ตอนที่ 70 ผู้หญิงหน้าไม่อาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 70 ผู้หญิงหน้าไม่อาย
ต๭นที่ 70 ผู้หญิงหน้าไม่อาย “ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ” ดารุยื่นมือมาหยุดเขาที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนถึงโกรธเขาได้ “เธอโกรธฉันอยู่เหรอ” “เปล่าค่ะ” พอถูกคนตรงหน้าเดาอารมณ์ตัวเองออก เธอกลับรู้สึกอายขึ้นมา “โอเค งั้นเธอนอนพักก่อนก็แล้วกัน เรื่องเข้าเรียนเดี๋ยวฉันให้ธิติจัดการให้ เขาจะเป็นคนทำหน้าที่ไปรับไปส่งเธอเอง”ธวลิตออกจากหัวเตียงแล้วลงมาจากที่นอน ที่แท้เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้จริงๆเสียด้วย “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้” “ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันอีกงั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว” ดารุยังคงค้านหัวชนฝา ทว่าก็ถูกคำพูดนั้นของเขารูดซิบปากเสียสนิท เธอนอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนั้นอย่างเศร้าหมอง พลางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเขาที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ หัวใจของดารุพลันดำดิ่งลงไปทีละนิดๆ …….. ในที่สุดก็จะได้ไปเรียนแล้ว และถึงแม้จะมีคนคอยตามประกบอยู่แบบนี้ เธอก็ยังตื่นเต้นดีใจไม่ต่างจากนกน้อยตัวหนึ่งเลย ดารุฮัมเพลงไปตลอดทางเดิน กำหนดการลงทะเบียนของมหาลัยได้เริ่มขึ้นแล้ว ดารุหยิบเงินที่ยืมมาจากพี่ธีราออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อใช้เป็นค่าเทอม ทว่าบนประกาศนั้นกลับไม่มีชื่อของไฉไลปรากฏอยู่เลย ดารุรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอรึเปล่านะ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องของพี่ธีรา ทำให้ท่าทีของไฉไลที่มีต่อเธอนั้นแปรเปลี่ยนไปมาก ดารุไม่แน่ใจเลยว่าไฉไลจะยังนับเธอเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า คิดได้ดังนั้นดารุก็เจ็บแปลบขึ้นมาในอก อารมณ์ของเธอดิ่งฮวบ เธอนั่งเหม่ออยู่ภายในรถพลางมองไปที่นอกกระจกรถนั่น ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป “คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิง”ธิติจอดรถอยู่ริมฟุตบาท ก่อนจะหันมาตะโกนเรียกเธอ “คะ” ดารุจ้องไปที่ธิติ สติสตังพลันกลับมา “เมื่อครู่นายน้อยโทรศัพท์มาบอกว่าคืนนี้มีงานเลี้ยง อยากจะให้คุณผู้หญิงไปด้วยน่ะครับ” “ฉันไม่ไปได้มั้ยคะ”ดารุรู้สึกเพลียขึ้นมาแทบจะทัน จนไม่อยากจะขยับเขยื้อนตัว ธิติเกาหัวแกร่กๆ ฉายแววลำบากใจ “คงจะไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้านายน้อยโกรธขึ้นมา…” “โอเคค่ะ ฉันไปก็ได้”เธอไม่อยากให้เขาต้องตกที่หนักลำบากไปอีกคน ดารุใช้มือสางเส้นผม พลางรวบมันไปไว้ด้านหลัง “งานกุศลบูรพา” ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่วางทาบอยู่บนตัวภัตตาคารที่หรูหราสุดในเมืองย่านนี้ ใบหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับดาราชื่อดังนั่นของธวลิตแปะขยายเป็นภาพใหญ่อยู่บนนั้น จนดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้หยุดเหลียวมอง และบนจอทีวีขนาดใหญ่ของภัตตาคารก็กำลังถ่ายทอดสดงานเลี้ยงครั้งใหญ่นี้ ห้องโถงนั้นประดับประดับหรูหราเสียยิ่งกว่าพระราชวังหลวง เงาร่างของคนวูบไปวูบมาอยู่ภายใน ถ้าไม่ใช่นักธุรกิจ ก็ต้องเป็นดาราที่มีชื่อเสียง ผู้ชายล้วนสวมชุดสูทตะวันตกเหมือนกัน ส่วนผู้หญิงจะสวมใส่เดรสพิธีแตกต่างกันไป ต่างคนต่างก็ชนแก้วกับคนที่รู้จัก ส่วนคนที่ไม่คุ้นหน้าก็จะทักทายเฮฮาปราศรัยกันแทน คนจำนวนมากกรูกันเข้ามาก็เพราะธวลิตจะมาที่นี่ หากได้ดื่มสังสรรค์อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันกับชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญแห่งวงการธุรกิจด้วยแล้ว จะถือได้ว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และถ้าหากมีโอกาสได้เจรจาร่วมงานกันกับเขา หรือสานสัมพันธ์อะไร ก็ตามแต่ กำไรก็จะมีแต่ได้กับได้ ในวงการนี้มีคำกล่าวหนึ่งที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันว่า: ร่วมงานกับแก้วรุ่งกรุ๊ป ฐานเงินลงทุนจะกว้าง ขวาง และถ้าสานสัมพันธ์กับธวลิต ชีวิตจะไม่มีวันได้ลำบาก และเพราะต้องการจะดึงดูดคนเข้ามาในงาน เจ้าภาพจึงได้ติดรูปขนาดใหญ่ของเขาไว้ด้วยนั่นเง ซึ่งคืนนี้มีเศรษฐีจำนวนมากที่เดินเข้างานมา และตามข้อตกลงแล้ว ผู้ที่มาจะต้องบริจาคเงินมากกว่าหนึ่งแสนบาทขึ้นไปด้วย เมื่อนับๆดูแล้วคืนนี้คงจะได้เงินบริจาคเป็นจำนวนไม่น้อยเลย เจ้าภาพของงานอย่างปรมะที่สีผมหงอกลงแล้วนั้นเผยอรอยยิ้มขึ้นแล้วจึงยกแก้วชนกับแขกเหรื่อที่มางาน พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ “คุณปรมะ วิธีนี้ของผมไม่เลวเลยใช่มั้ยครับ”พรตสวมใส่สูทพอดีตัว เขายกแก้วชนกับปรมะด้วยท่วงท่าสง่างาม แล้วจึงพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของปรมะปรากฏรอยยิ้มราวกับดอกเบญจมาศ เขามองปราดเดียวไปที่ป้ายซึ่งมีรูปธวลิตแปะอยู่พลางหัวเราะ ฮ่าๆๆออกกมา “เพราะเธอแท้ๆที่กล้าออกไอเดียแบบนี้ขึ้นมา ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าคุณลิตเขาจะว่าอะไรรึเปล่า” “คุณลุงวางใจได้เลยครับ”พลางตบไปที่ไหล่เขาเบาๆ พรตยกยิ้มมั่นใจ “เรื่องของคุณลุงก็ถือเป็นเรื่องของไอ้ลิตเหมือนกัน เขาอาจจะด่าคนได้ทั้งโลก แต่เขาไม่มีทางด่าลุงแน่ครับ” “เธอนี่นะ”ปรมะตบไหล่เขากลับบ้าง พลางเอ่ย “แล้วทำไมเขาไม่มาพร้อมเธอด้วยกันล่ะ” “เขาน่าจะสายหน่อยล่ะครับ เพราะน่าจะมาพร้อมกับภรรยาใหม่เขา”พรตนั้นมักจะดูมีสกุลรุนชาติ เขาพูดจาอะไรออกมาล้วนดูสุภาพมีมารยาทแถมยังชัดเจนน่าฟังอีก ทำให้สาวๆที่ได้ยินต่างก็ส่งสายตามาให้อยู่เรื่อยๆ นัยน์ตาคู่นั้นหลังกรอบแว่นของเขาฉายแววแอบซ่อนความหม่นหมองไว้ สักพักหนึ่งก็พลันเปลี่ยนไปเป็นจันทร์แรกแย้มที่พร้อมยิ้มอ่อนอย่างเป็นมิตรให้กับทุกคนที่ดาหน้าเข้ามา พรตเป็นผู้ช่วยที่มีความสมารถของธวลิต ในขณะเดียวกันก็ยังบริหารบริษัททนายของตัวเองไปด้วย จนขึ้นแท่นกลายเป็นหนึ่งในสามของงานทนายว่าความทั้งหมดภายในเมืองแห่งนี้ และใกล้จะกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มากขึ้นทุกทีแล้วด้วย ในเมื่อเอาตัวธวลิตมาไม่ได้ แต่ได้เขามาแทนก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย คนที่มีความสามารถมักจะได้รับโอกาสมาอย่างง่ายดายเสมอ หลังจากที่เพิ่งกล่าวทักทายกับปรมะไป สาวสวยกลุ่มหนึ่งก็กรูกันเข้ามาหาเขา พรตไม่เหมือนกับธวลิต เพราะธวลิตปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเย็นชาล้วนๆ ทว่าเขามักจะยิ้มบางๆเมื่อต้องพูดคุยกับสาวๆ แต่ถึงกระนั้นพรตก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครได้ง่ายๆอยู่ดี ขณะที่สาวๆกำลังห้อมล้อมพูดคุยกับเขาอยู่นั้น ที่อีกด้านหนึ่งความอลหม่านเล็กๆก็เกิดขึ้น ตามมาด้วยเสียงแจ่มชัดของพิธีที่ดังขึ้นมา “ผู้บริจาครายใหญ่ในค่ำคืนนี้ของเราได้แก่ คุณธวลิต ทุกคนโปรดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยนะครับ” กลุ่มคนที่ยืนเกาะกลุ่มกันแต่เดิมพลันแยกตัวออกมา สายตาจับจ้องไปที่ตำแหน่งบานประตูนั้น ร่างสูงโปร่งของธวลิตพลันปรากฏขึ้นที่นั่น เหมือนครั้งวันวาน ใบหน้าของเฉยชาและไร้ซึ่งรอยยิ้ม หลังจากที่เขามองเห็นปรมะแล้ว จึงพยักหน้าให้เขาไปอย่างมีมารยาท ดารุเกี่ยวแขนธวลิตไว้อย่างระมัดระวัง พลางเดินตามเขาไป ผมของเธอถูกปล่อยสยายออก ชุดเปลือยหลังสีฟ้าราวกับน้ำทะเลนั้นสวมอยู่บนเรือนร่างอย่างพอดีตัว หางชุดยาวระไปกับพื้นห้องราวกับคลื่นที่ซัดหาดทรายเป็นทางยาว พวกเขาทั้งคู่ราวกับเป็นภาพวาดอันงดงามสว่างไสว และเทียบเทียมกับทั้งชายและหญิงบนเวทีได้อย่างง่ายดาย เหล่าหญิงสาวหากไม่ส่งสายตายั่วยวนมาให้กับเขา ก็จะส่งสายตาเป็นศัตรูมาให้กับดารุแทน ในงานแบบนี้ถ้าหากโดนใครที่เหนือกว่ามาเปรียบเทียบได้นั้นมันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจนัก ในส่วนของผู้ชายต่างก็เชยชมความงามของดารุจนขาดสติไปตามๆกัน นัยน์ตาสองข้างเหล่านั้นมองถลนราวกับจะวิ่งทะลุเสื้อผ้าเธอเข้าไปยังด้านในเพื่อการสำรวจ ซึ่งนั่นทำให้คู่ควงของพวกเขาหึงกันเป็นแถบๆ คู่ที่แต่งงานแล้วก็จะดึงหูสามีของตนพลางด่าใส่ชุดใหญ่ ส่วนคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันก็จะมีเสียงทะเลาะเบาๆดังขึ้นมา ธวลิตคว้าตัวดารุเข้ามากกกอดไว้ทันที สายตาหื่นกระหายเหมือนหมาป่าจากผู้ชายพวกนั้นมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร เขากอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน พลางตวัดนัยน์ตามองไปที่ชายหนุ่มพวกนั้นเพื่อป่าวประกาศว่า เขาเท่านั้นที่มีสิทธิในตัวเธอ พริมพรที่ยืนอยู่ข้างๆญาณัทและมองเห็นฉากดังกล่าวนั้น กระทืบเท้าเร่าๆอย่างโกรธแค้น สายตาจับจ้องไปที่ภาพของดารุที่กำลังยืนเคียงคู่อยู่กับธวลิตอย่างมีความสุขนั่น เธออยากจะเข้าไปตบมันสักสองฉาดเหลือเกิน มันมีสิทธิอะไรถึงได้รับความสนใจจากเขา มีสิทธิอะไรถึงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ในหัวใจของพริมพรนั้น ดารุควรจะไปแต่งงานกับผู้ชายตาถั่วบ้านนอกๆที่ไหนสักคน จากนั้นก็จะมีลูกด้วยกันเป็นโขยง และกลายเป็นยายแก่ผู้น่าสงสารไป ทว่าตอนนี้ มันกลับได้ใส่เสื้อผ้าที่หรูหรายิ่งกว่าเธอ และอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธอหลงรักมานาน แถมมันยังถูกธวลิต ลูบหัวอย่างอ่อนโยนอีกด้วย ในขณะที่พริมพรยังโมโหอยู่นั้น พิธีกรก็ได้ประกาศงานบริจาคเพื่อการกุศลอย่างเป็นทางการขึ้นมา ผู้ร่วมงานทุกคนต่างก็เดินไปออกันที่ด้านหน้าเวทีเพื่อมอบเงินบริจาคของตน ซึ่งบนหน้าจอขนาดใหญ่นั้นได้เผยรายนามของผู้ร่วมบริจาค รวมไปถึงยอดเงินรับบริจาคทั้งหมด ญาณัทยื่นเงินหนึ่งแสนส่งให้กับมือพนักงานอย่างปวดใจ พลางถอยออกมาด้วยใบหน้าขมขื่น “ยัยพริม แกชักจะดื้อไปกันใหญ่แล้วนะ แกต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงหน่อยรู้มั้ย เพราะไอ้เงินหนึ่งแสนนี่น่ะมันเป็นค่าใช้จ่ายของเราทั้งบ้านเดือนหนึ่งเชียวนะ”ญาณัทโอดครวญกับลูกสาว รู้สึกปวดใจกับเงินที่เสียไป พริมพรถูกขัดใจไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่ฟังที่พ่อของเธอพูดมา ก็หัวร้อนขึ้นทันที “ไม่ยอมเสียลูกก็จับหมาป่าไม่ได้แล้วถ้าไม่ยอมเสียเงินมาหนูจะเห็นหน้าคุณธวลิตได้ยังไงกันล่ะคะ” ญาณัทรีบตะปบปิดปากลูกสาวตนทันที พลางเอ่ยเสียงค่อย “ที่แกมานี่ก็เพราะอยากจะมาเจอธวลิตแค่นั้นน่ะเหรอ เขาเป็นสามีน้องสาวแกนะ รู้ตัวบ้างรึเปล่า” ทั้งสองคนเขยิบมาอยู่ในมุมที่ลับสายตาคน พริมพรกระชากมือของพ่อออกอย่างหยาบคาย พลางเอ่ยอย่างหน้าไม่อายว่า “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่พ่อ หนูเต็มใจ” “แกนี่นะ….เฮ้อ”ผู้เป็นพ่อได้แต่สะบัดมือไล่เธอไปไกลๆอย่างขุ่นเคือง “นี่ พริมพร”ตานีกระแทกส้นสูงเดินมาอยู่ตรงหน้าพริมพร คนหยิ่งยโสอย่างเธอปกติก็ไม่ได้พูดคุยทำความรู้จักอะไรกับนางแบบโนเนมอย่างเธออยู่แล้วล่ะนะ แต่ช่วงนี้ข่าวที่ว่าเธอได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับลิตอย่างลึกซึ้งนั่นมันลอยเข้าหูเธอมา เธอจึงต้องมายืนยันเองเสียหน่อยว่าจริงเท็จแค่ไหน “พี่ตานี”พริมพรพลันเปลี่ยนเป็นยกยิ้มขึ้นมา แล้วจึงดึงกระโปรงตัวเล็กที่ก้นเกือบจะโผล่ออกมานั้นลงเล็กน้อย เธอจงใจจะบิดก้นเล็กๆใส่ตานี ตานีเหลือบมองไปทางฝั่งของธวลิต พลางรวบผมลอนใหญ่ของตนขึ้นแล้วมัดสูงอยู่ที่ท้ายทอย เผยให้เห็นชุดเดรสโค้งเว้าที่โชว์ส่วนเนินอกขึ้นมา บนลำคอระหงสวมใส่สร้อยอัญมณีเส้นหนึ่งไว้ ที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงไม่ใช่น้อย “ได้ยินมาว่าช่วงนี้เธอสนิทสนมกับลิตดีนี้ ทำไมไม่มาด้วยกันกับเขาล่ะ”ขณะที่พูดคำนั้น ตานีก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ส่อแวว ประชดประชันถึงขีดสุด “ไม่ใช่แค่สนิทสนม แต่เป็นความใกล้ชิดระหว่างแฟนหนุ่มสาวต่างหากค่ะ”พริมพรไม่รู้สึกละอายอะไรอยู่แล้ว เธอเอ่ยมัน ออกมาโดยที่หน้าไม่ได้แดง ใจไม่ได้เต้นตึกตักแบบนั้น คำพูดของตานีเหมือนมากระตุ้นหัวใจที่หยิ่งยโสของเธอ พริมพรนึกอยากจะกูหน้าตัวเองกลับมาบ้าง “เอ๊ะ ทำไมฉันถึงไม่รู้กันนะ”ตานีไม่ได้เชื่อเธอทั้งหมด ทว่าธวลิตก็ไม่ได้แวะมาหาเธอนานแล้วเหมือนกัน ใจของเธอถึงกับร้อนรุ่มเป็นมดตกหม้อน้ำร้อน แต่ก็จำต้องแสดงออกให้เห็นว่าตนไม่ได้รู้สึกอะไร “ลิตเขามักจะค้างคืนอยู่กับฉันที่นู่น ก็เลยต้องคอยเอาเสื้อมาส่งเขาทุกวัน ทั้งวงนอกหรือวงในใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะค่ะ” ซึ่งจริงๆธวลิตก็ไม่ได้มาหาเธออยู่แล้ว นอกจากเรื่องที่ลืมเสื้อสูทนี้ไว้ พริมพรก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาช่วยได้อีก คำพูดของเธอกระตุ้นให้ตานีหัวเราะลั่นขึ้นมา “เธอหมายถึงสูทอามานี่ตัวนั้นน่ะหรอ ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าไม่เคยซักมาก่อน และเขาก็ใส่มัน อยู่ได้ทั้งวันทั้งคืนน่ะ อะฮ่าๆๆๆๆ ลิตน่ะขึ้นชื่อเรื่องความซกมกจะตายไปนะ เธอไม่รู้หรอ ฮ่าๆๆๆ” คำพูดที่ตอกกลับมานั้นของตานีทำเอาหน้าพริมพรแตกยับเยินจนดูไม่ได้ ใบหน้าที่โบกรองพื้นมาอย่างหนานั่นเดือดระอุเธอกระทืบเท้าเร่าๆอย่างไม่ยอมรับ พลางเอ่ย “เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก ที่เธอทำเป็นโลกสวยก็เพราะอิจฉาใช่มั้ยล่ะ คอยดูก็ แล้วกัน” พริมพรเดินหนีตานีไปอย่างโกรธเคือง ทว่ากลับโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับดารุแทน “นังผู้หญิงหน้าไม่อาย เกาะแกะลิตอยู่ได้ทั้งวันไม่ปล่อยมือเชียวนะ แกนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ!” ดารุเดินตามหลังธวลิตไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ปริปากพูดเลย ผู้ชายแต่ละคนต่างก็ใช้สายตาแทะโลมนั่นจ้องมองมาที่ตน จนดารุรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าออกล่อนจ้อนอย่างไรอย่างนั้น รอบกายรู้สึกอึดอัดไปหมด ธวลิตกำลังพูดคุยกับเจ้าภาพที่ชื่อปรมะนั่น และคำพูดที่ลอยมาอยู่เรื่อยๆนั้นมีคำว่าธารี ซึ่งพวกเขาขานชื่อเธอว่า ธารีน่า อะไรสักอย่าง เหมือนจะสื่อถึงน้าธารีจริงๆ น้าธารีชื่อธารีน่าจริงๆน่ะหรือ เพราะจังแฮะ ปรมะดูเหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างกับธารีณ่าที่เขาพูดถึง เพราะช่วงแรกๆของบทสนทนานั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของเธอทั้งสิ้น 
已经是最新一章了
加载中