ตอนที่26ฝังพ่อทั้งเป็น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26ฝังพ่อทั้งเป็น
ต๭นที่26ฝังพ่อทั้งเป็น ณ จวนตระกูลเซี่ย หลังจากที่เหว่ยหมิงอุ้มเซี่ยวี่ซื่อที่หลับสนิทเดินเข้ามาในจวน ก็ทำให้นางเฉินซื่อถึงกับตกใจ นางไม่รู้ว่าทำไมอ๋องหยงถึงได้เจอกับเด็กคนนี้ได้ แต่นางกลับกลัวว่าอ๋องหยงจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเด็กคนนี้ หลังจากเซี่ยวี่เสวียนเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง นางก็เคยสังเกตเด็กสองคนนั้นดีๆ คิ้วกับดวงตาเหมือนอ๋องหยงจริงๆ อีกทั้งอ๋องหยงเองก็ใส่ใจเด็กพวกนี้เป็นพิเศษ คิดว่าเขาเองก็น่าจะสงสัยอยู่บ้าง เฉินซื่อยิ้มแล้วเดินขึ้นหน้ามา สายตามองไปยังเซี่ยวี่ซื่อที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา“ท่านอ๋อง ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ ......” “ข้าบังเอิญเจอเด็กคนนี้กลางทาง ก็เลยมาส่งนาง แต่นางกลับเผลอหลับไประหว่างทางที่มา” น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบและเบามาก เหมือนกลัวว่าเด็กน้อยนั้นจะตื่น เมื่อได้ยินดังนั้น นางเฉินซื่อก็โล่งใจ“เด็กคนนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร รบกวนท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องส่งนางมาให้ข้าดีกว่า!” เมื่อเห็นเฉินซื่อยื่นมือมา เหว่ยหมิงก็หลบตัวไปข้างๆ“ไม่ต้องหรอก ข้าไปส่งนางที่ห้องน่าจะดีกว่า”พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจว่านางเฉินซื่อจะตกลงไหม แล้วก็เดินตรงไปที่เรือนของเซี่ยอีอีเลย ภายในเรือนที่สะอาดไม่มีใครอยู่เลย เหว่ยหมิงมองไปที่ห้องของเด็กน้อยทั้งสอง กลับเดินตรงไปที่ห้องของเซี่ยอีอี เขาวางเซี่ยวี่ซื่อลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วก็ค่อยๆดึงหมอนมารองคอของนางไว้ เหว่ยหมิงกำลังจะลุกขึ้น ก็พบว่าเซี่ยวี่ซื่อจับป้ายหยกของเขาเอาไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากดึงมือเล็กๆของนางออกไป ด้วยความจนปัญญา ก็ยิ้มที่มุมปาก แล้วหันกลับไปนั่งที่ริมเตียง ครู่เดียวเท่านั้น เด็กน้อยนอนดิ้นพลิกตัว ในขณะที่มือน้อยๆคลายออก สองเท้าเล็กๆก็ถีบผ้าห่มออก เหว่ยหมิงหันตัวไปดึงผ้าห่มมาห่มให้นาง ปลายตาดันเหลือบไปเห็นของแปลกๆที่ใต้หมอน เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้กับเด็กน้อย เหว่ยหมิงมองไปที่ป้ายหยกผ่านทางในมือ ก็ขมวดคิ้วไม่หยุด ครั้งที่แล้วที่เมืองหวินเฉิง เขาก็บังเอิญเจอไปแล้วครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะเจอมันที่นี่อีก เมืองหวินเฉิง ป้ายหยก เหมียวตู๋เซียน เซี่นอีอี หรือว่าทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกัน? ตอนนี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ เหว่ยหมิงเงยหน้าไปมอง ก็เห็นเซี่ยหวินเทียนเดินเข้ามา เซี่ยหวินเทียนได้ยินจากบ่าวไพร่ว่าอ๋องหยงมา ก็เลยตั้งใจมาดู ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับเหว่ยหมิงถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมเท่ากับจางฮวาย แต่ก็ถือว่าสนิทพอตัว หลายปีมานี้เขามาที่จวนตระกูลเซี่ยน้อยมาก หลายวันก่อนเซี่ยหวินเทียนได้ยินว่าเขามาที่นี่ครั้งหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่สองวัน เขาก็มาอีก “ท่านอ๋องมาถึงทำไมไม่ไปนั่งที่ห้องโถงใหญ่ กลับมาที่ห้องของน้องสาวข้าล่ะ? หากไม่ได้ยินบ่าวไพร่พูดกัน เกรงว่าอาจจะเสียมารยาทที่ไม่ได้ดูแล” “คุณชายเซี่ยเกรงใจไปแล้ว ข้าแค่บังเอิญเจอเด็กคนนี้ระหว่างทาง ก็เลยพานางมาส่ง ไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” น้ำเสียงเย็นชาแบบนี้เซี่ยหวินเทียนฟังจนชินแล้ว อีกอย่างเขาก็เป็นทหารไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก เขาเดินเข้ามาใกล้เตียง มองดูเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับสนิท แต่พริบตาเดียวก็เก็บสายตา“ป้ายหยกในมือของท่านอ๋องหยง ......” เหว่ยหมิงมองไปที่ป้ายหยก แล้วถามว่า“ป้ายหยกชิ้นนี้ เป็นของน้องสาวเจ้าหรอ?” เซี่ยหวินเทียนคิดไปครู่ แล้วหันไปยิ้ม ยื่นมือไปหยิบป้ายหยกมา“ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของข้า ท่านอ๋องคงไม่รู้ หลานของข้าสองคนนี้ชอบของแปลก ทั้งป้ายหยก ป้ายหิน ป้ายทหาร ป้ายราชการ ข้าเห็นว่าพวกเขางอแง ก็เลยเอาป้ายหยกให้พวกเขาเล่น ก็แค่เด็กเล็ก คงไม่ทำพัง” เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้สงสัยอะไร เด็กๆชอบเล่นของอะไรแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร“คุณชายเซี่ย ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านขอให้คุณชายเซี่ยตอบข้ามาตามตรงได้ไหม?” “ท่านอ๋องเชิญกล่าวมาได้” เหว่ยหมิงค่อยหันจากเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียง ถอยออกมาสองสามก้าว“ไม่ทราบว่าคุณชายเซี่ยรู้จักพ่อของเด็กหรือไม่?” เซี่ยหวินเทียนหันไปมองเหว่ยหมิง แล้วก็มองไปที่เซี่ยวี่ซื่อ คิ้วก็ขมวดขึ้น“น้องสาวข้าสติไม่ดีมาหลายปี คิดว่าท่านอ๋องคงทราบดี ส่วนเรื่องที่มาของเด็กสองคนนี้ น้องสาวข้าไม่ยอมพูด ข้าคิดว่า แม้แต่ตัวนางเองก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเด็กเป็นใคร ข้าในฐานะพี่ชาย ไม่เคยรู้เรื่องเด็กสองคนนี้เลยตลอดห้าปี ตอนนี้นางไม่อยากพูดถึงมัน ข้าก็ไม่อยากบังคับ” เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเบาๆไม่ได้พูดอะไร คำพูดของเซี่ยหวินเทียนเขาเชื่อแต่ก็ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าพ่อของเด็กคือใคร แต่เขาไม่เชื่อว่าเซี่ยอีอีจะไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคือใคร ผู้หญิงคนนั้นฉลาดมาก คิดว่านางก็คงปกปิดพี่ชายของตัวเองเช่นกัน! “เอ๋ ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ในห้องของข้า?” เสียงสงสัยดังขึ้น ทำให้เหว่ยหมิงกับเซี่ยหวินเทียนต้องหันไปมองพร้อมกัน เห็นคนสวมชุดสีขาว เหว่ยหมิงยิ้มเบาๆ“กลับมาแล้วหรอ?” เสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ทำให้เซี่ยหวินเทียนตกใจ ส่วนเซี่ยอีอีกลับเขม็งเขาอย่างไม่อยากเจอ พูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า“ทำไมท่านมาที่นี่อีก ?” “อีอี”เซี่ยหวินเทียนเรียกด้วยน้ำเสียงตำหนิ แล้วก็เดินเข้าไปใกล้“ท่านอ๋องไปเจอซื่อเอ๋อระหว่างทาง ก็เลยพานางมาส่ง” ได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็หันไปมอง แล้วก็มองไปเตียงที่เหว่ยหมิงที่ยืนบังอยู่ แล้วขมวดคิ้ว พูดกับเหว่ยหมิงด้วยความแปลกใจว่า“เจอระหว่างทางงั้นหรอ? ทำไมบังเอิญอย่างนั้นล่ะ?”พูดจบ นางก็เดินเข้าไป นั่งที่ริมเตียง จับไปที่ใบหน้าของลูกสาว แล้วหันกลับมา จ้องแล้วตะคอกไปที่เหว่ยหมิงว่า“เจ้าทำอะไรนาง?” “เจ้าทำอะไรนาง?” เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เขามองไปที่คนที่กำลังโกรธ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อรู้ว่าเขาต้องไม่เข้าใจแน่ๆ เซี่ยอีอีจึงอธิบายให้เขาฟัง“ลูกๆของข้าไม่มีนิสัยต้องนอนกลางวัน นอกจากว่าจะร้องไห้มาอย่างหนักนางถึงจะหลับไป เหว่ยหมิง เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องกลับรังแกเด็กตัวเท่านี้ เจ้ายังเป็นคนอยู่ไหม?” “อีอี อย่าเสียมารยาท”นางเอ่ยชื่อเขาไปตรงๆ แถมยังหาว่าเขาไม่ใช่คนอีก เซี่ยหวินเทียนได้ยินถึงกลับตกใจ ในเมืองๆนี้ จะมีใครกล้าพูดกับอ๋องหยงแบบนี้? “คุณชายเซี่ย รบกวนท่านออกไปสักครู่ได้ไหม ข้ามีเรื่องพูดกับน้องสาวของท่านเป็นการส่วนตัว”เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นแต่กลับไม่โกรธ เสียงที่เรียบเฉยแบบนั้นกลับทำให้เซี่ยหวินเทียนกังวลมากกว่า “เอ่อ ......” เซี่ยอีอีมองตาขวาง แล้วจ้องไปที่เหว่ยหมิงแบบไม่เกรงใจ“ท่านพี่ ท่านออกไปก่อนเถอะ เขากินข้าไม่ได้หรอก ข้ากลัวเขาไม่ย่อยได้อีก” เซี่ยหวินเทียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา“ท่านอ๋อง ปกติน้องสาวข้าทำอะไรตามอำเภอใจไป หวังว่าท่านจะไม่ใส่ใจ” “วางใจเถอะ ข้าก็แค่มีเรื่องจะพูดกับนางเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” เมื่อได้รับคำยืนยันแบบนี้ เซี่ยหวินเทียนก็เบาใจ เขาก็หันหลังเดินออกไป ก่อนออกไปก็ยังไม่ลืมที่จะเน้นย้ำอีกว่า“อีอี ห้ามทำอะไรเหลวไหลนะ” คำพูดนี้เซี่ยอีอีฟังแล้วไม่ค่อยชอบใจนัก อะไรคือนางทำอะไรเหลวไหล นางทำอะไรเหลวไหลตอนไหนกัน? นางกำลังจะเถียงกลับ แต่เซี่ยหวินเทียนก็ปิดประตูห้องไปแล้ว เซี่ยอีอีจ้องไปที่เหว่ยหมิงด้วยความโกรธ“มีอะไรก็พูดมา!” เมื่อสิ้นเสียง แขนบางเฉียบของนางก็ถูกจับขึง ร่างกายถูกจับพิงกับเสาเตียง การสัมผัสของริมฝีปากที่อ่อนโยนทำให้เซี่ยอีอีตกใจไปชั่วขณะ นางพยายามออกแรงดิน แต่มือของนางกลับถูกจับแน่นมากกว่าเดิม ฟันถูกเปิดออกและตามมาด้วยลิ้นที่สอดประสาน ดวงตากลมโตตะลึงด้วยความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือความโกรธ มือที่ถูกจับไว้กำหมัดแน่น นิ้วมือทั้งสองยื่นออกมา คิดที่จะลอบทำร้ายเขา แต่กลับถูกเหว่ยหมิงขวางไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าที่เย็นชายิ้มอย่างมีเลศนัย เหว่ยหมิงก้มหน้ามองมือที่ถูกเขาขวางเอาไว้ นิ้วมือที่ยื่นมาก็หดกลับไป “ทำไม คิดจะสกัดจุดข้าหรอ?”เหว่ยหมิงมองไปยังคนที่กำลังโกรธอยู่ ในใจก็รู้สึกดีใจแปลกๆ พริบตาเดียว เซี่ยอีอีที่กำลังโกรธอยู่ก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทางประจบ นางยกคิ้วโก่งขึ้นข้างหนึ่ง แล้วมองไปที่มือที่อยู่บนคอของเขาว่า“ท่านอ๋องรุงแรงเกินไป ทำให้ข้าเจ็บ” เห็นนางท่าทางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เหว่ยหมิงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แถมยังรู้สึกสนใจมากขึ้นอีกด้วย เขาอยากจะรู้ว่าขอบเขตของนางอยู่ตรงไหน เขาคลายมือที่บีบนางออก แต่กลับยังไม่ยอมปล่อย ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ หากปล่อยนางไป ใครจะรู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก? เมื่อเห็นเหว่ยหมิงไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยมือ เซี่ยอีอีก็ไม่ได้คิดจะปาวความอีก นางเงยหน้า ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า“ท่านอ๋องมาคืนเงินข้าหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ นางยิ้มมุมปาก ยังยิ้มสดใสกว่าเติมอีก“ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรอ วันนั้นท่านทำขลุ่ยหยกของข้าหัก นั่นมันหยกชิงเหลียนอย่างดีเลยนะ หาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาทำ ราคาพันตำลึงเลยนะ ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะแล้วกันไปหรอกใช่ไหม?” เมื่อนางพูดขึ้นมา เหว่ยหมิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาทำขลุ่ยของนางหักจริงๆ จากคุณภาพของหยกกับเสียง ก็เป็นของราคาสูงจริงๆ เหว่ยหมิงจับมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน แล้วลูบไปนิ้วมือที่สวยงามของนาง“ก็แค่ขลุ่ยหยกชิ้นเดียว เดี๋ยวข้าหามาคืนเจ้าเอง” เซี่ยอีอีมองไปนิ้วมือที่ถูกจับ รีบดึงกลับมาทันที แล้วยื่นมือนั่นไปบริเวณเอวของเขา เหมือนจะยั่วยวน“หยกแบ่งเป็นสามหกเก้าระดับ ข้าชอบหยกระดับเก้า มีวาสนากับหยกระดับนี้เท่านั้น ท่านอ๋องอย่าเลือกผิดล่ะ” ถึงแม้เหว่ยหมิงจะไม่ใช่คนชอบหยกเท่าไหร่นัก แต่ก็พอรู้เรื่องระดับของหยกอยู่บ้าง โดยเฉพาะในสายตาของคนรักหยกแล้ว วาสนากับหยกแล้วจะทำเล่นๆไม่ได้ แต่ว่า ผู้หญิงที่ถูกตระกูลเซี่ยทอดทิ้งไม่แยแสคนนี้ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ด้วยล่ะ ซึ่งมันทำให้เหว่ยหมิงประหลาดใจมาก “เจ้ารู้เรื่องหยกด้วยหรอ?” “พอรู้บ้าง” “ตอนเจ้าอยู่ที่เมืองหวินเฉิง คนของตระกูลเซี่ยดูแลเจ้าบ้างไหม?” “มีแค่พี่ชายข้าเท่านั้นแหละที่สนใจ” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงหรีตาลง แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า“แค่เบี้ยหวัดของแม่ทัพเซี่ย นอกจากกินอยู่แล้ว มันพอให้เจ้าสะสมหยกได้หรอ” เซี่ยอีอีเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วตอบว่า“ท่านอ๋องไม่รู้อะไร สะสมหยกเล่นมันไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้เงินอย่างเดียว มีแค่พวกที่ไม่รู้แต่แกล้งรู้เท่านั้นแหละ ถึงจะใช้เงินมาป่าวประกาศว่าตัวเองรู้เรื่องหยก ส่วนข้า ใช้หยกแลกหยก ไม่เคยใช้เงินแลกมาเลย” คำพูดที่ดูอวดดีแบบนี้หากมาจากปากคนอื่น เหว่ยหมิงคงไม่ทน แต่เมื่อมันออกมาจากปากนาง เขากลับรู้สึกว่าน่าสนใจ เขามองไปคนที่อยู่ตรงหน้าอยู่นาน เหว่ยหมิงก็ปล่อยมือที่จับนางไว้ หันหลังไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหลัง“พ่อของเด็กคือใคร?” เซี่ยอีอีนวดมือที่เจ็บ แล้วก็เขยิบออกห่างจากเขาจึงค่อยจ้องเขาด้วยตาโตอย่างวางใจ หลังจากนั้น ก็นั่งลงบนขอบเตียง แล้วพูดว่า“พ่อของเด็กๆตายไปหลายปีแล้ว หากเจ้าอยากพบเขา คงต้องไปถามหาที่ยมโลก” “เซี่ยอีอี” เหว่ยหมิงเรียกไปด้วยความไม่พอใจ คำพูดแบบนี้มันจงใจประชดประชันเขาชัดๆ เขาจะไปเชื่อได้ยังไง? เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างรังเกียจว่า“ตะโกนทำไม? ลูกสาวข้าหลับอยู่ เจ้าไม่เห็นหรือไง?” เหว่ยหมิงมองไปยังเด็กน้อยที่หลับสบาย แล้วก็มองมาที่เซี่ยอีอีอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเบาว่า: “เจ้าบอกว่าพ่อของเด็กตายแล้ว ต่อให้ตายไปแล้วจริงเจ้าก็น่าจะรู้ชื่อของเขาจริงไหม!” เซี่ยอีอีก้มหน้าถอนหายใจ“เห้อ ใครจะไปรู้ชื่อผู้ชายที่โชคร้ายนั่นล่ะ ตอนนั้นข้าสติไม่ดี ยั่วยวนผู้ชายไปทั่ว คนในจวนก็ไม่มีใครห้ามข้าได้ ทำได้แค่จับผู้ชายที่ข้ายั่วยวนเหล่านั้นจับฝังทั้งเป็น ดังนั้น พ่อของเด็กก็ตายไปจนหมดแล้ว ต่อให้โชคดีรอดมาได้ ใครจะกล้ายอมรับว่าพวกเขาเป็นพ่อของเด็กล่ะ!” หากเหว่ยหมิงเชื่อคำพูดเหลวไหลแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องสติไม่ดีแน่ๆ แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้รู้จักเซี่ยอีอี ได้มองนางเล่าเรื่องเหลไหลอย่างไม่ต้องหลับตา คิดไปคิดมาก็คงไม่ได้อะไรจากปากของนางแน่ๆ เหว่ยหมิงก็ไม่คิดที่จะให้นางพูดอะไรไร้สาระต่อไป พูดคุยกันอีกเล็กน้อย แล้วเขาก็จากไป เหว่ยหมิงเพิ่งไปแล้ว เซ่ยหวินเทียนก็เข้ามา ความเร็วแบบนี้ เหมือนว่าเขาเฝ้าที่หน้าห้องรอเขาไปอย่างนั้น “ท่านพี่ ท่านมีอะไร?” เซี่ยอีอีมองไปที่เซี่ยหวินเทียนอย่างแปลกๆ “อีอี เจ้าบอกข้ามาตามตรง เจ้ากับอ๋องหยงรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม? หรือว่า ...... ระหว่างพวกเจ้ามีอะไรอย่างนั้นใช่ไหม?” เซี่ยอีอีจ้องไปที่เซี่ยหวินเทียนอยู่นาน แล้วก็ยิ้ม“จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าจะรู้จักเขาได้ยังไงกันล่ะ?” เซี่ยอีอีกลับมาคราวนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก สำหรับเซี่ยหวินเทียน ถึงแม้ว่านางจะยังเป็นน้องสาวของเขา แต่เขากลับอ่านใจนางไม่ออกเลย คำพูดของนางทำให้เขาไม่แน่ใจว่าจริงหรือหลอก เรื่องที่นางทำมักทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล “ถ้าพวกเจ้าไม่รู้จักกัน ทำไมอ๋องหยงถึงได้มาหาเจ้าหลายต่อหลายครั้งแบบนี้? หากไม่รู้จัก ทำไมเขาถึงได้มาส่งซื่อเอ๋อด้วยตัวเองแบบนี้ล่ะ? อีอี เจ้ารู้หรือเปล่า ขอแค่เป็นคนสนใจ มองแวบเดียวก็ดูออกว่าตากับคิ้วของเด็กสองคนนั้นเหมือนอ๋องหยงไม่มีผิด เจ้าคิดที่จะรอให้คนอื่นเข้าเปิดเผยเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยพูดความจริงงั้นหรอ?” ก่อนหน้านี้เซี่ยหวินเทียนไม่ได้รู้สึกว่าเด็กสองคนนี้หน้าตาเหมือนใคร เพียงแต่คิดว่าเพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ดังนั้นเขาเห็นเด็กสองคนนี้ก็รู้สึกคุ้นเคย แต่ว่า เมื่อกี้ที่เห็นเหว่ยหมิงกับเซี่ยวี่ซื่ออยู่ด้วยกัน เขาถึงรู้ว่าความคุ้นเคยที่มีมาตลอดเป็นเพราะอะไร เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ก่อนเซี่ยอีอีไปจากเมืองหลวงก็ชอบเหว่ยเฉินมาตลอด แต่ทำไมเด็กถึงหน้าตาเหมือนเหว่ยหมิงได้! เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็มองไปยังเซี่ยวี่ซื่อที่หลับสนิทอยู่ แล้วก็ยิ้มเบาๆ 
已经是最新一章了
加载中