ตอนที่ 3 ยืมตัวเจ้าหน้าที่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3 ยืมตัวเจ้าหน้าที่
ตอนที่ 3 ยืมตัวเจ้าหน้าที่ ในห้องเรียนหนึ่งของสถานีตำรวจจังหวัดเชียนโจว กนตร์พีกำลังสอนนักเรียนอยู่ "อาจารย์กนตร์พีครับ การที่จิตใจได้รับผลกระทบจากสิ่งรุมเร้าภายนอกมีอยู่ในชีวิตจริงที่คุณพูดเมื่อสักครู่ ไม่ทราบว่าอาจารย์สามารถยกหนึ่งตัวอย่างให้หน่อย ได้ไหมครับ? เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งถามขึ้นอย่างกล้าหาญ กนตร์พียิิมแล้วพูดว่า : "คำถามนี้ผมจะไม่่รีบร้อนตอบให้คุณนะครับ อาจารย์ขอพูดอีกเรื่องหนึ่งก่อน" กนตร์พีกวาดตามองรอบบริเวณห้องเรียนหนึ่งรอบ จากนั้นสายตาก็ตกลงบนตัวของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวที่สอง สายตาของเขามองอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้ได้สักห้าวินาทีก่อนเคลื่อนย้าย : "เมื่อวานผมได้รับจดหมายบอกรักที่ผู้หญิงในห้องเขียนมาให้ผมฉบับหนึ่ง" เขาควักแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากอกของเขา : "เธอบอกว่าเธอยกย่องผมมาก และหวังว่าผมจะสามารถยอมรับเธอได้" เมื่อคำพูดของเขาสิ้นสุด สายตาของทุกคนในห้องทั้งหมดก็มองมาที่ผู้หญิงที่นั่งแถวทีสองด้านซ้ายมือทันที ใบหน้าของผู้หญิงแดงก่ำพร้อมมองมาที่กนตร์พีด้วยสีหน้าช่วยด้วย กนตร์พีแทบจะไม่มองเธอเลย แต่พูดว่า : "พวกเธอรู้ว่าไหมผู้หญิงคนนั้นคือใคร?" นักเรียนส่วนใหญ่รีบร้อนเรียกชื่อของเด็กผู้หญิงที่นั่งแถวที่สองด้านซ้ายมือทันที กนตร์พียกมือทั้งสองข้างแสดงท่าทางให้ทุกคนเงียบ "ที่จริงไม่มีใครมอบจดหมายรักให้อาจารย์มาก่อนหรอก ในมือของผมเป็นเพียงแค่เอกสารสอนหน้าหนึ่งเท่านั้น" กนตร์พีเดินลงจากเวทีและแสดงกระดาษนั้นให้ทุกคนดูเพื่อพิสูจน์ : "เมื่อกี้ผมแค่ยกตัวอย่างที่เป็นจริง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ เห็นไหมครับว่าจิตใจได้รับผลกระทบจากสิ่งรุมเร้าภายนอกเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต ตอนแรกผมใช้สายตาทำให้ทุกคนสนใจกณิกา ในตอนนั้นผมได้ปลุกเร้าจิตใจของทุกคนให้เชื่อว่าเรื่องที่ผมจะพูดมีความเป็นไปได้ที่จะมีความเกี่ยวข้องกับกณิกา" "หลังจากที่ผมพูดถึงเรื่องจดหมายบอกรัก คนส่วนใหญ่แทบจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าจดหมายบอกรักเป็นกณิกาเป็นคนเขียน เพราะคนเรามีความสามารถในการวิเคราะห์ตัดสิน ส่วนคนที่ฉลาดจะกำลังคิดพินิจและไตร่ตรองว่าเรื่องที่พูดจริงหรือเปล่า หลักการวิเคราะห์และตัดสินของพวกเขาคือการนำนิสัยใจคอและพฤติกรรมของกณิกาโดยปกติมาวิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้หรือเปล่า" กนตร์พีโบกสะบัดกระดาษในมือ : "แต่ผมไม่มีเวลาให้ทุกคนคิดวิเคราะห์ เพราะผมได้เอาหลักฐานเป็นแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งมายืนยันแล้ว สิ่งนี้เป็นการส่งผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอกต่อจิตใจอย่างรุนแรง ตอนที่ผมใบ้ให้พวกคณ ในมือของผมก็มีหลักฐาน ทำให้เรื่องนี้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น ในตอนนี้ผมคิดว่าคงมีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ยังคงสงสัยเรื่องนี้อยู่?" เขาเดินมาถึงเบื้องหน้าของกณิกา : "กณิกา ขอโทษด้วยนะที่ต้องใช้เธอมายกตัวอย่างแบบนี้" กณิกาหน้าแดงก่ำ และส่ายหน้าเล็กน้อย : "ไม่เป็นไรค่ะ" ทันใดนั้นประตูห้องเรียนก็ถูกผลักออก กนตร์พีขมวดคิ้วขึ้น ในเวลาสอนเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามารบกวน แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นหัวหน้าแผนกของฝ่ายบริหารการศึกษา : "คุณกนตร์พี ขอคัวคุยด้วยสักครู่" เมื่อกนตร์พีเดินออกจากห้องเรียนก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน หนึ่งในนั้นคือครรชิต เขากำลังมองกนตร์พีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "พวกคุณมาทำอะไรกัน ผมกำลังสอนอยู่" กนตร์พีแสดงสีหน้าไม่พอใจ ครรชิตพูดว่า : "รีบรับงานซะ แล้วไปกับผม!" กนตร์พีหรี่ตาลง : "ไปหรอ? ไปไหน?" หัวหน้าฝ่ายบริหารการศึกษาตบบนบ่าของกนตร์พี : "นับตั้งแต่นี้ไปคุณถูกยืมตัวให้ไปทำงานกับกองตำรวจอาชญากรรมประจำจังหวัดแล้ว ไปเถอะ ทำให้เต็มที่ และอย่าทำให้โรงเรียนเราขายหน้าล่ะ!" กนตร์พีหันหน้ามองครรชิต : "ครรชิต ทุกอย่างคุณเป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?" ครรชิตเผยใบหน้าปิติยินดี : "คุณอย่าเอาแต่ใส่ร้ายผมเลย ที่จริงเป็นคำสั่งตรงมาจากท่านอธิการบดีณภัทร" ไม่นาน กนตร์พีก็ดำเนินการทำการยืมตัวเสร็จ และพวกเขาก็จากโรงเรียนตำรวจไปพร้อมกับครรชิต ระหว่างทางครรชิตก็เล่าข้อมูลคดีความของขรรค์ชัยกับจตุภูมิให้กนตร์พีฟัง คดีความของขรรค์ชัยนั่นกนตร์พีถือเป็นคู่กรณี ดังนั้นครรชิตเลยเล่าคดีความของขรรค์ชัยมากกว่า ขณะที่เล่านั้น โทรศัพท์ของขรรค์ชัยก็ดังขึ้น หลังจากที่รับสายเสร็จ ใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียด : "เมื่อยี่สิบนาทีก่อนประธานกรรมการเด่นภูมิของบริษัทวายซีกรุ๊ปกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เขากระโดดลงมาจากยอดตึกของบริษัทวายซีกรุ๊ปลงมา" กนตร์พีก็เข้าสู่สภาวะเคร่งเครียดเหมือนกัน : "ตอนนี้เขานิยมฆ่าตัวตายกันหรอ? ทั้งสามคนที่ตายนับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของวงการธุรกิจเมืองหลิน ครรชิต ผมว่าพวกคุณน่าจะตรวจสอบมาบ้างแล้ว ตกลงว่าเรื่องราวของคุณขรรค์ชัยกับจตุภูมิมีความเกี่ยวข้องอะไรกันพิเศษบ้างไหม?" "ยังเลย พวกเขาแทบจะไม่มีอะไรเชื่อมโยงต่อกันเลย และไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกันด้วย เหมือนกับเส้นขนานสองเส้น" ครรชิตตอบ เมื่อเข้าเมือง พวกเขาไม่ได้รีบไปตึกซีวายกรุ๊ป แต่รีบกลับสถานีตำรวจก่อน เพราะระยะเวลาที่เด่นภูมิกระโดดตึกผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว อีกอย่างตึกวายซีกรุ๊ปก็เป็นพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นเพื่อป้องกันประชาชนเกิดการแตกตื่น ทางตำรวจก็ได้รีบออกมาจัดการอย่างรวดเร็ว ส่วนร่างศพของคุณเด่นภูมิก็น่าจะถูกเก็บแล้ว ดังนั้นในสถานที่เกิดเหตุคงถูกจัดการหมดแล้ว ครรชิตพากนตร์พีเข้าไปในห้องทำงานของณภัทร ณภัทรออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง และจับมือกับกนตร์พีอย่างกระตือรือร้น : "คุณคือกนตร์พี ครรชิตเอ่ยชื่อของคุณต่อหน้าผมไม่น้อย คุณรู้ไหมว่าเขาพูดถึงคุณอย่างไรบ้าง? เขาบอกว่าคุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านตำรวจอาชญากรรมตั้งเกิด การให้คุณจมปรักอยู่ที่โรงเรียนตำรวจถือเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก" กนตร์พียิ้มอย่างเก้อเขิน : "ท่านอธิการบดีณภัทรครับ ท่านอย่าได้ฟังคำพูดโม้ของเขาให้มากนะครับ ผมก็แค่มีความสามารถสอนตามหนังสือ นับตั้งแต่เข้ารับการทำงานก็เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนตำรวจมาแปดปี ดังนั้นสำหรับเรื่องการตรวจคดีนับว่าผมยังเป็นมือใหม่" ณภัทรโบกมือ : "คุณอย่าได้ถ่อมตัวมากนักเลย ผมเชื่อในสายตาของครรชิต จริงสิ เรื่องของคุณเด่นภูมิพวกคุณน่าจะได้รับข่าวแล้วสิ พวกคุณคิดยังไง?" ครรชิตพูดว่า : "พวกผมยังไม่ไปถึงหน่วยงานเลยครับ ตอนนี้เลยยังไม่ทราบข้อมูลสักเท่าไหร่" ณภัทรพูดอย่างเศร้าใจว่า : "จากการวิเคราะห์เบื้องต้นคาดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ที่จริงไม่มีลางสังหรณ์ฆ่าตัวตายเลย ก่อนที่จะฆ่าตัวตายเขายังสั่งให้เลขาแจ้งให้หัวหน้าแผนกมาประชุมหลังเลิกงานอยู่เลย" "นั้นก็หมายถึงว่าเขาเพิ่งจะเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่โดยปกติแล้วการฆ่าตัวตายต้องใช้ความกล้าหาญและการตัดสินใจอย่างสูงมาก หากมองในมุมของด้านจิตวิทยาแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่คนคิดจะฆ่าตัวตายจนถึงฆ่าตัวตายนั่นจะต้องผ่านช่วงเวลาคิดทบทวนซ้ำๆระยะหนึ่ง พวกเขาจะตกอยู่ในสภาวะลังเลว่าอยากตายหรือไม่อยากตายสักพัก แน่นอนว่าอาจจะมีแรงกระตุ้นที่รุนแรงมากจนทำให้พวกเขาเกิดฆ่าตัวตายในชั่วพริบตาได้ แต่เห็นได้ชัดว่า คุณเด่นภูมิไม่น่าจะเป็นแบบนั้น" เมื่อณภัทรฟังกนตร์พีพูดจบ ก็พูดขึ้นว่า : "ทำไหมล่ะ?" กนตร์พีพูดว่า : "ถ้าหากมีแรงกระตุ้นที่รุนแรงมากเกิดขึ้น คนในบริษัทก็ต้องรู้ด้วยสิครับ" ณภัทรพยักหน้าเล็กน้อย : "อืม พูดมีเหตุผล แต่ถ้าหากแรงกระตุ้นที่รุนแรงมาจากสายในโทรศัพท์ล่ะ?" "ท่านหมายถึงเขาอาจจะรับสายจากใครก็ตาม แล้วได้รับแรงกระตุ้นที่รุนแรงจนฆ่าตัวตายหรอ?" ครรชิตถามขึ้น "เขารับสายโทรศัพท์หนึ่งจริงๆ แต่จะเป็นเพราะสายโทรศัพท์นั่นที่กระตุ้นให้เขาฆ่าตัวตายหรือเปล่า พวกคุณจะต้องหาคำตอบมาให้ผม" หลังจากออกจากห้องทำงานของณภัทร ครรชิตก็ถามกนตร์พีว่า : "เมื่อกี้เหมือนเห็นคุณกำลังจะพูดอะไรสักอย่างอยู่ ทำไหมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?" "ไม่มีอะไร แค่ในหัวสมองของฉันผุดโผล่อะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยชัดเจน รอให้ฉันทำความเข้าใจก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง"
已经是最新一章了
加载中