ตอนที่93ฉันหวังว่าจะได้ครองคู่อยู่กับเธอจนแก่เฒ่า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่93ฉันหวังว่าจะได้ครองคู่อยู่กับเธอจนแก่เฒ่า
ต๭นที่93ฉันหวังว่าจะได้ครองคู่อยู่กับเธอจนแก่เฒ่า ฉันคิดว่าจะได้อยู่คนเดียวในเย็นวันนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ว่าสิ่งของที่นภทีป์เตรียมไว้ให้ฉัน กลับทำให้ฉันทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก เมื่อถึงเวลาหกโมงกว่า นภทีป์ก็กลับมา ในขณะที่ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยถามว่าทำไมเขาถึงกลับมา ชายหนุ่มก็เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวในวันส่งท้ายปีเก่าได้อย่างไร” เขาพูดแล้วก็ดึงฉันเดินออกไปข้างนอก ฉันตกใจ “เธอไม่ได้จะพาฉันไปพบพ่อแม่ของเธอจริงๆนะ” “ไม่ใช่ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าจะพาไปเพื่อนไปกินข้าวด้วย” นภทีป์ตอบพร้อมกับเดินนำบังคับให้ฉันเดินไปข้างนอก ราวกับว่าฉันถูกบังคับลากเข้าไปนั่งในรถอย่างไงอย่างงั้น เมื่อนั่งบนรถแล้วฉันอยากจะออกไป เขาไม่เห็นด้วย และสตาร์ทรถ ฉันรู้สึกไม่ยินดี เมื่อถึงชั้นล่างที่บ้านของเขา ฉันอยากจะไปจากที่นั่น แต่ว่านภทีป์มองมาที่ฉัน แล้วแสดงท่าทางน่าสงสาร “ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้ว พวกท่านเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะเลย เธอจะช่วยกินมันหน่อยได้ไหม?” พูดพลางเอามือจับคางไว้แล้วมองฉัน โดนเขามองแบบนั้นแล้วฉันก็รู้สึกอาย ฉันจึงตอบตกลงไปอย่างไม่มีทางเลือก ถึงกระนั้นฉันก็เข้าใจดี ฉันได้มาพบพ่อแม่ของชายหนุ่มในวันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้มันหมายถึงอะไร หลายปีมานี้นภทีป์ดีกับฉันมาก ฉันก็มองเห็น อย่างที่ฉันคิดไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าหากไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกได้ ก็จะใช้ทั้งชีวิตตอบแทน ฉันตามนภทีป์ขึ้นไปชั้นบน เมื่อประตูเปิดออก ฉันเห็นคู่ชายหญิงชราอายุห้าสิบกว่ายืนอยู่ที่ปากประตู พอเห็นฉัน ต่างก็ยิ้มอย่างยินดี “แม่หนู ต้องลำบากเดินทางมา รีบเข้ามาเถอะ” พูดแล้วก็เข้าพาฉันเข้าไปในบ้าน ฉันรู้สึกเกิดความละอาย ขณะที่เดินไปก็พูดว่า “สวัสดีปีใหม่นะคะคุณลุงคุณป้า รู้สึกละอายจริงๆค่ะ วันปีใหม่ยังมารบกวนอีก” “ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลย” คนแก่ทั้งคู่ต่างโบกมือ ฉันเข้าไปด้านใน ก็เห็นโต๊ะทานข้าวที่ไม่ใหญ่มาก วางอาหารไว้ชุดใหญ่ มีปลามีเนื้อ เพราะว่าอาหารเยอะมากจนวางไม่พอ จึงต้องวางจานอาหารซ้อนกัน นภทีป์ห็ฉันนั่งลง ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ มองเข้าไปที่ห้องครัวดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ต้องให้ฉันช่วยทำแล้วจริงๆ จึงพูดว่า “ให้คุณลุงคุณป้านั่งก่อนเถอะค่ะ” พ่อแม่ของนภทีป์ได้ยินฉันพูดเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างยินดี รีบนั่งลง หลังจากนั่งลง พ่อแม่ของเขาก็พูดว่า “ที่นี่พวกเราอาหารบ้านๆธรรมดาๆ ไม่รู้ว่าจะถูกปากเธอหรือเปล่านะ” พูดแล้วก็คีบเนื้อปลาวางลงในชามของฉัน “ขอบคุณค่ะ” นอกจากคำว่าขอบคุณแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก อาหารที่พ่อแม่ของนภทีป์ทำนั้นอร่อยมาก เมื่อถึงตอนค่ำ ดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือฉัน ตักอาหารให้ฉันไม่หยุด จนฉันกินไม่ไหว แต่ว่าพ่อแม่ของเขายังคงให้ฉันกิน สุดท้ายแล้ว นภทีป์เห็นว่าฉันอิ่มแล้วจริงๆ จึงพูดว่า “ฉันกินเองนะ” พูดแล้วก็ตักอาหารออกจากชามของฉัน “อันนั้นฉันกินไปแล้วนะคะ” ฉันหันไปมองนภทีป์ที่คีบอาหารออกไป “ไม่เป็นไร” นภทีป์ไม่รังเกียจ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว โทรทัศน์เริ่มฉายรายการฉลองฤดูใบไม้ผลิ ฉันต้องการช่วยล้างจาน แต่ว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรพ่อแม่ของนภทีป์ก็ไม่ยอมให้ทำ และให้ฉันนั่งพักผ่อน พ่อแม่ของนภทีป์เก็บโต๊ะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นำจากส้มและแอปเปิ้ลเข้ามา นภทีป์หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาหนึ่งลูก แล้วถามฉัน “กินมั๊ย? ฉันจะปอกเปลือกให้” “ไม่…” “ไม่ต้องถามหรอกน่า รีบปอกเปลือกเถอะ” ฉันคิดจะปฏิเสธ แต่คุณพ่อของนภทีป์ก็ส่งมีดปอกผลไม้ให้กับเขาแล้ว อันที่จริงฉันกินจนอิ่มมากแล้วจริงๆ นภทีป์เริ่มปอกเปลือก เขาปอกไปพลางและพูดไปพลางว่า “กินชิ้นเดียวก็พอแล้ว เธอไม่ต้องกินทั้งหมดหรอก” ค่ำวันนั้น เหมือนกับที่นภทีป์บอกฉันไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งพ่อและแม่ของเขาไม่มีใครถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา ฉันและพวกเขานั่งดูรายการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิบนโซฟา และดื่มน้ำผลไม้ ไปด้วย หลังจากเลยเที่ยงคืน ก็ออกไปจุดพลุฉลองด้วยกัน เพราะว่าฉันกลัว นภทีป์จึงปิดหูของฉันไว้ ความเป็นจริงในใจของฉันคืนวันปีใหม่นั้นไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่ว่าทันใดนั้นนภทีป์กลับทำให้ฉัน ตอนตีสอง นภทีป์จึงส่งฉันกลับโรงแรม ในตอนที่จะไปแล้ว พ่อแม่ของเขาก็ให้ซองอั่งเปาแก่ฉัน ฉันปฏิเสธ แต่พวกท่านยังคงต้องการที่จะมอบให้ ฉันจึงรับมา กลับมาถึงโรงแรม ฉันเอนตัวนอนบนเตียง และถึงกับคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง ด้านนอกเสียงจุดพลุยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ปีใหม่ยังคงมีต่อไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว ฉันแอบคิดว่า หรือฉันจะตอบรับนภทีป์ไปดี แต่งงานกับเขา ฉันคงจะมีความสุข วันรุ่งขึ้นนภทีป์ก็มารับฉัน พาฉันไปเที่ยว มีเมืองโบราณอยู่ข้างๆบ้านเกิดเมืองเล็กๆของเขา ในตอนเช้าของวันปีใหม่ มีคนแต่งตัวเป็นเทพแห่งความร่ำรวย และคอยยืนแจกจ่ายขนมอยู่ที่นั่น ผู้คนโดยรอบไม่มาก ตอนที่พวกเขาเห็นฉันก็กระตือรือล้นเข้ามามอบขนมรูปแท่งเงินและเหรียญทองให้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดกับฉันว่า “มั่งคั่งร่ำรวยนะ” เราเพิ่งจะได้รับมา ก็มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาหา เธอคิดว่าพวกเราเป็นคู่รักกัน เธอถามว่าพวกเราอยู่ในโลกของสามีภรรยามาฮันนีมูนใช่ไหม นภทีป์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันครับ” เป็นคำตอบที่มีชั้นเชิงมากๆ เขาไม่ได้ปฏิเสธความสัมพัน์ของพวกเรา ทำให้ผู้ที่ได้ฟังเกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายมาก นักข่าวได้ฟังก็ถามพวกเราเพิ่มอีกหลายคำถาม ในตอนท้ายยังไม่ลืมที่จะอวยพรพวกเราว่า “ขอให้อยู่กันจนแก่เฒ่า” ฉันแกะเหรียญทองคำเพื่อกินชอคโกแลต ก็ได้ยินนภทีป์ที่อยู่ข้างกายฉันพูดว่า “ฉันหวังจะได้อยู่กับเธอไปจนแก่เฒ่านะ” ฉันเงยหน้ามองเขา ชายหนุ่มไม่มองดูฉัน ฉันกวาดตามองเขา แล้วมองเห็นร่างที่คุ้นเคย ดนุนัย? พอลองมองดูอีกที ไม่มีแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นน่าขัน ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าดนุนัยจะอยู่ที่ไหน ก็ต้องไม่ใช่เมืองเล็กๆราคาถูกแบบนี้อยู่แล้ว ในตอนที่ฉันมองไปที่ดนุนัย เขาก็หันกลับมา ยกมือขึ้นแล้วลูบผมฉัน “รุ่นน้อง เป็นแฟนของฉันเถอะนะ อันที่จริงฉันว่าจะให้เวลาเธอ อยากจะให้เวลาเธอมากกว่านี้ แต่ว่า ฉันก็กลัวว่าจะมีคนมาพาเธอไป…” “จะเป็นไปได้อย่างไร…” ฉันก้มหัว ความจริงแล้วถ้าฉันจะต้องหาใครสักคน คนนั้นก็คือนภทีป์ ได้ยินฉันพูดเช่นนี้แล้ว นภทีป์ใช้มือจับคางของฉันไว้ ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นมองดูฉัน ใบหน้าที่หล่อเหลาเข้ามาใกล้ฉัน จริงจังอะไรอย่างนี้ ฉันรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร… ฉันเกิดความสับสน แต่ว่า ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะผลักเขาออกไปหรือเปล่า ฉันมองดูเขา ในใจบอกตัวเองว่า ยอมรับเขาเถอะ ยอมรับเขาเถอะ ที่สุดแล้วเขาดีกับฉันมากเกินไป ฉันรู้ว่าตัวเองควรยอมรับเขา มิฉะนั้นแล้วฉันไม่มีทางตอบแทนเขาได้ ฉันโน้มน้าวใจตัวเอง ค่อยๆปิดตาลงอย่างช้าๆ รอให้ริมฝีปากนั้นมาประทับลง แต่ว่า รออยู่หนึ่งวินาที ฉันก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากอ่อนโยนบนหน้าผากของฉัน วินาทีต่อมาฉันได้บินชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ดูเธอสิกังวลจนมือสั่นไปหมดแล้ว” “อ่า?” ฉันรู้สึกอายขึ้นมา นภทีป์ยื่นมือมาจับมอทั้งสองของฉันไว้แน่นกลางฝ่ามือ ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอ่ยว่า “ฉันจะไม่หุนหัน ฉันรอจนกว่าเธอจะยอมรับฉันด้วยใจจริงนะ” 
已经是最新一章了
加载中