ตอนที่ 77 เป็นความผิดของฉันทั้งนั้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 77 เป็นความผิดของฉันทั้งนั้น
ต๭นที่ 77 เป็นความผิดของฉันทั้งนั้น ภายในป่าที่เงียบสงัด ใบไม้ปลัดปลิวฟลิ้วไหวลู่ไปกับสายลม มีเพียงเสียงนกน้อยที่ร้องหาอาหารดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ไม่นานนักก็บินหายไป ดารุเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจของเขาแล้ว นั่นทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเมธีราคงอยู่แถวๆนี้ “พี่ธีรา พี่ออกมาได้มั้ยคะ ถ้าพี่ไม่ยอมออกมา หนูก็จะหาพี่อยู่ในป่านี่แหละ พี่สำคัญกับหนูมากเลยนะรู้มั้ย แต่ก่อนพี่ก็คอยอยู่เคียงข้างหนูเสมอเวลาที่ลำบาก พี่เป็นเหมือนพี่ชายที่หนูรัก…” “แต่พี่ ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชายเรานะ”ทันใดนั้นธีราก็โผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เขาหยุดยืนอยู่ห่างจากเธอไปเมตรกว่าๆเสียงสะอื้นไห้นั่นของดารุทำให้เขาทนไม่ไหว เขาจดจำคำสาบานของตัวเองได้ว่า เขาจะทำให้เธอมีแต่ความสุขและสบายใจ ทว่าสีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้กลับอมทุกข์ และท่าทีที่รู้สึกผิดบาปอยู่ลึกๆนั่นก็ทำให้เขาปวดใจ “พี่ธีรา”ดารุตะลึงงัน พลางเดินเข้าไปหาเขา ณ เวลานี้ เธอแค่อยากจะกอดเขาและพูดคุยกับเขาก็เท่านั้น เพราะพี่ธีราเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอไปแล้ว ทว่าธีรากลับถอยหลังร่นไปเรื่อยๆ พลางโบกมือไล่ “ไม่ต้องเข้ามา ไม่งั้นพี่จะหายตัวไปอีกรอบต่อหน้าเราเลยนะ” “พี่ธีรา พี่เป็นอะไรไปคะ”ทำไมเขาถึงเย็นชากับเธอแบบนี้ได้ล่ะ แล้วที่ผ่านมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งนั่น ไม่ใช่ว่าเขาเอาแต่คิดหาวิธีเข้าใกล้เธอหรอกหรือ ใบหน้าเล็กของเธอซีดเผือดลงเล็กน้อย พอนึกถึงว่าตนกำลังจะสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งอย่างเขาไป หัวใจเธอก็ปวดร้าวอย่างทุกข์ทรมาน “ดารุ ไปซะเถอะนะ”ธีราเลือกที่จะหันหลังใส่ดารุ เขากุมมือขวาตัวเองที่กำลังสั่นเทาไว้ พยายามฝืนความต้องการของตัวเองที่อยากจะพุ่งเข้าไปกอดเธอ “พี่สบายดีหมดนั่นแหละ” “ไม่ พี่ไม่สบายดีเลยสักนิดเดียว พี่ธีรา ให้เอามีดมาแทงที่ใจหนูมันยังไม่เจ็บเท่าต้องมาเห็นพี่ในสภาพนี้เลย พี่บอกหนูมาได้เลยค่ะว่าต้องทำแบบไหนหนูถึงจะชดเชยความผิดให้พี่ได้ ต้องทำยังไงพี่ถึงจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง” “มันไม่ใช่ความผิดเราซะหน่อย!”ธีราโพล่งขึ้นขัดเสียงสะอื้นของเธออย่างหงุดหงิด สักพักหนึ่งจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเขาใช้น้ำเสียงแผ่วลง “เรื่องทั้งหมดที่ทำลงไปพี่ยินดีและเต็มใจทั้งนั้น และต่อให้มือพี่ขาดไปทั้งท่อน พี่ก็ไม่รู้สึกเสียใจหรอกนะ ดารุ เราหนีไปซะเถอะ ตอนนี้พี่อยู่เคียงข้างเราไม่ได้อีกแล้ว พี่ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย เพราะพี่เป็นได้แค่…เศษสวะไร้ค่าเท่านั้นเอง” “ไม่ค่ะ หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น”คำว่าเศษสวะของเขาบาดลึกเข้าไปในหัวใจเธอ ดารุทรมานมากขึ้นเรื่อยๆจนเปล่งเสียงแทบจะไม่ออก “พี่ธีรา พี่ไม่ใช่เศษสวะนะ พี่เป็นองครักษ์ปกป้องหนูต่างหาก ตอนที่หนูลำบาก ก็มีพี่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแทบทุกครั้ง มันเป็นมาตั้งกี่ปีแล้วจนหนูรู้สึกคุ้นชินกับการได้ใช้ชีวิตเติบโตอยู่ภายใต้ปีกของพี่ ถ้าหากวันไหนที่พี่ พี่เกิดไม่สนใจหนูขึ้นมาจริงๆ หนูก็คงจะอยู่ไม่ได้หรอก ขอร้องนะคะ พี่อย่าให้หนูไปเลย…” “แต่พี่เสียมือพี่ไปแล้ว คงจะใช้ชีวิตปกติไม่ได้อีก และก็คงมอบชีวิตที่สะดวกสบายให้เราไม่ได้ด้วย พี่เป็นได้แค่ภาระให้เราเท่านั้นเข้าใจรึยังล่ะ!” “หนูเข้าใจค่ะ แต่หนูก็ไม่สนมันอยู่ดี ถึงมือของพี่จะถ่ายภาพไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังทำอะไรอย่างอื่นได้อีกตั้งเยอะแยะ พวกเรายังเด็กอยู่เลย ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอนะคะพี่ธีรา!” ดารุสบสายตาฉงนระคนขมขื่นนั่นของเขาอย่างมั่นคง น้ำเสียงของเธอหนักแน่น และแววตาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ “พวกเราแค่กลับไปก่อน แล้วพี่ก็รักษาตัวให้หายดี จากนั้นค่อยมาวางแผนอนาคตกัน ดีมั้ยคะ เดี๋ยวฝันร้ายมันก็จะผ่านไปได้แล้ว” ดารุค่อยๆเดินเข้าใกล้เขาทีละนิด แล้วจึงดึงมือข้างที่มีแผลของเขามากุมเอาไว้ “ดารุ เราไม่สนว่าพี่จะเป็นแค่คนพิการมือด้วนจริงๆน่ะหรอ” ธีรากุมหลังมือดารุไว้ น้ำเสียงของเขาร้อนรน ทว่าก็เจือไปด้วยความสงสัย ดารุพยักหน้ารับ เธอดึงมือเขาขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนหน้าตัวเองออก แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างจริงใจ “พี่ทำเพื่อดารุขนาดนี้ ต่อให้พี่พิการจนทำอะไรไม่ได้แล้ว หนูก็ยินดีที่จะดูแลพี่ไปตลอดชีวิตเองค่ะ” “โอ้ ไม่นะ”ธีราดึงมือตนกลับทันที อารมณ์ของเขาไม่ได้หดหู่เหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว เมธีรากุมใบหน้าเล็กขาวสว่างนั้นไว้ พลางเอ่ยถามเสียงเข้ม “ดารุ หลังจากที่เราหย่ากับธวลิตแล้ว เราตกลงแต่งงานกับพี่ได้มั้ย” ตกลงมั้ยหรอ มันแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าใบหน้าผอมตอบที่สิ้นหวังนั่นของไฉไลก็ลอยเข้ามาในหัวเธออยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของดารุ และเธอก็รักพี่ธีราอย่างสุดหัวใจ ดารุจะทำร้ายเพื่อนได้ลงคอเชียวหรือ อีกอย่าง ตัวดารุเองก็เป็นคนที่ทำให้พี่ธีราผลักไสไล่ส่งเธอไปเสียด้วย “อ้อ เราไม่ตกลงสินะ ใช่มั้ย เพราะเราก็ยังคิดว่าพี่เป็นไอ้พิการคนนึงอยู่ดี”ธีราผละออกจากเธออย่างสิ้นหวัง เตรียมที่จะจากไปตามลำพัง “เปล่าค่ะ หนูตกลง”ดารุไม่มีเวลามาคำนึงถึงความรู้สึกของไฉไลมากนัก เธอดึงตัวเขากลับมา “ขอเพียงแค่พี่ไม่รังเกียจร่างกายสกปรกๆของหนูก็พอค่ะ” “ไม่เลย ร่างกายของดารุจะยังคงบริสุทธิ์สำหรับพี่เสมอ เรางดงามที่สุดในใจพี่แล้ว ดารุจะยอมแต่งกับพี่จริงๆใช่มั้ย ไม่เสียใจแล้วหรอ”สีหน้าของเขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที ความหดหู่มืดครึ้มเมื่อครู่ได้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว “หนูตกลงค่ะ” ดารุยืนยัน “โอ้ ดีชะมัดเลย สวรรค์เมตตาพี่แล้วใช่มั้ย”ธีราโผเข้ากอดดารุแน่น ไฉไล ฉันขอโทษก่อนแล้วกันนะตอนนี้ แต่เดี๋ยวฉันจะคิดหาทางคืนพี่ธีราให้เธอเอง เธอน่ะ เป็นคนที่เหมาะสมคู่ควรกับพี่ธีราที่สุดแล้ว “โอเค พี่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วใช่มั้ยคะ กลับไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”เพียงแค่คิดถึงสีหน้าผิดหวังของไฉไล เธอก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ดารุผละออกจากอ้อมกอดของเขา ก่อนที่จะดึงเขาให้เดินกลับมาด้วยกัน “ใช่ พี่หิวจนท้องกิ่วเลยล่ะ คงต้องจัดมื้อใหญ่หน่อยแล้ว”แสงอาทิตย์อบอุ่นนั่นกลับมาอยู่บนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ทั้งสองคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปบนถนนเส้นเล็กในป่า ด้านหลังของทั้งคู่หลงเหลือแต่เพียงเงาร่างที่เลือนลาง ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของพวกเขา…. ขณะที่ดารุและเมธีราเดินผ่านไป เงาร่างดำมืดของใครบางคนก็โผล่ออกมา เขาจ้องมองคนทั้งสองจนแน่ใจว่าหายลับไปแล้ว จึงควักมือถือภายในเสื้อออกมาแล้วต่อสายไปที่เบอร์โทร.ปริศนาทันที “นายท่าน สวัสดีครับ ตอนนี้ที่อยู่ของคุณดารุเป็นแบบนี้…อ้อ ท่านตัดสินใจแน่แล้วใช่มั้ยครับ ได้ครับ ให้จัดการเดี๋ยวนี้เลยเหรอครับท่านไม่ต้องห่วงครับผม ไม่มีใครรู้ที่อยู่ปัจจุบันของท่านได้แน่นอน ครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ” เมื่อไฉไลมองเห็นดารุและเมธีราที่เดินพยุงกลับมาด้วยกัน สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ มือที่กำผักไว้สั่นน้อยๆจนเกือบจะทำผักร่วง ดารุรีบผละออกจากอ้อมกอดเขาทันที เธอทำทีเป็นจัดเตรียมผักบ้าง เพื่อกลบเกลื่อนความว้าวุ่นในใจ เมธีรากระตือรือร้นราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน และสีหน้านั้นของไฉไลก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย เพราะเขาเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ตัวดารุทั้งสิ้น “ดารุ เลิกใจลอยได้แล้ว มา มากินนี่หน่อยสิ ดูเราผอมซูบลงนะ” “ดารุ มีอันนี้อีก ดูสิ น่ากินทั้งนั้นเลย” ดารุรับอาหารที่พี่ธีราตักมาให้อย่างอึดอัด เธอก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมามองไฉไล “พี่ก็กินเยอะๆหน่อยเหมือนกัน ยังมีไฉไลอีกทั้งคนนะคะ”ดารุตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วน พลันรู้สึกแย่ที่ตนพูดจาแบบนั้นออกไป “เอาล่ะ ฉันอิ่มแล้ว”ไฉไลเอ่ยขึ้น เธอวางชามลงพลางเช็ดปาก สีหน้าของเธอหม่นหมอง ผสมปนเปไปกับความทุกข์ใจ ความผิดหวังและความเจ็บปวดทรมาน หยาดน้ำตาเม็ดโตคลอหน่วยอยู่ในนั้น ยังไม่ทันจะรอคำตอบจากทุกคน ไฉไลก็คว้ากระเป๋าใบเล็กตนติดตัวไปด้วย ก่อนที่จะเดินออกจากประตูไป “ไฉไล!” ดารุวิ่งตามออกไปแล้วขวางทางเธอไว้ เธออยากจะเอ่ยขอโทษไฉไลบ้าง และก็อยากจะบอกกับเธอเหมือนกันว่าตนจะไม่มีทางพรากพี่ธีราไปจากไฉไลอย่างแน่นอน ทว่ายังไม่ทันจะอ้าปากพูด ไฉไลก็เปิดบทสนทนาขึ้นเสียเอง “ดารุ เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันเข้าใจ ฉันก็รู้สึกกับพี่ธีราเหมือนที่เขารู้สึกกับเธอนั่นแหละ ขอแค่ให้ต่างคนต่างก็ผ่านมันไปได้ ด้วยดีเท่านั้น แค่นี้มันก็ดีที่สุดสำหรับพวกเรามากแล้ว เธอดูแลพี่ธีราให้ดีด้วยนะ ลาก่อน” “ไฉ…”ดารุกลืนคำพูดกลับลงคอ ตอนนี้เธออยู่ต่อหน้าเขาเสียด้วย ถ้าเธอพูดสิ่งที่เธอคิดนั่นออกมามันคงจะทำร้ายความรู้สึกของ พี่ธีราแน่ๆ ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยหาที่เงียบๆคุยกับไฉไลตามลำพังก็แล้วกัน ดารุเดินคอตกกลับเข้ามา “มา กินเยอะๆหน่อยถึงจะดี นี่ ดูเราอารมณ์ไม่ดีเลยแฮะ เดี๋ยวพี่จะเล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง…”เมธีรากลับมาเป็นเหมือนอย่างเคยแล้วเขาแกล้งแหย่เธอไม่หยุดเพื่อหวังจะเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของดารุอีกครั้ง ดารุฝืนยิ้มออกมา ภายในใจของเธอมันทรมานแสนสาหัส แม้แต่รอยยิ้มยังฝืดเคืองไปด้วย …… ภายในคลับห้องวีไอพีแห่งหนึ่ง ธวลิตถือแก้วไวน์แดงไว้ในมือ นัยน์ตาเฉยเมยมองจ้องดรณ์ที่กำลังไล่ต้อนจีบสาวสวย กับพรตที่แต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย และเขามักจะนั่งยิ้มๆสังเกตคนอื่นๆมาแต่ไหนแต่ไร “คุณธวลิตขา อีกแก้วมั้ยคะ”สาวสวยเชียร์เบียร์ที่แต่งกายวาบหวิวด้านข้างเขาเข้ามาคลอเคลียด้วย พลางยื่นมือที่ถือแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อเชียร์ให้เขาดื่มต่อ “ออกไปซะ!” ธวลิตผลักหญิงสาวที่แต่งตัวยั่วยวนนั่นออกอย่างหยาบคาย “ผู้จัดการปารวี!” ปารวีวิ่งรี่มาอยู่เบื้องหน้าเขา พลางค้อมศีรษะต่ำ “ครับท่าน” “นายไม่มีผู้หญิงที่มันดูดีกว่านี้แล้วรึยังไงห่ะ แต่ละคนเอามาไม่เป็นผู้เป็นคนเลย เอามาหลอกฉันรึไง” “คือว่า…”เด็กเชียร์เบียร์มันก็แบบนี้ทุกคนรึป่าววะ ผู้จัดการปารวีเกาหัวแกร่กๆอย่างลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “ถ้าหากนายท่านไม่ชอบแบบนี้ งั้นเดี๋ยวผมออกไปหาเด็กๆที่ยังไร้เดียงสา…” “บังคับคนดีๆมาเลยงั้นเหรอ แกนี่มันเลวจริงๆ!” ปารวีโดนด่าจนหัวหมุนติ้ว เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ดรณ์และพรตทันที “ฮ่าๆ”แม้พรตจะหัวเราะลั่นออกมาเขาก็ยังดูสุภาพเรียบร้อยมากอยู่ดี “คุณธวลิตเขาไม่ได้อยากได้เด็กใสๆหรอกนะ ไอ้ที่เขาอยากจะได้จริงๆน่ะ เป็นเมียเขาที่ไม่ต้องแต่งหน้าเลยก็ยังสวยเหมือนนางฟ้าและกำลังรออยู่ที่บ้านนั่นซะมากกว่า” “งั้น…ให้ผมโทร.หาเธอให้มั้ยครับ”ปารวีเอ่ยถาม “โทร.กับผีน่ะสิ! ฉันว่าแกชักจะสมองฝ่อไปเยอะแล้วนะ”ธวลิตดื่มไวน์หมดรวดเดียวอย่างไม่พอใจ เพียงแค่นึกถึงใบหน้างดงามแต่ก็ดื้อด้านนั่นของดารุขึ้นมา อารมณ์คุกรุ่นมากมายก็ไม่รู้มาจากไหนได้ “ช่วงนี้คุณธวลิตเขาไม่แตะต้องผู้หญิงเลย หัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟอีกต่างหาก ใจเย็นก่อนเถอะนะครับ”พรตตอบกลับปารวีพลางยิ้มน้อยๆ เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบด้วยท่วงท่างดงาม “มา ชนแก้ว”พรตรินไวน์ให้ธวลิตเต็มแก้ว ก่อนจะชูแก้วในมือตนขึ้น ทว่าธวลิตกลับยกซกรวดเดียวจนหมดอีกครั้ง “นี่ไอ้ลิต แกจะทุกข์ใจไปทำไมวะ แล้วทำหน้าอย่างนั้นอยู่ได้ทั้งวัน มีใครเห็นแล้วไม่กลัวบ้าง”ในที่สุดดรณ์ก็ละสายตาจากหญิงสาวมามองที่ธวลิตบ้าง นัยน์ตาเขาฉายแววเกรี้ยวกราดเล็กน้อย “ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง”ต่อให้ต้องพ่ายแพ้หรือขายหน้าต่อหน้าพวกมัน เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว “ก็นิดหนึ่งนั่นล่ะ ผู้ชายแบบแก มันต้องทำให้ได้เหมือนฉันนี่ รักตัวเองเข้าไว้ ไม่ต้องเที่ยวไปทำลายชีวิตผู้หญิงคนไหน”พรตเอ่ยขึ้น อย่างล้อเลียนพลางหัวเราะชอบใจ “แกเนี่ยนะไม่เคยทำลายชีวิตผู้หญิงคนไหนเลย แล้วใครวะที่เอาแต่ตามหลังเปรมาอยู่ได้ทั้งวัน แต่ดันปฏิเสธไม่แต่งกับเขาน่ะ”ธวลิตกระทุ้งเขากลับอย่างจี้ใจดำ นัยน์ตาของพรตวาวโรจน์ ดวงตาคู่สวยหลังเลนส์แว่นอึมครึมลง “น่าเสียดาย ดูเหมือนเธอจะมีใจให้แกมากกว่า” “แกไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงที่แกชอบอยู่แล้ว” ธวลิตดื่มไวน์ที่เพิ่งรินใหม่หมดรวดเดียวอีกรอบ ตอนนี้ในหัวของธวลิตมีแต่ยัยผู้หญิงที่ชื่อดารุนั่นอยู่เต็มไปหมด 
已经是最新一章了
加载中