ตอนที่ 34 นี่น่ะหรือสะใภ้ที่ลูกแต่งให้กับตระกูลคานเขต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 นี่น่ะหรือสะใภ้ที่ลูกแต่งให้กับตระกูลคานเขต
ต๭นที่ 34 นี่น่ะหรือสะใภ้ที่ลูกแต่งให้กับตระกูลคานเขต ธีราที่ร่างกายสูงราวๆหนึ่งเมตรแปดสิบเซนฯนั้นกำลังยืนป้องร่างของเธอที่สูงราวหนึ่งเมตรหกสิบแปดเซนฯนี้ไว้ได้อย่างเหลือเฟือ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ดารุได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากหัวใจของเขานั่นแล้วเธออดไม่ได้ที่จะหน้าขึ้นสีแดงแจ๋ด้วยความขวยเขิน “เอาล่ะ!”ธีราโพล่งออกมาอย่างมีความสุข เขาหยุดฝีเท้าลง ดารุใช้แรงมหาศาลที่จะโผล่ศีรษะออกมาจากอ้อมกอดของเขาพลางลอบมอง จนได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นที่เขามักจะขี่อยู่บ่อยๆ “ดูนี่สิ กล่องสมบัติของพี่เอง”เขาลูบไปที่กล่อง ใบเล็กสีขาวที่อยู่บริเวณท้ายรถนั่น แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ดารุรู้ว่ากล่องใบนี้ปกติแล้วไม่เคยที่จะอยู่ห่างกายเขาเลย ซึ่งภายในกล่องนั้นจะบรรจุยาฉุกเฉินไว้พร้อมทั้งร่มหนึ่งคันด้วย “พี่นี่รอบคอบดีจัง”ดารุผละออกมาจากอ้อมอกของเขา พลางเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง “ก็ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพราะว่าพี่ทำเพื่อ...อ้อ แหะๆ...”ธีราพูดออกไปได้ครึ่งทางก็พลันหยุดลงเมื่อเห็นท่าทีที่ดูผิดปกตินั่นของดารุ ผมของเขาเปียกซ่กไปแล้วกว่าครึ่ง และบนเส้นผมนั้นก็มีหยดน้ำไหลย้อยลงมาจากใบหน้าที่กำลังมองมาอยู่นี้ ตลอดทั้งปีที่ต้องทำงานกลางแจ้งนั้น ทำให้ผิวพรรณของเขาหมองคล้ำลงมาก ทว่าลำแขนแกร่งนี้กลับปรากฏมัดของกล้ามเนื้อให้ได้เห็นอยู่ทั่วทุกส่วนเลยทีเดียว เขากางร่มออกแล้วย้ายมันไปไว้ที่ศีรษะของเธอ ทำให้ร่างกายครึ่งหนึ่งของธีราโผล่พ้นออกมาอยู่ท่ามกลางสายฝน “จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราเอง”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ที่ทำให้คเคลิบเคลิ้มมัวเมา ดารุพลันส่ายหน้า“ไม่ไปไหนทั้งนั้นล่ะค่ะ นอกจากจะกลับไปที่คฤหาสน์คานเขตนั่น” “ดารุ...ไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว โอเคมั้ย”ธีรากลายเป็นรู้สึกผิดหวังขึ้นมา ใบหน้าที่เพิ่งเปื้อนยิ้มไปนั้นหายวับไปอย่างไร้ร่อยรอย ทั่วทั้งใบหน้าของเขาอึมครึมไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้า จะขาดก็แต่หยาดน้ำตาที่ยังไม่ได้ร่วงหล่นลงมาเท่านั้น ไม่ไป ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอยังไม่ได้คุยกับธวลิตให้ชัดเจนเลย และสวรรค์ก็คงรู้ว่าคฤหาสน์คานเขตนั้น เป็นสถานที่ที่เธอไม่อยากไปมากถึงมากที่สุด แต่เพื่อที่จะหนีออกมาได้ เธอจำเป็นต้องกลับเข้าไปเสียก่อน ดารุส่งยิ้มปลอบโยนไปให้พี่ธีราหนึ่งครั้ง “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี เรื่องหย่ายังไงหนูก็ ต้องไปจัดการกับคุณธวลิตเองอยู่แล้วค่ะ” “อื้อ”ธีราลดน้ำเสียงลงอย่างชัดเจน “งั้นพี่ไปส่งเราแล้วกันนะ แถวนี้ไม่มีรถหรอก” เธอพยักหน้ารับ พลางกระโดดขึ้นรถเขาไปอย่างคุ้นเคย “ออกตัวแล้วนะ”ธีราสตาร์ทรถอย่างสนุกสนาน พลางฮัมเพลงออกมา เหมือนกับเมื่อก่อนนี้มากๆเลย ในวันที่พวกเขาต้องออกไปทำงานนั้น ธีรามักจะให้เธอนั่งซ้อนท้ายรถของเขาอยู่เสมอ “น้องเป็นผู้ช่วยของพี่นะ พี่ก็ต้องเรียกหาได้ทุกที่และทุกเมื่อ ดังนั้นน้องจึงจำเป็นต้องนั่งรถของพี่นี่ล่ะ”ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ เขาถึงกับต้องทำท่าทางเป็นการเป็นงานขึ้นมาเลยทีเดียว จะมีก็แต่นัยน์ตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์อยู่นั้นซึ่งมันทำให้ความในใจของเขา เล็ดลอดออกมาได้ “มันหาข้ออ้างชวนสาวสวยขึ้นรถมาด้วยกันเสียมากกว่ามั้ง!”เพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นชายหนุ่มทั้งหลาย เริ่มที่จะโห่ร้อง แซวเขาขึ้นมาพร้อมกัน เขาพลันยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับทำสัญลักษณ์มือให้พวกเขาหยุด แล้วสตาร์ทรถพุ่งทะยานออกไป หลายๆครั้งคนมักจะได้เห็นภาพมอเตอร์ไซค์ของพวกเขา ที่วิ่งไล่ไขว่คว้างานตรงหน้ามาไว้ให้ได้อย่างสุดกำลังความสามารถ ธีราลดความเร็วของรถลงอย่างเจ็บปวด เขาอยากจะอยู่กับดารุให้นานกว่านี้ไปอีกสักพักเท่าที่จะทำได้ ทว่าประตูเหล็กราวกับก้อนน้ำแข็งของคฤหาสน์คานเขตซึ่งอยู่ห่างไปพันกว่าไมล์และเคยขับไล่เขามาแล้วนั่น ก็ยังปรากฏขึ้นมาให้เห็นตรงหน้านี้ได้ “ดารุ...”ดารุพยักหน้าและกำลังจะผละออกไป ทว่าชั่ววินาทีนั้นธีรากลับคว้าหมับที่ข้อมือเธอไว้ เขารู้แล้วว่าหากมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูด เขาก็ต้องพูดมันออกมาได้แล้ว จะพลาดโอกาสไปอีกครั้งไม่ได้ “ดารุ พี่ชอบเรานะ!” ดารุยังยืนอยู่กับที่ เธอชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง จะชอบหรือไม่ชอบ เธอก็ไม่เคยคำนึงถึงปัญหาพวกนี้มาก่อนเลยระหว่างพวกเขาสองคนนั้น คงจะเหมือนกับการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด จนพัฒนามาเป็นความสัมพันธ์ของเพื่อนที่ต่างก็ ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพังอีกเสียมากกว่า ถ้าจะให้ใกล้เคียงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เขาก็เปรียบเสมือนพี่ชายที่คอยดูแลเธอนั่นเอง “คนทั้งบริษัทเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าพี่น่ะชอบดารุ แต่เราก็ไม่เคยที่จะสนใจเลย”แววตานั้นของดารุทำให้เขาเจ็บปวดธีราหลับตาลงอย่างทุกข์ใจ พลันลืมตาขึ้นมา “ดารุ พี่รักเรานะ เชื่อพี่เถอะ พี่ยินดีที่จะปกป้องเราด้วยชีวิตของพี่ และจะไม่ทำให้เราต้องเสียใจเลยแม่แต่นิดเดียว” สมองของดารุขาดออกซิเจนไปช่วงหนึ่ง เธอใคร่ครวญถึงความหมายที่แท้จริงในคำพูดนั้นของเขา “ดารุ ในหัวใจของพี่เราเป็นเหมือนเทพธิดาที่พี่ไม่อาจเอื้อมถึงได้เลย แต่ว่าพี่ก็ยังหักห้ามใจไม่ให้ตกหลุมรักเราไม่ได้อยู่ดี นั่นล่ะ พี่ถึงขนาดวางแผนอนาคตของเราสองคนไว้อย่างดีแล้วด้วยนะ ดารุวางใจได้เลยว่าพี่จะไม่ทำให้เราต้องลำบากทุกข์ใจอย่าง แน่นอน ดารุ แต่งงานกับพี่นะครับ” ดารุเข้าใจขึ้นมาในทันที เธอดึงมือตัวเองที่พี่ธีรากุมอยู่นั้นออกมา พลันเหยียดยิ้มขึ้นมาอยู่นาน เป็นยิ้มที่ดูเหมือนจะเลือนลาง คลุมเครือ และเป็นปริศนาอยู่นัยที! เธอยกมือขึ้นมาปัดใบไม้ที่ตกอยู่บนไหล่นั่นของเขาออก ด้วยท่าทางที่งดงามราวกับดอกไม้สวยที่ถูกจัดไว้ในแจกัน ในแววตาของเธอนั้นมีหยาดน้ำเอ่อล้น เธอหลับตาลงพลางฝืนมันให้กลับเข้าไปด้านใน “พี่ธีรา เรื่องที่ว่านั้นเราค่อยคุยกันวันหลังเถอะนะคะ หนูถึงบ้านแล้ว”เธอหมุนตัวพลันเดินจากไป พร้อมทั้งมองข้ามเสียงที่ตะโกนเรียกเธออย่างเจ็บปวดมาจากด้านหลังนั่น และปล่อยให้น้ำตาเธอนั้นร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย พี่ธีราคะ หากเป็นเมื่อก่อน บางทีหนูอาจจะตกลงกับคำขอนั้นของพี่ก็ได้ แต่ตัวหนูในตอนนี้นั้นด่างพร้อยมากเกินไป แม้ว่าจะเดินออกมาจากคฤหาสน์คานเขตได้แล้ว ก็คงจะไม่มีใครยอมรับไปเป็นพนักงานคนหนึ่งได้อยู่ดี หนูไม่อาจจะดึงพี่เข้ามา เกี่ยวข้องด้วยได้อีกแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ เสียงประตูเหล็กที่เปิดออกดังขึ้นเอี๊ยดอ๊าด มันทำการระบุตัวตนของดารุออกมาอย่างอัตโนมัติ เธอเร่งความเร็วพลาง วิ่งเข้าไปยังด้านในของคฤหาสน์คานเขตนี้ ที่ชั้นสองนั้น สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองไปยังทิศทางดังกล่าว โดยมองเห็นภาพภาพนั้นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง “เห็นแล้วรึยัง นี่ล่ะนะเมียแก สาวสวยที่มากไปด้วยกามตัณหา ดึงดูดผู้ชายมาได้จากทั่วทุกทิศเชียวล่ะ”ดวงตาเฉี่ยวเรียวแหลมทั้งสองข้างของหญิงสาวนั้นถูกดึงกลับมาอยู่บนร่างของธวลิตที่อยู่ตรงข้ามกันนี้ หล่อนสวมใส่ชุดเดรสแบรนด์หรูอยู่บน เรือนร่าง และด้วยกิริยาท่าทางอันงามสง่าน่าเคารพนั่น ที่แม้เธอจะอายุกว่าห้าสิบปีแล้ว ความสวยนั้นกลับไม่สร่างซาลง เลย ซึ่ง หญิงสาวผู้นี้ก็คือธินิดา แม่ของธวลิตนั่นเอง โพรงจมูกของตนถอนหายใจออกมาดังเฮือก ธินิดาหมุนตัวกลับไปนั่งที่โซฟาพลางยกเรียวขาขึ้นไขว่ห้าง มือทั้งสองประสานกันไว้บริเวณที่ขาเกี่ยวกันอยู่ แหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วมือนั้นสะท้อนแสงระยิบระยับ เผยให้เห็นความหรูหราอย่างถึงที่สุด ธวลิตที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบานหน้าต่างนั้นเม้มริมฝีปากแน่นและไม่เอ่ยคำใดออกมา บรรยากาศถูกเติมเต็มไปด้วยไอเย็น “นี่น่ะหรือสะใภ้ที่ลูกแต่งให้กับตระกูลคานเขตน่ะ”ธินิดามองลูกชายตนอย่างไม่พอใจ พลันถามกลับเสียงดังลั่น เธอเหยียดยกมุมปากขึ้นอย่างทะนงตน ห้องรับแขกที่ตั้งอยู่บนชั้นสองนี้เต็มไปด้วยกลิ่นของเขม่าดินปืนขึ้นมาทันใด เมื่อเทียบกับความเย็นชาที่ลูกชายมีแล้วนั้น ทั่วทั้งร่างของธินิดาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็แผ่ซ่านเปลวเพลิงโชติช่วงออกมา วันหนึ่งในช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หล่อนได้เข้า มายังห้องนี้แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อหว่านล้อมลูกชายให้แต่งงานมีลูก เพื่อรับช่วงกิจการของครอบครัวต่ออย่างเป็นทางการสักที ทว่าลูกชาย หล่อนกลับปฏิเสธหนูนภาพรที่เธอพามาด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วดันเรียกลูกสาวของไอเถ้าแก่หวังเงินลงทุนนั่นมาพบเสียแทนอีกด้วย! ช่างไร้สาระสิ้นดี! ทีแรกหล่อนก็เข้าใจว่าเขาคงจะแค่โกรธตัวหล่อนก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่า ยังไม่ทันจะพ้นหนึ่งเดือน เขาก็ไปขอลูกสาวไอ้เถ้าแก่ขายอสังหาริมทรัพย์นั่นมาแต่งงานด้วยจริงๆ ในช่วงวันแต่งงานนั้น กว่าจะผ่านพ้นฝีปากของนักข่าวมาได้ก็ทำเอาเธอเข็ดหลาบอยู่เหมือนกัน! ธินิดาไม่พอใจกับ ภาพลักษณ์ของลูกชายที่แสดงออกไปเป็นอย่างมาก คุณชนัยนั้นเป็นรุ่นพี่ในวงการธุรกิจปิโตรเลียม และเป็นหมูตัวอ้วนมากผล ประโยชน์ที่ธวลิตจะต้องเกาะเอาไว้ให้มั่น เขาจำเป็นต้องมีคนคอยชักจูงหนุนหลัง ซึ่งคุณชนัยก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เธอติดต่อกับคุณชนัยเป็นการส่วนตัวมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเขาก็ชื่นชมในตัวธวลิตมาก ทั้งยังมีความประสงค์ที่จะร่วมงานกับบริษัทแก้วรุ่งกรุ๊ปฯอีกด้วย และที่ยิ่งดีไปกว่านั้นอีกก็คือ นภาพร ลูกสาวของคุณชนัยนั้นก็เคยถูกทาบทามให้มาเจอกับ เจ้าธวลิตอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน แถมเจ้าตัวหญิงสาวเองก็ชอบพอเขาเอามากๆ ถึงขนาดที่ว่าเคยตามจีบเขามาแล้วเสียด้วย โอกาสดีๆแบบนี้ เธอจะปล่อยผ่านไปไม่ได้! เธอล่ะเกลียดเสียจริง นิสัยที่ดื้อดึงของเจ้าธวลิตจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยน ขนาดเธอพูดจนหมดเรี่ยวหมดแรง ขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย เมื่อมองเห็นสะใภ้ที่ตัวเองไม่ได้ยอมรับเดินเข้าประตูมานั้น พละกำลังทั้งหมดของธินิดาก็ราวกับมีกรงเล็บแหลมคมจิกลงไปบนมือหล่อนอย่างนับไม่ถ้วนจนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆได้เลย! ถ้าไม่ใช่เพื่อรักษาหน้าของบริษัทแล้วนั้น เธอคงจะไม่มีทาง เข้าร่วมพิธีแต่งงานนั่นได้อยู่แล้ว 
已经是最新一章了
加载中