ตอนที่ 29 ทำไมแม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 29 ทำไมแม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ
ต๭นที่ 29 ทำไมแม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ เธอยื่นแขนออก พลางบิดขี้เกียจเป็นท่าเต้นไปมา อื้ม หายดีขึ้นเยอะเลยแฮะ ดารุตัดสินใจลงมาจากเตียงนอน เธออยู่อย่างหดหู่ภายในห้องนี้มาน่าจะสักสิบกว่าวันได้แล้ว เมื่อมาถึงที่หัวบันได เธอก็ได้ยินเสียงของธวลิต เสียงฝีเท้าดังสวบสาบ ดารุไม่อยากจะพบเจอกับปีศาจตนนี้เลย “คุณธวลิตครับ วางใจได้เลย พวกเราจะไม่ให้เงินลงทุนของคุณต้องสูญเปล่า โอ้ พวกเราจะทำกำไรขึ้นมาได้อย่างแน่นอน” พี่ปวิตรหรอกหรือ ขณะที่กำลังหมุนตัวกลับมา ดารุก็ได้ยินเสียงของพี่ชายเธอ น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงประจบประแจงนี้เป็นเอกลักษณ์เสียงของพี่เธอเลย เขามาทำอะไรที่นี่กันนะ “จะทำการอะไรก็ใช้หัวคิดหน่อยก็แล้วกัน ไม่ใช่แค่นึกอยากจะทำอะไรก็ด่วนตัดสินใจทำพลาดออกมาทั้งอย่างนั้น” ธวลิตกล่าว ราวกับกำลังสอนเด็กที่ทำผิดอยู่เลย ทว่าพี่ชายเธอที่อายุปาเข้าไปสามสิบสามปีแล้ว ได้แต่พูดคำว่า ครับ ครับ ครับ ไม่หยุดอยู่อย่างนั้น “ก็ดี ผมยังมีงานหลายอย่างต้องทำต่อ คุณไปเถอะ” “คุณธวลิต ค่อยๆเดินนะครับ แล้วเจอกันใหม่ครับ” เสียงประจบสอพลอของพี่ดังขึ้น ดารุเดินลงบันไดมา มองเห็นสภาพพี่ที่เอาแต่ก้มหัวประจบประแจงอย่างไม่หยุดหย่อน และยังมีแผ่นหลังตรงที่เย็นเยือกเป็นน้ำแข็งนั่นของธวลิตด้วย “พี่ ทำไมถึงมาได้ล่ะ” ธวลิตเดินห่างออกไปจนกระทั่งขึ้นรถแล้ว ดารุถึงได้เอ่ยออกมา “อ้าว ดารุ” พี่ชายมองเธอด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ดารุ พี่ขอบใจมากนะที่ช่วย ปัญหาเงินลงทุนของพวกเราได้แก้ไขไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” พลางถือเอกสารในมืออย่างอิ่มเอมใจ “วันนี้พี่มาเซ็นสัญญาน่ะ” “อ้อ” ดารุพยักหน้าอย่างเป็นปกติกว่ามากเมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของพี่ชายเธอ เธอดูเหมือนจะเย็นชาขึ้นมา ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วย “แกรู้มั้ยว่าคุณธวลิต เอ้อ เจ้าน้องเขยน่ะ เพิ่มเงินลงทุนมากกว่าเดิมถึงสองเท่าแน่ะ แถมยังพูดว่าชดเชยให้กับเธอด้วย ดูเหมือนเจ้าน้องเขยนี่จะรักแกมากจริงๆเลยนะ…” พี่ชายพูดออกมาอย่างลื่นไหล ถ้าเขารู้ว่าเธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพื่อให้ได้เงินนี้มาแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะยังดีใจแบบนี้อยู่ได้อีกมั้ยนะ ดารุหลับตา พลางหาตำแหน่งที่นั่งเพื่อนั่งลง เธอไม่อยากเอาเรื่องนี้มาบอกพวกเขาหรอก ตอนนี้น่ะ เธอไม่ได้ติดหนี้ค่าเลี้ยงดูปูเสื่อของป้าเธออีกแล้ว เธอน่ะ ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านชาติเปรมศรีโลนี้อีกต่อไปแล้วล่ะ “ดารุ ทำไมแกผอมซูบลงไปเยอะเลยล่ะ” ในที่สุดพี่ชายก็สังเกตเห็นสีหน้าผอมตอบของเธอได้ พลางถามขึ้นอย่างกังวล เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” พลางพูดออกมาแค่สองคำสั้นๆ เธอกลัวว่าหากพูดอะไรออกมาอีกครั้ง ตัวเองจะน้ำตาร่วงได้ ความทรงจำที่ขมขื่นนั่นเธอไม่อยากจะนึกย้อนไปเลย ใบหน้าพี่ชายหม่นแสงลงเล็กน้อย เขาทำมือยุ่ง พลางก้มหัวต่ำอย่างเคยชิน “ดารุ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพี่…” “ไม่ต้องพูดแล้ว! พวกเขายังสบายดีกันมั้ยคะ” เธอโพล่งขึ้นขัดคำพูดของเขาอย่างก้าวร้าว ดารุดึงผมยาวสลวยลงมาเพื่อปกปิดความเสียสติของตัวเองนี้ไว้ เรื่องที่มันผ่านมาแล้วนั้น เธอไม่อยากยกมันขึ้นมาพูดอีก พี่ชายเหลือบมองเธออย่างแปลกใจ เธอรู้ว่าเขาคงจะสงสัยอยู่แล้วว่า เธอที่พูดจาน้อย และไม่เปิดเผยอารมณ์อะไรออกมาอย่างง่ายดายคนนี้ ทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นคนโมโหง่ายขนาดนี้ได้ เธอส่งยิ้มบาง ราวกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายไปให้เขา พี่ของเธอจึงผ่อนคลายความตึงเครียดนั้นลงเพราะรอยยิ้มกว้างของเธอ “สบายดีมากเลย ตั้งแต่ที่พ่อรู้ว่าเงินลงทุนจะหลั่งไหลเข้ามาได้อย่างราบรื่นน่ะ ใบหน้าพ่อก็ยิ้มแย้มเยอะขึ้นเป็นกองเลย เขาชมแกทั้งวันเลยนะว่าเป็นนักบุญมาโปรดวงศ์ตระกูล และยังให้แม่พี่ทำดีกับแม่สองมากขึ้นอีกหน่อยด้วย ทุกคนอยากให้แกกลับมาเยี่ยมกันหน่อยนะ โดยเฉพาะแม่สอง ทุกวันพูดถึงแต่เธอ ขนาดเก็บไปฝันเลยเชียวล่ะ ดารุ แกจะกลับมามั้ย” พี่ชายเธออยากให้เธอกลับไปจริงๆ เธอสัมผัสได้จากแววตาที่จริงใจนั่นของเขา ในเมื่อปัญหาเงินลงทุนนี่ก็แก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอถือได้ว่าหายกันกับธวลิตแล้วหรือยังนะ และงานแต่งงานตลกๆที่แสนน่าขันฉากนี้น่ะ ก็ควรจะปิดม่านลงได้สักทีแล้วรึเปล่า ฮือๆๆ เพิ่งเดินก้าวเข้ามาในห้องโถงได้ไม่เท่าไหร่ เสียงร้องไห้โฮก็ลอยมา ดารุหันหน้าเดินไปตามเสียงร้องนั่นอย่างช่วยไม่ได้ แม่ของเธอนั่งพิงอยู่ที่ด้านหลังของโซฟา น้ำตาคลอหน่อย เจ็บช้ำปวดไม่หาย “แม่ ลุกขึ้นเถอะค่ะ” เธอดึงเอากระเป๋าที่อยู่ด้านหลังออกแล้วสะพายไว้แค่ครึ่งเดียว พลางดึงแม่ที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้นมา คงถูกป้ากับพี่สองรังแกมาอีกแล้วสินะ กลับมาทีไร ก็มีแต่เสียงร้องไห้ของแม่รอต้อนรับเธออยู่แบบนี้ ดารุไม่รู้เลยว่าน้ำตามากมายเหล่านี้มันจากไหนได้ แม่ของเธอยังร้องฟูมฟายไม่หยุด หลังจากที่เธอเห็นดารุ ราวกับเธอได้ค้นพบเส้นฟางที่เป็นความหวังสุดท้าย เธอกุมมือเล็กของลูกสาวไว้ “ดารุ ลูกกลับมาแล้ว ฮือๆๆ…” “แม่ เลิกร้องไห้ได้แล้วน่า”ในน้ำเสียงร้องไห้ของแม่นั้นผสมไปด้วยความแหบแห้งของน้ำเสียง ดูท่าเธอจะร้องไห้มานานสักพักแล้ว ในห้องรับแขกนี้ไม่มีใครอยู่เลย มันจึงเงียบเชียบถึงขนาดที่ว่าเสียงร้องไห้ทุ้มต่ำของแม่ที่เจ็บปวดนี้ยังโดดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ป้ากับพี่สองทำอะไรแม่อีกล่ะ พวกเขาอยู่ไหนคะ” ดารุกำหมัดแน่น “ดารุ อย่าว่าพวกเขาเลย เป็นแม่เองนั่นแหละ…” แม่ปาดน้ำตาออกอย่างน่าสงสาร ใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยร่องรอยของหยดน้ำตาที่ไหลผ่าน แทบไม่ต้องคิดเลย พวกเขาต้องออกคำสั่งแม่อย่างกับคนใช้ ให้ไปทำความสะอาดห้องมาแน่ๆ “แม่ แล้วทำไมถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ”ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ เสียงร้องไห้ของแม่ก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว “คือแม่…พวกเขาไล่แม่บ้านออกไปแล้ว เลยให้แม่ไปทำงานของเธอแทน แม่นึกว่า ในเมื่อแม่บ้านทำงานแล้วได้ค่าจ้าง ถ้าแม่ทำงานของเธอแล้วแม่ก็น่าจะได้เงินค่าจ้างเหมือนกันสิ พอไปพูดแบบนี้กับพวกเขา พวกเขาก็ด่าว่าแม่….ฮือๆๆๆ” “แม่ หนูบอกแม่แล้วไง แม่ไม่ต้องอยู่ที่นี่หรอก เราย้ายกันออกไปเถอะ ยังไงซะก็หาเงินเลี้ยงชีพได้เองอยู่แล้ว แต่แม่ก็ไม่ฟังหนูเลย!” ดารุตำหนิแม่เธออย่างแข็งกร้าว ปัญหาเรื่องนี้เธอยกขึ้นมาพูดตั้งกี่รอบกันแล้ว แม่ก็มักจะหาเหตุผลแต่ละแบบมาปฏิเสธเธอได้อยู่ดี หรือว่าอยู่บ้านนี้แล้วโดนผู้หญิงสองคนนั่นรังแกมันรู้สึกสบายใจนักรึไงนะ ดารุไม่อยากจะเข้าใจแม่ของเธอเลย “ไม่ แม่ไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น! ถ้ามันแย่นักแม่ก็ไม่อยากได้ค่าจ้างนั่นแล้ว” แม่รีบเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาใหม่ออกไปอย่างรวดเร็ว พลางทำท่าแสดงออกว่าตนไม่ได้เป็นอะไร “แม่”ดารุไร้ทางเลือก เธอไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงยังยึดติดอยู่กับบ้านที่ไม่เป็นมิตรหลังนี้อยู่ได้ แม่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีก พลางถอดกระเป๋าเป้ออกให้เธออย่างเงียบเชียบ กระเป๋าใบนี้เป็นใบที่พี่ชายมอบให้เธอตอนเรียนจบประถม ผ่านมาหลายปีแล้ว มันทั้งเก่าทั้งหมดสภาพตามกาลเวลา แต่กระนั้นดารุก็ยังสะพายหลังอย่างนี้ไปได้อยู่นั่นแหละ สายสะพายกระเป๋าถูกต่อเติมเพิ่มด้วยเนื้อผ้าอีกสีหนึ่งเพื่อให้มันยาวขึ้นมาอีกเล็กน้อย ภายในกระเป๋าใบเล็กนี้โป่งพอง ราวกับว่าอีกสักพักหนึ่งมันจะแตกทะลักออกมา “ดารุ ถ้าไปพักที่โรงเรียนจะดูปกติมั้ย” โรงเรียนมัธยมมีหอพักนักเรียนแยกไว้ส่วนหนึ่งด้วย ดารุเริ่มพักที่โรงเรียนมาตั้งแต่เทอมที่แล้ว ถ้าไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอก็ไม่กลับบ้านหรอก “อื้อ” เธอพยักหน้า ดารุบอกแม่ไม่ได้แน่นอนว่า อาหารในโรงเรียนนั้นไม่อร่อยเลย มีเงื่อนไขเยอะแยะไปหมดด้วย แบบนี้แม่เธอก็คงจะเป็นกังวลขึ้นมาได้อีก แต่ถ้าไปถึงที่โรงเรียน ก็จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับป้าและพี่สองที่น่ารังเกียจนี่อีกแล้ว เธอรู้สึกว่าชีวิตเริ่มที่จะมีแสงสว่างลอดผ่านเข้ามาบ้าง และนั่นก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเลย และสิ่งที่เธอสมควรจะดีใจที่สุดก็คือ พี่สองเลือกเรียนในโรงเรียนชื่อดัง แยกกันกับเธอแล้ว นับแต่นี้ไปก็จะไม่มีใครว่าเธอเสียๆหายๆในห้องเรียนได้อีก เธอยังได้พบกับเพื่อนอีกคนด้วย เธอชื่อไฉไล เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตเธอตั้งแต่เกิดมาเลย
已经是最新一章了
加载中