ตอนที่ 67 ราวกับมีดทิ่มแทงใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 67 ราวกับมีดทิ่มแทงใจ
ต๭นที่ 67 ราวกับมีดทิ่มแทงใจ ทันทีที่ร่างกายชุ่มเหงื่อของดารุเดินผ่านห้องรับแขกไปนั้น น้าณิชก็ปรี่เข้ามาหยุดเธอไว้ที่ด้านหน้า “คุณผู้หญิงคะ มีผู้หญิงท่านหนึ่งอ้างว่าเป็นพี่สอง เธอต้องการจะพบคุณผู้หญิงน่ะค่ะ” พี่สองหรอ มาทำอะไรที่นี่กันนะ ดารุระแวงและสงสัยเต็มขั้น เธอญาติดีกับพี่สองได้ไม่รอดมาโดยตลอด ช่วงที่เธออยู่บ้านพี่สองก็มักจะสรรหาวิธีมากลั่นแกล้งเธออย่างสุดความสามารถ แล้วจู่ๆตอนนี้จะมาเยี่ยมเธอเสียอย่างนั้น หรือจะเป็นเรื่องแม่เธออีก… “รีบเชิญเธอเข้ามาได้เลยค่ะ” ดารุนั่งรออย่างชิลล์ๆอยู่ภายในห้องนั่งเล่น พลันนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็ถือแก้วชากรุ่นหอมส่งมาให้ “คุณผู้หญิงคะ นี่เป็นชาที่นายน้อยฝากคนเอามาให้อีกที ดิฉันเทน้ำร้อนใส่ให้แล้วนะคะ” นายธวลิตหรอ ดารุฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว สำหรับดารุ ธวลิต ก็เป็นเพียงแค่ชื่อชื่อหนึ่งในหัวใจเธอเท่านั้น ดารุจิบชากลิ่นหอมฉุยนั้นเข้าไปหนึ่งคำ ความรู้สึกโล่งพลันไหลวาบไปทั่วทั้งหัวใจและปอด อาการเหนื่อยล้าจากการเต้น เมื่อครู่นี้ก็พลอยทุเลาลงจนหมดด้วย เป็นชาที่ดีจริงแฮะ “นี่ น้องสาวพี่ดูสุขสบายดีจังเลยน้า”พริมพรเดินสะบัดก้นเข้ามาหาทันที วันนี้เธอใส่เพียงแค่เดรสตัวสั้นจู๋ เธอปรายตามองไปรอบๆ จนมาตกอยู่ที่แก้วชาในมือเธอ “โห ชาหอมเชียวหรือเนี่ย แถมยังยิ้มเสียปากกว้างอีก ว้า ยัยดารุ แกนี่มันไม่เหมือนแต่ก่อนเลยนะ ขนาดดื่มชายังมีคลาสเลย ชาตัวนี้น่ะ ถุงหนึ่งราคาเป็นหมื่นๆเชียวนะ” “พี่มีธุระอะไรคะ” “น้องสาวฉัน เแกลืมแล้วหรอ ครั้งที่แล้วที่ฉันบอกว่าจะแวะมาเล่นที่บ้านแกไง” “…..” ดารุไม่อยากจะต่อปากต่อปากคำกับหญิงสาวมากนัก เธอจิบชาอยู่เงียบๆ กลิ่นหอมอ่อนๆของมันตลบอบอวลอยู่ที่ปลายลิ้นนั่นทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมาไม่น้อยเลย พริมพรก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกันว่าดารุจะมีทีท่าอย่างไร เธอเลือกตำแหน่งตรงข้ามกับเธอพลางนั่งลงโดยไม่ปริปากเถียงนัยน์ตาปราดมองไปรอบๆตัวคฤหาสน์ รู้สึกตกตะลึงไปกับความใหญ่โตโอ่โถงของมัน “ช่วงนี้ลิตคงไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยใช่มั้ยล่ะ” “พี่มีเรื่องอะไรหรอคะ” ดารุไม่มีทางรู้อยู่แล้ว ว่าพริมพรส่งคนมาเฝ้าบริเวณใกล้ๆกับคฤหาสน์อยู่ทุกๆวัน เพื่อสังเกตพฤติกรรมเข้าออกบ้านของตัวธวลิต เธอลงทุนใช้ทักษะไปแล้วไม่ใช่น้อย อากัปกิริยาที่กั๊กคำตอบไว้เองของเธอนั้นทำให้พริมพรรู้สึกตื่นเต้นราวกับดอกไม้ที่ชุ่มสายฝน เธอยักไหล่พลางแสยะยิ้มร้ายกาจประหลาดๆนั่นออกมา “อะฮ่าๆๆ วันนี้ที่ฉันมาน่ะก็เพราะว่า หนึ่ง เพื่อมาดูแก ส่วนข้อที่สองก็คือ…” พริมพรจงใจทำเป็นเล่นใหญ่ แต่เมื่อเห็นว่าดารุไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิด เธอจึงคว้าถุงข้างตัว แล้วหยิบเสื้อสูทอามานี่ออกมา “ลิตเขาก็นะ เมื่อวานเขามาค้างคืนกับฉัน พอออกไปตอนเช้า ก็ดันลืมสูททิ้งเอาไว้อีก ฉันน่ะก็กลัวว่าเขาจะหนาว เลยกะจะเอาเสื้อไปให้เขาถึงที่บริษัทโดยเฉพาะ แต่ก็ผ่านคฤหาสน์ที่แกอยู่นี่พอดี ฉันเลยแวะมาเยี่ยมเสียหน่อยน่ะ”พริมพรแต่งเรื่องขึ้นมาได้อย่างไม่ละอายใจ พลางสาธยายราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง “อ้อ เท่าที่หนูรู้มา จากบ้านเราไปถึงที่ทำงานเขา ก็ไม่ได้ผ่านทางนี้เสียหน่อยนี่คะ” ดารุกระทุ้งกลับจนพริมพรต้องหัวเราะแหะๆขึ้นมา “ก็แค่ แม่แกบ่นๆว่าคิดถึงแกน่ะ ฉันก็ต้องหาเวลาว่างมาดูแกอยู่แล้ว” “หนูสบายดีค่ะ พี่มีอะไรอีกมั้ยคะ” “ไม่มีอะไรแล้วล่ะจ้ะ เดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว ลิตคงจะรอเสื้ออยู่แน่เลย ฉันไปละนะ”พริมพรเก็บข้าวข้องพลางสะบัดมือน้อยๆราวกับผีเสื้อติดปีกบินว่อนไป ครั้งก่อนพริมพรได้เปิดห้องนอนในโรงแรมกับธวลิต ทว่าเธอก็ทำไม่ได้อย่างที่หวังไว้ ระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงเสื้อสูทหนึ่งตัวที่เขาลืมทิ้งไว้เท่านั้นที่พอจะยืนยันความสัมพันธ์ของเขาและเธอได้ พริมพรถือมันติดมืออยู่ได้อยู่ทั้งวี่ทั้งวัน จนคนรู้จักเธอต่างก็รู้กันไปทั่วแล้วว่า เธอมีเสื้อสูทของธวลิตอยู่กับตัวก็เท่านั้นเอง ซึ่งการกระทำนั้นของเธอจะสื่อถึงอะไรนั้น แม้แต่คนที่ได้รับข้อมูลเพียงสั้นๆมาก็ยังรู้ได้ ว่าพริมพรต้องการที่จะให้ทุกๆคนเข้าใจผิด จากนั้นจึงยืนยันกับทุกคนว่าตนเป็นแฟนใหม่ของธวลิตนั่นเอง และจุดประสงค์ในการมาของเธอวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาแหย่นังน้องสาวที่ตนอิจฉาริษยามาอย่างเนิ่นนานนี้นี่ล่ะ ทั้งๆที่เธอได้นัดเจอกับธวลิตก่อนแล้วแท้ๆ ไม่คิดเลยว่า ยังไม่ทันจะได้เจอเขาตัวเป็นๆ พริมพรก็ต้องถูกคัดออกเสียแล้วช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แล้วแบบนี้จะให้เธอทนมองนังน้องสาวที่ถูกเธอเหยียบย่ำมาตั้งแต่เล็กๆนี่ได้ดิบได้ดีเป็นนกตีปีกสูงได้ยังไงกัน หัวใจของเธอราวกับถูกกรงเล็บแมวข่วนก็ไม่ปาน ครั้งแรกสำหรับวันนี้นั้น แม้ว่านังน้องสาวของเธอจะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา แต่เธอเชื่อ ว่าข้างในเธอคงจะอยู่ไม่สุข เป็นแน่ นั่นแหละผลลัพธ์ที่พริมพรต้องการ แต่อย่างไรเสีย ก็ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอต้องการในท้ายที่สุด นั่นก็คือตัวธวลิต! ดารุมองพริมพรที่เดินฮัมเพลงไกลออกไป พลางลุกขึ้นยืนอย่างเงียบเชียบ แล้วจึงเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องตน เธอได้แต่พูดปลอบใจตัวเองอยู่ซ้ำไปซ้ำมา ว่าธวลิตไม่ใช่คนของเธอตั้งแต่แรกแล้ว เธอไม่ได้ชอบผู้ชายคนนี้เลย ทว่าก้อนเนื้อในอกกลับเจ็บปวดขึ้นมาเป็นพักๆ ดารุหน้าซีดเซียวกลับมาถึงห้อง ที่ซึ่งมีตุ๊กตานักเต้นตัวน้อยวางไว้อยู่เรียงราย ใบหน้าของพวกมันเปื้อนยิ้ม ราวกับกำลังประชดเธอที่พลั้งความรู้สึกไปเองคนเดียว ในที่สุดดารุก็รู้แล้วว่า ห้องนี้เคยเป็นที่ที่ไปรยาอยู่มาก่อนนั่นเอง “ไปรยา ฉันไม่ได้…”ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงเหลือเกิน ดารุล้มลงไปบนพื้นห้อง พลางกุมหน้าอกแน่น ฟันขาวกัดลงไป บนริมฝีปากแน่นจนเลือดซิบและกลิ่นคละคลุ้งอยู่ภายในปาก ดารุดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้นสักพัก ก่อนจะนิ่งงันไปในท้ายที่สุด ทันทีที่ดารุรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอก็มานอนอยู่บนเตียงนุ่มเสียแล้ว ที่มือของเธอมีเข็มสายน้ำเกลือเจาะไว้ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลัง วุ่นอยู่กับการจัดแจงอุปกรณ์ยาอยู่ที่หัวเตียงพลางใช้น้ำเสียงเบาบาง “โอ๊ย…” ชายหนุ่มหันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงนั้น ใบหน้าหล่อเนี้ยบเผยรอยยิ้มเป็นการเป็นงานขึ้นมา ผมสั้นของเขาประอยู่ที่บ่าเขาคือคุณดรณ์ ดารุจำเขาได้ “คุณเป็นโรคกระเพาะอย่างรุนแรง และเพราะออกกำลังกายเป็นเวลานานขณะท้องว่างอาการจึงกำเริบและรู้สึกเวียนหัว”ดรณ์ตรวจเช็คยาในหลอดดูดตามอาการของเธอพลางเอ่ยบอก ดารุพยักหน้าหงึกๆ เธอเอนตัวพิงไปที่หัวเตียงอย่างอ่อนแรง ใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวบ่งบอกถึงอาการป่วยของร่างกาย อีกทั้งริมฝีปากของเธอยังแห้งผากเป็นเวลานานจนผิวปากลอก “ดื่มน้ำหน่อยนะครับ” ดารุกัดหลอดพลางดูดน้ำเข้าไปอย่างเชื่อฟัง “คุณยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ ทำไมโรคกระเพาะถึงได้ร้ายแรงแบบนี้ได้ล่ะครับ” ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีเลยสักมื้อที่เธอจะกินได้ตรงเวลา ไม่เป็นโรคกระเพาะก็แปลกแล้วล่ะ แต่เธอจะทำยังได้เล่า ดารุยิ้มเผล่ เธอดูอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ดรณ์ที่มองจ้องมาถึงกับปวดใจ ไอ้ธวลิตมันดูแลผู้หญิงของมันยังไงกันล่ะเนี่ย สงสัยต้องหาเวลาว่างสอนงานมันเสียหน่อยแล้วมั้ง “เอาล่ะ ผมมอบหมายงานให้น้าธารีแล้วนะ หลังจากนี้เธอจะรับผิดชอบเรื่องอาหารให้คุณเอง แล้วก็คอยอยู่ดูแลพยาบาลให้แปบเดียวก็หายดีแล้วครับ” “คุณดรณ์คะ”ดารุเรียกเขาไว้ “พี่ธีราเป็นยังไงบ้างคะ เขาอยู่ไหนแล้ว” “การรักษาเบื้องต้นก็เสร็จเรียบร้อยดีแล้วครับ” “การรักษาเบื้องต้น หมายความว่ายังไงคะ” ดรณ์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองคนดื้อด้านเหมือนกันทั้งคู่ แล้วจะให้เขาทำตัวยังไงเล่า ไอ้ลิตก็เป็นเพื่อนกับเขามาตั้สิบกว่าปีแล้ว หญิงคนรักของมันก็เหมือนเป็นตราบาป ไม่ว่าจะฝั่งไหนเขาก็ปล่อยไปไม่ได้ทั้งนั้น “ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้วล่ะครับ”ดรณ์เลือกที่จะตอบกำกวมกลับไป “แล้วมือเขาล่ะคะ” “อาจจะไม่สามารถใช้ถ่ายภาพได้อีกแล้วล่ะครับ”เขายักไหล่ขึ้นราวกับเย้ยหยัน ดรณ์ได้แต่ส่ายหัวพลางทำหน้าเจ็บปวดเขาเป็นถึงศัลยแพทย์มือหนึ่งของโลก ไม่ว่าเคสอาการแบบไหนหากอยู่ภายใต้การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเขาแล้วนั้นก็ย่อม จะกลับมาหายดีได้เหมือนเคย จะมีก็แต่ไอ้โรคจิตอย่างธวลิตที่ไม่ยอมให้เขารักษาคนเจ็บได้จนจบ ยังดีที่เขาได้รักษาไปบ้างแล้วเล็กน้อย เมธีราช่างน่าสงสารยิ่งนัก และถึงแม้ว่ามันจะไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของเขา แต่ธีราก็คงจะไม่สามารถทำงานถ่ายภาพ ที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงนั้นได้อีกแล้วล่ะนะ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”ดารุยกมือขึ้นปิดใบหน้าอย่างเจ็บปวด เธอจมดิ่งลึกลงไปกับการกล่าวโทษตัวเธอเอง ดรณ์รีบสาวเท้าออกมาจากห้องทันที พลางถอนหายใจเฮือกอยู่ด้านนอกประตูนั่น หญิงสาวที่น่าสงสารคนนั้นกำลังรอคำ ปลอบโยนจากผู้ชายสักคนอยู่ แต่ใครมันจะไปกล้าล่ะวะ ใครมันจะบังอาจเป็นเสือร้ายไปแตะต้องผู้หญิงของไอ้ธวลิตได้กัน 
已经是最新一章了
加载中