปเรียบร้อยแล้วเจ้าคะ”ชิวยั่วส่ายหน้าเพื่อขอโทษ คนในสมัยโบราณก็เข้าใจการเผาศพใช่หรือไม่ ทำไมไม่หาที่ฝังศพในป่าช้า เช่นนี้ในนั้นจะต้องมีเบาะแสเป็นแน่ “บอกสถานที่เผาศพแก่ข้า ข้าจะต้องไปดูให้เห็นกับตา”เหลียงซีนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อยู่ในป่าช้าที่ด้านนอกตำหนักเพคะ หลังจากที่เผาเสร็จแล้วฝังไว้ที่ใดก็ไม่มีใครยุ่งเพคะ”ฉนฮัวเอ่ยขึ้น “ดี ตอนเย็นวันนี้ข้าจะเจียดเวลาไปดูสักหน่อย พวกเจ้าสองคนอยู่ที่ประตูหลังช่วยข้าดูต้นทาง” เหลียงซีนสั่งกำชับเสร็จสิ้น หลังจากนั้นพริบตาเดียวก็สวมใส่เครื่องแต่งกายของสาวใช้ มายังตึกล่ออิน ตึกที่เหลียงอินพำนักอยู่ ได้ยินมาว่า ตึกล่ออินสามตัวอักษรนี้ เป็นเฉินเฮ่าใช้หมึกเขียนลงไปในวันที่เหลียงอินเข้าตำหนักมา หมายความว่าเหลียงอินมาเข้าพักที่นี่ ดังนั้นจึงเรียกกันว่าตึกล่ออิน น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเฉินเฮ่าคนที่เย็นชาอย่างยิ่งนั้น ก็มีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อเข้ามาที่ตึกล่ออิน ก็เผชิญหน้ากับหวางโผคนที่ถูกนางทำร้ายเมื่อเช้าวันนี้ในคุกใต้ดิน นางมองเหลียงซีนด้วยความโกรธที่รุนแรง หลังนั้นก็ยัดถังไม้ใส่ในมือของนาง “วันนี้งานที่เจ้าต้องทำคือซักเสื้อผ้า ซักเสื้อผ้าของทุกคนที่อยู่ในตึกนี้ และต้องซักให้สะอาด”ในที่สุดหวางโผก็มีโอกาสที่จะแก้แค้น เหลียงซีนกวาดสายตามองนางคล้ายกับว่าอยู่ในฐานะที่เป็นต่อ“ข้ามาปรนนิบัติน้องอิน ไม่ใช้มาซักผ้า ยังมีข้ายังคงเป็นพระชายาเอกที่ถูกต้องตามประเพณี เจ้าเป็นแค่บ่าวต่ำต้อยรับใช้กล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ” หวางโผถูกนางทำให้แค้นใจใบหน้าจึงทั้งซีดทั้งแดง ตกตะลึงจนแม้คำพูดเดียวก็พูดไม่ออก เวลานั้น เหลียงอินก็ค่อยๆเดินออกมาจากประตูด้านใน ร่างกายนั้นดูอ่อนแอเหมือนกับสามารถถูกลมพัดไปได้ทุกเมื่อ ช่างเหมือนดอกลิลลี่ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางลมที่รุนแรงในฤดูหนาว “พี่ซีน แม้ว่าท่านอ๋องจะให้มาปรนนิบัติข้า แต่ไม่ได้อนุญาตให้ท่านมาอยู่ข้างกายข้า ดังนั้นจึงขอให้พี่ซีนอดทนการไม่ได้รับความเป็นธรรมนี้ น้องก็สามารถช่วยขอความเมตตาให้แก่พี่ซีนได้เพคะ” เหลียงอินไอขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิดในใจ “ไม่ต้องแล้ว ซักเสื้อผ้าก็ซักเสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าออกมา”เหลียงซีนดึงชายแขนเสื้อขึ้นพูดว่าทำก็ต้องทำ คำพูดนี้ของนางอยู่ในความต้องการของหวางโผ ที่หวางโผนำมาที่ไหนได้คือเครื่องแต่งกายของคนทั้งหมดในตึกล่ออิน รวมถึงเครื่องแต่งกายของบ่าวก็ล้วนทิ้งให้นาง มองเห็นในถังไม้นั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้า เหลียงซีนก็ตะลึงอย่างถึงที่สุดแล้ว “ซักไม่เสร็จไม่อนุญาตให้กินข้าว ซักไม่สะอาดก็ไม่อนุญาตให้กินข้าว ข้าจะให้คนคอยเฝ้าดูเจ้าอยู่ที่นี่ ทางที่ดีอย่าแอบอู้” เหลียงซีนพยัดหน้า ได้ ซักก็ซัก นางไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว รับถังไม้มาก็เริ่มลงมือซักผ้า ด้วยเสื้อผ้าของคนในสมัยโบราณนั้นจะต้องยาว ซักแล้วจึงลำบากอย่างมาก นางใช้เวลาซักอยู่นานเพิ่งได้แค่ไม่กี่ชิ้น แต่หวางโผก็ยังไม่พอใจ ให้นางซักใหม่อยู่หลายรอบ จนถึงค่ำก็ไม่สามารถซักเสร็จ สายตามองแล้วเห็นว่าถึงเวลานัดที่จะออกนอกตำหนักแล้ว เหลียงซีนใจร้อนดั่งไฟ เย็นวันนี้นางจะต้องออกจากตำหนักอย่างราบรื่น ถึงป่าช้าแล้วตรวจสอบให้กระจ่างชัดถึงสถานะของบ่าวผู้นั้น ผ่านไปไม่นนาน เหลียงซีนเห็นว่าที่ซักผ้าไม่มีคนแล้ว จึงคิดที่จะแอบย่องออกไป คิดไม่ถึงว่าจะมีร่างอ้วนร่างหนึ่งออกมาขวางด้านหน้านางไว้ “พระชายาเอกไม่ซักผ้าละเจ้าคะ จะออกไปที่ใด”หวางโผที่หน้าบึ้งเอ่ยถาม เหลียงซีนสองมือทาบอก ถลึงตามองนางอย่างเย็นชารุนแรง“พระชายาเอกเช่นข้าจะไปที่ใดจะต้องรายงานเจ้าหรือ ไสหัวออกไป” “ขอโทษเจ้าคะ พระชายารองขอเรียนเชิญ เชิญไปที่ตึกล่ออินเพคะ”หวางโผยื่นมืออกมา ชี้ไปยังทิศของตึกล่ออิน ท้ายที่สุดแล้วเหลียงอินกำลังคิดจะทำอะไรของนางกันแน่ ประเดี๋ยวพูดไม่สามารถพบนางได้ ประเดี๋ยวเดียวก็เชิญให้นางไปตึกล่ออินโดยเฉพาะ ในนั้นจะมีอุบายอะไรหรือไม่ แต่ว่า ถึงแม้มีอุบาย นางเหลียงซีนก็ไม่สนใจ ไปก็ไป ใครกลัวใครกันเล่า ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ เมื่อเข้าไป ก็มองเห็นว่าในห้องวางเต็มไปด้วยอาหารดีๆที่โอชารส นางที่ทั้งวันไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง หิวจนแทบที่จะทนไม่ไหว แต่ว่ามองไปที่อาหารเลิศรสเหล่านั้น คิดออกเพียงสามคำ “งานเลี้ยงหงเหมิน” “พี่ซีนมาถึงแล้ว รีบนั่งลงเถอะเจ้าคะ น้องรอพี่ซีนมากินอาหารด้วยกันรอนานแล้วเพคะ พี่ซีนลองดูอาหารพวกนี้ถูกปากหรือไม่ หากไม่ชอบข้าก็จะให้คนที่ห้องครัวทำมาใหม่เพคะ”เหลียงอินพูดอย่างรู้ใจ เหลียงซีนใช้สายตาสำรวจไปที่ร่างกายของนาง คิดไปคิดมา จนสุดท้ายฮัมเสียงขึ้นอย่างเย็นชา“ชักชวนผู้อื่นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ คือซ่อนเจตนาที่ชั่วร้ายเอาไว้” ใบหน้าของเหลียงอินยังรักษาอาการของคนไม่มีความผิดเอาไว้ต่อไป“พี่ซีนกำลังพูดอะไรเจ้าคะ ประโยคเดียวน้องก็ฟังไม่เข้าใจ” “ฟังไม่เข้าใจไม่เป็นไร ในใจของเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว อาหารเย็นยังไงเจ้าก็ค่อยๆเพลินไปเถอะ กินแล้วเจ็บป่วยขึ้นมา ข้าไม่อาจชดใช้ได้” เหลียงซีนยิ้มอย่างเศร้าใจ หลังจากพูดจบ นางก็ยกขาขึ้น ก้าวเร็วแล้วออกจากตึกล่ออินไป แม้ว่าเย็นวันนี้เหลียงอินจะใจดีคิดอยากจะทำเช่นนี้ นางก็ไม่มีเวลาที่จะอยู่ที่นี่ได้แล้ว ที่สุดนางยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องทำ สายตามองรูปร่างที่เล็กบอบบางของนางกลืนหายไปในความมืดของค่ำคืน รอยยิ้มที่งดงามบนใบหน้าของเหลียงอินก็ยื้อต่อไว้ไม่ไหว ประเดียวเดี๋ยวก็สูญหายเกือบหมดทุกอย่าง หวางโผย่อมจะต้องรู้ว่าเหตุผลคืออะไรอย่างแน่นอน เป็นสินเดิมมานานหลายปีเช่นนี้ คนที่เข้าใจเหลียงอินมากที่สุด ไม่มีใครนอกจากนางอีกแล้ว “พระสนม เรื่องของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดนางก็เหยียบเข้ามาที่ตึกล่ออินแล้ว กินไม่กินอาหารมื้อนี้ล้วนไม่เป็นไรเพคะ จุดอ่อนที่ถูกจับได้นี้ยังไงก็ดิ้นไม่หลุด ท่านไม่ต้องท้อใจไปเจ้าคะ” หวางโผเอ่ยปลอบใจ
已经是最新一章了
加载中