ตอนที่28ไปหาพ่อ
1/
ตอนที่28ไปหาพ่อ
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่28ไปหาพ่อ
ตนที่28 ไปหาพ่อ อาคารเสาไม้สีแดง อาคารโบราณที่มีกลิ่นหอม เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เป็นสถานที่นัดชุมนุมของเหล่าเศรษฐีมีเงิน ในนั้นมีอาหารชั้นเลิศ แต่ราคาก็ไม่เบาเช่นกัน เพราะน้ำชากาเดียวก็ต้องจ่ายถึงเกือบหนึ่งตำลึง “ที่นี่หรอ? เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้มาผิด?”ที่หน้าร้านอาหาร เงาเล็กๆสองคนยืนมองมาที่ชั้นสอง ไม่นานนัก เซี่ยวี่ซื่อมองไปที่เซี่ยเฉินวี่อย่างสงสัย ร้านแห่งนี้ถือว่าดี แต่กลับไม่ใช่ร้านที่หรูที่สุดในเมืองหลวง เซี่ยวี่ซื่อมักจะเข้าออกร้านที่ดีที่สุดเท่านั้น ร้านรองแบบนี้ นางไม่ค่อยเข้า เซี่ยเฉินวี่ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าสักเท่าไหร่“ถูกต้อง ข้าสืบมาแล้ว ที่นี่แหละ” “ก็ได้ งั้นเราเข้าไปกันเถอะ!”พูดจบ เซี่ยวี่ซื่อก็เดินเข้าไป เซี่ยเฉินวี่เดินตามไปที่หลัง กลังจากที่เข้าร้านไปแล้ว ก็ทำท่าทางเหมือนคุณชายยังไงอย่างนั้น หลังจากที่เข้าร้านไปแล้ว เซี่ยวี่ซื่อก็เดินเข้าไปตรงกลาง แล้วกระดิกนิ้วเรียกเสี่ยวเอ้อมา“เจ้ามานี่ซิ ข้าจะนั่งที่ตรงนั้น” เสี่ยวเอ้อหันไปมองที่ๆนางชี้ แล้วพูดด้วยความลำบากใจว่า“แม่นางน้อย ท่านมาคนเดียวหรอ? ถ้าไง เราไปนั่งที่อื่นดีไหม?” เมื่อพูดจบ ก็มีเงาอีกคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในสายตาของเสี่ยวเอ้อ เมื่อเห็นเด็กที่มีสีหน้าท่าทางเหมือนกัน เสี่ยวเอ้อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เซี่ยวี่ซื่อเงยหน้าเล็กๆขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า“ข้ามากับพี่ชายของข้า เราจะนั่งตรงนั้น ที่อื่นเราไม่นั่ง เจ้าไปย้ายที่นั่งให้พวกเขาจะดีกว่า” เสี่ยวเอ้อไม่ค่อยรู้อะไร ก็เลยไม่รู้ว่าพวกเขามาจากตระกูลไหน คนที่เข้ามากินอาหารที่นี่ต่างก็เป็นคนฐานะสูง ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยพบเด็กปีศาจสองคนในตำนาน แต่สองพี่น้องชุดม่วง ไม่ว่าใครในเมืองหลวงก็คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน สองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นถูกเซี่ยวี่ซื่อชี้จนอึดอัด ก็เลยเรียกคิดเงินแล้วออกไป แต่ต่อให้สองคนนั้นจะไปแล้ว เสี่ยวเอ้อกลับยังไม่พาพวกเขาไปนั่ง เพราะร้านของพวกเขาคือร้านอันดับหนึ่งไม่ใช่ร้านอาหารทั่วไป พวกเขาเป็นเด็ก หากกินแล้วไม่จ่าย ตัวเขาชดใช้ไม่ไหว “ท่านลูกค้าน้อยทั้งสอง ท่านมากันเองงั้นหรอ? พ่อแม่ของพวกท่านล่ะ เดินหลงกันหรือเปล่า?” คำพูดแบบนี้หากพูดให้เด็กคนอื่นฟัง ก็คงไม่แปลกอะไร แต่เมื่อพูดกับพวกเขาสองคน พวกเขากลับไม่ยิ้ม เซี่ยวี่ซื่อหยิบตั๋วเงินหมื่นตำลึงออกมาจากหน้าอก แล้วยื่นแกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าเสี่ยวเอ้อ“ตอนนี้เราคงไม่ต้องให้พ่อแม่มาด้วยแล้วใช่ไหม?” เสี่ยวเอ้อยิ้มแบบเขินๆ รีบจัดแจงที่นั่งให้กับเศรษฐีน้อยทั้งสองอย่างรวดเร็ว “เฮ้ หมิง เจ้าว่าเด็กสองคนนี้ คือคนตระกูลเซี่ยที่ทั้งเมืองหลวงกำลังพูดถึงกันอยู่ใช่ไหม?” ที่ชั้นสอง ตำแหน่งที่เหว่ยหมิงนั่งอยู่สามารถมองลงมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างพอดี ส่วนตำแหน่งที่นั่งที่เซี่ยวี่ซื่อเลือก ก็สามารถสบตากับเขาพอดี ร้านแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวที่เขาเข้าออกเป็นประจำ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเด็กแสบสองคนที่นี่ด้วย เมื่อได้ยินจางฮวายพูดมาแบบนั้น เหว่ยหมองก็หันกลับมา“อืม ใช่แล้วเด็กสองคนนี้แหละ” จางฮวายเคยได้ยินเรื่องของพวกเขามาบ้าง แต่เมื่อได้พบวันนี้ กลับรู้สึกสนใจมาก “เหอะเหอะ เด็กตัวแค่นี้กล้ากำแหงขนาดนี้เลยหรอ น่าสนุกดีนิ” ทันใดนั้นเอง จางฮวายก็ลุกขึ้นค่อยๆสังเกตเด็กสองคนนั้นอย่างละเอียด แล้วก็ตบไปที่บ่าของเหว่ยหมิง พูดอย่างตกใจว่า: “เฮ้เฮ้เฮ้ เจ้าดูเร็ว นี่มันเด็กที่ครั้งที่แล้วขว้างทองมาโดนข้าใช่ไหม? ทำไมเป็นนางล่ะ?” เหว่ยหมิงไม่ได้สนใจความตกใจของจางฮวายเลย พูดอย่างเรียบเฉยว่า“ใช่ เป็นนางจริงๆ” เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็กลับไปนั่งที่ เขาถามเหว่ยหมิงอย่างแปลกใจ“เจ้ารู้จักพวกเขางั้นหรอ? ครั้งที่แล้วนางบอกว่าคนที่นางจะทำร้ายคือเจ้า เจ้ามีความแค้นกับพวกเขางั้นหรอ?” ไม่ได้รอเหว่ยหมิงตอบ ทันใดนั้นเองที่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงความวุ่นวาย จางฮวายมัวแต่สนใจอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยไม่ได้สนใจว่ามีความแค้นกันจริงหรือเปล่า จางฮวายเดินไปดูอีกครั้ง เหว่ยหมิงทนไม่ไหวก็หันไปมองด้วยเช่นกัน “คุณชายคุณหนูน้อย พวกท่านมากันแค่สองคน สั่งเยอะขนาดนี้ท่านกินกันไม่หมดหรอก!” เห็นพวกเขาสั่งอาหารมากมดทั้งร้าน เสี่ยวเอ้อตกใจมากจริงๆ ถึงแม้รายการอาหารของพวกเขาจะมีไม่มากนัก แต่ก็มีกว่าสามสิบอย่าง ราคาที่ถูกที่สุดของร้านอย่างน้อยก็ต้องร้อยสองร้อยตำลึง เด็กสองคนนี้กลับสั่งไปแล้วกว่ายี่สิบอย่าง แถมเลือกแต่ที่ราคาแพงๆทั้งนั้น เขาเองก็เจอคนมีฐานะมาไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครสั่งมากมายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้ เซี่ยเฉินวี่มองไปที่เสี่ยวเอ้อด้วยสายตาที่เยือกเย็น“น้องสาวข้าเลือกกินมาก อาหารพวกนี้อาจจะไม่ถูกปากนางเลยก็ได้ เจ้าก็เอามาตามที่เราสั่งนั่นแหละ เราไม่โกงเงินเจ้าหรอก” เมื่อเห็นเด็กผู้ชายท่าทางเยือกเย็น จางฮวายก็ถึงกลับชื่นชม“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ เด็กคนนั้นไม่เหมือนเด็กเลยสักนิด ผู้ใหญ่ในร่างเด็กชัดๆ” เหว่ยหมิงมองไปที่เด็กทั้งสองที่อยู่ด้านล่าง แล้วยิ้มมุมปาก คิดในใจว่า หากเจ้าเคยเห็นพวกเขาลงมือ เกรงว่าจะน่าสนุกกว่านี้เยอะ เสี่ยวเอ้อเห็นพวกเขายืนยันที่จะสั่งอาหารเหล่านั้น ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ก็เลยสั่งให้ห้องครัวไปทำมาตามนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง เสี่ยวเอ้อก็กลับมาพร้อมกับอาหารยี่สิบกว่าอย่าง วางกันจนเต็มโต๊ะ เมื่อเห็นเด็กสองคนนั้นจ้องไปที่อาหารแต่ไม่ขยับหรือเคลื่อนไหวใดๆ เสี่ยวเอ้อก็รู้สึกแปลกใจ“ท่านทั้งสอง อาหารที่สั่งมาครบแล้ว เชิญทานได้เลย” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยเฉินวี่ก็มองไปที่เซี่ยวี่ซื่อ เซี่ยวี่ซื่อยักคิ้วแล้วยิ้ม หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบไปที่อาหารจานแรก“ไก่ตุ๋นโสมนี่ไม่ใช้โสมป่าหรอ? แถมไก่ยังใช้ไก่แก่ด้วยใช่ไหม?”เซี่ยวี่ซื่อคีบโสมขึ้นมาแล้วโยนใส่ชามซุปไก่ “เอากลับไป”เซี่ยเฉินวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสี่ยวเอ้อได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แล้วก็ค่อยๆยกซุปไก่ออกไป หลังจากนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็ใช้ตะเกียบคีบไปที่เนื้อหอยเป๋าฮื้อ นางคีบหอยเป๋าฮื้อเข้าปาก“ถุย นี่มันมีเนื้อหอยเป๋าฮื้อไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสามเลยก็เอามาให้ข้ากินแล้วงั้นหรอ”นางเขวี้ยงตะเกียบทิ้ง แม้แต่หอยเป๋าฮื้อในจานก็กลิ้งไปกลิ้งมา “เอาออกไป” เซี่ยเฉินวี่พูดอีกครั้ง “กุ้งนี่ก็ไม่สด” “เอาออกไป” “เนื้อวัวนี่ก็เหนียวเกินไป” “เอาออกไป” “หอยนี่ก็ไม่ได้มาจากทะเลตะวันออก” “เอาออกไป” เมื่อเห็นทั้งสองแทบจะไม่กินอาหารบนโต๊ะสักคำแต่กลับถูกยกออกไปจนเกือบหมด เสี่ยวเอ้อปากก็สั่นไม่หยุด ครู่เดียวเท่านั้น ทั้งโต๊ะก็เหลืออาหารแค่จานเดียวเท่านั้น เนื้อปลาที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม เสี่ยวเอ้อใจสั่นแรงมาก อาหารของร้านพวกเขาคือที่สุดในเมืองหลวง น้อยคนนักที่จะเลือกมากขนาดนี้ แต่เด็กสองคนนี้กลับไม่กินเลยแม้แต่อย่างเดียว เห็นอาหารเหลือจานสุดท้ายบนโต๊ะ เซี่ยเฉินวี่ก็เงยหน้าไปมองเซี่ยวี่ซื่อ มองจากภายนอกก็เหมือนไม่มีปัญหาอะไร อาหารจานนี้ไม่มีความผิดปกติใดๆ เซี่ยวี่ซื่อขยับปากเคี้ยว หลังจากนั้นก็คีบเนื้อออกมาจากปาก “เห้อ!” “มีอะไรหรือเปล่า? ไม่ดีอีกงั้นหรอ?”เสี่ยวเอ้อรีบถาม เซี่ยวี่ซื่อวางตะเกียบลง ส่ายหัว“นี่เป็นเนื้อปลากะพงธรรมดา ไม่ใช่เนื้อปลาปักเป้า อาหารของร้านเจ้าทำข้าผิดหวังมาก ร้านอย่างนี้ ยังกล้าเก็บค่าอาหารแพงๆอีกงั้นหรอ? หลอกลวงกันชัดๆนี่นา?” “เอ่อ ......” “ฮ่าฮ่าฮ่า หมิง เจ้าเห็นไหม เด็กสองคนนี้น่าสนใจจริงๆ” จางฮวายหัวเราะออกมาแบบนี้ ทำให้เซี่ยวี่ซื่อมองตามเสียงหัวเราะไป สายตาก็ไปสะดุดเข้า นางยกมือขึ้นมาโบกแล้วตะโกนเสียงดังว่า: “ท่านพ่อ” เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของจางฮวายก็แข็งทื่อไป เขาชี้ไปที่ตัวเอง แล้วพูดจาติดอ่างว่า“ท่านพ่อ พ่อ พ่อ หรอ? ข้าไปเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ......” เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แล้วก็ขมวดคิ้ว มองดูเด็กน้อยที่โบกมืออยู่อย่างดีใจ ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบาย เขามองไปที่จางฮวายที่กำลังตกใจ แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า“ไม่ได้หมายถึงเจ้า”หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินไป จางฮวายเหมือนยังไม่ได้สติ เขาเห็นเหว่ยหมิงเดินไป เขาก็รีบตามเขาไป ที่ชั้นล่าง ทุกคนต่างมองขึ้นไปด้วยความแปลกใจ ทุกคนรู้ว่าเด็กปีศาจสองคนนี้ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ทำไมจู่ๆถึงได้มีพ่อขึ้นมาล่ะ? เมื่อคนที่เดินลงมาคือเหว่ยหมิง ทุกคนก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นเหว่ยหมิงเดินมา เซี่ยวี่ซื่อก็รีบลงมาจากเก้าอี้ กางแขนออกแล้วก็วิ่งพุ่งเข้าหาเหว่ยหมิง นางเกาะไปที่ขาแล้วพูดกับเขาด้วยความอ่อนหวาน“ท่านพ่อ” เหว่ยหมิงก้มหน้ามองไปที่เด็กน้อย แล้วขมวดคิ้ว“เจ้าบอกว่าข้าเป็นพ่อของเจ้างั้นหรอ?” เซี่ยวี่ซื่อยิ้มแล้วพยักหน้า“อืม ท่านพ่อบุญธรรม ครั้งที่แล้วท่านอุ้มข้า ท่านจำไม่ได้แล้วงั้นหรอ?” เคยอุ้มก็เป็นพ่อแล้วหรอ? คำพูดแบบนี้ทำให้เหว่ยหมิงทำอะไรไม่ถูก เขานั่งลงไปลูบหัวของนาง “พ่อจะมาเรียกเหลวไหลแบบนี้ไม่ได้นะ หากทุกคนเคยอุ้มเจ้าแล้วเจ้าก็เรียกแบบนี้ มันจะวุ่นวายนะ” เซี่ยวี่ซื่อหัวเราะ แต่ไม่มีเสียง ร่างเล็กๆของนางโผล่สู่อ้อมกอดของเขา นางจะทำให้วุ่นวายได้ยังไงกันล่ะ? ในโลกนี้ คนที่มีสิทธิอุ้มนางมีไม่กี่คนเท่านั้น แล้วคนเหล่านั้นต่างก็มีสถานะของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีทางวุ่นวายได้หรอก “เซี่ยวี่ซื่อ เราต้องไปแล้ว”เซี่ยเฉินวี่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ เห็นเซี่ยวี่ซื่อสนิทสนมกับเหว่ยหมิง เขาก็ไม่พอใจ “ซื่อเอ๋อต้องไปแล้ว ลาก่อนท่านพ่อ”เซี่ยวี่ซื่อหันหลังจะไป แต่กลับถูกเสี่ยวเอ้อรั้งเอาไว้ เขาไม่รู้จักเด็กสองคนนี้ แต่อ๋องหยงเขารู้จักดี เด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกอ๋องหยงว่าพ่อ ส่วนอ๋องหยงก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเด็กสองคนนี้มีเรื่องด้วยไม่ได้แน่ๆ เสี่ยวเอ้อยิ้มแล้วพูดกับเซี่ยวี่ซื่อว่า“ลูกค้าทั้งสอง พวกท่านยังไม่ได้จ่ายเงินเลย” เซี่ยวี่ซื่อมองไปที่เสี่ยวเอ้อ แล้วถามว่า“ของๆเจ้าข้าไม่ได้กินเลย แล้วทำไมต้องจ่ายเงินด้วย?” เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวเอ้อก็ตกใจ“เอ่อ แต่ว่าอาหารก็ขึ้นโต๊ะจนครบแล้ว พวกท่านไม่กินมันเอง!” “ของๆพวกเจ้าถ้าขึ้นโต๊ะมาแล้ว เราก็ต้องกินมันงั้นหรอ?”เซี่ยวี่ซื่อหันหัว แล้วก็ทำเป็นเด็กไร้เดียงสา “เอ่อ เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่แบบนั้น” “แค่นี้ก็ชัดแล้วไม่ใช่หรอ?” เซี่ยวี่ซื่อแบมือออก หันหลังเตรียมจะจากไป ราคาอาหารมื้อนี้ไม่น้อย เสี่ยวเอ้อจะปล่อยพวกเขาไปได้ยังไงกัน เขารั้งตัวพวกเขาไว้อีกครั้ง แต่กลับเห็นเซี่ยวี่ซื่อหันไปยิ้มให้กับเหว่ยหมิง “ท่านพ่อต่อไปอย่ามากินร้านนี้อีกนะ มันไม่อร่อยจริงๆ” คำว่า‘ท่านพ่อ’เรียกซะจนเหว่ยหมิงแอบดีใจโดยไม่รู้ตัวลึกๆ เขามองไปที่เสี่ยวเอ้อแล้วพูดว่า“ให้พวกเขาไปเถอะ ค่าอาหารข้าจ่ายเอง” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หันหลังแล้วก็เดินจากไปพร้อมเซี่ยเฉินวี่ “ทำไมเจ้าต้องไปเรียกเขาว่าท่านพ่อด้วย?”เมื่อออกมาจากร้าน เซี่ยเฉินวี่ก็จ้องไปที่เซี่ยวี่ซื่อด้วยความไม่พอใจ เซี่ยวี่ซื่อมองเขาไปด้วยความไม่สนใจ “แล้วมันทำไมล่ะ? เขาก็เป็นนิ อีกอย่าง วันนี้เจ้าบอกให้ข้าแสดง ตอนนี้ข้าก็ทำให้แล้วไง เจ้าจะเอายังไงอีก?” เมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้ เซี่ยเฉินวี่ก็โกรธจนหน้าแดง พูดด้วยความดุว่า“สรุปแล้วก็คือ ต่อไปเจ้าห้ามเรียกเขาแบบนั้นอีก” เมื่อเห็นเขาโกรธจนควันออกหู เซี่ยวี่ซื่อก็เลยพยักหน้า“เอาล่ะ เอาล่ะ ต่อไปข้าจะไม่เรียกเขาแบบนั้นอีก โกรธอะไรนักหนา? เรารีบไปเถอะ เกิดเขารู้ตัวจะแย่เอา” ............ ในรถม้า สีหน้าของเหว่ยหมิงจริงจัง มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะระเบิดมันออกมา ด้านหนึ่งก็เห็นจางฮวายกุมหัวแบบไม่เข้าใจ “เจ้าบอกว่า เงินของเจ้าถูกเด็กน้อยสองคนเอาไปงั้นหรอ?” นี่ถือเป็นครั้งที่สามแล้ว เด็กสองคนนั้นกลับขโมยของจากเขาถึงสามครั้ง แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลย เด็กสองคนนั้น ตั้งใจไม่จ่ายเงิน เขาต้องจ่ายเงินแทน นางกลับขโมยเงินของเขาไป อีแปะเดียวก็ไม่เหลือเอาไว้ให้เขา มันทำให้โกรธมากจริงๆ “เฮ้ เจ้าไปทำอะไรให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจงั้นหรอ? ครั้งที่แล้วก็ลอบทำร้ายเจ้า ครั้งนี้ก็ตะโกนเรียกเจ้าว่าพ่อในที่สาธารณะ แถมยังแอบขโมยเงินเจ้าไปอีก ทำให้เจ้าขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ดูท่า ความแค้นของพวกเจ้านี่ไม่เบาเลยนะ! เจ้าเคยคิดบ้างไหม เมื่อนางเรียกเจ้าว่าพ่อแล้ว พรุ่งนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะต้องพูดกันว่าอ๋องหยงผู้ครองโสดจู่ๆก็มีลูกสาวโผล่มา เหอะเหอะ ยินดีกับเจ้าด้วยจริงๆ!” เมื่อได้ยินเขาพูดที่เล่นที่จริงแบบนั้น เหว่ยหมิงทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ เขาก็ดูถูกเด็กสองคนั้นจริงๆ นางเหมือนแม่ของนางมาก หลอกให้คนตายใจแต่ไม่ชดใช้ ในปากไม่มีอะไรที่เป็นความจริงสักอย่าง! ทันใดนั้นเอง เสียงประทัดก็ดังขึ้น ทำให้ม้าตกใจ รถม้าก็ขยับไปมา เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว แล้วจับขอบรถม้าเอาไว้ จางฮวายเอาแต่หัวเราะอยู่เลยไม่ทันตั้งตัว ล้มลงแล้วจึงหาที่จับได้ “ตงหมิง เกิดอะไรขึ้น?”รถม้าจอดสนิท เหว่ยหมิงถาม “ท่านอ๋องไม่เป็นไรใช่ไหม? เมื่อกี้ไม่รู้ว่ามีประทัดหล่นมาจากไหน ข้าน้อยไม่ทันระวัง ทำให้ท่านอ๋องตกใจ” “ประทัด?”เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็ประหลาดใจ“ไม่ใช่ปีใหม่หรือเทศกาลอะไรนิ ทำไมถึงมีคนจุดประทัดกลางถนนแบบนี้ได้ล่ะ?” พูดแล้ว ก็มองไปที่เหว่ยหมิงอย่างสงสัย“เฮ้ คงไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นอะไรของเจ้าอีกหรอกนะ ทำไมช่วงนี้เจ้าทำคนไม่พอใจเยอะจังเลย?” เหว่ยหมิงแอบคิดเบาๆ เขาผิดใจกับคนไม่น้อย แต่กล้าที่จะแก้แค้น ในเมืองหลวงนี่คงมีไม่กี่คน อีกกล้าแบบเผชิญหน้าด้วยแล้ว ก็คงมีแค่สามแม่ลูกนี้เท่านั้น แต่ว่า ช่วงนี้ตัวเขาก็ไม่ได้ไปหาเรื่องอะไร มิหน่ำซ้ำยังเป็นเด็กสองคนนั้นซะมากกว่าที่ ...... “ตงหมิง ไปต่อ ระวังให้ดี” หายากที่เหว่ยหมิงจะไม่คิดเอาเรื่อง จางฮวายแปลกใจ“โย่ว วันนี้เป็นอะไรไป กินยาผิดมาหรือเปล่า ทำไมพูดง่ายแบบนี้ล่ะ หรือว่าเจ้ารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ?” “ก็แค่ประทัด ไม่ได้จะเอาชีวิตข้าสักหน่อย อีกอย่าง ก็อาจจะแค่อุบัติเหตุ หาเรื่องไปทำไม?” สำหรับเด็กสองคนนั้นแล้ว เหว่ยหมิงมีความในใจ ยังไม่พูดว่าเด็กสองคนนั้นเป็นลูกเขาหรือเปล่า แค่แม่ของพวกเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้มงวดมาเท่าไหร่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งที่แล้วที่พวกเขาถูกทำโทษก็เป็นเพราะเขาจริๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็กลายเป็นการตอบโต้ ก็แค่การกระทำของเด็ก ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ปล่อยพวกเขาไปก็ได้ เมื่อได้ยินเหว่ยหมิงพูดมาแบบนี้ จางฮวายยิ่งสงสัย เขาคิดๆดู แล้วก็พูดออกมาด้วยความตกใจว่า“หรือว่า ...... จะเป็นเด็กสองคนนั้นอีกแล้ว?” เหว่ยหมิงไม่ได้ตอบ เพียงแค่มองไปที่เขาเท่านั้น เพียงแค่สายตา ก็เพียงพอที่จะให้จางฮวายรู้ว่าเขาเดาถูก เขาพลางยิ้มพลางพยักหน้า“เหอะเหอะ ฮ่าฮ่า เหว่ยหมิงนะเหว่ยหมิง คิดดูเจ้าเป็นถึงอ๋องหยง กลับตกอยู่ในกำมือของเด็กน้อยสองคน เด็กสอง คนนี้ก็กล้ามาก แต่สามารถทำให้อ๋องหยงยอมให้อภัยได้ คิดว่าเจ้าคงไม่ได้แค่ถูกจความกล้าของเด็กใช่ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงเหมือนจะยิ้มแล้วพูดว่า“หรือว่าแค่ความกล้าของพวกเขามันไม่เพียงพอให้ข้าให้อภัย? พวกเขาก็แค่เด็ก แต่กลับกล้ามากกว่าผู้ใหญ่ อายุแค่นี้ทำได้ขนาดนี้ ข้าชื่นชมมาก” จางฮวายพยักหน้าเห็นด้วย“เจ้าพูดถูก แต่ว่าเมื่อพูดแบบนี้แ เด็กที่ร้ายกาจขนาดนี้ แม่ของนางก็คงร้ายกาจไม่เบา ข้าคิดอยากจะเจอคุณหนูสี่บ้านตระกูลเซี่ยคนนี้ซะแล้วสิ” ณ จวนตระกูลเซี่ย เสียงฝีเท้าที่รีบร้อยทำให้เซี่ยอีอีที่กำลังนอนกลางวันอยู่ตื่นขึ้นมา นางนอนตะแคงอยู่ริมหน้าต่าง ได้ยินเสียงหอบอย่างแรง ไม่รอให้คนๆนั้นออกเสียง นางก็พูดด้วยความขี้เกียจว่า“มีข่าวมาจากวัง องค์ชายสี่ใช่ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น ตงวี่ก็ใช้แรงพยักหน้า“อืม คุณหนูคาดไว้ไม่ผิด ท่านพูดถูกทุกอย่าง มีข่าวมาจากวังองค์ชายสี่ ได้ยินมาว่าคุณหนูรองกลับไปที่จวนก็โกรธมาก ตีเฉี่ยวเอ๋อยกใหญ่ แถมยังโกรธจนเกือบจะแท้ง ตอนนี้หมอหลวงกำลังไปที่วัง ฮูหยินได้ข่าวแล้ว ก็รีบออกไปจากจวนเลย” นางยืดแขนขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยิ้มว่า“คิดไม่ถึงว่านางจะอารมณ์ร้อนได้ขนาดนี้ แท้งงั้นหรอ? ชิ น่าสนุกดีนิ” “สนุกแบบนี้ มันสะใจจริงๆ คุณหนู ท่านจะทำยาให้นางหน่อยไหม บ่าวจะส่งไปที่จวนองค์ชายสี่เอง ทำให้เด็กออกมาซะเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโตมาเหมือนแม่ของเขา” เซี่ยอีอีคิดไปครู่หนึ่ง คิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ส่ายหน้า“ช่างเถอะ เรื่องก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว จะรักษาเด็กไว้ได้ไหมก็ยังไม่รู้ เราก็อย่าไปทำให้ยุ่งยากมากขึ้นเลย ครั้งนี้ถือว่าข้าใจดีปล่อยนางไป แต่ว่าครั้งหน้านางจะไม่โชคดีแบบนี้อีก” หลายวันต่อมา เรื่องที่เซี่ยวี่ซื่อเรียกว่าพ่อถูกกระจายออกไป แต่เซี่ยอีอีกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิดเดียว “อีอี เจ้าได้ยินหรือเปล่า ตอนนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือว่าซื่อเอ๋อกับวี่เอ๋อเป็นลูกของอ๋องหยง” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีถึงกลับตกใจ“เพราะอะไร?” เมื่อเห็นนางแบบนี้ คิดว่าก็คงยังไม่รู้อะไรเลย เซี่ยหวินเทียนถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า“ได้ยินมาว่าหลายวันก่อนเด็กสองคนนั้นไปก่อเรื่องที่ร้านอาหารอันดับหนึ่งมา แล้วบังเอิญไปเจอกับอ๋องหยงเข้า ก็ไม่รู้ทำไม จู่ๆซื่อเอ๋อก็ไปเรียกเขาว่าพ่อ เหมือนว่าอ๋องหยงก็ไม่ได้ปฏิเสธ เรื่องก็แพร่ออกไปแบบนี้แหละ” เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว นางไม่เคยสนใจว่าเด็กๆจะไปก่อเรื่องอะไรกัน แต่เรื่องนี้ มันมากเกินไป นางคิดจะหลบเลี่ยงยังทำไม่ได้ แต่พวกเขากลับวิ่งไปรับว่าเขาเป็นพ่อ ทำให้นางโกรธแทบเป็นบ้า!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่28ไปหาพ่อ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A