ตอนที่ 104 คุณภรรยาเดี๋ยวผมไปรับคุณตอนเลิกเรียน
1/
ตอนที่ 104 คุณภรรยาเดี๋ยวผมไปรับคุณตอนเลิกเรียน
วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 104 คุณภรรยาเดี๋ยวผมไปรับคุณตอนเลิกเรียน
ตนที่ 104 คุณภรรยาเดี๋ยวผมไปรับคุณตอนเลิกเรียน ตอนที่ยังไม่เลิกเรียนคนขับรถที่ชื่อภูผาก็โทรศัพท์มาหาวัจสา บอกว่ารอเธออยู่ที่หน้าประตูมหาลัย แต่สิ่งที่วัจสานึกไม่ถึงก็คือเธอคาดไม่ถึงว่าวรพลก็มากับภูผาเพื่อมารับเธอกลับบ้านด้วย แต่ในเวลานั้นวัจสายังมองไม่เห็นวรพล ตอนที่เธอกำลังจะเดินออกจากประตูมหาลัยกลับถูกปรมะขวางทางเดินไว้ เธอรู้ว่าไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงเขาได้ อยู่มหาลัยเดียวกันเขาอยากจะมาดักเธอ มันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก อาจจะดีกว่าถ้าตอนนี้เอาปัญหาต่างๆนาๆพูดคุยกับเขาให้ชัดเจน “วัจสา จริงๆแล้วคุณไม่มีความสุขใช่ไหมคุณเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งเข้าไปในตระกูลศรีทองใช่ไหม? คุณบอกฉันมา ฉันเต็มใจจะช่วยคุณจริงๆ!”ปรมะแสดงออกถึงความร้อนใจเล็กน้อย เพราะพอเขาเห็นวัจสา ก็นึกถึงว่าเธอต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาอยากที่จะดึงมือของเธอไว้แต่กลับถูกเธอหลบตัวห่าง “ปรมะฉันพูดกับคุณหลายรอบแล้วนะ นี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน รบกวนคุณไม่ถามอะไรที่มันเกินเลยได้ไหม? อีกทั้งเรื่องหลายๆอย่างก็ไม่ควรไปพูดกับแวววัยอย่างนั้น จริงๆแล้วฉันถูกตระกูลเดิมขุนทดบังคับ แต่ว่าสุดท้ายฉันยินยอมเอง” วัจสาพูดอย่างเบาๆ ดูเหมือนว่าไม่อยากพูดถึงความสัมพันธ์อะไรต่อหน้าชายหนุ่ม แค่อยากที่จะปลีกตัวออกมาจากเขา ความในใจของปรมะไม่ควรพูดออกมาที่นี่! “คุณยินยอมที่จะไปดูแลคนพิการหรอ? คนพิการที่มีใบหน้าที่ผิดไปจากเดิมมากและไม่สามารถดูแลตัวเองได้เนี่ยนะ? วัจสาฉันรู้ว่าคุณเป็นคนจิตใจดี แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนที่จิตใจสูงส่งอะไรขนาดนั้น! มีแค่พระแม่มารีเท่านั้นแหละที่จะทำได้!” ปรมะพูดตรงๆว่าวัจสาไม่ได้มีจิตใจที่สูงส่งขนาดนั้น ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ อยู่ๆประตูมหาลัยก็ถูกฝูงคนกรูกันมาบัง เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นแต่ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไรกัน “เฮ้ เฮ้ ดูคนนั้นดิๆ หน้าตาท่าทางอย่างกับผียังจะออกมาทำให้คนอื่นเขากลัวอีก!” “โอ้โห นี่โดนไฟคลอกมารึเปล่าเนี่ย?” “แต่เขามาทำอะไรที่มหาลัยของพวกเรา? หรือนี่เป็นแค่การแต่งcosplayเท่านั้น?” “แกเคยเห็นคนที่ไหนจะลักษณะท่าทางน่ารังเกียจแบบนี้ไหม?” ‘เหมือนผี’‘ถูกไฟคลอก’‘น่ารังเกียจ’วัจสาได้ยินคำสองสามคำนี้ในใจก็รู้สึกจี๊ดขึ้นมา มันทำให้เธอนึกถึงคนๆนึง นั้นก็คือ วรพล ‘สามีของตัวเอง’ แต่ว่าเขาทำไมถึงมาที่มหาลัยหล่ะ? จะเป็นไปได้ไหมว่าธัชชัยกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่?ก่อนหน้านี้เขาก็หลอกเธอออกไปแบบนี้ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีใครเห็น แถมยังร่วมมือกับแวววัยหลอกตัวเองอีก ครั้งนี้กลับมีคนที่ประตูมหาลัยเห็นแถมยังซุบซิบกันอีก ในใจลึกๆของวัจสาคิดว่าจะวรพลจะต้องมาที่นี่แน่ๆ ในใจเธอกังวลอยากจะรีบๆออกไปแต่วัจสากลับถูกปรมะดึงข้อมือไว้ ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้เธอหนีไปจากตัวเอง! “ปรมะ คุณรีบปล่อยมือ! นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันเองที่ยินยอมที่จะแต่งงานกับวรพลไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเดิมขุนทด ไม่เกี่ยวข้องกับใคร แล้วก็ยิ่งไม่เกี่ยวกับอะไรคุณ! จะปล่อยฉันได้รึยัง?” วัจสาแค่อยากที่จะไปดูว่าคนที่ถูกกลุ่มคนเหล่านั้นพูดถึงนั้นใช่วรพลรึเปล่า ถ้าเป็นเขาอย่างนั้นเธอต้องหาเขาออกไปจากตรงนี้! ทันใดนั้นเอง ปรมะหยิบหนังสือพิมพ์จากในกระเป๋าของตน มาวางตรงหน้าของวัจสา หนังสือพิมพ์เล่มนี้คือหนังสือพิมพ์เมื่อสี่เดือนที่แล้วนั้นเอง “วัจสา คุณบอกว่าตัวเองยอมแต่งงานกับคนที่พิการจนไม่มีเค้าโครงเดิมอย่างนั้นหรอ?!” ปรมะหานานมากถึงจะหาหนังสือพิมพ์เล่มนั้นเจอ บนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นรูปที่วรพลรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล บนหน้าหนังสือพิมพ์ ว่าร่างกายของเขาม้วนตัวเหมือนกับลักษณะของกุ้ง ร่างกายไหม้เป็นสีดำเหมือนถ่าน แถมประสาทสัมผัสทั้งห้ายังไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติอีกด้วย ดูเหมือนกับว่าการกายภาพเท่านั้นที่จะสามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้ มองดูแล้วช่างเจ็บปวด! วัจสามองๆดู ประกายของน้ำตาที่อยู่ที่อยู่ที่ดวงตาอีกทั้งไม่สามารถที่จะห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาได้ “วัจสา คุณอย่าหลอกตัวเองแล้วก็อย่ามาหลอกฉัน! คุณไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับตระกูลศรีทอง! เห็นชัดๆว่าถูกบังคับ ฉันรู้ว่าคุณจิตใจดี แถมยังรู้อีกว่าในเวลาเดียวกันคุณก็ยังสงสารผู้ชายคนนี้ที่ถูกไฟคลอก แต่ว่าตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องเหล่านี้กับความรักมันไม่เกี่ยวกัน คุณเกรงว่าตระกูลศรีทองจะให้เป็นแค่ภรรยาในนามเฉยๆรึเปล่า นั้นมันก็เป็นหน้าที่ของพี่เลี้ยงและคุณหมอ! ” ปรมะเอาแต่เค้นเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไปอยู่ที่ตระกูลศรีทองตอนนี้ อยากที่จะให้วัจสาทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ตระกูลศรีทอง ตั้งแต่ตอนนั้นที่เรื่องราวความเจ็บปวดเกิดขึ้น ทำไมเธอต้องยังคงทนอยู่? ถ้าเธอไม่อยากที่จะทนอยู่ที่นั่น เขาปรมะคนนี้จะเป็นคนไปพาเธอออกมาเอง! “วัจสาคุณไม่ต้องกังวลเพียงแค่คุณอยากที่จะออกไป ฉันจะเป็นคนช่วยคุณให้หลุดพ้นจากตระกูลศรีทองสถานที่แห่งความทุกข์นั้นเอง! ธัชชัยนายคนนั้นไม่ใช่ว่าทั้งรุนแรงทั้งโหดร้ายไม่ใช่หรอ? คุณควรที่จะอยู่ให้ห่างๆจากปีศาจร้ายแบบนั้นนะ และถ้าจำเป็นที่จะต้องดูแลวรพลหละก็ พี่เลี้ยงที่จบมาเฉพาะทางด้านการดูแลผู้ป่วยต้องทำได้ดีกว่าเธออยู่แล้ว ทำไมต้องให้พวกเขามาบีบบังคับอิสระของคุณหละ?” “เมื่อคุณออกมาได้แล้วก็สามารถเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ฉันก็จะไม่บังคับให้คุณอยู่กับฉัน สิ่งสำคัญคือแค่คุณมีความสุขก็โอเคแล้ว” ปรมะพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค “ยังไงก็ตามอย่าให้หัวใจของตัวเองถูกทำร้ายเลยวัจสา!” ปรมะยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น เหมือนกับว่าตัวเองเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่มาช่วยโลกนี้อย่างนั้นแหละ ในตระกูลศรีทองวัจสามีตำแหน่งที่ชัดเจนกว่าคนอื่นๆแม้แต่พี่เลี้ยงผู้ดูแลเธอก็ไม่สามารถเทียบได้ กับป้าอ้อย และพ่อบ้านภูษิตที่สามารถเข้าไปในห้องรักษาได้ เธอนั้นแค่ดวงตาของวรพลยังไม่ได้เห็นเลย เธอไม่ได้มองมาที่ตัวเองว่าได้รับการยอมรับมากเพียงใด แต่อย่างน้อยในสายตาธัชชัยต้องมองเธอเป็น‘พี่สะใภ้’ แหละ ตอนนี้ที่หน้าประตูมหาลัยคนที่กำลังซุบซิบกันดูเหมือนจะยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเสียงดังเท่าไหร่ยิ่งทำให้รู้สึกแสบแก้วหู “คนๆนี้ถูกไฟคลอกมาเลยกลายเป็นแบบนี้ ทำไมถึงยังกล้านั่งรถเข็นออกมาข้างนอกแบบนี้อีก?” “ใครจะไปรู้บางทีเขาอาจจะเป็นคนบ้ารึเปล่า? ได้ยินมาว่าคนที่โดนอะไรมาแบบนี้มันจะเป็นบ้านะ ตัวเองเองโดนโจมตีจากสังคมรอบข้างโดยจะพิสูจน์การมีตัวตนของตัวเองโดยการแสดงบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นเลยเรียกว่าขาดอะไรก็จะทำอย่างนั้น ” “ก็คือนั่งรถเข็น แต่กลับให้คนขับรถเปิดรถลินคอล์นเพิ่ม เขาต้องการจะแสดงว่าไม่ว่าตัวเองจะโดนไฟคลอกหนักแค่ไหน ก็จะมีสาวๆวิ่งเขาหาอ้อมอกของเขา” “โอ้ยโอ้ยโอ้ย นี่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการคัดเลือกหาหญิงสาวที่หน้าเงินตามข้างทางก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ……” “แถมยังมีพวกผู้หญิงที่แกล้งทำเป็นใสซื่ออีก!” บทสนทนานั้นไม่หยุดที่จะสอดแทรกเข้ามาในหูของวัจสา ถ้าคนที่อยู่ในวงล้อมของคนเหล่านั้นคือวรพลจริงๆละก็ วัจสาคงจะรู้สึกเสียใจมาก แค่คิดว่าเขาได้รับบาดเจ็บแบบนั้น แถมยังต้องมาถูกคนอื่นๆหัวเราะเยาะ และเขายังต้องมากลับมาดูตัวเองอีก “ปรมะ คุณรีบปล่อยมือ! ฉันจะพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ตระกูลศรีทองจะเป็นยังไงก็ตาม นอกจากวรพลพูดออกมาจากปากเขาว่าหย่ากันเถอะ ไม่งั้นฉันจะไม่มีทางจากเขาไปไหนเด็ดขาด!” “ถ้าคุณยังอยากจะถามฉันว่าเพราะอะไร ฉันจะบอกเหตุผลให้คุณฟังนะ นั้นเป็นเพราะฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินคนนึง ขอแค่มีเงิน ให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น! คุณพอใจรึยัง?” วัจสาพูดจบ วัจสาหันหน้าหนีจากปรมะ แทรกตัวไปที่กลุ่มคนตรงนั้น ที่หน้าประตูมหาลัยเบียดจนแม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็ไม่สามารถเบียดเข้าไปได้ ยิ่งนานไปยิ่งมีคนเข้ามามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากวัจสาพยายามฝ่าฝูงชนเข้าไปได้แล้ว ก็ได้มองเห็นคนข้างหน้าอย่างเต็มสองตา ที่แท้ก็คือ‘วรพล’!นั้นเอง เขาสวมหมวกแก๊ปทรงลิ้นเป็ด ผ้าพันคอที่ปกติจะคลุมปิดแผลบนคอไว้ไม่รู้ว่าทำไมถึงพันไว้แค่ข้างเดียว ทำให้ใบหน้าที่ถูกไฟคลอกจนแทบจะไม่มีเค้าโครงเดิมกับรอยแผลเป็นตรงคอจึงเผยออกมาให้กลุ่มคนพวกนั้นเห็น ถึงว่าทุกคนได้ซุบซิบกันอย่างดุเดือด ผ้าห่มบางๆที่ขาของเขาก็ไหลลงไปที่หัวเขา เขายื่นมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นกระดำกระด่างออกมา ที่จริงภูผาคนขับรถนั้นมาแทน ‘วรพล’ ผ้าห่มบางๆผืนนั้นไหลลงมาทำให้เห็นรอยแผลอย่างไม่ตั้งใจ หรือตั้งใจก็ไม่รู้ ทำให้คนอื่นๆเห็น ภูผาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องให้คนอื่นมาทับถมตัวเอง มันไม่ได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งเหล่านี้เลย สุดท้ายวัจสาก็ฝ่าฝูงชนเข้าไปได้แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงร้องระงม วัจสาพูดด้วยเสียงสั่นๆ “วรพล……” เห็นวรพลที่ถูกกลุ่มคนเหล่านั้นรุมล้อม ในใจของวัจสาเจ็บปวดเหรอเกิน เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นถูกคนเหล่านั้นเยาะเย้ยและย่ำยี คำแต่ละคำที่พูดออกมาล้วนแล้วแต่โหดร้าย ณ จุดนี้วัจสาไม่คิดที่จะหลบหนีไปไหน และเธอกลับเดินเข้าไปหา ‘วรพล’ เธอทำตัวเหมือนแต่ก่อนไม่มีเปลี่ยนแปลง ค่อยๆนั่งยองๆลงให้ตัวของเธอกับ ‘วรพล’ นั้นเสมอกัน “วรพล…คุณมาที่นี่ได้ยังไง? ร่างกายคุณยงไม่แข็งแรงไม่ใช่หรอ?” เสียงของวัจสานั้นช่างนุ่มนวลเมื่อเทียบกับเสียงที่แหลมและคมของคนเหล่านั้น วัจสาดูทั้งอ่อนโยน สุภาพ และอบอุ่น ‘วรพล’ มองไปยังสายตาที่อบอุ่นของวัจสา พร้อมกับพูดว่า “คุณภรรยา ผมมารับคุณกลับหลังเลิกเรียน” เสียงแหบห้าวและดูมีอายุของชายสูงวัย เสียงอันหนักแน่นนั้นพูดอย่างไม่ชัดเจน แต่มันก็พอที่จะทำให้คนรอบข้างได้ยิน ชายผู้หน้าตาผิดแปลกไปคนนี้เรียกหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากมหาลัยของตัวเองว่า “ภรรยา” ในใจของวัจสาไม่รู้สึกนึกคิดอะไรไปสักพัก นี่เป็นครั้งแรกที่วรพลเรียกเธอว่าภรรยา คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาจะพูดออกมา ที่ตระกูลศรีทองเกรงว่าจะมีแค่‘วรพล’ที่นับว่าเธอเป็นภรรยา ถ้ามองย้อนกลับไปไม่ใช่ว่าป้าอ้อยกับพ่อบ้านภูษิตไม่ดี เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตัวกับเธอเหมือนเธอเป็นภรรยาของ‘วรพล’ อีกทั้งยังมักจะร่วมมือกับธัชชัย พวกเขาไม่ละอายใจต่อ‘วรพล’บ้างหรอ? เสียงของ‘วรพล’ที่เรียกภรรยาเหมือนดั่งก้อนหินในทะเลสาบที่สงบนิ่ง ทันใดนั้นเกิดความลำบากใจทันที ไม่สิ เหมือนเป็นการทิ้งระเบิดลูกนึงที่แพร่กระจายไปทั่ว “โอ้มายก้อด เป็นผู้หญิงประเภทที่เห็นแก่เงินจริงๆ!” “เธอหูหนวกหรือยังไง?สามีภรรยาสองคนนี้ สามีที่พิการมารับภรรยาที่เพิ่งเลิกเรียน มันจะอบอุ่นอะไรขนาดนี้?” “แต่ว่าผู้ชายโดนไฟคลอกค่อนข้างรุนแรงเลยนะ ถ้าเป็นฉันละก็ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้หรอก ตอนดึกๆต้องนอนด้วยกันไม่ฝันร้ายหรอ?” “เคยได้ยินที่เขาพูดกันไหม ว่าปิดไฟก็เหมือนกันหมดแหละ แค่ผิดไฟก็ต่อได้เลย!” “อาจจะเป็นไปได้ว่าหน้าตาอาจจะเพิ่งเสียโฉมหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว พวกเธออย่าคิดอะไรสกปรกๆกับคนอื่นสิ คนเขารักกันโอเคไหม? “รักแท้? ฉันอยากจะหัวเราะ มีเงินหน่ะสิถึงได้เป็นรักแท้ คุณต้องเป็นคนยากจนคนนึงแน่ๆ ฉันมองผู้หญิงคนนั้นออกว่าเธอคงจะเอายาที่รักษาคุณไว้กับตัวเองใช่มั้ย? ผู้คนต่างมุ่งความสนใจในการสนทนาไปยังวัจสา แถมคำพูดต่างๆนาๆยังเป็นคำที่รับไม่ได้อีกด้วย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 104 คุณภรรยาเดี๋ยวผมไปรับคุณตอนเลิกเรียน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A