ตอนที่ 47 เรื่องซุบซิบนินทาที่น่ารังเกียจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 47 เรื่องซุบซิบนินทาที่น่ารังเกียจ
ต๭นที่ 47 เรื่องซุบซิบนินทาที่น่ารังเกียจ ท้ายที่สุดแล้วดารุก็ถูกธวลิตกักบริเวณไว้ นอกจากการนั่งอยู่ในห้องเฉยๆนี่แล้ว เธอก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เมื่อกี้แม่ ของเธอเพิ่งจะโทร.มาบอกว่า ทีแรกแก้วรุ่งฯต้องการจะทำสัญญากันกับเปรมศรีโล ทว่าก็กลับบอกเลิกอย่างกะทันหันขึ้นมา และการประชุมเซ็นสัญญาร่วมกันที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นภายในวันนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้วอีกด้วย ถ้าจะให้เปรมศรีโลออกมากล่าว นี่ก็คงจะเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบริษัทเลยทีเดียว พ่อของเธอรู้สึกไม่สบายใจเป็น อย่างมาก ส่วนป้ากับพี่สองก็ใช้โอกาสนี้รังแกแม่ของเธออีกเช่นเคย เฮ้อ! ดารุถอนหายใจเบาๆออกมาอย่างรู้สึกเครียด ภายในห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหาร ทว่าเธอกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา อย่างผิดปกติ ดารุเดินผ่านโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารมากมายนี้ แล้วมุ่งไปที่หน้าต่าง เธอเปิดมันออกกว้างพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทดังขึ้น ร่างอ้วนท้วมของน้าณิชพลันปรากฏขึ้นที่หน้าประตู “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันมาเก็บโต๊ะให้ค่ะ”เมื่อเธอมองเห็นกับข้าวบนโต๊ะที่ดารุยังไม่ได้กินเข้าไปสักคำเลยนั้น สีหน้าก็ทุกข์ร้อนขึ้นมาทันที “คุณผู้หญิง อาหารไม่ถูกปากหรือคะ” “อร่อยมากค่ะ”ดารุตอบกลับไปสั้นๆ “อ้อ” น้าณิชไม่เอ่ยอะไรอีกเลย เธอรู้สึกไม่พอใจกับงานนี้เป็นอย่างมาก เมื่อวานหลังจากที่นายน้อยกลับมา เขาก็มอบหมายให้เธอทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้กับดารุวันละสามมื้อ ซึ่งเธอจะภูมิใจในการทำงานมากหากมันเป็นเรื่องที่คุณหญิงท่านสั่ง ทำไมถึงต้องให้เธอมาดูแลสาวใช้คนหนึ่งนี่ด้วยนะ! ปกติแล้วอารมณ์ของคุณธวลิตนั้นน่ากลัวมาก เขาจะใช้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากเธอพลางบอกให้ทำตัวดีๆและเชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นแล้วแม้แต่คุณหญิงท่านก็ไม่อาจจะช่วยอะไรเธอได้ หรือว่าเจ้าตัวจะรู้แล้วนะว่าเธอแอบไปรายงานคุณหญิงท่านเรื่องที่เขากับดารุหายไปอยู่ไหนกันมาน่ะ ช่วงนี้ก็ทนๆทำมันไปก่อนแล้วกัน พอนึกถึงของตอบแทนมหาศาลที่บ้านคานเขตนี้ได้มอบให้ รวมไปถึงของขวัญราคาแพงที่คุณหญิงท่านมักจะเอามามอบให้กับเธออยู่บ่อยครั้ง ว่าแล้วน้าณิชก็ก้มหัวทำงานงกๆไปตามหน้าที่ทันที ภายนอกนั้นเธอทำทีเป็นเก็บกวาดข้าวของบนโต๊ะ ทว่าก็แอบลองมองดารุที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างนั่นด้วย ช่วงแรกๆที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบ้าน ตัวเองก็เคยเตะขาเธอมาแล้ว ถ้าหากว่าวันไหนเธอขึ้นมาเป็นใหญ่เทียบเท่านายน้อยได้แล้วล่ะก็ มีหวังเธอที่เป็นคนทำเรื่องอย่างว่าคงไม่มีที่ยืนอีกเป็นแน่ ใบหน้าของเธอฉายแววที่ดูผิดปกติออกมา น้าณิชผลักรถเข็นอาหารออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยลาสักคำ “ฮัลโหลค่ะ คุณ นายท่านหรือคะ อื้อ ดิฉันมีเรื่องใหม่จะมารายงานค่ะ คืออย่างนี้นะคะ...คุณนายจะกลับมาหรือคะ อ้อ ได้ค่ะ ดีค่ะ ขอบคุณมาก นะคะคุณนาย” หลังจากผ่านทางเดินนั้นมา น้าณิชก็ควักมือถือเครื่องจิ๋วพลางต่อสายไปหาคุณนายท่านที่กำลังเที่ยวพักผ่อนอยู่ที่อเมริกาโดยใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำทันที แล้วเธอก็วางสายลง ริ้วรอยที่อยู่บนใบหน้าท้วมเริ่มคลี่ออก น้าณิชปรายตามองไปที่ประตู สีชมพูอ่อนบานนั้นราวกับทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว พลางแสยะยิ้มร้ายออกมา แน่นอนว่าดารุไม่อาจรู้ได้เลยว่าน้าณิชทำสีหน้าอะไรออกมา และที่เธอไม่รู้ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทุกหนทุกแห่ง ณ ขณะนี้มีหนังสือพิมพ์ประเภทหนึ่งที่กำลังขายดิบขายดี นิตยสารบันเทิงทั้งหมดที่ได้ตีพิมพ์นั้นล้วนมีแต่ภาพของธวลิต เมธีรา แล้วก็ดารุทั้งสิ้น ถึงพาดหัวข่าวจะต่างกันทว่าเนื้อหาด้านในกลับถ่ายทอดเรื่องราวรักสามเศร้าของพวกเขาออกมาได้อย่างเหมือนกันไม่มีผิด นักข่าวบางพวกถึงกับทำสกู๊ปพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยทำตามกระแสมากเกินไป “เดี๋ยวโทร.ไปบอกนักข่าวพวกนั้นให้ถอดข้อมูลข่าวนี่ออกซะนะ ถ้าพรุ่งนี้ฉันยังเห็นข่าวแบบเดิมนี่อีกล่ะก็ สำนักพิมพ์นั้นก็รอโดนปิดประจำการไปได้เลย” ภายในออฟฟิศชั้นที่เก้าสิบนั้นขณะนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุ ธวลิตเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกเดียวก็สามารถพัดเอาข้าวของที่อยู่บนโต๊ะให้ปลิวร่วงลงมาที่พื้นได้แล้ว หนังสือพิมพ์บางฉบับที่ถูกขยำเป็นก้อนนั้นกองอยู่ที่มุมห้องและมันก็ดีไม่น้อยเลยที่เขาเห็นใบหน้าของดารุย่อยยับไปกับกระดาษแผ่นนั้นด้วย “ให้ตายเถอะ!”เขาใช้เท้าเหยียบลงไป ใบหน้านั้นพลันถูกรองเท้าหนังมันวาวเหยียบไว้อยู่ใต้ล่าง ธวลิตออกแรงขยี้ไปบนนั้น อย่างเกลียดชัง ราวกับต้องการจะบีบดารุให้แหลกสลายออกเป็นชิ้นๆไปเสีย พรตแสดงออกอย่างแสนเสียดายกับกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นนั้นที่ถูกขยำเป็นก้อนใต้ฝ่าเท้าของทวลิตนั่น นิ้วมือประสานกันอย่างเรียบง่าย พลางเอนตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้เต็มๆตัวนี้คนเดียว “เรื่องรูปปกอะไรนั่นมันไม่มีปัญหา แต่เราจำเป็นตองตัดสินใจ แก้ปัญหาในเรื่องพวกนี้ให้ได้ และยังต้องจัดงานแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนอีก ซึ่งถ้าจะให้ดีก็ควรเอาซ้อมาด้วย...” "แถลงข่าวอีกแล้วหรอ ที่ฉันเชิญแกมาเพื่อให้มาจัดงานแถลงข่าวไร้สาระนี่โดยเฉพาะเลยรึไงกัน” ธวลิตพุ่งหมัดต่อยไปที่โซฟาซึ่งล้มคว่ำอยู่ที่พื้นตั้งแต่ทีแรก จนเกิดเป็นรูโหว่ขึ้นมา พรตถูจมูก เขายังคงไม่สะทกสะท้านใดๆแถมยังรู้สึกตื่นเต้นอีกเสียด้วย “ไม่ต้องแถลงข่าวก็ได้ แกคงจะไม่กลัวหม่อมแม่แกใช้เหตุผลนี้ในการบังคับให้แต่งงานกับคุณนภาพรหรอกใช่มั้ย ทีนี้ความเป็นความตายของแกก็จะตกไปอยู่ในกำมือของเธอแล้วล่ะ!” “โถ่เว้ย!”เรียวขาของเขาพลันเตะไปที่ชั้นหนังสือพิมพ์ที่ขวางอยู่ตรงหน้า จนไม่นานมันก็พังทลายลงมาอย่างพลีชีพ “ในเมื่อเรายังรับประกันอะไรไม่ได้กับเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซนต์ ก็ไม่ควรที่จะไปขัดใจแม่แกเข้าเสียก่อน มันจะยิ่งทำให้เรื่องของแกถูกแก้ไขไปตามที่แม่แกเห็นสมควรขึ้นมาได้ การจัดงานแถลงข่าวขึ้นมาจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว” ใบหน้าสุภาพของเขาเผยรอยยิ้ม เชื่อมั่นกับการตัดสินใจของตนเอง พรตมักจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างงายดายเสมอ “งั้นก็รีบไปเตรียมงานซะสิ!” เขาแผดเสียงดังลั่นอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับบริษัทแก้วรุ่งกรุ๊ป เมธีราก็รู้เรื่องนี้มาจากบนหน้าหนังสือพิมพ์ข้างทางเหมือนกัน นอกจากเขาจะรู้สึกช็อกกับเรื่องดังกล่าวแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดเขาก็รู้สึกเป็นห่วงตัวดารุขึ้นมา บนหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีรูปภาพขนาดใหญ่ของพวกเขาทั้งสามคนอยู่นั้น ด้านข้างมีลิสต์รายชื่อของสาวสวยจำนวนมาก เหล่านักข่าวบันเทิงต่างก็เช็คประวัติดาราสาวหรือผู้หญิงไฮโซที่เคยมีข่าวฉาวกับธวลิตมาก่อน แล้วนำมาพาดหัวข่าวไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นภาพของธวลิตที่กำลังถ่ายหนังกับผู้หญิงคนหนึ่ง ใต้ภาพบรรยายทั้งเวลา สถานที่ ฉาก จนไปถึงขนาดที่ว่า เคยจูบ หรือเปิดห้องด้วยกันมาแล้วอีกด้วย วันที่ 24 เดือน 8 นี่มันเมื่อวานนี้เองนี่ ให้ตายเถอะน่า ธีราโกรธจนฉีกหนังสือพิมพ์ในมือนั่นออกเป็นชิ้นๆ “ฮัลโหล ไฉไล ช่วงนี้เราได้ติดต่อกับดารุบ้างมั้ย อะไรนะ วันนี้โทร.ไปดารุปิดเครื่องด้วยหรอ โอเค แล้วเจอกัน” ธีราวางสายอย่างร้อนใจ เขาโทร.หาดารุครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกๆครั้งที่ขึ้นแจ้งเตือนมาว่าเธอปิดเครื่องอยู่นั้นทำเอาใจเขาร่วงลงไปถึงตาตุ่ม คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรอกใช่มั้ย เขาจินตนาการภาพของดารุที่นอนอาบเลือดอยู่ใต้เท้าของไอ้ธวลิตนั่น หัวใจก็ราวกับถูกบดขยี้ให้แหลกสลายจนเจ็บแปลบไปหมด ไม่ได้การแล้ว เขาจะต้องไปหาเธอให้ได้! “ตาถั่วรึไงห่ะ คนจะเดินยังมาขวางเท้าไว้อีก ถ้าเท้าฉันเสียหายขึ้นมาจะรับผิดชอบไหวมั้ย”ธีราที่เอาแต่คิดถึงเรื่องดารุ จนเผลอ ไปเตะกระถางต้นไม้เข้าอย่างไม่ทันระวัง และกำลังตะโกนด่าทอเถ้าแก่ที่กำลังขนของขึ้นรถนี้อีกด้วย พรตไม่คิดที่จะขอโทษ ทั้งยังมองจ้องอย่างเย็นชาไปที่กระถางต้นไม้สภาพดีเหล่านั้นซึ่งยังคงถูกขนขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเถ้าแก่ที่อยู่ด้านหลังได้แต่พูดไปพลางด่าไปพลาง “เถ้าแก่ เจ้าหนุ่มนั่นมันแค่เดินชนของเถ้าแก่นิดๆหน่อยๆเอง ทำไมถึงด่ามันแรงขนาดนั้นล่ะ”เพื่อนคนหนึ่งของเถ้าแก่เดินออกมาจากภายในร้านพลางล้อเลียนเขา “แกไม่รู้รึ มันเป็นของที่ต้องนำไปส่งให้คฤหาสน์คานเขต คุณเขาจ่ายให้ตั้งสองเท่าของราคาขายเชียวนะ แล้วจะให้ของ มีตำหนิได้ยังไงกัน” คฤหาสน์คานเขตหรือ เสียงของเถ้าแก่นั้นดังลั่น ขนาดธีราที่เดินห่างออกมาไกลแล้วยังถูกคำคำนั้นสะกดเขาเอาไว้ “เถ้าแก่ ที่เถ้าแก่พูดน่ะหมายถึงคฤหาสน์คานเขตไหนหรือครับ”ธีราวิ่งกลับมา พลางคะยั้นคะยอถามลุงเถ้าแก่ทันที “จะเป็นที่ไหนไปได้เล่า ก็คฤหาสน์คานเขตในวิลล่าเพิ่มสินนั่นไง เอ็งไม่เคยได้ยินคนเค้าพูดกันรึ ทำลายข้าวของของเขาแล้ว เอ็งยังจะมีหน้ามา...” “อ้อ เข้าใจแล้วครับ” ธีรารับมือไม่ไหวกับเถ้าแก่จอมโม้นี่อีกต่อไป จึงก้าวเท้าเดินออกมา “แกดูสิ แค่ฉันพูดว่าเป็นที่นั่น เขาก็กลัวจนวิ่งหนีเตลิดไปเสียแล้วล่ะ”เถ้าแก่พูดกับเพื่อนตนพลางชี้ไปที่แผ่นหลังนั่นของธีราอย่างพึงพอใจ เมธีราไม่ได้หายไปไหนไกลเลย เขาเดินอ้อมหัวมุมหนึ่งไป และวนกลับมาใหม่จากที่อื่นอีกครั้ง เถ้าแก่ยังคงขนกระถางต้นไม้ขึ้นรถไปอยู่เรื่อยๆ ธีราครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะเข้าไปใกล้กับท้ายรถกระบะคันนั้นได้ “เมียจ๋า กับข้าวเสร็จรึยัง กินเสร็จแล้วจะได้รีบออกเดินทางสักที!”หลังจากที่เถ้าแก่ขนของเสร็จ เขาก็ผลักประตูรถปิดลงภายในบ้านมีเสียงของผู้หญิงลอยออกมา เขาเสียบกุญแจทิ้งไว้ข้างรถอย่างชุ่ยๆ พลางปัดมือแล้วเดินเข้าบ้านไป 
已经是最新一章了
加载中