ตอนที่ 75 ตามเถาคลำหาต้นตอ
1/
ตอนที่ 75 ตามเถาคลำหาต้นตอ
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 75 ตามเถาคลำหาต้นตอ
ตนที่ 75 ตามเถาคลำหาต้นตอ ถ้าเรื่องนี้เป็นเหลียงอินจงใจเจตนาทำเรื่องจริง ความนึกคิดซ่อนไว้ดีเกินไปแล้วกระมั้ง ดูผิวเผินอ่อนโยนอ่อนแอเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยไร้ความผิดตัวหนึ่ง แต่ลับ ๆ แล้วกลับคิดอุบายอย่างลึกซึ้ง ต้องทำให้เหลี ยงซินตายให้ได้ ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ! ดวงเนตรดั่งหงส์ของเฉินฮ่าวที่เรียวยาวหรี่ลงเล็กน้อย แววตาก็มืดสลัวลงทันที เหมือนดั่งความมืดมิดในคืนราตรีนี้ ยื่นมือไม่เห็นห้านิ้ว ดูเศร้า มืดครึ้มทะมึนน่ากลัว “เคร้ง” เสียงหนึ่ง ถ้วยชาในพระหัตถ์ถูกกำแหลกละเอียด ตกสู่พื้น เรื่องนี้ เขาจะต้องสืบสวนให้ความจริงปรากฏกระจ่างขึ้นมาอย่างแน่นอน นอกพระตำหนักอ๋องสิง เสียงคุยจ้อกแจ้กจอแจ คนไป ๆ มา ๆ เสียงฝีเท้าสับสนอลหม่านหนักหน่วง บางครั้งบางคราวมีแสงไฟส่องเข้ามาในพระตำหนักที่หรูหรา ในยามค่ำคืนจุดประกายส่องแสงระยิบระยับ เฉินฮ่าวทรงวางเข็มเงินในมือลง รีบออกจากประตูไปทันที เพียงเห็นหลินเย่ว์ซึ่งเคลื่อนไหวได้เร็วมากส่งกองกำลังองครักษ์หลวงมาไม่น้อยล้อมเมืองหลวงไว้อย่างหนาแน่น แม้แต่นอกประตูพระตำหนักอ๋องสิงก็ได้มีองครักษ์หลวงรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีมีวินัย ยืนอยู่ไม่กี่แถวอย่างเป็นระเบียบเรียงหน้ากระดานตรงแน่ว ในยามค่ำคืนประดุจประติมากรรมที่มั่นคงมิอาจทำลายได้ เห็นได้ชัดว่าหลินเยว่ฝึกอบรมองครักษ์หลวงชุดนี้ออกมาได้ดีมาก เฉินฮ่าวระลึกถึงกองกำลังที่ตนได้นำไปออกศึกด้วยตนเองเมื่อปีนั้น พวกเขากล้าหาญ เก่งกาจในการรบ ซื่อสัตย์ทุ่มเท แต่วันเวลาที่ผันเปลี่ยนไป เขาเกรงว่ามิอาจรวบรวมกองทัพสู้รบปีศาจนั้นได้ครบถ้วน ตั้งแต่สงครามเมืองเฉียนชิวเมื่อครั้งก่อนเสร็จสิ้นไปแล้ว หลินเย่ว์กังวลรีบเร่งมาก ทันทีที่ได้เห็นเฉินฮ่าวออกมารีบดาหน้าเข้าหาทันที “ท่านอ๋องสิง เกิดอะไรขึ้นกับซินซินแล้ว? ถูกใครจับไป นางไม่ได้อยู่ในพระตำหนักตลอดเวลาหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คำถามหลายข้อครอบคลุมทั่วฟ้าดินชนโครมใส่เฉินฮ่าว เขาเม้มริมฝีปากบางไว้แน่น ตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้านางยอมรออยู่ในพระตำหนักแต่โดยดี ไหนเลยจะเกิดเหตุมากมายเช่นนี้?” เมื่อหลินเย่ว์ได้ฟังคำ รู้สึกกลัดกลุ้มบ้างทันที แต่ไม่กล้าอาละวาด เพียงถามว่า “ท่านอ๋องพอจะมีเบาะแสใดไหมว่าซินซินไปทางใดพ่ะย่ะค่ะ?” เฉินฮ่าวทรงหรี่พระเนตรทั้งคู่ ทอดพระเนตรมองไปทางทิศตะวันตก นั่นคือทิศทางของพระตำหนักองค์รัชทายาท ตั้งแต่เหลียงซินถูกลงอาญาคุกเข่าแล้วก็ขัดขืนต่อพระมหาบัญชาของเขา เดินทางไปพระตำหนักขององค์รัชทายาทเองเพื่อช่วยถอนพิษให้องค์รัชทายาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ดังนั้นสามารถแน่ใจว่านางถูกคนจับเอาไปในพระตำหนักขององค์รัชทายาท ถ้าเป็นเช่นนี้ คนที่จับนางไปต้องรู้ร่องรอยการเคลื่อนไหวของนางอย่างกระจ่างทุกกระเบียดนิ้วราวกับฝ่ามือ และได้วางแผนไว้เป็นเวลานานแล้ว “แม่ทัพเหลียง เจ้านำคนกลุ่มหนึ่งไปล้อมพระตำหนักอ๋องซ่าง ก่อนที่จะหาซินซินพบ ไม่ต้องเกรงใจเฉินหวี้เจ้าหมอนั่น เกิดเรื่องมีข้าเปิ่นหวังออกรับเอง ข้าจะพาคนไปตรวจดูที่อื่น ก่อนรุ่งอรุณ ต้องหาซินซินอย่างสุดกำลังให้พบจงได้” ได้ยินเฉินฮ่าวทรงตรัสแบบนี้ หลินเย่ว์ย่อมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเป็นธรรมดา เขาไม่โง่พอที่จะสงสัยว่าเหลียงซินถูกเฉินหวี้จับไป แต่เหตุที่ไปล้อมพระตำหนักอ๋องซ่าง เป็นเพียงการตักเตือนเท่านั้น ประการหนึ่งสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการข่มขู่มิให้เฉินหวี้กระทำความชั่วร้าย ประการที่สองให้เขาเข้าใจว่าเฉินฮ่าวสามารถนั่งบนศีรษะของเขาเมื่อไรก็ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ประการที่สาม สร้างความเข้าใจผิดให้ผู้อื่นคิดว่าเหลียงซินถูกเขาจับไปจริง ๆ บีบคั้นให้เขารีบช่วยหาเหลียงซินออกมา ดูเหมือนว่าเฉินฮ่าวไม่ใช่เป็นคนกล้าหาญที่ไร้การวางแผน ในช่วงเวลาสำคัญ สมองยังเข้าใจชัดเจนดีนัก เพียงแต่ หลังจากที่หลินเย่ว์พาคนจากไปแล้ว ภายใต้แสงไฟในที่ไกล มีเงาร่างสองคนเดินมา แสงเทียนอันสว่างไสวตระการตา ทำให้เงาร่างพวกเขาถูกลากไปยาว ในไม่ช้าก็มาถึงเบื้องหน้าของเฉินฮ่าวอย่างรวดเร็ว รอจนพวกเขาเข้ามาใกล้ เมื่อดูไปปราดเดียวก็เป็นเหลียงอิ่งและเซี่ยฮวานจรือ พวกเขาดูสีหน้ารีบร้อน ทั่วใบหน้าเป็นกังวล น่าจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว น้องสาวเพียงคนเดียวได้รับอันตราย รอบดวงตาเหลียงอิ่งแดงเรื่อเล็กน้อย กังวลและเศร้ามาก แต่ยังคงรักษาสภาพครองสติได้แจ่มชัดผิดปกติ ในเมื่อเป็นบุตรสาวคนโตของตำหนักเจิ้นอัน มิอาจไร้น้ำยาเกินไปนัก “อ๋องสิง ซินซินเพิ่งออกมาจากพระตำหนักองค์รัชทายาท กำลังเดินกลับไปยังถนนหวี่ชิง จากนั้นก็ถูกจับไปเพค่ะ” เหลียงอิ่งวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ตอนนี้ไปที่นั่นเพื่อค้นหาสักครา น่าจะพบร่องรอยเพค่ะ” ถนนหวี่ชิง ที่นั่นเป็นถนนเล็กสายหนึ่งอยู่ข้างพระตำหนักองค์รัชทายาท ด้านเหนือเป็นเขากว่างเม่า ด้านใต้ส่วนใหญ่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างมักจะเป็นวัดวาอาราม ค่อนข้างห่างไกล ไม่ค่อยมีผู้คนเข้าไป ถ้าเหลียงซินถูกจับ การออกไปจากเมืองค่อนข้างเป็นไปได้มากกว่า แต่ตอนนี้เมืองหลวงได้ถูกปิดแล้ว ความเป็นไปได้ที่มากสุดคือไปทางทิศใต้ เฉินฮ่าวตัดสินใจเฉียบพลัน “รีบไปถนนหวี่ชิง” ออกเดินไปได้สองก้าวแล้ว หันกลับมาบอกกับเหลียงอิ่งว่า “ข้าส่งคนไปส่งเจ้ากลับไปก่อน ที่นี่อันตรายเกินไปแล้ว” เหลียงอิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตกใจเล็กน้อย เฉินฮ่าวคนเย็นชาดั่งน้ำค้างเยือกแข็งเช่นนี้ กลับริเริ่มที่จะห่วงใยนางซึ่งมีบทบาทเล็ก ๆคนนี้ขึ้นมาได้? คำอธิบายที่ดีที่สุดคือเพราะห่วงใยความปลอดภัยของเหลียงซิน ดังนั้นรักบ้านและอีกาที่อยู่บนหลังคาบ้านนั้นด้วย คิดถึงตรงนี้ นางอาจจะรู้แล้วว่าเฉินฮ่าวรู้สึกอย่างไรต่อเหลียงซินแล้ว นางรีบสั่นศีรษะปฏิเสธแล้ว “ซินซินเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า ข้าต้องเห็นนางปลอดภัยจึงใช้ได้แน่นอน ยิ่งกว่านั้น ข้าเป็นบุตรสาวของตำหนักเจิ้นอัน คนเหล่านั้นทำร้ายข้าไม่ได้หรอก” แต่ว่า เฉินฮ่าวยังไม่ได้พูดอะไร เซี่ยฮวานจรือที่ด้านข้างกลับตื่นเต้นมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จับมือนางไว้ ลดเสียงลง ท่าทีแข็งแกร่ง “อิ่งเอ่อร์ เจ้าต้องกลับไปก่อน การไปครั้งนี้อันตรายเกินไป” เฉินฮ่าวได้ยินคำพูด ตาเรียวยาวมีประกายประหลาดเล็กน้อยแวบผ่าน เหลือบมองไปที่เซี่ยฮวานจรือ คำพูดนี้ดูเหมือนกำลังแอบสื่อถึงอะไร พอดี ขณะนี้ เซี่ยฮวานจรือเพิ่งเงยศีรษะขึ้นมา สี่ตาประสานกัน ผ่านไปอย่างรวดเร็วปานฟ้าผ่าหรือหินเหล็กไฟ เย็นยะเยือกบีบคั้นผู้คน อุณหภูมิที่อบอุ่นรอบกายพลันเย็นลง ดูเหมือนว่าสงครามลึกลับระลอกหนึ่งกำลังจะปะทุออกมา โอ้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เฉินฮ่าวค่อย ๆ ถอนสายตากลับมา พลิกตัวขึ้นม้า มองไปที่เหลียงอิ่ง “อยากไปก็ไป แต่เปิ่นหวังมิอาจรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้แน่นอน” หลังจากตรัสจบ เขาก็ทรงควบม้าตะบึงออกไปทันที เหลียงอิ่งไม่ได้มีเวลาคิดใคร่ครวญมากแล้ว รีบจูงม้ามาตัวหนึ่ง วิ่งตะบึงไปทางถนนหวี่ชิง เซี่ยฮวานจรือมองดูเงาหลังของนางที่จากไปไกล แอบถอนหายใจเอง มือทั้งคู่กำไว้แน่นเป็นกำปั้น คืนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องรับการลงอาญาอะไร เขาต้องรับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มกำลัง คนกลุ่มหนึ่งทะยานมาถึงรอบ ๆ ถนนหวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ล้อมถนนสายนี้ไว้ทั้งหมด ด้วยการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แมลงวันสักตัวก็มิอาจบินเข้าไปได้ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ถนนสายนี้ เฉินฮ่าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย เขาเดินไปที่เชิงกำแพงตรงด้านข้างแห่งหนึ่ง ที่นี่กลิ่นดินยิ่งแรง ผสมปนเปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นเล็กน้อยซึ่งยังไม่จางหายไป เขาดมกลิ่นอย่างระมัดระวังไปครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเขากล่าวเสียงเข้มว่า “นี่เป็นยาหอมหลงวิญญาณ เป็นผลิตภัณฑ์แผ่นหอมชนิดหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของซีอวี้” ฝูงชนต่างประหลาดใจกันทั่ว แผ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของซีอวี้ ไฉนเหลียงซินจึงมีความสัมพันธ์กับซีอวี้ที่ไกลโพ้นได้? แท้จริงผู้ที่จับนางไปเป็นคนอะไร? เหลียงอิ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ก็ได้กลิ่นจาง ๆ ยังทำให้คนเวียนศีรษะได้เหมือนเดิม นางรีบอุดจมูกไว้ “ยาหลงวิญญาณที่แข็งแกร่งนัก ถ้าสามารถไล่ตามกลิ่นของยาหอมหลงวิญญาณไปได้ ต้องไล่ตามพบซินซินแน่นอน!” เฉินฮ่าวลุกขึ้นยืน ความเย็นยะเยือกในดวงตาที่ลึกล้ำค่อย ๆ หนาขึ้น ไม่ว่าใครกล้าจับเอาพระสนมของเขาไป มีเพียงตายสถานเดียวเท่านั้น! “หวินเหม่ย เจ้ารีบไปยังกรมฝึกสัตว์จูงสุนัขลาดตระเวนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีมาตัวหนึ่ง” เขาบัญชาด้วยเสียงทุ้ม การดมกลิ่นของมนุษย์ไม่ได้ไวเท่าการดมกลิ่นของสุนัขลาดตระเวน ในเวลานี้ สามารถให้สุนัขลาดตระเวนดมกลิ่นยาหอมหลงวิญญาณติดตามร่องรอยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เชื่อว่า ด้วยความช่วยเหลือของสุนัขลาดตระเวนจะสามารถติดตามจนพบที่ซ่อนตัวของเหลียงซินได้ก่อนรุ่งสางแน่ ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอึกทึกออกมาจากนอกประตูของถนนหวี่ชิง บางครั้งมีเสียงด่าปะทุดังมาสองสามครั้ง รวมทั้งเสียงเด็กที่คุ้นเคย “พวกเจ้ารีบหลีกทางให้เปิ่นหวัง! เปิ่นหวังจื่อมาเพื่อช่วยพระเชษฐนีห้าของข้า!” เสียงนี้คือ...เฉินเชร้อ เฉินฮ่าวโบกมือ หวินเหม่ยรับพระมหาบัญชา รีบออกไปนำเฉินเชร้อเข้ามา “พระอนุชาสิบเอ็ด เจ้าไม่รออยู่ในพระราชวังดี ๆ ดึกเช่นนี้ออกพระราชวังมาทำอะไร?” น้ำเสียงเฉินฮ่าวคมเฉียบ ดุสั่งสอนเฉินเชร้อ เขาทำปากยื่นไม่ค่อยพอใจบ้าง “ข้าได้ยินว่าพระเชษฐนีห้าเกิดเหตุ ข้าจึงพาเสี่ยวไป๋แอบออกมาจากพระราชวัง คิดจะช่วยท่านพระเชษฐาห้า ท่านให้ข้ารออยู่ที่นี่เถอะ! เสี่ยวไป๋ก็เชื่อฟังมาก!” กล่าวพลาง เสี่ยวไป๋ตัวนั้นที่ถูกจูงอยู่ในมือเขา ร้องโฮ้ว ๆ สองเสียงอย่างรู้ความ ราวกับกำลังตอบรับ แววพระเนตรเฉินฮ่าวพลันจับจ้องที่บนตัวของเสี่ยวไป๋ ถามอย่างรู้สึกคุ้นตาว่า “พระชายาฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อครั้งก่อน องค์หญิงรุยเฮอทรงได้นำสุนัขตัวนี้ไปแสดงใช่มั้ย?” ขณะนั้น สุนัขตัวนี้ได้ทำให้พระชายาอันทรงพระสรวลอย่างมาก เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง มีทักษะเชี่ยวชาญในการแสดงทุกชนิดสร้างความประทับใจให้เขามาก “ใช่แล้ว พระเชษฐาห้า” เฉินเชร้อพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ ริมฝีปากบางของเฉินฮ่าวค่อย ๆ โค้งขึ้น พินิจพิจารณาเสี่ยวไป๋ไปปราดหนึ่ง พยักหน้าอย่างค่อนข้างพอใจ “สุนัข ทิ้งไว้ เจ้ากลับพระราชวังไปได้แล้ว” เฉินเชร้อตกใจทันที รอยยิ้มสุดท้ายบนใบหน้าค่อย ๆ หายไป ใบหน้าที่น่ารักยับจนกลายเป็นซาลาเปาใบนั้น จูงเสี่ยวไป๋ไว้แน่นไม่ปล่อย ตะโกนเสียงดังว่า “อาศัยอะไร? ข้าจะรอพระเชษฐนีห้ากลับมาในที่นี่! มิฉะนั้นข้าก็จะไม่ไป!” เสียงร้องที่น่ารักบริสุทธิ์ส่อความกระฉับกระเฉงดั่งเด็กทารกของเขาในค่ำคืนอันมืดมิด เฉินฮ่าวใจด่วนอยากช่วยชีวิตคน ก็ไม่มีเวลาที่จะปลอบเขา ได้แต่โบกมือให้หวินเหม่ยจับเขาไว้ “พาองค์ชายสิบเอ็ดกลับพระราชวังอย่างปลอดภัย ถ้าเกิดเหตุอันใด เจ้าต้องรับผิดชอบถูกลงอาญา” เสียงแหบแห้งทุ้มลึกดังขึ้น เห็นได้ว่าเขาก็ยังเป็นห่วงพระอนุชาองค์นี้ หวินเหม่ยรีบคว้ามือของเฉินเชร้อทั้งคู่ ยับยั้งการกระทำต่อต้านที่เอาแต่ใจของเขาไว้ ค่อย ๆ ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวออกไปถนนข้างนอก เฉินเชร้อทางหนึ่งออกแรงปีนไปตามกำแพง ทางหนึ่งตะโกนเสียงดังว่า “พระเชษฐาห้า วันนี้พี่ไม่ปล่อยให้ข้ารอพระเชษฐนีห้ากลับมาในที่นี้ พรุ่งนี้ข้าจะให้เสด็จพ่อสถาปนาข้าเป็นท่านอ๋อง พระตำหนักก็สร้างขึ้นที่ข้าง ๆ เจ้า ทุกวันไปหาพระเชษฐนีห้า! ดูว่าเจ้ายังจะส่งข้ากลับพระราชวังได้อย่างไรอีก! ฮืมมม!” เฉินฮ่าวได้ฟังคำพูด หน้าก็ดำไปครึ่งหนึ่งแล้ว เจ้าหนุ่มน้อยนี่ กล้าดียังไงมาขู่เขา? แต่เขาไม่ได้มีเวลาที่จะได้คิดมากมาย เพียงก้มลงไปดูเสี่ยวไป๋ปราดเดียว เจ้าสุนัขนี่ฉลาดมาก เขาจูงสุนัขไปที่มุมของกำแพง ไม่ได้สังเกตเห็นการแสดงออกที่แปลก ๆจากในตาของเซี่ยฮวานจรือ เสี่ยวไป๋ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ ดมที่ในมุมกำแพงทีหนึ่ง แล้วเห่าเสียงดังขึ้นมาทันที วิ่งไปวิ่งมารอบ ๆ ขุดพื้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนกำลังหาอะไร ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจมองดูฉากนี้ รอเสี่ยวไป๋หาร่องรอยของเหลียงซินออกมา ทันใดนั้น เสี่ยวไป๋ก็เริ่มเห่าร้องอย่างรุนแรงหงุดหงิดไปทางทิศใต้ แล้วเริ่มออกวิ่งไป แววตาอันเย็นชาของเฉินฮ่าวมองไปครั้ง รีบบัญชาให้คนติดตามมันไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 75 ตามเถาคลำหาต้นตอ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A