ตอนที่ 35 ปีศาจผู้ไม่มีสิทธิ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 ปีศาจผู้ไม่มีสิทธิ
ต๭นที่ 35 ปีศาจผู้ไม่มีสิทธิ ยังไงก็ตามแต่ ช่วงนี้หล่อนก็ได้ยินข่าวดีมาเหมือนกัน เกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าสาวคนนี้ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อย เหมาะสมเสียเท่าไหร่นัก มาวันนี้หล่อนก็จับผิดเธอได้อย่างคาหนังคาเขาแล้วเสียด้วย ธวลิตจ้องเขม็งไปที่เงาแผ่นหลังของธีรา เขารู้จักคนคนนี้ เพราะเขาก็คือชายหนุ่มที่จับมือถือแขนกับดารุทั้งยังมองตากัน อย่างรักใคร่ในวิดีโอนั่นยังไงล่ะ เขายังมีหน้าโผล่มาได้อีกงั้นหรือ! ธวลิตกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วเกิดเป็นเสียงดังกร๊อบขึ้นมา และยังส่งผ่านไปถึงเปลวเพลิงแห่งโทสะของเขาที่ไม่อาจควบคุมไว้ได้อีกด้วย! นังผู้หญิงแพศยา! “ผู้หญิงคนนี้ช่างเลินเล่อเสียจริงๆเลยนะ ได้ยินมาว่าก่อนงานแต่งก็มีความสัมพันธ์กับผู้ชายอื่นอยู่แล้ว พอภายหลัง แต่งงานมาก็ยังเกี่ยวพันกับผู้ชายอีกคนแถมตัดกันไม่ขาดเสียด้วย มันจะทำลายชื่อเสียงแก้วรุ่งฯของพวกเราได้นะ แกหย่ากับเธอ จะเป็นการดีที่สุดแล้วล่ะ!”ขอแค่ให้เขาหย่า หนูนภาพรก็จะมีโอกาสขึ้นมาได้! ธินิดาคิดอย่างเชื่อมั่น “เรื่องนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแม่นี่ครับ”บรรยากาศหนาวเหน็บพวยพุ่งออกมา ธวลิตพูดเสียงค่อยอยู่มาก ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่น ธินิดาเกือบจะอดกลั้นต่อไปไม่ไหวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง นี่คือลูกชายของหล่อนใช่หรือไม่ มือทั้งสองข้างของหล่อนนี้ ประสานพันกันแน่น เล็บมือที่เรียวยาวนั้นก็แทงทะลุผิวหนังที่บอบบางของเธอด้วย “ฉันเป็นแม่แกนะ! แกพูดจาแบบนี้กับแม่ของตัวเองรึยังไงกันห่ะ”ธินิดาสวมบทบาทเป็นผู้อาวุโสของบ้านขึ้นมา “แม่ของผมหรือ”ธวลิตยิ้มเย็นชาที่แฝงไปด้วยความประชดประชันและเจ็บปวด “แล้วแม่เคยพยายามที่จะทำหน้าที่ แม่ให้ดีพอได้บ้างรึเปล่าล่ะ แม่ถามใจตัวเองเถอะ ว่าตัวฉันได้ทำอะไรให้กับลูกชายที่น่ารักคนนี้ไปบ้าง! ในใจของผมนอกจากแม่จะเป็นแค่รอยสัญลักษณ์รอยหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้นเลย” “แก...”ร่างของธินิดาสั่นไหวอย่างผิดปกติ “นี่แกยังเกลียดฉันอยู่อีกหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ” “เฮอะ ช่วยไม่ได้ ก็เลยจะเอาชีวิตของลูกชายตัวเองมาล้อเล่นยังไงก็ได้อย่างนั้นน่ะหรือครับ”ธวลิตหมุนตัวกลับไปพลางมองจ้องมาที่ธินิดา “นี่คือสิ่งที่คนเป็นแม่-ควร-จะ-ทำ-ใช่มั้ยครับ” “ลิต...”ใบหน้าของธินิดาซีดแล้วซีดอีก เธอนั่งลงให้กายตั้งตรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางปรับลมหายใจเข้าออกเล็กน้อย แล้วจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ยังไงก็ตามแต่ แกจะต้องมีลูกก่อนอายุถึงสามสิบปี และต้องมีลายเซนต์ของแม่ เท่านั้น ถึงจะสามารถได้รับอำนาจการตัดสินใจและควบคุมภายในบริษัทฯทั้งหมดไปได้ ซึ่งถ้าแกไม่ยอมหย่า แม่ก็จะไม่มีทางเซนต์ชื่อให้เด็ดขาด” หล่อนลุกขึ้นยืน พลันเดินจากไปอย่างไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ร่างกายของดารุพุ่งเข้าไปหาบันไดพลางใช้มือพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เธออ้าปากกว้างหายใจเข้าออก พลันนึกอยาก ดึงตัวเองที่เพิ่งจะสูญเสียตัวตนไปนั้นกลับมา ในขณะที่จัดการกับอารมณ์ได้และเตรียมพร้อมที่จะกลับห้องไปแล้วนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับธินิดาเข้าอย่างจัง ธินิดาไม่เอ่ยคำพูดใดออกมาสักประโยคเดียว หลังจากที่ถอนหายใจเย็นชาใส่เธอเฮือกหนึ่งแล้ว หล่อนก็เดินย่ำไปบนรองเท้าส้นสูงนั่นอย่างคุกรุ่นแล้วจึงเดินผ่านด้านข้างของเธอไป นี่ไม่ใช่แม่ของธวลิตหรอกหรือ ดารุมองค้างอย่างเลื่อนลอยเล็กน้อย ธินิดาเดินจ้ำอ้าวจนมาหยุดอยู่ที่รถยนต์ด้านหน้า ประตูทางเข้าแล้ว พลันจากไปอย่างไม่ทิ้งฝุ่น ที่ชั้นบนนั้นมีเสียงปิดประตูดังลั่นลอยออกมา ข้างบนน่าจะมีธวลิตอยู่แค่คนเดียว เป็นไปได้มั้ยว่าเขาน่าจะทะเลาะกับแม่ ของเขาไปเมื่อกี้นี้น่ะ ตอนที่ธินิดาผละออกไปนั้น อารมณ์กรุ่นโกรธก็หนักพอๆกันกับเขาเลยด้วย ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้เธอยังไม่ได้ปรับอารมณ์ให้ดีพอจะเผชิญหน้ากับนายธวลิตนั่นได้ เรื่องหย่าเอาไว้ค่อยๆมาพูดคุยทีหลังก็แล้วกัน เมื่อมายืนอยู่เบื้องหน้าประตูห้องของนายธวลิต ด้านในก็มีเสียงข้าวของที่แตกกระจายดังออกมา ดารุหยุดฝีเท้าลง พลันหมุนตัวกลับเข้าห้องตัวเองไป หากไม่ได้รับการอนุญาติจากธวลิตแล้ว ดารุก็ไม่อาจจะไปไหนได้ทั้งนั้น เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องมาตกที่นั่งลำบากอีก เธอจึงถือน้ำถังใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเริ่มทำงานต่อเหมือนกับงานทำความสะอาดก่อนหน้านี้ เธอตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัย ทำให้ตรงจุดนี้คนใช้ของคฤหาสน์ฯล้วนแล้วแต่ยังไม่ทันได้เริ่มงานกันเลย ใบหน้าอึมครึมของน้าณิชโผล่ขึ้นมาจากด้านข้าง และดูเหมือนว่าหล่อนจะจ้องเธออย่างครุ่นคิดอยู่นานพอสมควรด้วย กว่าจะเอ่ยออกมาอย่างเรียบๆได้ว่า “ถูพื้นให้มันสะอาดด้วยล่ะ ทุกซองทุกมุมนี่ก็อย่าให้เหลือเชียวนะ” ด้วยความที่ต้องใช้แรงในการถูพื้น ทำให้ดารุไม่มีเวลามาฟังคำพูดอะไรของน้าณิชได้ เรื่องถูพื้นนี่น่ะ เธอเริ่มทำมาตั้งแต่ อายุได้ห้าขวบแล้ว กี่ปีๆที่ได้อยู่ในบ้านชาติฯมานั้น งานแบบนี้ก็มักจะถูกแบ่งมาให้เธอทำเป็นประจำนั่นล่ะ เธอคุกเข่าอยู่ตลอดเวลา มือบอบบางกำผ้าขนหนูไว้เสียแน่นจนทำให้ข้อนิ้วซีดขาว พลันนิ้วมือก็เริ่มขึ้นสีแดงเพราะเป็นผลมาจากน้ำเย็นเฉียบในช่วงเช้าตรู่นี้ เสื้อผ้าของเธอนั้นบาง ทว่าก็ยังมีเม็ดเหงื่อที่ไหลรินเป็นสายลงมาจากใบหน้าได้อยู่ดี และเหงื่อบางหยดก็ตกลงบนใบหน้าที่ขาวสว่างเป็นหิมะของเธอด้วย ดารุที่วุ่นวายแต่ยังคงจดจ่อตั้งใจอยู่นั้น ย่อมที่จะถูต่อไปได้ไม่รอดอยู่แล้ว ใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อนั่นสวยสดงดงามราวกับดอกไม้ที่ถูกน้ำฝนชะล้างจนใสสะอาดเกลี้ยงเกลา ทั้งยังดึงดูดผู้คนให้หลงใหลได้ดียิ่งกว่า ดอกพริมโรสช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิเสียอีก! แขนของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาบ้าง ท้ายที่สุดแล้วห้องรับแขกที่กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้จะให้เธอถูไปถูมาอยู่สองสามครั้งมันก็คงจะไม่สะอาดขึ้นมาได้หรอกนะ ดารุฮัมเพลงขึ้นมา เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องไปสนใจสิ่งอื่น ถู ถู ถู ใช้แรงถูเข้าไป เธอมองไปที่เงาบนพื้นซึ่งตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ทว่าก็ออกแรงถูมันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรองเท้าหนังมันวาวคู่หนึ่ง มาหยุดอยู่ที่ด้านล่างสายตาคู่นี้ของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ที่แท้ตัวเองก็ถูจนเลยมาถึงหน้าบันไดนี่แล้ว ธวลิตที่แต่งกายตามปกตินั้นกำลังติดกระดุมแขนเสื้อพลางเดินลงมา จนถูกเธอขวางทางเข้า ดารุหน้าแดงเถือกอย่างนึกอับอาย เธอหมุนตัวแหวกทางออก เตรียมที่จะไปถู บริเวณอื่นแทน “อารมณ์ดีเชียวนี่ เมื่อวานได้ไปเดทกับคนรักมาคงจะดีใจมากสินะ”น้ำเสียงเย็นชานั่นลอยเข้ามาในหู พลันใบหน้าเล็กของดารุที่มีความสุขอยู่ในทีแรกนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้นมา และกลับไปเย็นชาดังเดิม เขาจำเป็นต้องคิดกับเธอแบบนี้จริงๆน่ะหรือ ฟันขาวกัดริมฝีปากชมพูนั่นไว้ นัยน์ตากลมโตฉายแววไม่ชอบใจ ดารุค่อยๆเงยหน้าขึ้นแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เผชิญหน้าตรงๆกับใบหน้าของเขา เธอกำผ้าขี้ริ้วแน่น พลางก้มหัวลงแล้วทำงานต่อ เธอตัดสินใจที่จะใช้ ความเงียบนั้นตอบกลับไป เมื่อเห็นดารุที่ทำงานราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไรอยู่ตรงหน้า ความอยากที่จะเอาชนะจนเข้ากระดูกของธวลิตนั้นก็พุ่งทะลุ ออกมา เขาใช้เท้าเตะไปที่ข้อมือของเธอ ดารุเจ็บจนต้องทิ้งผ้าขี้ริ้วในมือลง ทำให้มันวางอยู่บนรองเท้าของเขาอย่างสะเปะสะปะ พลันนั้นมันก็ลอยฟ้าขึ้นไปเป็นวิถีโค้งที่ดูน่าสลดใจ แล้วจึงตกลงไปกองแน่นิ่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งได้ในที่สุด ดารุกุมรอยเจ็บนั้นไว้ เธอนั่งลงไปทั้งอย่างนั้นพลางเงยหน้า และใช้สายตาวาววับนั่นจับจ้องไปที่เขาอย่างหนักแน่น เธออยากดูเสียหน่อยว่า นายธวลิตต้องการที่จะทำอะไรกันแน่! ธวลิตอ่านสายตาของเธอที่ควรจะมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่ในนั้นออกมาไม่ได้ ทว่ากลับสัมผัสได้แต่เพียงความหยิ่งผยอง ที่ไม่ปิดบังเลยสักนิดนั่นของเธอแทน ดารุใช้ท่าทีแข็งกระด้างแสดงออกถึงความดื้อรั้นที่หยั่งลึกลงไปข้างใน! “คุณภรรยาครับ ไม่กลัวขายหน้าบ้างเลยใช่มั้ย กลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ยังไม่ลืมที่จะชะเง้อหาชู้รัก แถมยังมาเล่นละครว่ารักกันมากเสียจนไม่อยากจะพรากจากกันอยู่หน้าบ้านสามีตัวเอง อย่างไร้ยางอายได้อีกเสียด้วย!” เขาเห็นแล้วหรือ! ใบหน้าของดารุค่อยๆถอดสีลง“เขาไม่ใช่คนรักของฉันหรอกนะคะ เขาเป็นแค่...”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วเธอก็พลันหยุดลง ธวลิตปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไร หากเธออธิบายออกไปมีแต่จะทำให้เขาคิดว่าตนนั้นอ่อนแอและขลาดกลัวได้ ริมฝีปากชมพูนั้นเม้มแน่น เธอไม่อยากอธิบายอะไรที่มันไร้ประโยชน์ขึ้นมาอีกแล้วล่ะ “เขาเป็นแค่อะไร พูดไม่ออกแล้วสิท่า!”ธวลิตแสยะยิ้มหัวเราะหึๆ ทั่วทั้งห้องโถงราวกับตกอยู่ท่ามกลางวิญญาณของปีศาจร้ายที่เหน็บหนาวมืดมิด เขาหวังว่าเธอจะแก้ต่างให้กับตัวเอง ทว่าผู้หญิงที่น่าสมเพชคนนี้ แค่ให้พูดอธิบายอะไรออกมา เธอกลับกล้าที่จะปฏิเสธได้ ช่างกล้าเกินตัวไปหน่อยล่ะมั้ง ธวลิตย่อตัวลงไปนั่งบนส้นเท้า จนพัดเอาแรงลมอันตรายกระเพื่อมหนึ่งมาที่ดารุ เขานั่งลงเบาๆ พลางมองต่ำลงมาที่เธออย่างนึกดูถูก ตอนเด็กๆพี่สองก็มักจะใช้ท่าทางกับสายตาแบบนี้มองเธอเป็นผู้พ่ายแพ้อยู่เหมือนกัน เธอล่ะเกลียดแววตาแบบนี้นัก! ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับพี่สองเลย ไม่สิ เขาน่ะร้ายกาจกว่าพี่สองเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยต่างหาก! ดารุเหยียดยิ้มออก ซึ่งยังคงเป็นยิ้มที่เบาบางอยู่ กระนั้นก็แฝงไปด้วยความเย้ยหยันและสบประมาทเขา เธอยิ้มจนแม้แต่ดวงตาก็ยังไม่กะพริบ มีเพียงแค่มุมปากที่ลากขึ้นมาเท่านั้น “พูดออกมาสิ!”ธวลิตพลันยื่นมือพุ่งตรงมายังแขนของเธอ ดารุหลบเขาได้อย่างรวดเร็ว “คุณมันปีศาจ มีสิทธิอะไร ไม่ทราบถึงจะทำให้ฉันยอมเปิดปากพูดได้น่ะ!”ข้อมือของเธอยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย เขายังคิดที่จะทำให้เธอเจ็บตัวได้อีกแน่ะ ถ้านี่ ไม่ใช่ปีศาจ แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีกกันเล่า!
已经是最新一章了
加载中