ตอนที่61 พวกเธอแต่งงานแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่61 พวกเธอแต่งงานแล้ว
ต๭นที่61 พวกเธอแต่งงานแล้ว สีหน้าของแวววัยก็ค่อยๆมืดสลัวขึ้นมา เธอเปิดเสียงพูดว่า “คุณธัชชัย ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือ แต่ฉันว่าฉันกลับเองได้. รบกวนคุณช่วยจอดรถข้างหน้านิดน้อยเพื่อให้ฉันเรียกแท็กซี่กลับบ้าน” เสียงของเธอเบาๆ อยู่ตรงหน้าของธัชชัยแสดงออกได้อ่อนโยนคล้อมตามมาก ไม่มีอีกแล้วที่เป็นลักษณะหญิงแมนๆเมื่อกี้ วัจสาจะแวววัยลงรถคนเดียวได้ไง. ล้อมเอวเธอไว้แน่นๆ “วัยวัย คืนนี้ไปนอนที่วงศ์ตระกูลศรีทองสิ สภาพเธอตอนนี้จะกลับสถานสงเคราะได้ไง? ประธานของมูลนิธีคุณดนิดาต้องเป็นห่วงแน่ เดี๋ยวฉันโทรหาเขาบอกให้เขาว่าเธออยู่ตรงนี้เอง ธัชชัยไม่พูดอะไรเลย รถขับไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว อยู่ในความมืดยามราตรีนี้เหมือนสายฟ้าแลบ ตัดผ่านขอบฟ้า เขามีแค่อยู่ต่อหน้าของวัจสาถึงจะพูดนิดน้อย เมื่อก่อนเขาจะเกลียดผู้หญิงมาก ยิ่งไม่ได้ต้องบอกว่าจะเป็นฝ่ายรุกไปใกล้ชิดผู้หญิงคนหนึ่ง แวววัยเห็นสองคนนี้ไม่ให้เขาลงรถ ในใจก็รู้สึกจนปัญญามาก หรือว่าเธอจะต้องมาเป็นกขคเหรอ? สีหน้าของธัชชัยก็ไม่ค่อยดี อีกอย่างก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย วัจสากับแวววัยสนิทกันขนาดนี้ จะไม่รู้ได้ไงว่าเขากำลังกังวลอะไร? ปลอบอย่างเบาๆว่า “ไม่เป็นไร. ชัยเขาไม่ถือสา ใช่ไหม?” ผู้ชายที่กำลังขับรถนี่มีตาดอกพีชที่สวยงามมองไปหาผู้หญิงที่ยิ้มอย่างสวย ขณะใดนั้นอารมณ์ก็ไม่มีเลย “แล้วแต่พวกเธอ วงศ์ตระกูลศรีทองห้องนอนก็มีเยอะอยู่” เธอเพิ่งพูดจบ โทรศัพท์ที่วางข้างๆพวงมาลัยรถก็ดังขึ้น วัจสาจึงรีบยื่นโทรศัพท์ให้ธัชชัย “หูฟังบลูทูลอยู่ไหน?” “อยู่ในลิ้นชัก เอาออกมาใส่ให้ฉัน” วัจสาหาที่ลิ้นชักอย่างเร่งรีบ สุดท้ายก็หาเจอหูฟังบลูทูล ถ้าเป็นคนอื่น รับโทรศัพท์ยังหานานขนาดนี้ คงต้องถูกธัชชัยด่าตายแน่ แต่ว่าเห็นยัยนี้ร้อนรนอย่างนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกขำขึ้นมา รู้สึกยัยนี้เงอะงะก็น่ารักเหมือนกัน ในที่สุดวัจสาก็ให้ธัชชัยรับสายได้แล้ว ที่เขาพูดนี่วัจสาฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนจะเป็นภาษาอิตาลีหรือไม่ก็เป็นภาษาสเปน ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเธอก็พอฟังออกได้ แต่ถ้าเป็นภาษาประเทศอื่นเธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่น้ำเสียงของธัชชัยเข้มงวด. บางครั้งก็ยังดุด่าขึ้นมา เหมือนเจอเรื่องอะไรที่แก้ไขยาก สุดท้ายก็สะบัดมือ เอาหูฟังบลูทูลโยนไว้ที่ข้างล่างรถ วัจสากับแวววัยต่างตกใจมาก แทบไม่กล้าหายใจออกมา ผู้ชายคนนี้อารมณ์ไม่แน่นอนเลย เพราะโทรศัพท์ครั้งนี้ ทำให้บรรยากาศนี้กลับไปถึงที่เดิม กดอัดเหมือนเดิม ต่างไม่พูดอะไรเลย ในที่สุดคนที่ทำลายภาวะชะงักงันนี้ก็คือผู้ริเริ่ม—ธัชชัย แต่คนที่เขาไต่ถามไม่ใช่วัจสา. แต่กลับเป็นแวววัยที่ได้รับบาดเจ็บ “ที่เมื่อกี้ฉันพูด เข้าใจหรือยัง”ธัชชัยใช้ประโยคที่แน่นอน แวววัยไม่อยากยอมรับก็ยาก พยักหน้าว่า “ใช่ ฟังภาษาอิตาลีออกนิดน้อย” เธอตะลึงมาก ผู้ชายคนนี้เก่งจริงๆๆ แค่มองเขาไปแป๊บเดียวก็เดาออกแล้วว่าเธอฟังภาษาอิตาลีได ธัชชัยอืมแล้ว ในปากก็พูดน้ำเสียงที่เหมือนเมื่อกี้คำพูดเดียวกันออกมา ขณะเดียวกันแวววัยตอบรับได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองไปๆมาๆ ต่างถามตอบ เต็มประดาจริงๆเลย วัจสาเพิ่งรู้ตัวขึ้นมา พวกเขานี้ใช้ภาษาอิตาลีคุยกัน อีกอย่างตั้งใจที่จะไม่ให้เธอฟังออก นี่คือจะโอ้อวดหรือจะให้เธอไม่สบายใจกันแน่?วัจสารู้สึกว่าตนเองก็เหมือนหลอดไฟที่เป็นส่วนเกิน ยังเป็นหลอดไฟที่แสงโคมห้าพันวัตต์ เธอนั่งอยู่เงียบๆๆ ไม่พูดอะไร ในใจแอบประชด แล้วจะพูดอะไรได้?ใครให้ตนเองไม่มีปัญญา ฟังไม่ออกภาษาอิตาลี วัจสาเห็นสองคนนี้คุยกันได้สนุก ก็รู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก ธัชชัยก็หล่อเหลา แต่ว่าหน้าของแวววัยนอกจากบาดแผลนี้แล้ว ทั้งใบหน้าก็ถือว่าสวยสดงดงาม แต่ด้านที่กิ่งทองใบหยกนี้ เชื่อว่าวรพลคงไม่สนใจ แวววัยดื้อรั้นมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีจิตใจที่ดีงาม มีน้ำใจ และเข้มแข็งมาก วรพลเป็นพี่ชาย เชื่อได้ว่าจะไม่ขัดขวางน้องชายตนเองจะอยู่กับใคร แต่ถ้าแวววัยได้อยู่ด้วยกันกับธัชชัย มันก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ วรพลเป็นพี่ชาย เชื่อได้ว่าจะไม่ขัดขวางให้น้องชายตนเองชอบอยู่ด้วยกับใคร แต่ว่าใจตนเอง ทำไมถึงไม่สบายใจนะ? ตอนที่วัจสากำลังคิดอะไรที่เหลวไหลอยู่ รถเฟอร์รารีเท่ห์ๆของธัชชัยก็มาถึงวงศ์ตระกูลศรีทอง พ่อบ้านภูษิตกับป้าอ้อยก็หยุดรออยู่ที่ข้างนอก เมื่อกี้ตอนที่ป้าอ้อยโทรหาวัจสา ก็รู้แล้วว่าดึกหน่อยจะมีแขกคนหนึ่งกลับมาด้วย ให้เธอทำความสะอาดห้องพัก แล้วเตรียมปฐมพยาบาลไว้ วัจสาประคองแวววัยลงรถอย่างลำบาก ธัชชัยจอดรถเสร็จ ก็เข้าไปเลย เดินตรงขึ้นชั้นสอง ไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังสองคนนี้เลยป้าอ้อยรีบมาช่วยประคอง ในที่สุดก็มาถึงโซฟาที่ห้องรับแขก แวววัยรู้ธัชชัยรวยมาก แต่ไม่รู้เลยว่าบ้านของเขาจะรวยถึงขนาดนี้ พื้นที่เป็นหินอ่อนสวยๆเช็คได้ส่องแสงแวยวับมาก ยังมีผนังที่หรูหราอลังการแต่ก็ไม่ถือว่าตกเป็นทวงทำนองที่เก่า เห็นแล้วน่าทึ่งมาก วัจสาโกรธมาก ธัชชัยนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยจริงๆๆ เธอบ่นพึงพำ ค่อยๆไป เธอก็เห็นคุณหมอภาคินเดินลงมาจากชั้นสอง “คุณผู้หญิงครับ ได้ยินว่าเหมือนมีคนบาดเจ็บ?ให้ฉันดูหน่อยวัจสาตะลึง ที่แท้ธัชชัยเดินไปก่อนก็เพื่อที่จะไปเรียกหมอภาคินนี่เอง ในใจก็หยุดบ่นลงมา ยังถือว่าเขายังใจอยู่คุณผู้หญิง?แวววัยตกใจขึ้นมา วัจสาแต่งงานแล้วเหรอ?ทำไมคนบ้านนี้ถึงเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง? แต่ว่ามันคงเป็นแค่การเรียกอย่างหนึ่ง วัจสาจะปิดบังตนเองได้ไง? หมอภาคินเอาขาของแวววัยขึ้นมาตรวดสอบรอบหนึ่ง พูดกับวัจสาที่เป็นห่วงว่า “ไม่มีอะไรมาก ฉันฆ่าเชื้อหยุดเลือดให้เธอก็ได้แล้ว ที่จริงแผลก็พันเสร็จแล้ว ทำไมถึงทำให้มันแตกร้าวอีก? ถ้าติดเชื้อจะทำยังไง มันจะเป็นเรื่องใหญ่นะ ถ้าอาการหนักก็คงต้องตัดมือทิ้ง” คำพูดนี้ทำให้แวววัยตกตะลึงมาก ตนเองอวดดีเกินไป ไม่รู้เลยว่ามีผลลัพธ์นี้. ถ้าอาการหนักยังต้องตัดมือ นึกถึงตนเองต้องเผชิญกับการติดเชื้อ เธอก็กลัวเลย ก็ไม่พูดอีกแล้วว่าจะไปจากวงศ์ตระกูลศรีทอง ก็เลยไปนั่งที่โซฟาอย่างเชื่อฟังแล้วให้หมอภาคินช่วยล้างแผลและพันแผลให้ ป้าอ้อยออกมาจากห้องครัวแล้วถือโจ๊กหมูสับเยี่ยวม้าสองถ้วย “คุณผู้หญิง คุณแวว. กินโจ๊กน้อยเถอะ” วัจสารับไว้ คิดแล้วคิดก็ใส่ไว้ในที่โต๊ะรับประทานอาหาร “ป้าอ้อย เดี๋ยวค่อยกิน รอวัยวัยทำแผลเสร็จก่อน” หมอภาคินทำอยู่สักพัก. ในที่สุดก็ก็เอาบาดแผลพันเสร็จแล้ว “ในสามวันนี้ห้ามจับน้ำ คุณผู้หญิงครับ ฉันขึ้นไปดูคุณชายใหญ่ก่อนครับ” ตอนนี้วัจสาค่อยเอาโจ๊กหมูสับเยี่ยวม้าให้แวววัย “วัยวัย กินโจ๊กก่อน” สองคนนี้กินโจ๊กไปด้วย แล้วคุยกันไปด้วย วัจสานึกถึงสถานการณ์เมื่อกี้ตอนอยู่ในรถพวกเขาใช้ภาษาอิตาลีพูดคุยกัน ก็เลยถามว่า “เมื่อกี้ ตอนที่ธัชชัยคุยโทรศัพท์เขาพูดอะไร?ทำไมดูแล้วขรึมจัง?คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรนะ? ทันใดนั้นแวววัยหัวเราะขึ้นมา ในมือถือโจ๊กแล้วหน้าตาบิดเบี้ยว “เธอตายแน่ วัจสา ในปากเธอพูดว่าไม่ได้เป็นแฟนกับธัชชัย แต่เป็นห่วงเขาขนาดนี้ นี้มันไม่ได้ปิดบังอะไรที่ไม่ดีเหรอ? ใจของวัจสาไม่สบายขึ้นมา เธอกับธัชชัยแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่พวกเขาคิดนี่นะ พวกเขาแค่เข้าใจผิด เธอหายใจเข้า สุดท้ายก็เลือกที่จะบอกออกมา “วัยวัย ที่จริง เดือนที่แล้วฉันก็แต่งงานแล้ว” “แต่งงาน?!แต่งกับธัชชัยเหรอ?!ก็ว่าเธอไม่ยอมรับว่าเขาเป็นแฟนเธอ คนบ้านนี้ก็เรียกเธอว่าคุณผู้หญิง ที่แท้เธอต่งงานแล้ว ทำไมไม่บอกให้พวกเรา?!” แวววัยพูดอย่างตกตะลึง วัจสาถูกอารมณ์ที่ตื่นเต้นของแวววัยทำให้เธอตกใจ ขณะนั้น ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร คนที่ตนเองแต่งงานด้วยไม่ใช่ธัชชัย “วัยวัย เธอใจเย็นหน่อย คนที่ฉันแต่งงานด้วยไม่ใช่ธัชชัย แต่เป็นพี่ชายเขาวรพล ……ก็คือทายาทของบริษัทบีเค-เทโรที่ออกข่าวที่หนังสือพิมพ์……ที่ถูกไฟลวกนั้น”ตอนที่พูดถึงวรพลถูกไฟลวก ในใจของเธอเจ็บปวดมาก “ที่แท้ธัชชัยก็คือน้องชายของประธานวรพล?คิดไม่ถึงจริงๆๆ ก็ว่ารวยขนาดนี้……แต่ว่า วรพลถูกเผาอย่างรุนแรง น่าจะใช้ชีวิตเองยังไม่ได้? ทำไมเธอถึงแต่งงานกับเขา?ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอชอบเขานี่?”สำหรับสิ่งนี้ แวววัยรู้สึกเข้าใจไม่ได้ขณะใดก็เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา วัจสาเป็นพี่สะใภ้ของธัชชัย ธัชชัยก็เป็นน้องชายของสามี ทั้งสองไม่ใช่ความสัมพันธ์ชายหญิงอย่างที่เธอคิด ทำไมถึงแต่งงานกับวรพล?หรือวัจสาจะบอกว่าเธอชอบวรพลเลยแต่งงานกับเขา?แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเงียบแวววัยเห็นสีหน้าของวัจสาไม่ค่อยดี ทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ไม่ได้สมัครใจที่แต่ง งั้นก็ต้องถูกบังคับ น้ำเสียงของแวววัยก็โกรธขึ้นมา “วงศ์ตระกูลเดิมขุนทดบังคับคนเกินไปไหม?!เสียสละความสุขของเธอ เพื่อแลกความมั่นคงของบ้านพวกเขา?”“ไม่ใช่……พวกเขาไม่ได้บังคับฉัน ฉันแค่รู้สึกว่าควรตอบแทนบุญคุณที่อาเลี้ยงดูฉันมา อย่างไงพวกเขาก็เลี้ยงฉันมาได้ยี่สิบปี”วัจสารีบแก้ตัว คำพูดนี้พูดให้แวววัย และพูดให้ตนเองฟัง “น่าเกลียดจริงๆ รู้แต่รังแกคนที่เป็นหลานสาวอย่างเธอ!แวววัยยังรู้สึกไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่ปยุตก็มีลูกสาวอยู่สามคน แต่ยังจะให้วัจสาแต่งมา” ทันใดนั้นวัจสาก็ไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่ก้มหัวแล้วไม่พูดอะไร เมื่อแวววัยเห็น. ก็ใช้ร่างกายที่อบอุ่นล้อมรอบวัจสาไว้ หัวพิงไว้ที่แอ่งบนไหล่ของเธอแล้วโยกไปโยกมา “วัจสา มีอะไรก็บอกกับฉันด้วย อย่าเก็บไว้ในใจ ยังเอาฉันเป็นเพื่อนไหม?เราก็รู้จักกันมานานแล้ว” วัจสาถูกคำพูดพวกนี้ซาบซึ้งถึงใจและอยากร้องไห้ ตอนนี้ยังมีคนสักคนหนึ่งที่ยอมยืนอยู่ข้างเธอดีจังเลย “ที่จริงไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้ว่าร่างกายและหน้าตาของวรพลไม่ค่อยดี แต่เขามีพรสวรรค์ ความดีเด่นในตัวก็ไม่ได้ถูกไฟไหม้ครั้งนั้นสลายไป แต่งงานกับเขา. ฉันไม่เคยเสียใจภายหลัง”
已经是最新一章了
加载中