ตอนที่ 76 ให้โอกาสฉันสักครั้งนึงเถอะ
1/
ตอนที่ 76 ให้โอกาสฉันสักครั้งนึงเถอะ
บังคับรัก นายปีศาจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 76 ให้โอกาสฉันสักครั้งนึงเถอะ
ตนที่ 76 ให้โอกาสฉันสักครั้งนึงเถอะ เสียงแคว่กดังขึ้น และนั่นทำให้อากาศหนาวเหน็บลงไปอีกขั้น จังหวะที่ดารุเพิ่งจะรู้ตัวว่าเสื้อผ้าตนถูกฉีกออกอีกแล้วนั้น ร่างของเขาก็ทาบทับเธอลงมาเสียแล้ว “โอ้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะชอบอะไรที่มันเร้าใจกว่านี้ด้วย”เสียงเย็นยะเยือกของธวลิตดังขึ้นมาจากด้านหลัง ภายในชั่วพริบตาต่อมาเธอก็ถูกเขาเกี่ยวเอวยกขึ้น ทรวงอกของเธอทิ่มไปที่เตียงนอน ส่วนเรียวขาก็คุกเข่าอยู่บนพื้นด้านล่าง “ปล่อยฉันนะ คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”ดารุพยายามขัดขืนเขาอย่างกระดากอาย มือเล็กถูกเขาไพล่ไว้ที่ด้านหลัง เธอทำได้เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยอย่างทุลักทุเลเท่านั้น ดารุก่นด่าชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเธออย่างอ่อนแรง “คุณมันหน้าไม่อาย ไอ้สารเลว! อ๊ะ…” ความเจ็บปวดที่ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้านั่นแล่นแปลบขึ้นมาทันที “ปล่อยนะ อย่า…” “ขอร้องฉันสิ!”ธวลิตคิดจะใช้วิธีการนี้บังคับให้เธอยอมแพ้เขา “ไม่!”ดารุส่ายหัวพลัน หยาดน้ำตาไหลท่วมใบหน้า เรื่องน่าอับอายแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำให้เธอต้องตายทั้งเป็นเลยนะ “ไอ้ปีศาจ ไอ้คนชั่ว อ๊า—" …… มหาวิทยาลัยเปิดเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว และดารุก็แบกร่างที่บอบช้ำของตัวเองมาถึงมหาลัยจนได้ โดยมีธิติขับรถมาส่ง ไฉไลไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเช่นเคย ทำให้ที่นั่งของเธอนั้นว่างเปล่า บนบอร์ดรายชื่อยังไม่มีชื่อเธออยู่เลยด้วยซ้ำ ดารุฟังผู้อำนวยการกล่าวเปิดงานในพิธีอย่างสงบนิ่ง เทอมนี้จะเป็นเทอมสุดท้ายสำหรับการเป็นพี่ใหญ่แล้ว งานคงมีไม่เยอะเหมือนแต่ก่อน จะมีก็แต่งานหลักๆอย่างการติดต่อเพื่อฝึกงาน และการออกแบบแฟชั่นโชว์สำหรับโปรเจคต์จบของเธอ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลาไปทำงานเพิ่มขึ้นด้วย และเธอก็จะได้คืนเงินพี่ธีราเร็วขึ้น หลังจากพิธีเปิดภาคเรียนจบลง ดารุก็จัดการตัวเองเล็กน้อยภายในห้องพักแล้วจึงออกมา การหายตัวไปของไฉไลนั้นทำเอาเธอว้าวุ่นใจเหลือเกิน มือถือของเธอถูกธวลิตริบไปตั้งนานแล้ว ต่อให้ไฉไลนึกอยากจะติดต่อเธอมาก็คงหมดสิทธิ์ โดยเฉพาะวันนั้น เป็นเพราะเรื่องพี่ธีราทำให้ไฉไลมีอคติต่อเธอมากขึ้น ไม่รู้ว่าเธอกับดารุจะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนเดิมอีกรึเปล่า ช่างเถอะ เธอไม่สนอะไรแล้ว ไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า ดารุมองผ่านบานหน้าต่างรถไป และเห็นรถของธิติกำลังร่นถอยหลังไปบนถนน “หยุดก่อนค่ะ” ธิติหยุดรถอย่างเชื่อฟัง รอฟังคำสั่งขั้นต่อไปของเธอ “คุณธิติคะ ฉันขอยืมมือถือของคุณหน่อยสิ” หลังจากจ้องไปที่กระจกมองหลัง นัยน์ตาของธิติก็ฉายแววสงสัยอยู่วูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบมือถือออกมาแล้วส่งให้เธอ “ฮัลโหล…”ไฉไลที่ปลายสายนั้นรับโทรศัพท์เสียงอ่อนแรง อารมณ์ของเธอหมองเศร้าเป็นอย่างมาก “นี่ฉันเองนะ ไฉไล เธอป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงอ่อนแบบนั้นล่ะ” “เปล่า”ไฉไลตอบกลับมาเรียบง่าย ทว่าไม่นานนัก เธอก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “ดารุ เธอช่วย…อะไรฉันอย่างหนึ่งได้มั้ย” “เรื่องอะไรล่ะ เธอว่ามาสิ”ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างก็ช่วยเหลือกันได้ทั้งนั้น ดารุถามกลับไปอย่างไม่ลังเล ปลายสายนั้นพลันอึกอักไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “ตั้งแต่ที่พี่ธีรารู้ว่ามือของตัวเองจะใช้ถ่ายภาพไม่ได้อีกแล้ว เขาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ดันทุรังอยู่กับกล้องพวกนั้น รื้อแล้วก็ประกอบใหม่ แล้วก็รื้อออกมาอยู่นั่น ฉันเป็นห่วงจะแย่ อยู่แล้ว เธอช่วยมากล่อมเขาหน่อยจะได้มั้ย ถ้าเขายังฝืนทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีหวังได้ทรุดกันพอดี ฮือๆๆๆ….” เสียงร้องไห้ที่กลั้นไว้ไม่อยู่ของไฉไลดังลอดเข้าหูเธอมา ดารุไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดบาปแล่นเข้ามาในหัวใจถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ป่านนี้พี่ธีราก็คงได้ไปทำงานถ่ายภาพอย่างมีความสุขเหมือนแต่ก่อนแล้ว เฮ้อ เธอจะทำยังไงดีนะ “ดารุ เธอมาเถอะนะ ฉันรู้ว่าเขาเชื่อฟังเธอที่สุดแล้ว ถือซะว่าเธอทำเพื่อฉันก็ได้ ช่วยมากล่อมเขาที” “ไฉไล…” คำขอร้องของไฉไลนั้นช่างดูหดหู่เหลือเกิน มันดูเศร้าสร้อยจนหัวใจเธอแทบจะแตกสลาย ดารุเหลือบมองธิติที่เบาะหน้าแวบหนึ่งทว่าก็ไม่ได้สนใจเขานัก “ดารุ เธอก็รู้ว่าฉันรักพี่ธีรา ถ้าหากเขาเป็นอะไรขึ้นมา ฉันก็คงใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้หรอก” ไฉไลต้องการความช่วยเหลือจากเธอจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ทั้งยังเอาชีวิตตัวเองมาข้องเกี่ยวด้วย ความรัก มันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ ถึงทำให้คนที่สดใสและมองโลกในแง่ดีอย่างไฉไลยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกได้ ดารุรู้สึกสะท้อนใจเหลือเกิน เธอไม่ใตร่ตรองอะไรอีกแล้ว และตัดสินใจลงไปอย่างผิดมหันต์ “ได้ อีกเดี๋ยวฉันจะถึงแล้ว” ธิติจำต้องทำตามคำสั่งของเธอด้วยการขับรถพามาส่งยังหน้าบ้านของธีราในเมืองเล็กๆนี้ และเธอก็ใช้เหตุผลที่ว่า เธอนัดพบกับเพื่อนผู้หญิง จึงไม่สะดวกใจที่จะให้เขาติดตามเธอไปด้วย “เบอร์มือถือของเธออยู่ในมือถือคุณแล้วนะคะ ถ้าไม่เชื่อคุณลองโทร.เช็คอีกครั้งก็ได้เพื่อความแน่ใจ ฉันไปไม่นานหรอก คุณรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกันนะคะ” ทันทีที่พูดจบ ดารุก็รีบลงจากรถไป แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมุ่งหน้าไปที่ตัวอาคารที่เขาพักอยู่ ธิติเกาท้ายทอยแกรกๆ รู้สึกลำบากใจนิดๆกับสิ่งที่ทำ เขาไม่กล้าโทร.หาเบอร์นั้นที่ดารุเพิ่งต่อสายไปเมื่อครู่นี้แน่ๆ แต่เขากลับเลือกที่จะต่อสายไปหาธวลิตแทน “นายน้อยครับ คุณผู้หญิงเข้ามาในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง เธอบอกว่ามาหาเพื่อนผู้หญิง เลยไม่อยากให้ผมตามไป อ้อ ครับ ได้ครับ” ธิติวางสายลง เขาหมุนตัวกลับไปที่รถ พลางขับมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมืองที่แสนวุ่นวาย ไฉไลที่กำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่นั้น เมื่อเงยขึ้นมาเห็นดารุ ราวกับเธอได้พบเชือกเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเธอไว้ “ดารุ ในที่สุดเธอก็มาแล้วมาดูเขาเร็วเข้า” เมื่อมองผ่านบานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ ดารุก็เห็นเงาร่างของธีรา ที่กำลังง่วนอยู่กับการประกอบร่างกล้องถ่ายภาพในมือ บนพื้นมีข้าวของมากมายกระจัดกระจายอยู่ ทั่วทั้งห้องดูรกรุงรังสับสนวุ่นวาย “เขาเป็นแบบนี้มาสามวันแล้ว วันนั้นที่เขารับโทรศัพท์ สีหน้าของพี่ธีราก็แย่ลง หลังจากนั้นก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องแล้วใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายไปบนฝาผนังอยู่แบบนั้น พอถ่ายไปได้สักพัก เขาก็แงะกล้องออกมาประกอบใหม่ และก็ไม่ให้ฉันเข้าไปหาด้วย ตอนกลางคืนเขานอนแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น จนถึงวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยสักคำ” บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกล่องข้าววางตั้งอยู่ อาหารภายในไม่ยุบลงไปเลยแม้แต่น้อย ไฉไลได้แต่กลั้นสะอื้นไว้ ทว่าหยดน้ำตาก็ยังไหลทะลักลงมาอย่างไม่ยอมเชื่อฟัง “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ”ดารุลูบไหล่บางของเธออย่างปวดใจ หญิงสาวที่สดใสคนนี้ พอได้มาเจอกับคนที่ตนรักแล้วกลับกลายเป็นคนเศร้าสร้อยมองโลกในแง่ร้ายไปเสียได้ ไฉไลโผเข้ากอดดารุเต็มรัก “ดารุ พอเป็นแบบนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน เธอช่วยฉันเถอะนะ ขอแค่ให้เขากลับมาเป็นปกติจะให้ฉันทำอะไรฉันยอมได้ทั้งนั้น” ดารุลูบหลังบางอย่างปลอบโยน เธอเหลือบมองเข้าไปภายในห้อง ธีราราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใดๆจากโลกภายนอกนี้เลย เขายังคงประกอบกล้องถ่ายรูปของตัวเองอยู่เหมือนเดิม “โอเค ฉันจะไปกล่อมเขาให้เอง”เมื่อเห็นเพื่อนรักตนทรมานใจแบบนั้น ดารุก็มั่นใจและไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว “งั้น ฉันไปซื้อของมาทำกับข้าวใหม่ๆให้เขากินนะ”ไฉไลปาดน้ำตาทิ้ง และปล่อยให้ดารุมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง ดารุมองแผ่นหลังบางที่เดินจากไปอย่างเศร้าสร้อยแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอโทษตัวเองเข้าไปอีกหน “ดารุ เรามาแล้วหรอเยี่ยมที่สุดเลย” ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ธีราก็รับรู้ถึงการมาของเธอ นัยน์ตาเขาฉายแววตกตะลึง ธีราปัดฝุ่นกล้องในมือที่ตนเพิ่งประกอบเสร็จไปแล้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น “พี่อยากถ่ายรูปให้เราจัง อ้อ เราเดี๋ยวนะ ขอพี่เช็คกล้องก่อน” เมื่อธีราพูดจบ เขาก็ย้ายกล้องถ่ายภาพในมือไปที่ฝาผนังนั้นแล้วกดถ่าย ดารุประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่า บนผนังห้องล้วนเต็มไปด้วยรูปของเธอแทบทั้งสิ้น บางรูปเธอจะยิ้มบางๆ บางรูปก็เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ แล้วก็มีรูปที่เธอถืออุปกรณ์พร้อมทั้งเหม่อลอยอยู่นั่นอีกด้วย… เธอบอกได้เลยว่า เขามีมันนับร้อยๆภาพ และแทบจะทุกอิริยาบถของเธอเลยด้วยซ้ำ พี่ธีรายังเก็บภาพถ่ายที่เขาถ่ายเธอมาตลอดชีวิตนั่นไว้อยู่เสมอ! เขายังคงถ่ายรูปอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ มือของเขาสั่นเทาไม่หยุด แล้วรูปที่ถ่ายออกมาจะเป็นอย่างไรกันเล่า… “พี่ธีรา เดี๋ยวก่อนค่ะ”ดารุดึงมือเขาที่กำลังจะเช็คภาพในกล้องนั้นไว้ “มีอะไรเหรอ พี่ขอเช็คกล้องดูสักหน่อยนะ เมื่อกี้ภาพที่ถ่ายไปมันเบลอมากเลย หรือมันจะเก่าไปซะแล้วล่ะเนี่ย ถ้าเป็นงั้นพี่คงต้องซื้อตัวใหม่มาแล้วล่ะ”ธีราพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแต่อยากหลุดพ้นจากการควบคุมของเธอ “ไม่ต้องแล้วค่ะ!”ดารุตะโกนเสียงดังลั่น ธีราสะดุ้งพลางจ้องเธอด้วยสีหน้าสับสน “พี่ธีรา หนูไม่ชอบกล้องถ่ายรูปของพี่นี่เลย พี่เลิกถ่ายมันสักที”ดารุเลือกที่จะหลับตาลง ขณะที่เธอพูดประโยคนั้นออกมา หัวใจของเธอก็เจ็บแปลบราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงอยู่ข้างใน “ถ้าไม่ถ่ายรูปแล้วพี่จะทำอะไรได้อีกกันเล่า ยัยเด็กบ๊องเอ๊ย” ธีราลูบเส้นผมของเธออย่างอ่อนแรง น้ำเสียงของเขาเหมือนกับแต่ก่อนไม่มีผิดเพี้ยน และยังคงยกกล้องขึ้นมาถ่ายไปที่กำแพงเช่นเดิม “บอกว่าไม่ต้องถ่ายแล้วไง หนูขอล่ะ!”ในที่สุดดารุก็ปล่อยโฮออกมา ดารุดึงชายเสื้อของธีราไว้แน่น พลางเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นขึ้นว่า“พี่ธีรา มือของพี่มันใช้ถ่ายภาพไม่ได้อีกแล้วล่ะค่ะ หนูขอร้องล่ะ…ฮือๆๆ….” เมธีราราวกับถูกปลุกเรียกสติก็ไม่ปาน เขายืนนิ่งอยู่กับที่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา “ใช่สิ ฉันถ่ายรูปไม่ได้แล้วนี่ ดูสิว่าแกถ่ายอะไรออกมาแล้วบ้าง”มือของเขาสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมธีราเบิกตาโพลงขณะที่จ้องมองรูปภาพที่ตนเพิ่งถ่ายไปแต่ละภาพนั่น สีหน้าของเขาฉายแววผิดหวังออกมาในทันที ต้องการกดลบหรือไม่ ยืนยัน เสียงแกร๊ง ที่แผดลั่นแสบแก้วหูได้ดังขึ้น หลังจากที่กล้องถ่ายรูปได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นส่วนอยู่บนพื้น เมธีรากุมศีรษะตัวเองราวกับคนสิ้นสติ เขาแหกปากตะโกนลั่น “พระผู้เป็นเจ้า แล้วผมจะทำอะไรต่อไปได้อีกกัน!” “พี่ธีราคะ พี่ธีรา!”ดารุเริ่มที่จะผิดหวังกับการเตือนสติเขาไปเมื่อครู่นี้เสียแล้ว ธีราราวกับเป็นเสือบ้าที่มุทะลุวิ่งหนีหายจากประตูไปมีเพียงเสียงฝีเท้าดังสนั่นนั่นที่ส่งผ่านความเจ็บปวดและความร้อนรนของเขามาให้ ดารุตื่นตระหนกจนหัวใจแทบจุทะลุอกออกมาข้างนอก และเธอก็วิ่งตามเขาไปโดยไม่ได้คำนึงถึงอะไรเลย “พี่ธีรา พี่ธีรา พี่อยู่ที่ไหนน่ะ!”ดารุเห็นเขาวิ่งหายเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆหลังเขานั่น ทว่าเมื่อตามมาถึงแล้วกลับไม่พบแม้แต่เงาดารุหายใจเข้าออกแทบไม่ทัน กระนั้นก็ยังคงยืนกรานที่จะตะโกนเรียกชื่อเขาออกมา ภูเขาลูกเล็กที่เงียบสงบนั่นไม่สะท้อนเสียงใดกลับมาเลย ช่วงเวลานี้คงยากที่จะมีคนผ่านไปผ่านมา ภูเขาที่ว่าไม่ได้ใหญ่โตเลยสักนิด แต่ก็ปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้อยู่ไม่น้อย ซึ่งการที่จะปีนขึ้นไปบนยอดต้นไม้สูงนั่นเพื่อมองหาคนที่จงใจจะหลบหน้าเธอก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก ไม่ทันไรดารุก็วิ่งจนเหงื่อกาฬไหลท่วมใบหน้าแล้ว ทว่ากลับไม่พบแม้แต่เงาร่างของธีราเลย เธอเหนื่อยหอบจนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นได้อยู่แล้ว ดารุหยุดฝีเท้าลง เธอรู้ว่าพี่ธีราต้องแอบมองเธอจากที่ไหนสักแห่ง ถ้าหากว่าเธอยังไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหน ยังไงเสียเขาก็ไม่มีทางวิ่งนำหน้าเธอไปก่อนแน่ๆ “พี่ธีรา หนูขอโทษ”เพียงแค่คิดถึงมือสั่นเทาของเขาที่แม้แต่จะจับกล้องให้อยู่นิ่งๆก็ยังทำไม่ได้แล้ว ดารุก็รู้สึกผิดอยู่เต็มอก จนได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง “พี่ธีรา ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหนูทำร้ายพี่ ถ้าไม่ใช่เพราะหนู พี่ก็คงเป็นปกติได้เหมือนอย่างเคยมันเป็นความผิดของหนูเอง แต่ว่า พี่อย่าหลบหน้าหนูแบบนี้อีกได้มั้ย หนูยินดีชดใช้ความผิดทุกๆอย่างเลย พี่ธีราให้โอกาสดารุได้มั้ยคะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 76 ให้โอกาสฉันสักครั้งนึงเถอะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A