ตอนที่ 65 คนที่ชอบ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 65 คนที่ชอบ
ต๭นที่ 65 คนที่ชอบ พระหัตถ์ของฮองเฮาชะงักงัน ทรงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ตรัสถามอย่างทรงเป็นกังวลว่า “ห้าวเอ๋อร์ ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหมลูก?” เดิมทีถ้วยใบนี้ทรงใช้ขว้างใส่เหลียงซิน คิดไม่ถึงว่า เฉินห้าวจะวิ่งมาแต่ไกล ปกป้องเธอเอาไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ฮองเฮาทรงสับสนมึนงง แม้แต่เหลียงซินเองก็ยังคงรู้สึกตกตะลึงเช่นเดียวกัน นี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรืออย่างไร?นึกไม่ถึงว่าเฉินห้าวจะช่วยเธอ หากแต่ไม่ช่วยเสด็จแม่ของเขาเอง? “เสด็จแม่ ครั้งต่อไปอย่าได้ทรงทำเช่นนี้อีก” เสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำและแหบแห้งของเขาสะท้อนเข้าไปในพระกรรณของฮองเฮา ทำให้พระองค์ทรงอดไม่ได้ที่จะตกพระทัย “ห้าวเอ๋อร์ เสียง เสียงของเจ้า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” ฮองเฮาทรงอยากจะยื่นพระหัตถ์ออกไปสัมผัสใบหน้าของเขา ทว่า กลับถูกเขาเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “เมื่อวานนี้ตอนอยู่ในกองเพลิง ได้ถูกรมควันทำให้เสียงแหบพะยะค่ะ ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้น” บนพระพักตร์ที่ซีดเซียวของฮองเฮาถูกเติมเต็มไปด้วยความพิโรธในทันที มองไปยังเหลียงซินที่อยู่ด้านหลังของเฉินห้าวด้วยจิตใต้สำนึก ตรัสขึ้นอย่างกริ้วโกรธว่า “เพื่อหญิงผู้นี้ เจ้าทำตัวเองเสียจนลำบากถึงเพียงนี้ และยังเกือบจะต้องสูญเสียชีวิต!ห้าวเอ๋อร์ ตั้งแต่หลักจากที่หญิงผู้นี้แต่งเข้ามาในวังสิงหวังแล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องดีอะไร เจ้ากลับไปรีบหย่านางเสีย!ทางฝั่งฮ่องเต้นั้นแม่มีวิธีพูดของแม่เอง” เป็นเพราะเหลียงซินหญิงผู้นี้ นางเกือบจะสูญเสียลูกชายคนรองที่นางรักมากที่สุดไป หากยังไม่ลงมือจัดการอีกล่ะก็ กลัวว่าอีกหน่อยยังจะเกิดมากมายยิ่งขึ้นประเคนเข้ามา หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หนังสือหย่าฉบับนั้นก็รีบให้ไปตั้งนานแล้ว ก็จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมากมายถึงเพียงนี้! พอได้ยินหนังสือหย่าสองคำนี้ ดวงตาทั้งสองของเหลียงซินก็เปล่งประกาย มองไปยังฮองเฮาอย่างตื้นเต้น ตอนนี้จะหย่าให้เธอหรือ?นี่ช่างดีจริงๆ!เธอใกล้จะได้กลับไปเป็นอิสระแล้ว! ทว่า หนึ่งประโยคของเฉินห้าว ดับความหวังของเธอจนหมดสิ้น “เสด็จแม่ ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หม่อมฉันก็จะไม่หย่ากับซินเอ๋อร์โดยเด็ดขาด หากพระองค์ทรงบีบบังคับจะทำเช่นนี้ ก็แสดงว่าทรงต้องการตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างเรา” ประโยคนี้ ทำให้พระพักตร์ของฮองเฮาที่แต่เดิมก็ซีดเซียว ยิ่งเพิ่มความเศร้าพระทัยเข้าไปอีก นางแอบคิดได้ว่า ลูกชายของตน ไม่ใช่เด็กคนนั้นที่กตัญญูรู้คุณ เชื่อฟังคำสั่งแบบเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว เขาก็มีทัศนคติและวิธีคิด มีกำลังและความสามารถเป็นของตัวเองแล้ว ถึงขนาดยอมแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูกับแม่คนนี้ เพื่อหญิงอีกคนหนึ่ง “ดี ดีมาก เจ้าก็เรียนรู้ที่จะเป็นปฏิปักษ์กับแม่ของตนเองแล้วใช่ไหม?” พระองค์ทรงกุมไปที่พระอุระ ทอดพระเนตรไปยังทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์อย่างโศกเศร้า เฉินห้าวขมวดคิ้วเข้าหากัน สุดท้ายก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้ที่ให้กำเนิดอบรมเลี้ยงดูตนเองอย่างโหดร้ายเกินไปได้ “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ หม่อมฉันเพียงแต่หวังว่า พระองค์จะทรงให้เกียรติคนที่หม่อมฉันชอบพะยะค่ะ” คนที่ชอบ? ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ฮองเฮา ยังมีเหลียงซินที่ตกใจจนปากกว้างพอที่จะใส่ไข่ไก่เข้าไปได้หนึ่งฟองแล้ว! เพียงครู่เดียวฮองเฮาก็ทรงมีกำลังวังชาขึ้นมาในทันที ตรัสถามขึ้นเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่กล้าทรงเชื่อ “ห้าวเอ๋อร์ เจ้า เจ้าว่าผู้ที่เจ้าชอบคือใครนะ?” ดวงตาที่ล้ำลึกและแคบยาวของเฉินห้าวมองไปยังเหลียงซิน ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มออกมา “ก็คือนาง เหลียงซินพะยะค่ะ” การสารภาพรักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ทำให้เหลียงซินค่อนข้างจะรับมือไม่ทัน รีบถอยห่างจากด้านหลังของเขาไปประมาณสามฟุตในทันที ในใจราวกับกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาก็ไม่ปาน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ สับสนในใจอย่างถึงที่สุดไปชั่วขณะ บ้าที่สุด นี่เฉินห้าวกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่? เขาไม่มีทางชอบเธออย่างเด็ดขาด ยังสามารถอธิบายได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์แม่ลูกแปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ ฉะนั้นจึงโกหกว่าเขาชอบเธอ ก็เพราะต้องการปัดความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้ที่เธอผู้เดียว! ดวงตาทั้งสองของเหลียงซินหรี่ลงเล็กน้อย หลังจากที่คิดได้อย่างเข้าใจแล้วก็รู้สึกว่า อุบายนี้ของเฉินห้าวช่างสูง สูงมากจริงๆ เช่นนี้แล้ว ก็ทำให้ฮองเฮาทรงเกลียดเธอแย่! สายพระเนตรที่ราวกับเข็มพิษของฮองเฮากวาดมาบนใบหน้าของเหลียงซิน ผ่านไปสามวินาทีจึงได้เปลี่ยนเป็นความเงียบที่ผิดปกติ พระองค์ทรงสูดพระอัสสาสะเข้าเต็มพระปัปผาสะ “ได้ แม่รับปากเจ้า ต่อไปจะไม่ลงมือกับพระชายาสิงอย่างเด็ดขาด จะพยายามยอมให้แก่นาง” เฉินห้าวพยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าเป็นข้อตกลงร่วมกัน เพียงแต่พระองค์ยังทรงตรัสเพิ่มเติมอีกว่า “แต่เรื่องในวันนี้ไม่สามารถผ่านไปเช่นนี้ได้ ในเมื่อพระชายาสิงเป็นหมอเทวดา ก็ให้นางมารักษาคอของเจ้า หากรักษาไม่หาย ก็อย่ามากล่าวโทษว่าข้าไร้น้ำใจ!” ศัตรูของเหลียงซินเยอะมากพอแล้ว ไม่กลัวที่จะมีฮองเฮาเพิ่มเข้ามา ถึงแม้เฉินห้าวจะโยนความผิดอะไรมาให้เธออีกครั้ง เธอก็ไม่กลัว เพียงแต่ เรื่องเมื่อวานนี้แท้จริงแล้วก็คือเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดขึ้น ฉะนั้นลำคอของเฉินห้าว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ต้องรักษาให้หาย จึงได้รับปากลงไป บังเอิญในเวลานี้ หมอหลวงที่อยู่ด้านหลังได้เช็ดเหงื่อที่ผุดออกมาจากความตื่นตระหนก แล้วรีบรายงานอย่างรวดเร็วว่า “กราบทูลฮองเฮา ท่านอ๋องสิง พระชายาสิง องค์ชายสิบเอ็ดพ้นขีดอันตรายแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันได้จ่ายใบสั่งยาออกไป เพียงแค่เสวยพระโอสถให้ตรงตามเวลาทุกวันก็พอพะยะค่ะ” พอได้ยินข่าวที่ว่าเฉินเช่อไม่เป็นอะไรแล้ว มุมปากของเหลียงซินบานสะพรั่งออกเป็นรอยยิ้มในทันที เมฆหมอกในใจที่เกิดจากฮองเฮาเมื่อครู่นี้เพียงครู่เดียวก็ถูกกวาดออกไปจนสะอาดหมดจด รีบวิ่งไปเข้าไปในห้องของตำหนักทางทิศตะวันตกในทันที สิ่งที่เห็นก็คือ เฉินเช่อลืมตาทั้งสองข้าง ใช้แรงในการพยายามนั่งขึ้นมาเหลียวซ้ายแลขวา พอเห็นเหลียงซินเข้ามา ก็รีบกอดเธอไว้ในทันที “พี่สะใภ้ห้า คือท่านจริงๆด้วย!” เสียงของเฉินเช่อแหบพร่า กอดเธอไม่ยอมปล่อย เหลียงซินหัวเราะขึ้นเล็กน้อย “อะไรคือหม่อมฉันเพคะ?” “เมื่อคืนนี้ คือท่านจริงๆ ข้าถูกขังอยู่ด้านในกองเพลิง คือท่านและพี่ห้าเข้ามาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ใช่หรือไม่ ท่านรู้ไหม ในตอนนั้นข้าคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว กลัวว่าจะไม่ได้พบท่านอีก!” เขาใช้มือถูไปที่ดวงตา ดวงตากลมโตที่แดงก่ำยังมีหยาดน้ำตาที่ยังไม่ร่วงลงมาค้างไว้อยู่ ขนตางอนยาว ใบหน้าเล็กเปลี่ยนเป็นซีดขาวเพราะสูญเสียสีเลือด มองผ่านๆ ค่อนข้างเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ เหลียงซินยิ้มพลางปลอบประโลม “ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วเพคะ นี่ไม่ใช่ว่าทรงกำลังดีๆอยู่หรือเพคะ?หม่อมฉันเคยรับปากพระองค์ว่าจะปกป้องคุ้มครองพระองค์ให้ดี ต่อไปจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ภายในห้องที่เงียบสงบอยู่ๆก็มีความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา จะดูอย่างไรก็เป็นละครแนวสุขนาฏกรรมที่เรียกน้ำตาคนดู แต่เฉินห้าวกลับดึงมือของเฉินเช่อออกอย่างไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย แล้วลากเหลียงซินให้ไปยังด้านหลังของเขา รูปร่างที่สูงใหญ่หล่อเหล่าขวางกั้นอยู่ด้านหน้าของเหลียงซิน เขามองไปที่เฉินเช่อ “เมื่อคืนก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?” เฉินเช่อเม้มปาก มองไปยังเหลียงซินแล้วตอบกลับอย่างเคารพนบนอบว่า “เมื่อคืนหม่อมฉันดูหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปยังห้องนอนเตรียมตัวพักผ่อน พอเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินนางกำนัลทั้งหลายตะโกนว่าไฟไหม้ หม่อมฉันจะวิ่งออกไป แต่พบว่าประตูทั้งหมดได้ถูกปิดตายเอาไว้หมดแล้ว เลยคิดจะกลับไปหลบที่ห้องลับในห้องนอน คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้เข้าไป ก็หมดสติไปแล้วพะยะค่ะ” สถานการณ์นี้เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวานหลังจากที่พวกเขามุ่งเข้าไปยังกองเพลิงไม่มีผิด สามารถเดาออกได้ว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ เฉินห้าวถามขึ้นอีกว่า “เจ้าลองคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน มีคนหรือเหตุการณ์อะไรที่ผิดปกติหรือไม่?” เฉินห้าวพยายามลองคิดอยู่สักครู่ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างนึกขึ้นมาได้โดยฉับพลัน “เมื่อวานตอนที่หม่อมฉันกำลังอ่านหนังสือ ป้าซิ่งที่อยู่ด้านนอกบอกว่าอากาศแห้งเกินไป จะต้องวางน้ำกะละมังหนึ่งไว้ในห้อง ยังปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด บอกว่ากันพวกยุงและแมลงพะยะค่ะ” ความจริงของเรื่องค่อยๆลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ เหลียงซินค่อยๆวิเคราะห์ออกมา “น้ำที่ป้าซิ่งผู้นั้นบอกจะวางเอาไว้ในห้อง คงจะไม่ใช่น้ำ หากแต่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งตอนนี้คือเดือนสี่ ยุงและแมลงต่างๆจะมาจากไหนกัน?หึ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!” เฉินเช่อมองไปที่เธออย่างกระวนกระวายใจ ดูเหมือนไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อ “ป้าซิ่งไม่มีทางทำเด็ดขาด นางดูแลข้ามาก็ห้าหกปีแล้ว เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้กับข้า?” บนโลกใบนี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ก็จะสามารถหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่มีทางทำร้ายเราได้ แล้วก็ไม่ใช่อยู่ด้วยกันเป็นเวลาอันสั้น ก็จะสามารถหมายถึงฝ่ายตรงข้ามจะต้องทำร้ายเราเช่นเดียวกัน ที่น่ากลัวที่สุด ก็มีแต่ใจคน เพื่อผลประโยชน์ เพื่อทุกสิ่งที่อยากได้ คนบางคนก็สามารถไร้มโนธรรม ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์! เหลียงซินไม่ยอมให้เฉินเช่อที่ยังอยู่ในวัยเด็กรับเรื่องทุกอย่างนี้เร็วเกินไปนัก เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่มองเขาด้วยความอ่อนโยนแล้วพูดว่า “พระองค์ก็ทรงพักอยู่กับฮองเฮาที่นี่ หม่อมฉันกับพี่ห้าของพระองค์จะนำเรื่องนี้ไปกราบทูลฮ่องเต้และขอร้องให้ฮ่องเต้ทรงเพิ่มกำลังคนเพื่อคุ้มกันพระองค์ อีกหน่อยเวลาที่พวกเราไม่อยู่ พระองค์จะต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองให้ดี รู้ไหมเพคะ?” เฉินเช่อพยักหน้าด้วยความยิ้มแย้ม ในดวงตาที่สุกสกาว สว่างสดใส ไร้สิ่งปนเปื้อนใดๆคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง “พะยะค่ะ พี่สะใภ้ห้าท่านก็ต้องดูแลตนเองให้ดีเช่นเดียวกัน” หลังออกมาจากตำหนักทางทิศตะวันตกแล้ว แสงของท้องฟ้าด้านนอกกำลังพอดี แสงอาทิตย์อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง เหลียงซินมองไปบนท้องฟ้าแล้วถอนหายในอย่างโล่งอก โชคยังดีที่เฉินเช่อไม่ได้เป็นอะไร ไม่อย่างนั้น... ทันใดนั้นร่างที่สูงใหญ่ของเฉินห้าวก็มายืนที่ด้านหน้าของเธอ บดบังรัศมีทุกอย่าง พร้อมด้วยใบหน้าที่มืดมน “เจ้าไม่รู้สึกว่า เจ้าน้องสิบเอ็ดเด็กคนนั้น ค่อนข้างจะเอาแต่หวังพึ่งเจ้าเกินไปหน่อยหรือ?” “เอาแต่หวังพึ่งหม่อมฉัน นั่นก็เป็นเพราะหม่อมฉันให้อำนาจแก่เขา คนอื่นอย่าได้หวังแม้แต่จะคิด” เหลียงซินส่งสีหน้าที่โอ้อวดไปให้กับเขา แต่เฉินห้าวกลับเอ่ยขึ้นอย่างยืดยาวว่า “หากเจ้าคิดอยากจะปกป้องเขาจริงๆแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ควรจะให้เขายิ่งใหญ่และแข็งแกร่งได้ด้วยตนเอง มิเช่นนั้น เขาก็จะกลายเป็นอินทรีน้อยตัวหนึ่งที่บินไม่ขึ้นตลอดไป” เหลียงซินก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมากเลยทีเดียว รอดชีวิตอยู่ภายใต้ปีกของผู้อื่นตลอดไปเช่นนี้ นานไปก็ไม่สำคัญเท่าตนเองเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้นมา ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ หากสักวันหนึ่งในอนาคตเธอมีโอกาสออกไปจากวังสิงหวังแล้ว เช่นนั้นใครจะสามารถช่วยเฉินเช่อได้? ฉะนั้น คราวต่อไป เธอจะต้องสอนเขาให้ได้ว่าตนเองจะปกป้องตนเองอย่างไร ทันใดนั้นเธอก็หันกลับไป แล้วมองไปทางเฉินห้าว นึกไม่ถึงว่าเขาจะช่วยคิดทางหนีทีไล่อย่างดีให้กับเฉินเช่อได้เหมือนกัน ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่คนที่ไร้ความรู้สึกอะไรขนาดนั้น ทันใดนั้น อยู่ๆเธอก็นึกถึงประโยคนั้นที่เขาพูดต่อหน้าพระพักตร์ฮองเฮาเมื่อสักครู่นี้ จึงรีบถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เฉินห้าว ประโยคนั้นที่พระองค์ตรัสต่อหน้าพระพักตร์ของฮองเฮาเมื่อครู่นี้ เป็นเรื่องโกหกใช่ไหมเพคะ?คนที่พระองค์ทรงชอบ ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบล้วนเป็นเหลียงยิน” หลังจากถามเสร็จ เธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาในทันที เวลานี้ ใจของเธอเต้นตุ้บๆไม่ยอมหยุด ในใจของเธอหวังว่าเฉินห้าวจะยอมรับออกมา ทว่ากลับมีชั่วขณะนั้นเช่นเดียวกันที่หวังว่าเขาจะตอบปฏิเสธได้ เพราะว่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองจะมีความรู้สึกพัวพันใดๆไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ในเวลานี้เฉินห้าวกลับหัวเราะออกมา มุมปากยกสูงขึ้นเบาๆ วาดผ่านเป็นรอยยิ้มที่งดงาม ทันใดนั้นก็ก้มศีรษะลงมา เข้าไปใกล้ที่ข้างใบหูของเธอ แล้วพูดขึ้นทีละคำทีละประโยคอย่างชัดเจนว่า “แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถเป็นเรื่องจริงได้?” เหลียงซินตกตะลึงไปชั่วขณะในทันที แต่เพียงแค่เวลาสามวินาทีเท่านั้น เธอก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ วินาทีนั้นใบหน้าเล็กๆที่ขาวซีดแดงชุ่มชื้นและเปล่งประกาย เธอดูเหมือนจะคิดอะไรออก ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ยินดีกับพระองค์ด้วยเพคะ ถ้าหากเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นพระองค์ก็ทรงมีจุดอ่อนแล้ว จะรับมือกับพระองค์ ก็ง่ายมากยิ่งขึ้น” 
已经是最新一章了
加载中