ตอนที่ 31 เทียนปูหยู่เกิดอาการหึงหวง?   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31 เทียนปูหยู่เกิดอาการหึงหวง?
ตอนที่ 31 เทียนปูหยู่เกิดอาการหึงหวง? ดูท่าแล้ว จ้าวซิ้วตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะฆ่าฉัน ฉันหลับตาลงอย่างหมดความหวัง ตามแขนขาทั้งสองข้างและคอต่างรับรู้ถึงผ้าสีแดงอันเยือกเย็นราวกับเหล็กกล้า อดไม่ได้ที่จะแอบด่าในใจ : ซูหลินไม่มาช่วยก็ช่างปะไร แต่ฉันถูกบังคับขู่เข็นมาจนถึงขั้นนี้แล้ว แต่ทำไมเจ้าบ้าเทียนปูหยู๋ถึงไม่มาช่วยฉันล่ะ! ข้างหูมีแต่เสียงหัวเราะอันแหลมบาดแก้วหูของจ้าวซิ้ว เริ่มเวียนหัวกับภาพตรงหน้า ฉันรู้ ว่าตัวเองเริ่มขาดออกซิเจน “เหอะ ดูซิว่าใครจะแน่จริง!” ในขณะที่คิดว่าตัวเองจะต้องตาย ตายไปพร้อมกับลูกในท้องอย่างไม่เต็มใจนั้น ก็มีเสียงอันหนักแน่นของผู้ชายลอดเข้ามา แต่ว่าฉันตกอยู่ ณ จุดที่ไม่สามารถแยกแยะอะไรได้อีกต่อไป ได้แต่สูดอากาศเฮือกใหญ่ เพียงเพื่อยื้อชีวิตตัวเองให้ตายช้าลงเท่านั้น เมื่อฉันเริ่มรับรู้ได้รางๆแล้วว่าใครคือผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง แขนเสื้อของจ้าวซิ้วที่ผูกมัดบนร่างกายก็คลายลงทันใด แล้วตัวฉันก็ค่อยๆล้มลงสู่อ้อมกอดอันนุ่มนวลในที่สุด เปลือกตาหนักจนน่ากลัว แม้จะใช้แรงสุดกำลังก็ไม่ช่วยให้สามารถลืมตาขึ้นมาได้เลยสักนิด สติและการรับรู้เริ่มเลือนราง สุดท้ายได้ยินเพียงเสียงที่คมชัดของจ้าวซิ้วเท่านั้น : “เจ้าอย่ามาแส่หาเรื่องจะดีกว่า คนพวกนี้มันต้องตาย!” และคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากชายผู้ที่อยู่ข้างกายก่อนจะสลบไป : “ในเมื่อเจ้ากล้าแตะต้องคนของข้า จะมาหาว่าข้าแส่หาเรื่องไม่ได้!” สิ้นเสียงพูด ฉันรับรู้ได้เพียงว่าเหมือนโลกกำลังหมุน และฉันก็หมดสติไปในที่สุด จนเมื่อฉันฟื้นขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือผ้าม่านสีขาวที่แขวนอยู่ทั่วห้องโถง และตัวฉันนอนราบอยู่บนพื้นบนร่างกายมีผ้าคลุมสีขาวคลุมอยู่ จะว่าไปอากาศก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้น แต่ว่า มันก็ไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าไหร่นัก แน่นอนล่ะ เพราะที่นี่คือโลกอมนุษย์นี่นา จริงสิ ฉันนึกออกแล้ว นี่คือที่ที่เราแต่งงานเป็น “สามีภรรยา” กับเทียนปูหยู่ และยังเป็นที่ที่เราพบกันหลายต่อหลายครั้ง ฉันขยี้ตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองได้ตายไปแล้วจริงๆหรือเปล่า “เทียนปูหยู่? นายอยู่หรือเปล่า?” ฉันเกิดนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่จะหมดสติไปได้ยินเสียงๆนึงของผู้ชาย หากสังเกตจากสถานที่ที่ฉันอยู่ในตอนนี้แล้ว เจ้าของเสียงที่ได้ยินนั้นก็คงเป็นเสียงของเทียนปูหยู่อย่างแน่นอน และ นอกจากเขา คาดว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเราออกมาจากเงื้อมือของจ้าวซิ้วได้อีกแล้ว! “ทำไม ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เจ้าก็เริ่มหัดสร้างปัญหาให้สามีแล้วหรือ?” มองไปตามเสียง ฉันเหลือบไปเห็นเทียนปูหยู่เดินออกมาจากมุมลับสายตา หากไม่ใช่เพราะรอบตัวอากาศเหน็บหนาวเกินไป ฉันนึกว่าเขาเป็นหนึ่งในเจ้าชายผู้ปราชญ์เปรื่องที่หลงมาจากโบราณอดีตอย่างแน่นอน ฉันจ้องมองไปยังเสื้อผ้าของเขา พลันหันมามองเสื้อที่คลุมอยู่บนตัวเอง ถึงได้เข้าใจขึ้นมาทันใด เห็นดังนั้นจึงได้รีบลุกและยื่นเสื้อคลุมคืนไปให้เขา แต่เทียนปูหยู่ไม่ได้ยื่นมือขึ้นมารับมันเอาไว้ เสื้อตัวนั้นกลับลอยออกจากมือฉันไปอย่างน่าแปลกใจ มันจัดระเบียบตัวเองบนอากาศเหมือนดั่งว่ามันมีชีวิต เทียนปูหยู่แค่เพียงยื่นแขนออกมาช้าๆ เจ้าเสื้อคลุมตัวนั้นก็สวมคลุมกลับไปบนตัวเขาอย่างว่าง่าย หึ......มีพลังวิเศษแล้วไง สุดท้ายก็เป็นแค่ผีอยู่ดี...... เหมือนจะได้ยินคำพูดที่แอบแขวะในใจของฉัน เทียนปูหยู่เงยหน้าขึ้น ชายตามองเพียงแวบเดียว พร้อมพูดขู่ขึ้นมาว่า : “แล้วเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นผีได้เช่นกัน......” “นาย นาย นาย......นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่!” ฉันยืนชี้ไปที่เทียนปูหยู่แล้วได้แต่พูด “นาย นาย นาย” อยู่แบบนั้นตั้งนาน พร้อมก้าวขาถอยหลังเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ ที่เทียนปูหยู่พูดว่า สามารถทำให้ฉันกลายเป็นผีได้ หรือมันหมายความว่า ตอนนี้ฉันยังไม่ได้เป็นผี? ชั้นยื่นมือออกมาอย่างประหลาดใจ สัมผัสตัวเองทั่วร่างกาย อืม ยังคงเป็นเนื้อหนังของฉันจริงๆ “ที่แท้ ฉันยังไม่ตายนี่นา!” พอพูดถึงตรงนี้ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะเยาะเย้ยฉันสุดท้ายเทียนปูหยู่ก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ : “ภรรยาข้าช่างชอบพูดจาน่าขบขัน ข้าเป็นสามีเจ้าจะปล่อยให้เจ้าตายได้อย่างไรกัน!” อืม ถึงแม้ว่าเริ่มแรกฉันจะปฎิเสธเทียนปูหยู่มาโดยตลอด แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ แล้วฉันจะใช้คำพูดคำจาที่เยือกเย็นต่อผู้มีพระคุณได้อย่างไรล่ะ! สุดท้ายฉันก็โน้มน้าวใจตัวเองจนได้ พลันหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าเทียนปูหยู่ : “เทียนปูหยู่ ครั้งนี้ขอบคุณมากนะ!” ตอนแรกคิดว่าคำพูดขอบคุณจะทำให้เทียนปูหยู่อารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง แม้ฉันเองจะเตรียมท่าทีรับมือกับปฎิกิริยาของเขาที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เขาเพียงแค่ชายตามามองมาที่ฉันแล้วก็หันกลับไปอย่างเงียบๆ “อย่าพึ่งรีบดีใจไปเลย ผู้ที่โจมตีเจ้าในวันนั้น ข้ายังไม่ได้จัดการมันหรอก ซึ่งนั่นหมายความว่า หากเจ้าก้าวออกจากที่ของข้าไป นางก็ยังสามารถกลับมาทำร้ายเจ้าได้อยู่ดี” อะไรนะ! เจ้าโง่เทียนปูหยู่ ที่แท้แล้วก็ไม่ได้ช่วยฉันกำจัดจ้าวซิ้วทิ้งอย่างนั้นเหรอ! ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง คิดว่าชีวิตตัวเองยังคงถูกคุกคามได้ตลอกเวลา ฉันเกิดรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยจนไม่กล้าก้าวออกจากที่นี่ไปไหน ไม้รู้ว่าเพราะจ้าวซิ้วได้ทิ้งร่องรอยฝังลึกในใจหรือเปล่า ฉันมักจะรู้สึกว่าบริเวณภายนอกของห้องโถงแห่งนี้เหมือนเป็นจุดแบ่งเขต หากเพียงแค่ก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตนี้ไป ก็อาจจะถูกจ้าวซิ้วกลืนกินลงไปในที่สุด “เห้อ” ฉันใช้มือข้างนึงกุมขมับอย่างไร้เรี่ยวแรง มีความรู้สึก “คนไม่เอาถ่าน” พร้อมมองไปยังเทียนปูหยู่ : “แล้วฉันจะมีนายไปทำไม มีนายไปทำไมกัน......” แต่คิดไม่ถึงว่า คำพูดนี้จะทำให้เทียนปูหยู่เกิดความโกรธขึ้นมา พลันใช้มือกุมมาที่คอของฉัน แล้วดึงร่างฉันเข้าแนบชิดกับหน้าอกของเขาอย่างง่ายดาย ฉันรับรู้ได้ถึงความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วหลัง ราวกับว่าติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ “เจ้าฟังข้าให้ดี ข้าไม่ได้จะปล่อยเจ้าไว้โดยไม่เหลียวแล แต่เนื่องจากตัวตนของข้า ทำให้ข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ แต่ว่า ข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้เจ้าสามารถต่อกรกับสาวชุดแดงนั้นได้” ฉันคว้าแขนของเทียนปูหยู่เอาไว้ ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีถึงเป็นอิสระจากพันธนาการของเขา แต่ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรใบหน้าถึงร้อนผ่าวขึ้นมา : “นาย นาย นาย......จะพูดก็พูดเฉยๆสิ มือไม้ไม่ต้องก็ได้......” เห็นท่าทีแบบนั้นของฉันแล้ว เทียนปูหยู่ก็เผลอยิ้มที่มุมปากอย่างลืมตัว แต่ก็อดพูดไม่ได้ หมอนี่นอกจากจะเป็นแค่พี่ตัวนึงแล้ว แต่ก็รูปหล่อจนไร้ที่ติ เพียงแค่ยิ้มมุมปาก ก็สามารถทำให้สาวๆจำนวนไม่น้อยหลงเสน่ห์เขาได้อย่างงายดาย แต่น่าเสียดาย ฉันทำแบบนั้นในตอนนี้ไม่ได้ “งั้นนายรีบบอกฉันสิ ที่บ้านยังมีซูหลินที่รอให้ฉันไปช่วยอยู่นะ ถ้าฉันไม่รีบกลับไปช่วย เกรงว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ!” พอนึกถึงซูหลิน ฉันก็รู้สึกตกใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อยกับเรื่องที่เพิ่งชื่นชมเทียนปูหยู่ไปเมื่อครู่ “ซูหลิน? เป็นผู้ชาย?” แต่เห็นได้ชัดว่า เทียนปูหยู่จุดสนใจของเทียนปูหยู่นั้นไม่เหมือนฉัน “เป็นผู้ชายแล้วยังไง ผู้ชายไม่ใช่มนุษย์หรือไง? นายเองก็เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ!” พอพูดถึงตรงนี้ ก็คิดได้ว่าเทียนปูหยู่เองคงไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ ทำให้ฉันเริ่มลังเลขึ้นมาแล้วว่าเทียนปูหยู่กำลังมีอาการหึงอยู่...... ฉันได้แต่ลูบท้องเบาๆ แกล้งทำเป็นถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก : “พอแล้ว พอแล้ว ไม่ได้มีแค่เขา ยังมีผู้หญิงด้วย จุดสำคัญคือผู้หญิง! จะมาพูดอะไรกับฉันในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ล่ะ!” พูดจบคำนั้น สายตาของเทียนปูหยู่ก็เปลี่ยนไป เหมือนวิธีนี้จะได้ผล แต่ฉันกลับรู้สึกอึดอัดมากๆ เหมือนว่าคำพูดต่อไปควรจะพูดว่า “เสียงเบาๆหน่อย เดี๋ยวลูกจะตื่น” เลยทีเดียว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าพูดมา ว่าเจ้าชอบข้าหรือชอบเจ้าซูหลินนั่น?” และนั่นเอง ตอนแรกฉันยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก จนถึงตอนนี้ เจ้าหมอนี่กำลังหึงอยู่จริงๆด้วย! แล้วฉันควรจะตอบกลับไปยังไง......ถึงในความเป็นจริงฉันจะไม่ได้ชอบซูหลิน แต่กับเทียนปูหยู่นั้นเรามาอยู่ด้วยกันได้ก็เพราะว่าฉันโดนบังคับมาไม่ใช่หรือไง? “นายอย่าคิดอะไรมากได้ไหม กับซูหลินเรานับได้ว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ฉันก็เป็นเพียงแค่มือสมัครเล่นที่ติดคอยติดตามเขาเพื่อสืบคดีก็เท่านั้น เขาไม่รังกัยจฉันก็นับว่าเป็นบุญแล้ว......” “ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายความว่า เจ้าไม่ได้ชอบเขา แต่เขาชอบเจ้า?” คุณพระช่วย! มุมมองทั้งสามที่ฉันได้สร้างขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเกือบจะถูกทำลายหมดสิ้นโดยเทียนปูหยู่ “ฉันโคตรชอบนายเลย ชอบนายสุดๆ พอใจนายแล้วใช่มั้ย!” ไม่รู้ทำไม พอถูกเทียนปูหยู่ถามแบบนั้นขึ้นมากลับทำให้ฉันรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาทันที จนต้องโพล่งคำนั้นออกมาในที่สุด คิดกับตัวเองในใจ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่อย่างน้อยก็ปลอบให้เขาดีใจไปก่อนค่อยว่ากัน หลังสิ้นเสียง เทียนปูหยู่ที่อยู่ตรงหน้าก็เลือนหายไปในทันทีทันใด ในขณะทีฉันยังไม่ทันได้รู้สึกประหลาดใจอะไร ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นจากด้านหลัง และฉันก็กรอกตาอย่างลืมตัว และแน่นอน มือข้างนึงยื่นออกมาจากข้างเอวของฉัน กุมมาที่ท้องของฉันอย่างนุ่มนวล ในทุกๆการสัมผัสนั้น ฉันสามารถรับบรู้ได้ถึงความสุขของลึกๆของผู้ชายที่อยู่ด้านหลังคนนี้ ฉันพยายามที่จะก้าวไปด้านหน้า เพื่อแยกตัวเองออกมาจากร่างกายของเขา แต่เขาเพียงใช้แรงที่แขนเล็กน้อยก็พาตัวฉันกลับเข้ามาอย่างไร้ความปราณี “ไหนเจ้าบอกว่าชอบข้าไง” นี่ไม่ใช่คำถาม แต่มันคือคำสั่ง ฉันเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เทียนปูหยู่ต้องการจะสื่อคือ ก็ในเมื่อฉันชอบเขา ถ้าอย่างนั้นก็ควรต้องปล่อยให้เขากอดได้อย่างอิสระ เป็นเพราะการสื่อสารของโลกมนุษย์กับโลกอมนุษย์มีความแตกต่างกันนั่นเอง...... ฉันรู้สึกหมดหนทาง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ความความแข็งแกร่งกว่าเป็นร้อยเท่า ฉันจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมอ่อนข้อเท่านั้น เสียงของฉันอ่อนนุ่มลงเพราะหมดหนทาง : “ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องปล่อยฉันก่อนสิ คนท้องเจอความเย็นไม่ดีต่อร่างกายนะ ร่างกายของนายเย็นเกินไป......” ฉันได้แต่ภาวนาในใจว่าข้ออ้างแย่ๆของฉันจะไม่ถูกเขาจับได้ซะก่อน “ในโลกมนุษย์เจ้าเป็นแพทย์หลวงใช่ไหม?” แพทย์หลวง...... ฉันกลืนน้ำลายแล้วกลั้นขำ ก่อนจะตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “อื้ม แต่เราไม่ได้เรียกว่าแพทย์หลวงหรอก เรียกคุณหมอ แล้วอีกอย่าง ฉันยังเรียนไม่จบเลย” เทียนปูหยู่เงียบไปครู่นึง และไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ก็ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็สามารถรักษาแผลให้ซูหลินได้น่ะสิ?” ฉันได้แต่มองเขาอย่างหมดคำพูด ดูท่าแล้วเจ้าผีตัวนี้จะหึงหนักน่าดู ไม่รู้ว่าทำไมถึงวกเข้าเรื่องซูหลินอีกจนได้ “ฉันพึ่งเริ่มเรียนขั้นพื้นฐาน แผลแบบนั้นของซูหลินฉันคงรักษามันไม่ได้ แต่ฉันรู้แค่ว่า ถ้านายยังดึงดันไม่ยอมปล่อยให้ฉันกลับไป ซูหลินกับไป๋เวยเวยจะต้องตายแน่ๆ!” พูดมาจนจบ ฉันก็หมดความอดทนจนถึงกับต้องกรีดร้องออกมา เมื่อเห็นว่าฉันโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ เทียนปูหยู่กลับหลุดหัวเราะออกมา เขาเดินเข้ามาลูบที่ผมของฉันเบาๆ เหมือนว่าจะยอมอ่อนข้อลงแล้ว ฉันจ้องมองไปยังใบหน้าที่ดูดีนั้นของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ได้ ข้าเชื่อใจเจ้า ข้าจะเริ่มสอนวิธีให้กับเจ้าเดี๋ยวนี้เลย” ฉันเดินตามหลังเทียนปูหยู่เข้ามาภายในห้องโถง ในเวลานั้นเทียนปูหยู่ก็ได้หันหน้ากลับมา ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังเข้งขรึมเหมือนเคย : “เจ้ายังจำได้หรือไม่ ว่าข้าเคยฝากให้เจ้าเข้าไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งในร้านหนังสือ?”
已经是最新一章了
加载中