ตอนที่ 33 ระยะเวลาฝากเงินหมื่นปีถ้วน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33 ระยะเวลาฝากเงินหมื่นปีถ้วน
ต๭นที่ 33 ระยะเวลาฝากเงินหมื่นปีถ้วน พี่สองราวกับกลัวว่าจะถูกละเลยมองข้าม จึงถามไถ่การใช้ชีวิตภายในคฤหาสน์คานเขตของเธออย่างไม่มีหยุดหย่อน “คุณธวลิตน่ะเขาอ่อนโยนกับผู้หญิงมากเป็นพิเศษเลยใช่มั้ย เขามีความชอบอะไรบ้างรึเปล่า เหมือนเขาจะอยู่แต่ในบ้าน ตลอดเวลา ทำเรื่องอะไรอย่างว่าบ้างมั้ย...”คำถามที่ส่งมาเป็นชุดๆนั้นล้วนตกไปอยู่ที่นายธวลิตแทบทั้งสิ้น ขนาดคนสมองช้า ยังรู้ได้เลยว่า หล่อนน่ะมีความคิดเห็นอย่างไรในตัวธวลิต “ถามอะไรของแกกันน่ะ เรื่องพวกนี้น่ะเหรอที่จะถาม มันเป็นเรื่องของสามีภรรยาเขานะ!”พ่อโพล่งออกมาเป็น ครั้งแรกเพื่อหยุดคำพูดและการกระทำของลูกสาวคนโต “ทำไมหนูจะถามไม่ได้ ก็ทีแรกไม่ใช่ว่าจะให้หนู...”พี่สองเถียงขึ้นอย่างไม่ยอมรับ “ใช่แกเสียที่ไหนกันล่ะ ตอนพาแกไปพบปะเจอกันในงาน คุณเขาก็ไม่ได้สนใจในตัวแกอยู่แล้ว!”พี่ชายพูดตามจริง “เสียงดังโหวกเหวกอะไรกันห่ะ! ทะเลาะกันได้ทั้งบ้าน!”ป้าตวัดสายตามองไปที่พี่ปวิตร จนเขาหดคอหนีไม่กล้า เปล่งเสียงใดๆออกมาอีก ดารุรับประทานอาหารอย่างง่ายๆ เธอรีบจบอาหารมื้อเย็นกับครอบครัวที่ไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวอะไรกันเลยสักนิดนี้ลง ป้าเท้าเอวเดินตึงตังขึ้นชั้นสองไปแล้ว และพี่สองก็ปรายตามองเธอเหมือนประชดชันกันอย่างต่อเนื่อง โดยไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมา หล่อนมองดูร่างของว่าที่ภรรยาตระกูลคานเขตนี้ นึกอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างที่ออกมาจากร่างนั้นบ้าง ส่วนแม่เธอ นั้นก็กำลังยิ้มแย้มอย่างเบิกบานใจท่ามกลางการสรรเสริญเยินยอของพ่อและพี่ชาย ดารุมุ่นหัวคิ้วอย่างเบื่อหน่าย เริ่มที่จะรู้สึกผิดหวัง กับการกลับมาในครั้งนี้ ดารุดึงโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรู้สึกเบื่อ จึงได้ค้นพบว่าบนหน้าจอนั้นปรากฏสายที่ไม่ได้รับอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ ไฉไลที่เป็นคนโทร.เข้ามา ส่วนที่เหลืออยู่อีกหนึ่งสายนั้นเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่รู้จัก เมื่อโทร.กลับไป เสียงตื่นเต้นดีใจของไฉไลก็ดังขึ้นมา “ดารุ เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เธอยังมีชีวิตอยู่ด้วยนี่ ช่าง น่าทึ่งสุดๆไปเลย”เธอขยับร่างตัวเองให้ถอยห่างออกมาเล็กน้อย ด้วยไม่อยากให้แม่เธอได้ยินเรื่องที่คุยกันนี้เข้า “ฉันสบายดีมาก วันนี้ฉันกลับบ้านมาแล้วด้วย คือ ฉันอยากไปเจอเธอสักหน่อย โอเค งั้นเจอกันที่เดิมนะ”เธอวางสายลงพลางลุกขึ้นยืน ดารุตัดสินใจว่าเธอจะออกไป “ดารุ เพิ่งกินข้าวไปเองลูกจะกลับแล้วเหรอ”ใบหน้าแม่ฉายให้เห็นถึงความผิดหวัง เธอเพิ่งจะถูกยกยอจนตัวเลงลอย สูงอยู่บนยอดปุยเมฆแล้ว ความตื่นเต้นนั้นยังไม่ทันที่จะจางหายไปเลยด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกแบบนี้นี่เองถึงทำให้เธอรู้สึกหวงแหน มันเสียขึ้นมา “เธอนี่ก็นะ คนเขาเป็นข้าวใหม่ปลามันกัน จะมาแยกห่างจากกันนานๆได้ยังไง”พ่อล้อเลียนเธอเล่นขึ้นมาอย่างเห็นใจ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำตั้งแต่ที่เธอเกิดมาเลยล่ะ พี่ปวิตรพลางลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวพี่ไปส่ง ดารุ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูยังมีธุระอื่นอยู่ด้วยน่ะ”ดารุส่งยิ้มมาทางพี่ชาย ถึงแม้จะมีแม่คนละแม่แต่เขาก็เป็นคนในบ้านชาติเปรมศรีโลที่ดีกับเธอและแม่อย่างถึงที่สุดคนหนึ่งอยู่ดี พี่สองยังคงหว่านล้อมเธอไม่ให้ไปอย่างอบอุ่นใจดี สุดท้ายจึงถามออกมาอย่างกระดากอายว่า “พี่ไปเป็นแขกที่บ้าน ของแกบ้างจะได้มั้ยอะ” “อื้อ”น่าจะได้อยู่ล่ะมั้ง ถึงแม้เธอจะเป็นแค่คนใช้ราคาแพงที่ธวลิตซื้อตัวไว้ก็เถอะ หลังจากที่แยกตัวออกมาจากการเสแสร้งแกล้งทำให้ดูเป็นมิตรของคนในบ้านมาได้แล้วนั้น เธอก็มายืนอยู่ใต้ท้องฟ้า มืดครึ้มนี้ ดารุถอนหายใจออกมาตามที่ปรารถนา ฝนจะตกแล้วสินะ ฟ้าครึ้มกว่าตอนที่เธอมาอยู่เล็กน้อย เป็นไปได้ว่าอีกไม่นานฝนอาจจะกระหน่ำตกลงมาก็ได้ เธอเร่งฝีเท้าเพิ่มเข้าไปอีก จนมาถึงสวนสาธารณะที่มีแม่น้ำซึ่งเป็นที่ที่แต่ก่อนเธอมักจะนัดเจอกับไฉไลอยู่บ่อยครั้ง “ดารุ”บริเวณที่ไม่ไกลออกไปนั้น ไฉไลโบกมือให้เธออย่างตื่นเต้น และข้างกายของเธอก็มีพี่ธีราที่ยืนอยู่ด้วย “ไฉไล”ดารุทอดสายตามองตรงไปที่ไฉไล เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ธีราถึงมาด้วยได้ ไฉไลปล่อยมือลงอย่างช่วยไม่ได้ “เขาบอกว่ายังไงก็ต้องมาเจอกับเธอให้ได้ ฉันเลยไม่มีทางเลือกน่ะ” พี่ธีราไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเธอทั้งสองคนพูดคุยกันในทีแรก เขาเกือบจะกวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างของดารุแล้ว ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เขาได้พบกับดารุ เขาก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป “ดารุ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เห็นไฉไลพูดว่าเราน่ะ...”ไอ้ชั่วธวลิตนั่น เขาทำอะไรกับเธอลงไปแล้วบ้างนะ... “พี่ธีรา”ไฉไลดึงชายเสื้อของเขาไว้อยู่อย่างนั้น เป็นการบอกใบ้เขาว่าให้มีเหตุผลขึ้นมาเสียหน่อยบ้าง ธารีดึงมือ ของดารุมา ไว้ในมือตน พลางบีบกุมมันไว้แน่นอยู่ในอุ้งมือเขา ธีราส่งสายตาอ้อนวอนไปให้กับไฉไล “ไฉไล พี่อยากคุยกับดารุ เป็นการส่วนตัวน่ะ” ไฉไลเดินจากไปอย่างหม่นหมอง สวนสาธารณะที่ดูเหมือนจะใหญ่โตแห่งนี้นั้นเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนแล้ว “พี่ธีรา พี่...ปล่อยมือเถอะค่ะ”มือของดารุถูกเขาบีบกำไว้จนรู้สึกเจ็บ เธอส่งสายตาไปให้เขา พลันมือที่วางอยู่ ข้างบนนั้นก็ผ่อนแรงลงทันที ธีราใช้มือจัดแจงผมเผ้าตัวเองอย่างเก้อเขิน “พี่น่าจะเป็นห่วงเราเกินไปหน่อยแล้วล่ะ” “อื้ม”ดารุมองหาม้านั่งริมแม่น้ำตัวหนึ่งพลางนั่งลง เธอจึงสงบลงได้ พื้นผิวของแม่น้ำที่อยู่ด้านหน้านี้เรียบนิ่งดีเหลือเกิน นิ่งเสียจนฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำนั้นไม่อาจก่อคลื่นน้ำขึ้นมาได้ ก็เหมือนกับใจเธอในตอนนี้ยังไงล่ะ! สายลมปัดผ่านมาที่พวงแก้มอย่างบางเบา พลางหยอกล้อกับเส้นผมนุ่มสลวยของเธอไปด้วย ราวกับเป็นมือข้างหนึ่งที่เอื้อมมาถึงก้นบึ้งของหัวใจ คงเหมือนกับพี่ธีราสินะ ที่เขามักจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในทุกๆครั้งที่เธอนั้น ลำบากใจ “มา เงินพวกนี้พี่คงยังใช้ได้ไม่หมดในช่วงนี้หรอก เราช่วยพี่เก็บเงินไว้สักก้อนก็แล้วกันนะ” บ่อยครั้งที่เธอพบเจอกับ ปัญหาขัดสนในเรื่องเงินทอง เขาก็มักจะพูดแบบนี้เสมอ “จะฝากเงินเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ดีคะ” “หนึ่งหมื่นปีครับ” อะฮ่าๆๆๆ ทั้งสองคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันราวกับใบหลิวที่เต็มต้น เฉพาะช่วงที่ได้อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น เธอถึงแสดงอารมณ์ออกมาได้ดังที่ใจปรารถนาแบบนี้ “ดารุ พี่ขอโทษนะ ที่พี่ช่วยเราไว้ไม่ได้”ธีรานั่งลงข้างๆเธอ แล้วจึงกล่าวโทษตัวเองขึ้นมา น้ำเสียงของเขานั้นเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย ดารุยกมือขึ้นลูบเส้นผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง พลางส่ายหัวเบาๆ“มันเป็นสิ่งที่หนูเลือกด้วยตัวเองนี่คะ ใครก็ช่วย อะไรไม่ได้หรอก” “งั้น หลังจากนี้เราวางแผนจะทำอะไรต่อล่ะ” จะทำยังไงต่อน่ะหรือ ดารุหรี่นัยน์ตาลง ริมฝีปากฉ่ำน้ำพลันยกยิ้มขึ้นมา ที่ต้นสายของแม่น้ำนั้นมีนกกระยางตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกบินอยู่บนผืนน้ำ และเงาร่างที่โดดเดี่ยวของมันก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไป “หนูก็คงจะหย่ากับเขา แล้วหลังจากนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนวันก่อนๆที่ผ่านมา” เงาร่างของนกกระยางตัวนั้น ณ บริเวณเส้นขอบฟ้าบีบเล็กลง และเล็กลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดได้กลายเป็นจุดเล็กๆ ที่หายลับสายตาไป ดารุจ้องมองขึ้นไปยังชั้นปุยเมฆที่มันได้หายตัวเข้าไปนั้น พลางเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา ปัญญาเรื่องเงินลงทุนนั่นของที่บ้าน เธอกับธวลิตต่างก็มีหนทางแต่ละแบบที่จะข้ามผ่านมันไปได้แล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้ง สองคนน่าจะไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก ฉะนั้นการดึงตัวเองกลับมา จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดกับทั้งคู่ในการแยกจากกันได้อย่างเป็นอิสระ “เยี่ยมไปเลย!”ธีราเกือบที่จะยกมือชูขึ้นมา“ดารุ พี่อยากให้เรารีบหนีออกห่างจากไอ้ปีศาจชั่วๆนั่นมาจริงๆนะ เรารู้มั้ยว่าตอนที่พี่ฟังไฉไลเล่าเรื่องที่ดารุกับมันคิดเดิมพันอะไรนั่นขึ้นมาน่ะ พี่แทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างพี่บอกกับตัวเองเลยนะว่าถ้าเราตาย พี่ก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปคนเดียวไม่ได้เหมือนกัน! นี่เขาสารภาพรัก หรือกำลังปฏิญาณตนอยู่กันแน่นะ ดารุมองใบหน้าที่แดงก่ำของพี่ธีราพลางตกอยู่ในห้วงภวังค์เล็กน้อย แววตาของเขามั่นคงเสียขนาดนั้น อีกทั้งน้ำเสียงของเขาก็ยังหนักแน่นอีกด้วย เขาไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่หรอกนะ! พลันนั้นหยาดน้ำฝนก็ตกลงบนตัวเธอ หนาวจัง เสื้อของเธอก็บางอีกแน่ะ เธอจึงตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวฝนตกแล้วสินะ! “มานี่มา”พี่ธีราเมื่อพบว่าเธอกำลังตัวสั่นอยู่นั้น จึงรีบถอดชุดทำงานบนร่างตนออก แล้วนำมันมาคลุมไว้บนตัวเธออย่างเอาใจใส่ เขาจึงเหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวตัวเล็กที่ใส่อยู่ตัวเดียวนี้เท่านั้น ดารุปฏิเสธกลับไปหนึ่งหน ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังนำมันมาห่อหุ้มตัวเธอไว้ได้อีกอยู่ดี“ดารุเป็นดอกไม้ที่บอบบางที่สุดในใจของพี่ พี่เลยจำเป็นต้องปกป้องเราไว้อยู่ตลอดเวลาไง” เขาเผยรอยยิ้มแรกของวันนี้ออกมา มันทั้งอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนกับแต่ก่อนนี้เลย “พวกเราไปกันเถอะ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว”รอบข้างมีเสียงซ่าๆของหยดน้ำฝนแล้ว ไม่นานนักพวกเขาก็ถูกทำให้ตัวเปียกชุ่มโชกจนกลายเป็นลูกหมาตกน้ำกันไปเสียได้ ธีราโอบกอดเธอไว้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยดึงเธอเข้าหาอ้อมอกที่ไม่ได้ กว้างขวางเลยสักนิดของตัวเขาเองนี้ ราวกับกำลังปกป้องอัญมณีล้ำค่าชิ้นหนึ่งไว้ ดารุเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นคางของเขาอยู่สูงขึ้นไป ลูกกระเดือกของเขานั้นขยับเคลื่อนไหวไปมาเบาๆอยู่ตรงหน้าเธอเลย แสดงให้เห็นว่ากำลังจดจ่อแน่วแน่อยู่ ธีรามุ่งความสนใจ ทั้งหมดไปที่หยาดฝนและร่างของดารุ ก่อนจะค่อยๆพาเธอย้ายไปอยู่ยังใต้ร่มไม้ 
已经是最新一章了
加载中